ประโยชน์ของนมแม่ ดียังไง ? ทำไมลูกถึงต้องกินนมแม่ ?

ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ 

ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย 

นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ 

  • ควรให้นมทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรัก ความผูกพันระหว่างแม่ลูก และช่วยให้น้ำนมมาเร็ว 
  • ควรให้เด็กกินน้ำนมของแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด ซึ่งในน้ำนมนั้นประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุมากมายอันจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย  
  • ควรให้นมอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆ ในช่วงที่ลูกอายุมากกว่า 6 เดือน และควรให้นมไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือมากกว่านั้น  

ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ?  

  1. มีคุณค่าทางโภชนาการ
    ในน้ำนมนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกหลายอย่าง ทั้งพลังงาน โปรตีน ไขมัน แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี โฟเลต และวิตามินซี ทั้งยังมีฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยอีกด้วย 
  2. ดีต่อระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่ายของลูก 
    ในน้ำนมมีโพรไบโอติกส์ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ของทารก และยังมีสารนิวคลีโอไทด์ที่ช่วยให้เยื่อบุลำไส้ในทารกเจริญเติบโตได้เร็วเพื่อพร้อมรับการสัมผัสกับเชื้อประจำถิ่นได้
  3. ช่วยให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง ป้องกันการเกิดโรค
    ประโยชน์ของนมแม่นั้นช่วยป้องกันการแพ้โปรตีน และป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ช่วยลดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ โรคอุจจาระร่วง ช่วยลดอัตราการตายของทารก และลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานในอนาคตอีกด้วย
  4. มีประโยชน์ต่อพัฒนาการทางสมองของทารก
    ในนมแม่มีกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับทารกอย่าง DHA ซึ่งดีต่อพัฒนาการทางสมองและระบบประสาทของทารก มีการศึกษาพบว่า ทารกที่กินนมของแม่มีพัฒนาการทางสมองและเชาว์ปัญญา (IQ) ที่ดีกว่าทารกที่กินนมผสม
  5. ช่วยส่งเสริมด้านอารมณ์ และจิตใจของเด็ก
    ประโยชน์ของนมแม่นั้น นอกจากจะดีต่อร่างกายของลูกน้อยแล้ว การให้นมยังส่งผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจของลูกน้อยอีกด้วย เด็กที่กินนมจากเต้าคุณแม่จะได้รับความอบอุ่นทางใจ การที่แม่โอบกอดลูกน้อยระหว่างกินนมจะทำให้ลูกได้รับความอบอุ่น รับรู้ได้ถึงความรัก ความปลอดภัย รู้สึกสงบ ไม่ร้องไห้งอแง ส่งผลให้ลูกน้อยมีความสุขทางใจ ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี และมีการปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดีเมื่อโตขึ้น

ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย  

ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้  

  • ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ และกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น ในช่วงที่แม่ให้นมลูก จะมีการหลั่งฮอร์โมน Oxytoxin ซึ่งจะช่วยมดลูกหดรัดตัวได้ดี ทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น 
  • ช่วยลดอาการซึมเศร้าหลังคลอดของคุณแม่ เพราะ Oxytocin หรือฮอร์โมนแห่งความรักจะช่วยให้คุณแม่เกิดความผ่อนคลาย ทำให้มีความสุขในขณะให้นมลูก ช่วยสร้างความรัก และความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูก 
  • การให้นมลูกหลังคลอดจะช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย  
  • ช่วยให้น้ำหนักของคุณแม่ลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะมีการกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนที่ช่วยลดการสะสมของไขมัน ทำให้คุณแม่มีรูปร่างที่ดีขึ้น  

Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่ 

เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด 3 เดือน ซึ่งไม่สามารถให้ลูกกินนมจากเต้าได้ตลอดเวลา แล้วจะมีวิธีการเก็บน้ำนมคุณแม่อย่างไรให้มีคุณภาพดี มีเคล็ดลับอะไรสำหรับคุณแม่บ้าง มาดูคำแนะนำกันค่ะ  

