ยางกัดเด็ก ยี่ห้อไหนดี อัปเดตปี 2024 พร้อมคำแนะในการใช้ยางกัดอย่างถูกต้องและปลอดภัยสำหรับลูกน้อย

เมื่อลูกน้อยอายุประมาณ 5 เดือนขึ้นไป ฟันซี่แรกก็จะเริ่มขึ้น ฟันจะค่อย ๆ ดันเหงือกขึ้นมา ทำให้ลูกเริ่มมีอาการคันเหงือก เจ็บเหงือก ลูกเลยชอบที่จะหยิบของเล่นเข้าปากเพื่อกัดเล่น เคี้ยวเล่น ให้ผ่อนคลายอาการคันเหงือกนี้ แต่เพื่อความสะอาด เพื่อความปลอดภัยกับเหงือกและฟันซี่แรกของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่จึงมักจะมองหายางกัดมาให้ลูกน้อยได้กัดเล่น

แต่ยางกัดเด็ก ไม่ใช่อะไรก็ได้นะคะ คุณพ่อคุณแม่ต้องมั่นใจด้วยว่า วัสดุไร้สารเคมี นุ่มอ่อนโยนสำหรับเด็ก รูปทรงไม่เป็นอันตราย และไม่ทำให้เหงือกและฟันของลูกน้อยบาดเจ็บ แล้วแบบนี้จะเลือกยางกัดเด็กอย่างไรดี เด็กแรกเกิดใช้ยางกัดได้ไหม เรามีคำตอบมาให้ในบทความนี้ค่ะ

ยางกัดเด็ก ลดคันเหงือก แบบไหนดี ? ลูกควรใช้ได้ตอนอายุเท่าไหร่

สามารถเริ่มเล่นยางกัดได้ตั้งแต่อายุ 3 เดือน ขึ้นไป เนื่องจากยางกัดเด็กสามารถเป็นของเล่นเสริมพัฒนาการได้ หรือ เมื่อลูกอายุประมาณ 5 เดือน ให้คุณพ่อคุณแม่ลองสังเกตอาการลูก ว่ามักจะหยิบของเล่นทุกอย่างมากัดเล่นหรือเปล่า พอกัดไม่ได้เนื่องจากของเล่นนั้นแข็งเกินไป ระคายช่องปาก ก็จะทำให้ลูกร้องไห้งอแง เริ่มมีน้ำลายไหลมากขึ้นด้วย อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าลูกอยากหาอะไรกัดเคี้ยวเล่นเพื่อบรรเทาอาการคันเหงือก ก็สามารถเริ่มใช้ยางกัดเด็กได้แล้วค่ะ

ยางกัดเด็กมีกี่ประเภท พร้อมวิธีการเลือกยางกัดที่พ่อแม่ต้องรู้ !

1. ยางกัดเด็กแบบซิลิโคน

    ยางกัดเด็กแบบซิลิโคน จะผลิตจากซิลิโคนฟู้ดส์เกรด BPA Free100% จะนิ่มพิเศษกว่ายางกัดทั่วไป สามารถนวดเหงือกลูกได้ดี และลูกน้อยสามารถสัมผัสรูปทรงได้ บิดเองไปมาได้ และซิลิโคนยังทนความร้อนได้ถึง 220 องศา จะสะดวกในการทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค เพราะนึ่ง ต้ม และเข้าไมโครเวฟได้

    2. ยางกัดเด็กแบบยางธรรมชาติ

    จะผลิตจากยางจากธรรมชาติ BPA Free100% จะมีความคล้ายกับซิลิโคน แต่ยางกัดประเภทนี้จะมีรสชาติและกลิ่นของความเป็นยางธรรมชาติที่เป็นเอกลักษณ์ มีความอ่อนนุ่ม แต่จะทำความสะอาดด้วยวิธีล้างและเช็ดทำความสะอาดเท่านั้น

    3. ยางกัดเด็กแบบพลาสติก

    ยางกัดเด็กแบบพลาสติก จะออกแบบให้นุ่ม ลดอาการคันเหงือกได้ดี จะผลิตจากพลาสติกแบบ BPA Free 100% แต่จะล้างทำความสะอาดได้อย่างเดียว ห้ามนึ่ง ต้ม และห้ามน้ำเข้าเครื่องอบยูวีด้วยค่ะ