  • ใช้เครื่องปั๊มนม เพื่อสต๊อกน้ำนมไว้ให้ลูกน้อยขณะที่ไม่อยู่บ้าน คุณแม่บางคนอาจจะสงสัยว่า เครื่องปั๊มนม จำเป็นไหม ซึ่งประโยชน์ของเครื่องปั๊มนมนั้น จะช่วยกระตุ้นให้น้ำนมคุณแม่มีต่อเนื่อง และช่วยกระตุ้นการเพิ่มปริมาณน้ำนมให้เพียงพอต่อลูกน้อย หากคุณแม่ไม่ได้ให้ลูกดูดนม หรือปั๊มนมเพื่อกระตุ้นและระบายน้ำนมออกทุกๆ  2 – 3 ชั่วโมงอย่างสม่ำเสมอ น้ำนมของแม่ก็จะผลิตน้อยลงจนหายไป ลูกก็จะไม่ได้กินนมของคุณแม่อย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ 
  • ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าอยู่เสมอ ในคุณแม่ที่ต้องไปทำงาน ก็ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าเป็นประจำทุกวัน เช่น ช่วงเช้าก่อนไปทำงาน ช่วงเย็นหลังกลับจากที่ทำงาน และตอนกลางคืน เป็นต้น และวันหยุดควรเอาลูกเข้าเต้าทุกครั้ง เพราะการที่ลูกดูดนมจากเต้าของแม่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ทั้งคุณแม่และลูกน้อย และยังเป็นการกระตุ้นการสร้างน้ำนมแบบธรรมชาติอีกด้วย 
  • เก็บน้ำนมอย่างถูกต้อง หากคุณแม่ไม่รู้วิธีเก็บน้ำนมแม่อย่างถูกต้อง อาจทำให้น้ำนมเหม็นหืน หรือบูดเสีย ลูกกินไม่ได้ รวมถึงหากเช่เย็นเก็บหรือละลายในอุณหภูมิไม่เหมาะสม ก็ทำให้น้ำนมสูญเสียคุณค่าสารอาหารที่สำคัญ ดังนั้น ควรเก็บอย่างถูกต้อง ใส่ใจรายละเอียดเรื่องวันเวลาที่ปั๊มนม และระยะเวลาการเก็บนม เพื่อให้น้ำนมมีคุณภาพมากที่สุด 
  • อุ่นนมแม่ให้ถูก ลูกได้สารอาหารเต็มที่ เมื่อคุณแม่ปั๊มนมไว้ แล้วต้องอุ่นให้ลูกน้อยทาน วิธีการอุ่นนมจึงต้องทำให้เหมาะสม เพื่อรักษาคุณค่าน้ำนมให้ได้มากที่สุด เช่น นำนมแม่ไปแช่ไว้ในถ้วยที่ใส่น้ำอุณหภูมิห้อง หรือ เปิดน้ำผ่านให้น้ำนมละลาย ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องอุ่นนมที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ด้วยการตั้งอุณหภูมิได้ที่ 37 องศา แล้วรอเวลาให้ลูกน้อยทานได้เลย โดยไม่เสียคุณค่าน้ำนมแม่และยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย 
  • จดบันทึกวันที่ และเวลาในการปั๊มนม เมื่อปั๊มนมเสร็จแล้วให้เขียนวันที่และเวลากำกับไว้ที่ถุงเก็บนมด้วย เพื่อที่จะได้นำน้ำนมออกมาใช้ตามลำดับวันที่ได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันนมบูดเสียจากการเก็บนานเกินไป 
  • ไม่เก็บน้ำนมบริเวณประตูตู้เย็น เพราะความเย็นจะไม่คงที่ ทำให้น้ำนมเสียได้ง่าย และควรนำนมสต๊อกออกมาให้ลูกกินภายใน 6 เดือน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค และถ้ามีแม่ที่สต๊อกเก็บไว้เกิน 1 ปีแล้ว ต้องทิ้งให้หมด 

BabyGift แนะนำตัวช่วยหรับคุณแม่ เพื่อการให้นมแม่อย่างมีคุณภาพ  

1. เครื่องปั๊มนม HAENIM 7V

เครื่องปั๊มนมสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ มีสัมผัสที่นุ่มนวล เสมือนทารกเข้าเต้า ไม่ทำให้เจ็บเต้าขณะปั๊มนม ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ผ่านการตรวจสอบเเละได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. ไทย มั่นใจได้ว่าปลอดภัยกับเเม่เเละลูกน้อย สินค้ามีรับประกันหลังคลอด 1 ปี  

จุดเด่น  

กรวยเคลือบซิลิโคน NexusFit™ ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเจ้าเดียวในโลก ให้ความรู้สึกนุ่มถนอมหัวนม ไม่ทำให้เจ็บเต้า  