    วิธีเลือกยางกัดให้ลูกน้อยแบบที่ปลอดภัย ลดคันเหงือกลูกน้อยได้ดี

    • เลือกขนาดยางกัด

    ยางกัดเด็กไม่ควรชิ้นเล็กจนเกินไป เนื่องจากตอนลูกน้อยเอาเข้าปากอาจจะหลุดเข้าคอได้หรือ ไม่ควรชิ้นยาวเกินไป เพราะอาจทำให้สำลักได้ และส่วนใหญ่ยางกัดขนาดเล็กมากจะไม่สามารถนวดเหงือกลูกน้อยได้ดีเท่าขนาดปกติด้วยค่ะ

    • เลือกจากวัสดุยางกัด

    ยางกัดเด็กต้องผลิตด้วยวัสดุฟู้ดส์เกรด และสีจากธรรมชาติที่สามารถเข้าปากได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย และต้อง BPA Free, 6P Free, Toxic Free ปราศจากสารตะกั่ว พร้อมผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจาก มอก.

    • รูปทรงของยางกัดเด็ก

    การเลือกรูปทรงของยางกัดเด็กก็สำคัญ  เนื่องจากบนท้องตลาดทั่วไปมักจะมียางกัดรูปทรงแปลก ๆ ดูไม่เหมาะกับเด็กก็มีค่ะ ฉะนั้นให้เลือกยางกัดที่ออกแบบมาเพื่อทารกจะดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

    • มาตฐาน หรือ รางวัลยางกัดเด็ก

    ยางกัดเด็กที่ได้รับมาตฐาน หรือ รางวัล จะช่วยการันตีว่าถูกทดสอบความปลอดภัยแล้ว ว่าเหมาะกับทารกและเด็กเล็กจริง สามารถนำเข้าปากได้อย่างไม่ต้องกังวล

    • ยางกัดที่มีมีคลิปกันหล่น

    ยางกัดควรจะมีคลิปกันหล่นให้ หรือ สามารถซื้อแยกได้นะคะ เนื่องจากลูกน้อยยังหยิบจับของเล่นได้ไม่มั่นคง อาจทำหลุดมือตกลงพื้นที่มีแต่เชื้อโรคได้ ซึ่งการมีคลิปกันหล่นแล้วเอาหนีบกับเสื้อลูกน้อยไว้ จะช่วยให้ยางกัดไม่หล่นลงพื้นและไม่ต้องเสียเวลาล้างทำความสะอาดด้วยค่ะ

    วิธีใช้ยางกัดเด็ก เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย

    • เมื่อลูกใช้ยางกัด จะต้องอยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ หรือ พี่เลี้ยงตลอดเวลา เพื่อจะได้ดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
    • ควรเช็กยางกัดเสมอ ว่ามีรอยแตกหรือเสียหายตรงไหนหรือไม่ เพราะรอยแตก คราบต่าง ๆ อาจเป็นอันตรายต่อช่องปากของลูกน้อย
    • หากยางกัดหล่นพื้น อย่าแค่เช็ดแล้วให้ลูกเอาเข้าปากต่อ ควรเริ่มทำความสะอาดใหม่เลย เพื่อสุขอนามัยที่ดีของลูก
    • ระหว่างลูกเล่นยางกัด หากน้ำลายไหลเยอะ ควรจะเช็ดทันที เพราะน้ำลายมีส่วนกระตุ้นให้ลูกน้อยเกิดผดผื่นได้

    วิธีทำความสะอาดยางกัดเด็ก แบบสะอาดและถูกต้อง

    • เมื่อลูกใช้ยางกัดเสร็จแล้ว ให้แช่ล้างทันที เพื่อป้องกันคราบติดแน่นล้างออกยาก
    • ให้ล้างด้วยน้ำยาทำความสะอาดของใช้เด็ก โดยใช้ฟองน้ำเช็ดคราบออกให้สะอาด
    • ผึ่งยางกัดให้แห้งทุกครั้ง แต่ไม่ควรผึ่งแดด เพราะวัสดุอาจเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
    • วัสดุที่ทนความร้อนได้ ให้ใช้วิธีนึ่งหรือต้มเพื่อฆ่าเชื้อ แต่ไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้งที่ล้าง เพราะอาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพเร็วขึ้น

    BabyGift แนะนำยี่ห้อยางกัดทารกคุณภาพดีและปลอดภัย รวมถึงมีราคาถูกเอื้อมถึงได้

    1. MOMBELLA

    Mushroom ยางกัดเห็ดมีรูรูปหัวใจ Version 2 ที่ Upgrade มาแล้ว

    • วัสดุซิลิโคนเกรดพิเศษ นิ่มกว่ายางกัดทั่วไปในตลาด
    • BPA free ปลอดภัยสำหรับทารก
    • ทนความร้อนได้ถึง 220 องศา
    • เข้าเครื่องนิ่งขวดนม ไมโครเวฟ และเครื่องอบ UV ได้
    • น้ำหนักเบา จับง่าย ถนัดมือทารก
    • น้ำหนักเบาเพียง 48 กรัม
    • ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจาก FDA (อเมริกา) และ มอก.
      ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด

      2. MOMBELLA

      Octopus ยางกัดปลาหมึก ยางกัดสุดฮอตฮิตในอังกฤษ การออกแบบที่พิถีพิถันสุด ๆ เพื่อทารกอย่างแท้จริง

      • ซิลิโคนฟู้ดส์เกรด คุณภาพสูง เนื้อสัมผัสนุ่ม
      • ไร้รอยต่อและรอยแตกขนาดเล็ก ที่สะสมของแบคทีเรีย
      • BPA free ปลอดภัยสำหรับทารก
      • ทนความร้อนได้ถึง 220 องศา
      • เข้าเครื่องนิ่งขวดนม ไมโครเวฟ และเครื่องอบ UV ได้
      • น้ำหนักเบาเพียง 60 กรัม
      • ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจาก FDA (อเมริกา) และ มอก.
      • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด

      3. MOYUMM

      ยางกัดรูปช้าง แบบถุงมือ สามารถปรับขนาดได้ พร้อมกับกล่องเก็บยางกัดเพื่อความปลอดภัย ที่ไม่จำเป็นต้องมีสายรัดข้อมือหรือคลิปหนีบอีกต่อไป

      • น้ำหนักเบา วางตั้งได้ เพื่อสุขอนามัยของเด็ก
      • วัสดุซิลิโคน 100% เกรดการแพทย์จากประเทศเกาหลี
      • ออกแบบสวมข้อมือ มีส่วนช่วยในการพัฒนาฟันและกระตุ้นเหงือกทารก
      • ทนความร้อนได้ดีเยี่ยม -40 – 250องศา และสามารถต้มฆ่าเชื้อในน้ำร้อนและเครื่องอบ UV ได้
      • ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองจาก FDA (อเมริกา) และ มอก.
      • ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด

      3. ANGE ยางกัด 3D ลายยีราฟ แบบคล้องมือ

      Ange (อังจู) แบรนด์ที่มียางกัดเด็กให้เลือกมากมาย มีทั้งแบบรูปสัตว์ 3D แบบคล้องมือ ด้วยการดีไซน์ที่พิถีพิถันและคำนึงถึงขนาดมือเล็ก ๆ ของหนูน้อย วัสดุปลอดสารพิษ มีความหนึบสู้เหงือกสู้ฟันไม่ยวบกลวง จึงสามารถใช้นวดเหงือกให้นิ่มลงได้อย่างเห็นผล

      ช่วงอายุที่เหมาะสม : 3 เดือนขึ้นไป

      ช้อปแบรนด์ Ange พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่หน้าร้านเบบี้กิ๊ฟนะคะ

      BabyGift คัดสรรผลิตภัณฑ์คุณภาพที่ใส่ใจในความปลอดภัย มาตรฐานการผลิตจากหลากหลายประเทศ มาให้คุณพ่อคุณแม่เลือกซื้อได้อย่างครบวงจร พร้อมให้คำแนะนำในการเลือกซื้อสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อลูก สามารถแวะมาเลือกยางกัดเด็ก ยางกัดทารก ได้ที่ร้าน BabyGift 6 สาขา ใกล้บ้านคุณ หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

      สินค้าที่เกี่ยวข้อง

      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00

      บทความแนะนำ

       ฝึกลูกกินข้าวเอง หรือคำที่คุ้นหูกันในปัจจุบันอย่าง BLW (Baby Led Weaning) คือวิธีการที่ให้ลูกรู้จักหยิบอาหารกินเอง โดยอาหารจะไม่ใช่พวกอาหารปั่น อาหารบด แต่เป็นอาหารที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีความนุ่ม และหยิบจับได้ วิธีการนี้จะทำให้ลูกได้รู้จักและคุ้นเคยกับอาหารที่เป็นของแข็งมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้เหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และสามารถนั่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีคนช่วย ฝึกลูกกินข้าวเอง มีประโยชน์อย่างไร           การให้ลูกกินข้าวเองนั้น นอกจากจะช่วยให้ลูกรู้จักอาหารที่เป็นของแข็งมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย และด้านความคิดอีกด้วย 1. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการกินของลูก            ฝึกให้ลูกกินข้าวเอง ช่วยให้ลูกมีความสุขกับการทานอาหารมากยิ่งขึ้น เพราะลูกได้สนุกกับการกิน สนุกกับการเลียนแบบท่าทางระหว่างการกินอาหาร ทำให้ไม่ต้องคอยหลอกล่อให้ลูกกินข้าว 2. ฝึกพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อมือ           การให้ลูกได้หยิบจับอาหาร ทำให้ได้ฝึกการใช้แรงของมือ แรกๆอาหารอาจจะมีร่วงหล่นจากมือบ้าง หรืออาหารเละคามือบ้าง แต่ก็เป็นการให้ลูกได้ฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อมือและน้ำหนักของมือ 3. ฝึกพัฒนาการการเคี้ยวและความคิด       […]

      การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด  ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ  คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้  คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ?  คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]

      ถ้าคุณเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการมาของลูกน้อย นอกจากจะต้องตระเตรียมของใช้จำเป็นต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้เลยคือการแจ้งเกิดเพื่อขอสูติบัตร ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมายที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางแรกของลูกในโลกใบนี้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกขั้นตอนการขอสูติบัตรแบบละเอียด เพื่อให้คุณแม่คุณพ่อหมดกังวล และพร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ใบสูติบัตรคืออะไร ใบสูติบัตร หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ ใบเกิด คือเอกสารทางราชการที่ออกให้เพื่อรับรองการเกิดของบุคคล โดยถือเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญที่ยืนยันสถานะความเป็นคนไทย และยังใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการขอเอกสารสำคัญอื่น ๆ เช่น บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการนำเข้าข้อมูลสู่ทะเบียนราษฎรอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิต่าง ๆ ที่ลูกน้อยพึงได้รับตามกฎหมาย ทำไมต้องมีการแจ้งเกิด การแจ้งเกิดเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการทำตามกฎหมาย และเป็นการสร้างตัวตนทางทะเบียนราษฎรให้กับลูกน้อยอย่างถูกต้องสมบูรณ์ การมี ใบสูติบัตรทำให้ลูกได้รับสิทธิ์และสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล สิทธิ์ในการศึกษา หรือสิทธิ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของเด็ก นอกจากนี้ สูติบัตรยังเป็นหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อแม่ลูกอีกด้วย เอกสารสำคัญที่พ่อและแม่ต้องเตรียม ก่อนจะไปแจ้งเกิด คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อความรวดเร็วและไม่เสียเวลาที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เอกสารสำคัญที่ต้องใช้มีดังนี้ ขั้นตอนการแจ้งเกิดมีอะไรบ้าง ขั้นตอนการแจ้งเกิดนั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่มีข้อปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี ซึ่งสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้ กรณีเด็กเกิดในโรงพยาบาล ถือเป็นกรณีที่พบได้บ่อยและเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลจะออกหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร. […]

      เป้อุ้มเด็กเป็นตัวช่วยอย่างหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต่างให้ความสนใจไม่แพ้กับคาร์ซีทและรถเข็นเด็กที่เป็นของจำเป็นสำหรับการเลี้ยงลูกน้อย โดยเฉพาะพ่อแม่เด็กอ่อนที่ต้องอุ้มลูกแทบจะตลอดเวลา หากอุ้มลูกนาน ๆ ก็อาจจะทำให้เมื่อยล้า ปวดแขน ปวดไหล่ ปวดหลัง และมีปัญหาด้านสุขภาพตามมาได้ จึงมองหาเป้อุ้มเด็กแรกเกิดที่จะมาช่วยทุ่นแรงให้อุ้มลูกน้อยได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ในบทความนี้ BabyGift จะขอแนะนำยี่ห้อเป้อุ้มทารกที่คุณภาพดี เป็นที่นิยมกันในตลาด พร้อมคำแนะนำในการเลือกให้กับคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ  BabyGift แนะนำยี่ห้อเป้อุ้มทารกคุณภาพดี พร้อมวิธีการเลือกที่พ่อแม่ต้องรู้ !  เป้อุ้มเด็ก หรือ เป้อุ้มทารก เป็นอุปกรณ์ทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ เพื่อให้อุ้มลูกน้อยได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ไม่เหนื่อยไม่เมื่อยจนเกินไปในเวลาที่ต้องอุ้มลูกนาน ๆ และยังสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ในขณะเดียวกัน โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครดูลูก หรือต้องปล่อยให้ลูกอยู่ห่างจากตัว เป้อุ้มเด็กนั้นเหมาะสำหรับการอุ้มเด็กเล็กตั้งแต่ช่วงแรกเกิดไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ ซึ่งเป้อุ้มเด็กจะมีประโยชน์อย่างมากในครอบครัวที่ไม่มีคนดูแลเด็กเมื่อคุณพ่อคุณแม่ต้องออกไปทำธุระอื่น ๆ นอกบ้าน หรือโดยเฉพาะคุณแม่ที่ต้องทำงานบ้านไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย ก็สามารถใช้เป้อุ้มเด็กเพื่อให้ลูกอยู่กับตัวเองได้ และสามารถทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ด้วย โดยสามารถใช้เป้อุ้มเด็กแรกเกิดไปจนถึง 1 ขวบขึ้นไป และบางรุ่นก็สามารถใช้ได้จนถึง 3 ขวบเลยทีเดียว ซึ่งเป้อุ้มเด็กในท้องตลาดก็มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อด้วยกัน แล้วคุณพ่อคุณแม่จะเลือกยังไง วันนี้เรามียี่ห้อมาแนะนำกันค่ะ 1. Hugpapa  แบรนด์ Hugpapa เป็นแบรนด์ดังจากประเทศเกาหลีใต้ ที่ทางแบรนด์เน้นการผลิตและจำหน่ายเป้อุ้มเด็กโดยเฉพาะ และขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมเป้อุ้มเด็กที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของคุณพ่อคุณแม่ให้ได้มากที่สุด และนอกจากนี้ ก็มีอุปกรณ์เสริมอื่นๆ จำหน่ายแยกอีกด้วย  สำหรับเป้อุ้มทารกจากแบรนด์ Hugpapa ที่ BabyGift อยากจะแนะนำก็คือ เป้อุ้ม Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro (3in1 Hip Seat Carrier) ที่มีเทคโนโลยี BOA ช่วยปรับให้เป้มีความกระชับตัวได้ง่ายมากขึ้นเพียงแค่หมุน ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสามารถปรับได้พอดีกับสรีระของทุกคน ตัว Hipseat เป็น EPP […]