โหมดการใช้งานปรับได้ทั้งความแรงและความเร็วรอบดูดในเครื่องเดียว เพิ่มทางเลือกให้ตรงใจแม่มากที่สุด ถึง 75 รูปแบบ  

  • มีโหมดจดจำ บันทึกเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้เลย ช่วยประหยัดเวลาแม่ในการปั๊มนม 
  • มีโคมไฟและหน้าจอมีแสงไฟ ปั๊มกลางคืนได้โดยไม่ต้องเปิดไฟห้อง ไม่รบกวนลูกน้อยและคนรอบข้าง 
  • เครื่องมีเสียงเบาขณะทำงาน ไม่รบกวนลูกน้อย 
  • ขนาดเล็ก พกง่าย น้ำหนักเบาเพียง 385 กรัม 
  • มีขวดนมมาให้ครบเซ็ท ปั๊มเสร็จเปลี่ยนเป็นจุกนมให้ลูกดื่มได้เลย

2. ถุงเก็บน้ำนม อลูมิเนียมฟอยล์ รุ่น Snowbear Series​ – Prince & Princess

ถุงเก็บน้ำนมเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับคุณแม่ที่ต้องสต๊อกนมไว้ให้ลูกน้อย ซึ่งถุงเก็บน้ำนมตัวนี้เป็นแบบอลูมิเนียมฟอยล์ มีความทึบแสง 100% แข็งแรงทนทาน ป้องกันกลิ่นเหม็นหืนได้ดี ทั้งยังคงคุณค่าสารอาหารในน้ำนมได้อย่างครบถ้วน ให้ลูกน้อยได้กินนมของคุณแม่อย่างมีคุณภาพ  

จุดเด่น  

  • ถุงหนา 4 ชั้น ทำจากวัสดุ Aluminium foil เสริมด้วย Polyethylene, Polyamide และ Polyester แข็งแรงทนทานกว่าถุงเก็บน้ำนมพลาสติกใสทั่วไป  
  • เป็นถุงแบบทึบแสง 100% ช่วยคงคุณค่าสารอาหาร ลดกลิ่นหืน และยืดอายุในการเก็บน้ำนมแม่  
  • ผลิตด้วยเทคโนโลยีการปิดกั้นออกซิเจน ลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ป้องกันการเปลี่ยนสีของน้ำนม  
  • ซิปล็อค 2 ชั้น  ซีลขอบข้าง 0.6 มิลลิเมตร เสริมความแข็งแรง ไม่แตกง่าย  
  • เก็บความเย็นได้นานกว่าถุงนมพลาสติกใสทั่วไป พร้อมทนอุณหภูมิต่ำได้มากถึง – 20 °องศาเซลเซียส 
  • ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อวิธีเดียวกับการฆ่าเชื้อในอาหาร สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง  
  • มีช่องเทน้ำนมแยก ฉีกง่าย เทง่าย ไม่ปนเปื้อน   
  • เป็นถุงทรงเตี้ย เทน้ำนมได้ง่าย ไม่นอนก้น ถุงตั้งได้ ไม่ล้ม สามารถจัดเก็บแบบตั้งในตู้เย็นได้สะดวก 

3. เครื่องอุ่นนม Baby Bottle Warmer & Sterilizer – PRINCE & PRINCESS 

อุ่นนมให้ลูกพร้อมทาน ไม่เสียคุณค่าน้ำนมแม่ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่เวลาน้อย ด้วยคุณสมบัต Warm โหมดทำงานอัจฉริยะ ตั้งอุณภูมิอุ่นน้ำนมได้ 

จุดเด่น 

  • Warm โหมดอุ่นนม อุ่นนมโดยไม่เสียคุณค่าค่า ตั้งอุณหภูมิได้ 37°C 
  • Defrost โหมดละลายน้ำแข็ง ละลายน้ำนมแช่แข็งและอุ่นนมให้ลูกพร้อมทาน 
  • Sterilize โหมดนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม ด้วยไอน้ำความร้อนสูง 100°C พกง่าย ใส่ได้ 2 ขวด 
  • ประหยัดเวลาแม่ อุ่นนมให้ลูกพร้อมทาน พร้อมกันได้ถึง 2 ขวด 
  • BPA Free ปลอดภัย อุ่นนมให้ลูกอย่างมั่นใจ 
  • สั่งงานด้วยระบบ Touch Screen 
  • น้ำหนักเบา พกง่าย อุ่นนมให้ลูกได้ทุกที่ 
  • อุ่นใจ มีบริการหลังการขาย มีรับประกันสินค้า 