      ปัญหาลูกทารกนอนยาก ไม่ยอมนอน ถือเป็นหนึ่งปัญหาปวดหัวใจ ทำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านเครียดและไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อลูกนอนยาก งอแง ไม่ยอมหลับ ก็มักจะงอแงร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย กว่าจะนอนได้ก็นานเป็นชั่วโมง  แถมเวลาลูกหลับแล้วตื่นมาทีไรก็ยังงอแง อารมณ์ไม่ดี เลี้ยงยากจนคุณแม่ๆ ทั้งหลายเพลียใจ ลูกน้อยทารกควรนอนมากแค่ไหน ? คุณแม่รู้ไหมว่า…ลูกทารกวัยแรกเกิด- 1 เดือน นอนกลางวันถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวม 15-18 ชั่วโมงต่อวัน  ส่วนลูกวัย 1 -3 เดือน นอนกลางวันวันละ 6-7 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 9-10 ชั่วโมง   รวมประมาณ 15 ชั่วโมง  จนเมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือน เริ่มนอนน้อยลง คือ นอนกลางวันลงเหลือ 3-4 ชั่วโมง และกลางคืน 10-11 ชั่วโมง รวม […]

      ปัจจุบัน คาร์ซีท (Car Seat) หรือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ทั้ง คาร์ซีทแรกเกิด คาร์ซีทเด็กโต บูสเตอร์ซีท มีเกณฑ์การทดสอบความปลอดภัยต่างกันและผ่านมาตรฐานมาจากหลายประเทศ แต่ทราบหรือไม่ว่า คาร์ซีทในประเทศไทย มีประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มาแล้ว ว่าคาร์ซีทจะต้องผลิตหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยของยุโรปเท่านั้น  ทั้งนี้ ยังมีประกาศเพิ่มข้อบังคับให้คาร์ซีทต้องผ่านการทดสอบการชนจากด้านข้างด้วย ซึ่งตรงกับข้อบังคับของ มาตรฐานคาร์ซีท R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด  ก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดของ มาตรฐาน ECE R129 (i-Size) มาก่อน ว่าเพิ่มความปลอดภัยจุดไหนบ้าง เราจะพาไปทำความเข้าใจกันเลย  คาร์ซีทในประเทศไทย ใช้มาตรฐานใหม่ ECE R129 (i-Size)  จากเดิม ประกาศมาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standards) ของคาร์ซีท จากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จะเริ่มบังคับใช้ภายในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการที่ทำหรือนำเข้าคาร์ซีท ต้องทำหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล ECE R44/04 (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก  ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) […]

      Menu
      All Categories
      All Brands
      All Ages
      Promotions
      Locations
      BabyGift Family
      BabyGift Care
      Parents Guide
      News & Event

      All Categories

      All Categories
      All Brands
      All Ages