4. MOTHERY หมอนรองให้นม

อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับคุณแม่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ หมอนรองให้นมลูก BabyGift ขอแนะนำ MOTHERY หมอนให้นมลูก 11 องศา ที่ให้ลูกเข้าเต้าด้วยองศาที่ดีที่สุด ด้วยดีไซน์แบบ U-curve และมี Back Support ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ 5 จุด พัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้การเข้าเต้าเป็นเรื่องง่าย อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับคุณแม่ในการให้นมลูก เพื่อช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นสำหรับคุณแม่และลูกน้อย 

จุดเด่น

  • หมอนเอียง 11องศา องศาที่ผ่านการวิจัยและคิดค้นโดยสูตินารีแพทย์ว่าเป็นองศาที่เหมาะสมที่สุดในการให้นม
  • ช่วยลดอาการปวดข้อมือและแขนจากการเกร็งประคองหัวลูก
  • ฟองน้ำทำจาก Polyurethane นุ่ม แน่น ไม่ยวบ สามารถคืนตัวได้ดี ไม่เสียทรง
  • เนื้อผ้า cotton แท้ 100% นุ่ม เบาสบาย และด้านใต้ทำจากวัสดุ 3D Polyester ระบายอากาศได้ดี
  • ช่วยถ่ายเทความร้อน ไม่อับชื้น ทำให้ลูกและแม่เย็นสบาย
  • มีช่องเก็บของด้านข้าง สามารถใส่ผ้าอ้อมหรือทิชชู่เปียกได้
  • มีที่เก็บสายรัดเอว ไม่เกะกะเวลาใช้งาน (กรณีที่ไม่ต้องการใช้ที่รัดเอว) และยังช่วยให้ติดตั้งสายรัดได้ง่ายขึ้น

ประโยชน์ของนมแม่ มีมากมาย นอกจากจะดีต่อตัวลูกน้อยเองแล้ว การให้นมลูกจากเต้ายังดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย และถ้ามีตัวช่วยอย่างเครื่องปั๊มนม หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆ ก็จะช่วยซับพอร์ตคุณแม่ได้มากขึ้น ทั้งนี้ หากคุณแม่สนใจของใช้สำหรับแม่และเด็กก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ 

อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก :  www.phyathai.com/th/article/2286-11_เหตุผลที่ลูกควรกินนมแ
www.unicef.org/thailand/th/stories/นมแม่แน่แค่หกเดือน-จริงหรือ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คาร์ซีท ( Car Seat ) หนึ่งในอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ ที่พ่อแม่ทุกคนควรให้ความสำคัญ ควรเตรียมไว้ให้กับลูกตั้งแต่ก่อนคลอด เพราะในความเป็นจริง เราควรใช้คาร์ซีทตั้งแต่วันแรกที่พาลูกออกจากโรงพยาบาล เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นจากการเดินทาง นอกจากนี้ร่างกายของเด็กในช่วงแรกเกิดก็ยังมีความบอบบางจึงต้องใส่ใจและได้รับการดูแลเป็นพิเศษ คาร์ซีทก็มีหลากหลายแบบ หลายประเภท ( อ่านบทความประเภทของคาร์ซีท Click ) แต่วันนี้ที่อยากจะชวนพ่อแม่ทุกคนมาดูกันคือ คาร์ซีทแรกเกิดหมุนได้ 360 องศา ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในคาร์ซีที่นิยมใช้เป็นอย่างมาก เพราะมีทั้งความปลอดภัย และมีความสะดวกสบายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก 4 เหตุผล ทำไมควรใช้คาร์ซีทหมุนได้ คาร์ซีทหมุนได้ เลือกแบบไหนดี การใช้คาร์ซีทให้ปลอดภัย คาร์ซีทหมุนได้ 7 รุ่น น่าใช้ โดนใจแม่ ประจำปี 2024 Ailebebe รุ่น Kurutto R The First จุดเด่น  การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0- 4 ปี  การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX  แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น  Ailebebe รุ่น Kurutto R […]

แพมเพิส หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กที่จะใช้กันตั้งแต่แรกเกิด เพราะว่าช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาในการซักทำความสะอาด แถมเวลาออกจากบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปื้อนเลอะ ซึ่งคุณแม่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่าจะให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ ให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ชวนคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนให้ลูกเลิกใช้แพมเพิส หนึ่งในคำถามยอดนิยมของเหล่าคุณแม่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าจะให้ลูกเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี เนื่องจากเรื่องของค่าใช้จ่าย ความกังวลที่ว่าลูกจะติดแพมเพิส ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของเด็ก ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับเรื่องของช่วงเวลาของการเลิกแพมเพิสนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ เลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ถ้าจะถามว่าควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ อยากให้ดูจากความพร้อมของลูก และคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่า เด็กบางคน 8 เดือนก็เลิกได้แล้ว บางคนก็มาเลิกได้ตอนช่วงก่อนเข้าโรงเรียนในช่วง 3 – 4 ขวบ ดังนั้น BabyGift จึงพูดได้ว่าไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวจริงๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปกดดันน้องๆ ให้ลูกของเรามีความพร้อมจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องอดทนและให้กำลังใจเด็ก เพราะว่าการฝึกขับถ่ายเป็นก้าวสำคัญของพัฒนาการ และแต่ละคนมีจังหวะที่แตกต่างกัน ไม่ควรกดดันหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น และหากว่าคุณแม่มีข้อกังวลอื่นๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของเราพร้อมที่จะเลิกแพมเพิส ? สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ ให้ลูกสบายใจ […]

การทำความสะอาดของเล่นเด็ก ฆ่าเชื้อของเล่นเด็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างเราต้องใส่ใจ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) และไข้หวัดนก การใช้วิธีแบบเดิม ๆ ที่ได้ผลในอดีต อาจไม่เพียงพอในการป้องกันเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ที่แฝงตัวอยู่รอบตัวได้ รวมไปถึงปัญหามลพิษในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ฆ่าเชื้อโรคของใช้ลูก จึงต้องเลือกที่สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และใช้ได้กับทุกคนภายในครอบครัว เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด ความต้องการทีเปลี่ยนไปของผู้บริโภคทำให้มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีเชิงวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศจีน โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเสริมจากการป้องกันตนพื้นฐาน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การพกพาเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หรือการใช้สารฟอกขาวในการฆ่าเชื้อ ได้แก่ เทคโนโลยีเครื่องปล่อยโอโซน เครื่องผลิตไอออนประจุลบ เครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์ เครื่องฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV เป็นต้นแต่อย่างไรก็ตามมีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย หรือไม่ได้ประสิทธิภาพตามคำโฆษณา จึงก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี หรือไม่ได้ผลในการฆ่าเชื้อโรค ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณแม่จึงต้องทำความเข้าใจรูปแบบของการ […]

เคล็ดลับการฝึกลูกนั่งคาร์ซีท car seat จากประสบการณ์จริงคุณแม่ลูกสอง โดย แม่ป่าน เพจ เลี้ยงลูกอย่างมีความสุข by mommy Arpan 1. ฝึกเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ : ถ้าเป็นไปได้จัดเตรียมคาร์ซีท car seat ไว้ก่อนคลอด และให้ลูกนั่งตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล จะช่วยสร้างความคุ้นเคยให้กับทั้งตัวลูกและพ่อแม่ 2. ต่อเนื่อง และสม่ำเสมอจนกลายเป็น routine (กิจวัตร) : ไม่ว่าจะไปไหน ใกล้หรือไกลต้องให้เด็กนั่ง car seat ทุกครั้ง เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ ปฏิบัติจนคุ้นชิน และทุกอย่างจะง่ายขึ้นเองค่ะ 3. ปรับทัศนคติให้ตรงกัน (ปัญหาหลักที่หลายบ้านพบเจอ) : โดยเฉพาะผู้ใหญ่ในบ้านที่อาจจะยังไม่เข้าใจ หรือยังมองไม่เห็นความสำคัญ ลองนั่งพูดคุยบอกเล่าเหตุการณ์ๆต่างๆในข่าว ที่เวลาเกิดอุบัติเหตุและเด็กที่นั่ง car seat รอดชีวิต เปรียบเทียบกับเด็กที่ไม่ได้นั่งและเกิดความสูญเสียร้ายแรงตามมา และลองคุยปรับความเข้าใจกับท่านดู เชื่อว่าถ้าท่านรักและห่วงหลานๆเป็นทุน ยังไงวันหนึ่งท่านจะเข้าใจค่ะ อีกวิธีหนึ่งที่แนะนำคือลองหาวิดิโอใน Youtube สาธิตแรงกระแทกที่เกิดขณะรถชน (จะมีสาธิตเปรียบเทียบระหว่างมีคนอุ้มเด็ก กับเด็กนั่งคาร์ซีท ….หวังว่าภาพที่เห็นจะสามารถเปลี่ยนใจของบรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านได้นะคะ […]

Q: ขวดนมที่ไม่มี BPA ปลอดภัย ใช้ได้นานกว่า ? A :ขวดนม PP ไม่มี BPA อายุการใช้งานสั้นกว่า PC ที่มี BPA โดยทั่วไป พลาสติกแต่ละชนิด จะมีอายุการใช้งานที่ต่างกัน ยิ่งต้ม ยิ่งนึ่ง ยิ่งขัด ก็ยิ่งเสื่อมสภาพเร็ว ทั้งนี้ คุณภาพและการผลิตพลาสติกของแต่ละโรงงานย่อมต่างกัน ขวด PP ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงไม่ผสมเศษงานมักจะใสกว่า คุณแม่อาจพิจารณาเปลี่ยนขวดนมเมื่อเห็นว่าเริ่มบุบเบี้ยว หรือ ขวดนมขุ่นมากขึ้นอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม อายุการใช้งานจะสิ้นสุดถ้าขวดนมเป็นรอยขูดข่วน จึงควรล้างขวดนมด้วยแปรงขนนิ่ม ฟองน้ำ หรือแปรงซิลิโคน ***ดังนั้น อย่ากังวลกับฉลากและ โฆษณา “BPA-Free” ให้มากนัก หันมาดูวัสดุ และการดูแลรักษาให้ปลอดภัยจะดีกว่า ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : SS Medical Clinic โดย พ.ญ.สิทธิ์ธีราห์ ชโรเต้อร์  หรือใช้การฆ่าเชื้อด้วยแสงรังสี UV (Prince&Princess Baby UV Sterilizer) นวัตกรรมใหม่สำหรับการดูแลลูกน้อยให้พ้นจากเชิ้อโรค ได้ถึง […]

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าคาร์ซีทก็มีอายุการใช้งานไม่ต่างจากผลิตภัณฑ์ของใช้อื่น เพราะคาร์ซีททุกตัวมีโครงสร้างพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ความร้อนจะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ กรอบ แตกหักง่าย นอกจากนี้แสง UV ยังทำให้วัสดุรองรับแรงกระแทกและเบาะรองตัว หมอนรองศีรษะทารกที่เคยนุ่มกลับแข็งและขาดความยืดหยุ่นไม่สามารถใช้ปกป้องทารกได้ดีพอ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคาร์ซีทที่เลือกใช้เพื่อช่วยปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุผลิตขึ้นเมื่อไร และหมดอายุแล้วหรือยัง??? ในหลายๆ ประเทศชั้นนำอย่าง USA, Canada, ญี่ปุ่น, Australia รวมถึงประเทศในกลุ่มEurope มีการกำหนดกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตคาร์ซีททุกรายต้องระบุวันที่ผลิตไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบอายุของคาร์ซีทได้ โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้คาร์ซีทที่มีอายุไม่เกิน 7-10 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่เนื่องจากคาร์ซีทแต่ละแบรนด์และแต่ละรุ่นมีจุดสังเกตุวันที่ผลิตต่างกัน จึงทำให้ยากต่อการตรวจสอบ วันนี้Baby Gift มีคำแนะนำที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบวันที่ผลิตได้ด้วยตัวเอง Aprica แบรนด์ผลิตภัณฑ์เด็กอ่อนระดับ premium ยอดนิยมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น กับคาร์ซีทรุ่น Fladea Grow ที่สามารถปรับใช้ได้ถึง 3 รูปแบบสำหรับวัยแรกเกิด – 4 ปีนี้มีจะมีวันเดือนปีที่ผลิตฉีดขึ้นบล๊อกอยู่ที่ฐานพลาสติกของคาร์ซีทเป็นแนวตั้ง โดยจะใช้สัญญลักษณ์วงกลมพร้อมลูกศรอยู่ข้างในชี้ตามตัวเลขเรียงตามลำดับ คาร์ซีทสำหรับเด็กวัย 9 เดือน – 12 ปี รุ่น Air Groove STD , Air […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages