รวม 10 รุ่น คาร์ซีทเด็กโต (อัปเดตปี 2024) พร้อมคำแนะนำเลือกยังไง ? เมื่อไหร่ถึงควรเปลี่ยนคาร์ซีท

ถึงเวลาเปลี่ยนคาร์ซีทกันแล้วหรือยังคะ ?
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ก็คงจะมีประสบการณ์เลือกคาร์ซีทเด็กเล็กกันมาบ้างแล้ว ตอนนี้กำลังมองหาคาร์ซีทเด็กโตให้กับเจ้าตัวน้อยที่กำลังนั่งตัวเดิมแล้วดูอึดอัดกันอยู่ใช่หรือเปล่าคะ ? ในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มาดู 10 รุ่นคุณภาพดี พร้อมกับแนะนำการเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กโตกัน ลองมาดูกันว่า เมื่อเจ้าตัวเล็กของเราเริ่มจะโตขึ้น เราต้องใส่ใจกับเรื่องอะไรบ้าง มีคาร์ซีทรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ มาหาคำตอบกันได้จากบทความนี้ค่ะ
10 คาร์ซีทเด็กโตคุณภาพดี แนะนำรุ่นฮิต ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ by babyGift !
การเลือกคาร์ซีทนั้น นอกจากจะเลือกตามอายุ น้ำหนัก หรือส่วนสูงของลูกน้อยแล้ว อายุการใช้งานของคาร์ซีทก็เป็นสิ่งที่เราควรจะพิจารณาเป็นพิเศษ ก่อนที่เราจะไปดูคาร์ซีทสำหรับเด็กโตทั้ง 10 รุ่นที่ BabyGift แนะนำ จะขอพาผู้อ่านทุกคนมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญ และประเด็นต่างๆ ที่ควรจะพิจารณาก่อนเปลี่ยนคาร์ซีทกันก่อนค่ะ
คาร์ซีทเด็กโต จำเป็นไหม ? ทำไมเด็กโตถึงยังต้องใช้คาร์ซีท

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เป็นยังเป็นเด็กเล็กก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องการฝึกลูกนั่งคาร์ซีท แต่สำหรับบ้านไหนที่เด็กๆ เริ่มโตแล้ว และจะต้องนั่งคาร์ซีทตามข้อกฏหมายอันมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2566 เป็นต้นมา ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ การฝึกลูกนั่งคาร์ซีทไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเกิดคำถามในใจว่า คาร์ซีทสำหรับเด็กโต มีความจำเป็นไหม ? ซึ่งคาร์ซีทสำหรับเด็กโตนั้น เป็นอุปกรณ์เสริมช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ในขณะที่นั่งรถยนต์เช่นเดียวกันกับคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็ก
ซึ่งโดยหลักการแล้ว ควรให้เด็กนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากเบาะรถยนต์และสายเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ไม่ได้ถูกออกแบบเพื่อรองรับกับผู้โดยสารที่เป็นเด็กและมีส่วนสูงน้อยกว่า 150 เซนติเมตร หากเด็กใช้งานสายเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ สายเข็มขัดมักจะพาดตรงบริเวณลำคอ หรือ บริเวณใบหน้า ทำให้เด็กๆ ต้องดึงสายเข็มขัดลงมา จนอยู่ในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่ปลอดภัย และถ้าหากมีการเบรกรถรุนแรง หรือเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน อาจเกิดอันตรายทำให้เด็กๆ บาดเจ็บได้ เช่น สายเข็มขัดกระแทกลำคอ กระแทกที่ใบหน้า ด้วยเหตุนี้ จึงต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทสำหรับเด็กโต และบูสเตอร์ซีท ที่มีการออกแบบเบาะและโครงสร้าง เพื่อทดแทนเบาะรถยนต์ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อปกป้องตัวเด็ก ด้วยการเพิ่มความสูงของเบาะที่นั่ง พร้อมเสริมฟังก์ชั่นความปลอดภัย ที่จะช่วยให้เด็กๆ นั่งสบาย และปลอดภัยมากขึ้นเมื่อต้องเดินทาง
คาร์ซีทเด็กโตมีกี่แบบ ?
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. คาร์ซีทสำหรับเด็กโต Forward Facing หรือ Combination Seat
คาร์ซีทแบบนี้ เหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับลูก ใช้งานแบบหันหน้าไปหน้ารถอย่างเดียว บางรุ่นมีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทได้ในตัวเดียว จึงใช้งานได้ยาวนาน ส่วนใหญ่จะใช้ได้ตั้งแต่อายุ 1 – 12 ปี ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะเบาะกว้าง พนักพิงใหญ่และสูง เพื่อทำให้เด็กนั่งได้สบายและเหมาะสมกับการเจริญเติบโตของเด็ก
ข้อดี
- โครงสร้างใหญ่ เบาะกว้าง ทำให้ลูกนั่งสบาย ไม่อึดอัด
- พนักพิงจะปรับความสูงได้เยอะ เพื่อรองรับสรีระเด็กได้ตามวัย
- บางรุ่นปรับเป็นบูสเตอร์ซีทได้ในตัวเดียว ใช้งานได้นาน
- วัสดุรองรับแรงกระแทกมีความแข็งแรง ทำให้คาร์ซีทมีความปลอดภัยสูง
ข้อเสีย
- บางรุ่นจะมีน้ำหนักเยอะ เคลื่อนย้ายไม่ค่อยสะดวก
- บางรุ่นไม่สามารถปรับเบาะเอนนอนได้ อาจทำให้เด็กนอนหลับไม่สบาย ควรเลือกแบบปรับเอนได้

2. Booster seat
สำหรับบูสเตอร์ซีท จะแบ่งย่อยได้ 2 แบบ คือ บูสเตอร์ซีทแบบมีพนักพิง และ บูสเตอร์ซีทแบบไม่มีพนักพิง โดยมีรายละเอียดดังนี้
บูสเตอร์ซีทแบบไม่มีพนักพิง
จะเป็นเบาะรองนั่ง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ฟังก์ชั่นหลัก ๆ จะช่วยเพิ่มความสูงให้เด็กๆ เพื่อให้คาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้อย่างพอดี สายเข็มขัดไม่รัดคอ เหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป
ข้อดี
- มีน้ำหนักเบา พกพาสะดวก สามาถพกเดินทางไปต่างประเทศได้
ข้อเสีย
- ไม่มีพนักพิงรองรับสรีระ เด็กจะพิงเบาะรถยนต์แทน
- ถ้าหากไม่มีตัวปรับสายเข็มขัด อาจทำให้เข็มขัดนิรภัยรัดจนเกินไป หรือ สายเข็มขัดอาจพาดที่คอของเด็กได้

บูสเตอร์ซีทแบบมีพนักพิง
บูสเตอร์ซีทมีพนักพิงจะช่วยให้นั่งสบายมากขึ้น นอกจากเพิ่มความสูงให้เด็กๆ คาดเข็มขัดนิรภัยของรถยนต์ได้อย่างพอดี สายเข็มขัดไม่รัดคอ ยังมีฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริมอีกด้วย เหมาะกับเด็กอายุ 4 ปีขึ้นไป BabyGift เคยเขียนเรื่องบูสเตอร์ซีทเอาไว้แล้ว สามารถอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ
ข้อดี
- มีพนักพิงสูงใหญ่ หนานุ่ม จะช่วยให้เด็กนั่งพิงได้สบายมากขึ้น
- มีฟังก์ชั่นความปลอดภัยเสริม เช่น ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนา กันกระแทกได้อย่างปลอดภัย
ข้อเสีย
- บางรุ่นมีน้ำหนักเยอะ อาจเคลื่อนย้ายบ่อยไม่สะดวก
- บูสเตอร์ซีทที่มีพนักพิง ตัวเบาะจะกว้าง ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้ง
เมื่อไหร่ที่ควรเปลี่ยนคาร์ซีทให้ลูก ? และจะเลือกอย่างไรดี ?
การเลือกซื้อประเภทคาร์ซีทโดยทั่วไปนั้น จะพิจารณาจากน้ำหนักและส่วนสูงของเด็ก รวมถึงอายุของเด็ก ซึ่งสามารถแบ่งประเภทคาร์ซีทตามเกณฑ์ของลูกได้ดังนี้
- เด็กแรกเกิด – 3 ปี : ควรใช้คาร์ซีทสำหรับทารกที่เป็นแบบปรับให้หันหน้าไปด้านหลังรถ (Rear – Facing Car Seat) หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 13 กิโลกรัม
- เด็กอายุ 3 – 6 ปี ควรใช้คาร์ซีทเป็นที่นั่งแบบหันหน้ามาด้านหน้า (Forward – Facing Car Seat) หรือมีน้ำหนักประมาณ 9 – 18 กิโลกรัม
- เด็กอายุ 4 – 12 ปี : ควรใช้ Booster Seat หรือคาร์ซีทที่เป็นที่นั่งแบบหันหน้ามาด้านหน้า สำหรับเด็กโตใช้ร่วมกับเข็มขัดนิรภัยปกติ (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและส่วนสูง)
ซึ่งการพิจารณาเปลี่ยนคาร์ซีทให้ลูกนั้น อาจดูจากน้ำหนักและอายุของลูกว่า ควรใช้คาร์ซีทประเภทใด และคาร์ซีทที่ใช้ในปัจจุบันมีขนาดเล็กเกินกว่าอายุและน้ำหนักของลูกหรือไม่ หากลูกของเราถึงเกณฑ์ที่ต้องเปลี่ยนมาใช้คาร์ซีทเด็กโตแล้ว ก็ควรเปลี่ยนเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกค่ะ และถ้าลูกมีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป หรือมีความสูงมากกว่า150 เซนติเมตร ก็สามารถนั่งรถได้ตามปกติโดยไม่ต้องใช้คาร์ซีท และควรคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งขณะโดยสารรถยนต์ และนอกจากนี้ การพิจารณาอายุการใช้งานของคาร์ซีทก็สำคัญ ซึ่งโดยทั่วไปผู้ผลิตจะระบุเวลาคุณภาพการใช้งานระหว่าง 7 – 10 ปี หากคาร์ซีทมีอายุการใช้งานมากกว่านี้ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ เพราะอาจมีการเสื่อมสภาพ และอาจป้องกันลูกน้อยจากการบาดเจ็บหากเกิดอุบัติเหตุได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งสามารถอ่านบทความวิธีตรวจสอบวันหมดอายุของคาร์ซีท ที่ BabyGift ได้เคยเขียนเอาไว้แล้วเป็นข้อมูลเพิ่มเติมได้เลยนะคะ
คาร์ซีทเด็กโต 10 รุ่นน่าใช้ อัปเดตปี 2024 ที่ BabyGift แนะนำ

1. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Papatto Premium
คาร์ซีท Ailebebe สำหรับตั้งแต่เด็กเล็กถึงเด็กโต รุ่นนี้มี Head Support หนานุ่มถึง 3 ชั้น ช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง ช่วยปกป้องศีรษะและลำคอของเด็กได้เป็นอย่างดี หมอนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี นอนพิงได้สบายมากขึ้น ปรับเอนตามเบาะรถยนต์ได้มากถึง 120 องศา ให้ลูกได้นั่งสบาย พร้อมมั่นใจในความปลอดภัย
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ ประคองหลังและโอบอุ้มร่างกายให้นั่งสบายตลอดทาง
- มี Top Tether ตะขอเกี่ยวเบาะหลัง ป้องกันคาร์ซีทคว่ำหน้า
- ซัพพอร์ตเป็นหมอนหนานุ่ม 3 ชั้น
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง 864 ช่อง ระบายอากาศดี
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง ถึง 145 เซนติเมตร
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ ได้ 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้ หรือ จะถอดพนักพิงเป็นบูสเตอร์ซีทแบบพกพาได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 11 ปี หรือ น้ำหนัก 9 – 36 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูง 75 – 145 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

2. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Premium S Natural
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตที่สามารถปรับเอนนอนได้ในตัวถึง 3 ระดับ หมอนมีความหนานุ่ม ให้ลูกนั่งสบายได้ตลอดทาง แถมฟังก์ชั่นป้องกันการกระแทก รองรับสรีระช่วงลำคอเด็กให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมและตั้งตรงได้อย่างปลอดภัย พร้อมเบาะที่ซัพพอร์ตสะโพก ไม่ทำให้ลูกเมื่อยขณะนั่ง
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- มีหมอนรองศีรษะหนานุ่ม ปลอดภัยสูง
- มีหมอนรองสะโพก ทำให้นอนสบายขึ้น
- ทำจากผ้าธรรมชาติ สัมผัสนุ่มสบาย
- มีผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี ทำให้ไม่ร้อน
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง 120 เซนติเมตร
- ปรับเอนนอนได้ในตัว ถึง 3 ระดับ ปรับได้มากถึง 120 องศา ทำให้ลูกนอนสบาย
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 7 ปี หรือ น้ำหนัก 9 – 25 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูง 75 – 120 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

3. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Swing Moon Standard
คาร์ซีท Ailebebe รุ่นนี้ มีการ์ดด้านข้างที่หนานุ่ม มีรูปทรงโค้ง ทำให้ลูกพิงสบายได้มากยิ่งขึ้น ช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง และช่วยปกป้องศีรษะ ลำคอของเด็กๆ ได้อย่างปลอดภัย เบาะปรับเอนได้ในตัวถึง 3 ระดับ ซึ่งเป็นองศาที่เหมาะกับสรีระเด็กโต ช่วยให้นั่งสบายมากขึ้น พักผ่อนได้เต็มที่ตลอดการเดินทาง
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- เบาะหนานุ่ม ไม่ยวบ ยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับและกระจายน้ำหนักที่กดทับได้เป็นอย่างดี
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง 120 เซนติเมตร
- ปรับเอนนอนได้ในตัว ถึง 3 ระดับ ปรับได้มากสุด 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 7 ปี หรือ น้ำหนัก 9 – 25 กิโลกรัม รือมีส่วนสูง 75 – 120 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

4. คาร์ซีท Ailebebe รุ่น Saratto Premium
คาร์ซีทของ Ailebebe รุ่น Saratto Premium มีความพิเศษคือ ปกป้องเด็กๆ ด้วย Impact Shield ไม่ต้องคาดเข็มขัด ลดความอึดอัดในการนั่งคาร์ซีทได้ดี จึงเหมาะสำหรับเด็กที่ไม่ชอบคาดเข็มคัดโดยเฉพาะ และได้รับรองความปลอดภัยแล้วว่า Impact Shield ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการใช้คาร์ซีทได้
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ใช้ Impact Shield หรือ ที่กั้นหน้า ช่วยป้องกันการกระแทก เด็กไม่ต้องคาดเบลท์คาร์ซีท ไม่อึดอัด
- บุด้วยผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- มีช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- ปรับพนักพิงปรับได้ตามความสูง ถึง 145 เซนติมตร
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้ หรือ จะถอดพนักพิงเป็นบูสเตอร์ซีทแบบพกพาได้
การใช้งาน : เด็กอายุ 1 – 11 ปี หรือ น้ำหนัก 9- 36 กิโลกรัม หรือมีส่วนสูง 74 – 145 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศญี่ปุ่น

5. คาร์ซีท Renolux รุ่น Olymp
หากอยากได้คาร์ซีทเด็กโตที่มีความนุ่มพิเศษ นั่งสบายมากๆ แนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ ด้วยเทคโนโลยี Softness สิทธิบัตรหนึ่งเดียวของ Renolux ที่เลือกใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักของคาร์ซีท ฉีดขึ้นรูปห่อหุ้มด้วยโฟมชนิดพิเศษ จึงมีความแข็งแรงทนทาน และดูดซับแรงกระแทกได้มากกว่าคาร์ซีททั่วไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ อุ่นใจทั้งในเรื่องของความปลอดภัย และความนุ่มสบายเลยล่ะค่ะ
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)
- เบาะนุ่มพิเศษ นั่งสบายเหมือนโซฟาระดับพรีเมี่ยม ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion
- ผ่านการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมนี และ TCS สวิตเซอร์แลนด์
- มี Side Protection ป้องกันการชน ช่วยรองรับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุด้านข้าง
- มี Top Tether ตะขอเกี่ยวด้านหลังพนักพิงรถยนต์ ช่วยยึดคาร์ซีทไม่ให้เคลื่อนที่
- เนื้อผ้าสัมผัสเย็น ทักถอพิเศษแบบ Topstiches มีลายเส้น ทำให้นุ่ม นั่งสบายมากขึ้น
- ปรับเอนนอนสบายๆ ได้ถึง 108 องศา
- ปรับพนักพิงได้ตามความสูงของเด็ก
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กตั้งแต่ความสูง 76-150 เซนติเมตร หรือ อายุ 15 เดือน – 12 ปี
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส

6. คาร์ซีท Renolux รุ่น Renofix
คาร์ซีทอีกรุ่นหนึ่งของ Renolux ที่ใช้เทคโนโลยี Softness สิทธิบัตรหนึ่งเดียวของ Renolux ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน และนั่งได้สบาย มีความนุ่มพิเศษ รองรับแรงกระแทกได้ดีเยี่ยม มีขนาดใหญ่ ให้ลูกน้อยได้นั่งสบายไม่มีอึดอัด ปรับเอนนอนได้ถึง 4 ระดับด้วยระบบ ISOFIX
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ผ่านการทดสอบความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมนี และ TCS สวิตเซอร์แลนด์
- เบาะหนานุ่ม เหมือนยกโซฟามาไว้บนรถ ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion
- รองรับการกระแทกได้ดี ลดการสั่นสะเทือนได้ถึง 40%
- เบาะไม่ดูดซับความร้อนจากร่างกาย นั่งแล้วเย็นสบาย
- ผ้า CoolSoft สัมผัสเย็น ทักถอแบบ Topstiches มีลายเส้น นั่งสบายมากขึ้น
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์
- พนักพิงนุ่ม ปรับพนักพิงศีรษะได้ตามความสูงถึง 150 เซนติเมตร
- มีที่พักแขน นั่งสะดวกสบายมาก
การใช้งาน : เด็กอายุ 4 – 11 ปี หรือมีน้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม หรือมีความสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส

7. บูสเตอร์ซีท Renolux รุ่น Jet
หากกำลังมองหาบูสเตอร์ซีท แนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ ใช้เทคโนโลยี Softness Cushion อีกเช่นเดียวกัน ทำให้ลูกนั่งได้สบาย ไม่มีเมื่อย ติดตั้งได้ง่ายด้วยสายเข็มขัดนิรภัย 3 จุด เบาะนั่งมีขนาดกว้าง นั่งสบาย มาพร้อมที่พักแขน เหมาะกับการเดินทางในระยะสั้น และครอบครัวที่เปลี่ยนรถยนต์เป็นประจำ
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04
- เบาะนุ่มพิเศษ นั่งสบายเหมือนโซฟา ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion
- รูปทรงออกแบบให้เหมาะกับสรีระเด็กโต นั่งสบายแม้เดินทางไกล
- เนื้อผ้าสัมผัสเย็น ทักถอพิเศษมีลายเส้น นั่งสบายมากขึ้น
- สะดวกพกพาเดินทาง และครอบครัวที่เปลี่ยนรถยนต์เป็นประจำ
การใช้งาน : เด็กอายุ 4 -11 ปี หรือ น้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม หรือมีความสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศฝรั่งเศส

8. คาร์ซีท PRINCE & PRINCESS รุ่น Mark 12
คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 – 12 ปี ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04 มี Safety Head Guard ป้องกันการกระแทกบริเวณศีรษะได้ดี มาพร้อม Safety Standard รองรับแรกกระแทกได้ดี ปกป้องลูกได้อย่างมั่นใจ ตัวคาร์ซีทรองรับสรีระลูกทุกช่วงวัย ใช้งานได้อย่างยาวนาน
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04
- เมื่อปรับพนักพิงศีรษะให้สูงขึ้น พนักพิงด้านข้างจะขยายออกไปพร้อมกัน รองรับกับสรีระของเด็กที่เจริญเติบโตขึ้น
- ที่ล็อกสายเข็มขัดนิรภัย ช่วยให้สายอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่รั้งคอ
- ปรับระดับพนักพิงศีรษะได้ 10 ระดับ
- ปรับเอนหลังได้ 3 ระดับ สูงสุด 104 องศา
- มีที่วางแก้วน้ำ และนวมหุ้มเข็มขัดนิรภัย
- บุด้วยเนื้อผ้า Twill Cationic ให้สัมผัสนุ่ม มีความยืดหยุ่น
- เบาะใช้ Memory Foam กระจายน้ำหนัก และลดแรงกดทับบริเวณพื้นผิว
- โครงสร้างใช้วัสดุ Polypropylene (PP) และ EPS Foam รองรับแรงกระแทกได้ดี
การใช้งาน : เด็กอายุ 3-12 ปี ที่มีน้ำหนัก 15 – 36 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ Belt และ ISOFIX

9. คาร์ซีท Kinderkraft รุ่น Xpand
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตที่ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป มี H – Guard System ที่ช่วยปกป้องศีรษะและต้นคอจากแรงกระแทกเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน พร้อมพนักพิงแบบป้องกันการชนจากด้านข้างขนาดใหญ่ และมีที่วางแขนเพิ่มความปลอดภัย ออกแบบพิเศษตามสรีระเด็ก
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป ECE R 44/04
- มีที่ล็อกสายเบลท์ ปรับระดับได้ ป้องกันไม่ให้สายเบลท์พาดคอเด็ก
- เบาะหนานุ่ม นั่งสบาย
- วัสดุหนา รองรับการกระแทกได้ดี
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์
- พนักพิงนุ่ม ปรับพนักพิงศีรษะได้ตามความสูง ถึง 150 เซนติเมตร
- บุด้วยผ้า WOOL สัมผัสนุ่ม สบายผิว
- มีที่พักแขน นั่งสะดวกสบายมาก
การใช้งาน : เด็กอายุ 3 – 12 ปี หรือ ส่วนสูง 100 เซนติเมตรขึ้นไป
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศเยอรมันนี

10. คาร์ซีท Kinderkraft รุ่น Comfort Up
คาร์ซีทสำหรับเด็กโตจากแบรนด์ Kinderkraft ที่มีการรองรับมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป R129 (i – Size) จากประเทศเยอรมนี มีน้ำหนักเบาเพียง 6 กิโลกรัม เคลื่อนย้ายได้สะดวก รองรับการใช้งานยาวนานถึง 12 ปี โครงสร้างคาร์ซีทใหญ่ แข็งแรง ดูดซับแรงกระแทกได้ดี ซัพพอร์ตหนานุ่ม ให้ลูกน้อยนั่งได้สบาย
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)
- น้ำหนักเบาเพียง 6 กิโลกรัม ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก
- บุด้วยผ้า MESH เรียบนุ่มตามช่วงตัว ช่วยให้เย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ 100 องศา ทำให้ลูกนอนสบายมากขึ้น
- ใช้งานได้ทั้งแบบหันหน้าไปหน้ารถ (Forward Facing) และปรับเป็นบูสเตอร์ซีทเด็กโต (Booster Seat)
- มี Head Support หนา 3 ชั้น ปกป้องศีรษะและลำคอเด็กได้อย่างแน่นหนา
- การ์ดด้านข้างแข็งแรง ป้องกันการกระแทกได้อย่างปลอดภัย
การใช้งาน : เด็กอายุ 15 เดือน – 12 ปี หรือ ส่วนสูง 76 – 150 เซนติเมตร
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศเยอรมันนี
การเลือกคาร์ซีทเด็กโตให้ลูกของเรานั้น ก็ต้องคำนึงถึงความสะดวกสบายและความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก หากคาร์ซีทตัวเดิมที่มีอยู่ดูจะเล็กเกินไปสำหรับลูกของเรา ก็อาจถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้กับลูก ซึ่งก็มีหลากหลายแบรนด์ หลากหลายรุ่น หลากหลายแบบให้เลือกด้วยกัน หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดต้องการสอบถามรายละเอียดของสินค้าเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามมาได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ในการคัดสรรคาร์ซีทที่ดีที่สุดสำหรับเด็กทุกช่วงวัย คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเด็กๆ มาลองนั่งคาร์ซีทได้ทุกรุ่น หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก : https://www.princsuvarnabhumi.com/news/car-seat
www.samitivejhospitals.com/th/article/detail/ลูกนั่ง-car-seat

สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
SIDS หรืออาการภาวะไหลตาย เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กทารกแรกเกิดเสียชีวิต ถือเป็นอีกสิ่งที่คุณพ่อ และคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว ทาง BABY GIFT EXPERT จึงอยากพาคุณพ่อ คุณแม่ทุกคน มาทำความเข้าใจกันว่า SIDS คืออะไร และสามารถป้องกันได้อย่างไร SIDS คืออะไร นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ได้อธิบายถึงภาวะ SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) หรือภาวะไหลตายไว้ว่า เป็นภาวะเสียชีวิตขณะนอนหลับ เกิดขึ้นได้แม้ในทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงดี พบบ่อยในช่วงอายุเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี และพบบ่อยที่สุดในช่วงที่อายุ 2-4 เดือน โดยส่วนมากมักจะพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง สาเหตุของการเกิดภาวะ SIDS SIDS มีสาเหตุมาจากการกีดขวางการหายใจของทารกขณะนอนหลับ เช่น การจัดท่าให้ทารกนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง การที่มีผ้าห่มหรือวัตถุนิ่มๆปิดหน้าทารกขณะนอนหลับ การถูกผู้ใหญ่นอนทับ เป็นต้น เนื่องจากทารกยังไม่สามารถเคลื่อนไหวศีรษะได้ดี ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะนี้ คือ ทารกเกิดก่อนกำหนด ควันบุหรี่ และอุณหภูมิห้องนอนที่ร้อน ซึ่งอุณหภูมิห้องนอนที่เหมาะสมของทารกคือ […]
แม่ๆ ดาราเซเลบคนดังร่วมแสดงความยินดีกับงานฉลองเปิดร้าน BabyGift สาขา เซ็นทรัลเวิลด์แบรนด์ผู้นำเข้า คาร์ซีท, รถเข็นเด็ก, เก้าอี้ทานข้าว, เป้อุ้มเด็ก และผลิตภัณฑ์สำหรับลูกน้อยที่ดีที่สุดทั้งจากประเทศญี่ปุ่น, เกาหลี และ สหรัฐอเมริกาอย่าง #APRICA #AILEBEBE #PRINCEANDPRINCESS #REALKIDS และอีกมากมาย และในงานยังเปิดตัวสินค้านวัตกรรม 3 รุ่นใหม่ได้แก่ รถเข็นเด็กพับเล็ก #Aprica #NanoSmart, คาร์ซีท #Ailebebe #Kurutto4Grance และ #Ecowell เครื่องผลิตสเปรย์ฆ่าเชื้ออเนกประสงค์ #BabyGift #CentralWorld #BabyBestItems #BabyProducts BabyGift สาขา Central World ชั้น 2 โซนลานไอซ์สเก็ตเปิดบริการ 10.00 – 22.00 น. ทุกวันโทร. 095-851-8521LINE ID : bbg_ctw
เสื้อผ้าสำหรับเด็กเล็กๆ นั้นมักจะมีแต่สีสันสดใส เพื่อให้ดูเหมาะสมกับวัย คุณแม่จึงไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าเด็กสีดำติดบ้านกันสักเท่าไหร่ บางบ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลยด้วยซ้ำ จึงใส่ชุดให้ลูกไปตามที่มี ซึ่งก็เกิดประเด็นทำให้คุณแม่เป็นกังวลอย่างมาก บ้างโดนต่อว่าด้วยคำพูด บ้างโดนตำหนิด้วยสายตา “ทำไมไม่ใส่ชุดดำให้ลูก” พลอยทำให้คุณแม่ไม่กล้าพาลูกออกจากบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลย แล้วอย่างนี้ เด็กเล็กแต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรดี สำหรับชุดไว้ทุกข์ของเด็กๆ นั้น ไม่ได้เคร่งครัดอะไร คุณแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ ขอให้เป็นสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด หากเป็นไปได้ก็คุมโทนเสียหน่อย ด้วยโทนดำ ขาว ไข่ไก่ ครีม เทา น้ำเงิน น้ำตาลเข้ม ตัวอย่างแบบเสื้อผ้าเด็กสำหรับใส่ไว้ทุกข์มาฝากให้คุณแม่ลองนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ดูนะคะ การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้ชาย การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้หญิง สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีเสื้อผ้าลูกสีคุมโทนตามที่กล่าวมา การซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกเพื่อใส่ไว้ทุกข์อาจไม่ใช่คำตอบ ด้วยราคาเสื้อดำที่ตอนนี้ค่อนข้างแพง และเด็กๆ เขาก็โตเร็ว ใส่ไม่เท่าไหร่ก็คับต้องยกให้คนอื่น คำนวณแล้วอาจไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย อาจใช้วิธีย้อมผ้าสีดำ แทนก็ได้ เพียงซื้อสีย้อมผ้าราคาย่อมเยา ก็แปลงโฉมเสื้อผ้าสีสันเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ถวายอาลัยได้แล้ว ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : เว็ปไซด์ amarinbabyandkids
ก่อนหน้านี้ก็เคยคิดว่าเรื่องพาหะธาลัสซีเมียนี่เป็นอะไรที่ไกลตัวมากๆ แต่พอตั้งท้องเท่านั้นแหละ การเป็นพาหะฯ นี่เรื่องใกล้ตัวสุดๆ แถมทำให้กังวลมากมายเลยล่ะค่ะ ถ้าคุณแม่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ก็แสดงว่าคุณแม่อาจจะกำลังกังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันใช่มั้ย สำหรับใครที่ยังไม่ค่อยเข้าใจว่าพาหะธาลัสซีเมียคืออะไร วันนี้เราก็นำความรู้มาฝากกันค่ะ เคยได้ยินผ่านๆ แต่ไม่เคยรู้เลยว่าพาหะธาลัสซีเมียคืออะไร? อันที่จริง การเป็นพาหะธาลัสซีเมียไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับคนไทยเลยนะ เพราะมีคนไทยตั้งกว่า 24 ล้านคนที่เป็นพาหะโรคนี้ เผลอๆ เวลาเดินตามถนนเราอาจจะเจอคนที่เป็นพาหะอยู่เต็มไปหมด แถมเรายังอาจจะเป็นด้วยก็ได้นะ คนที่เป็นพาหะของโรคนี้ง่ายๆ ก็คือ คนที่มีเชื้อธาลัสซีเมีย “แฝง” อยู่ในร่างกาย เพราะงั้นคนที่เป็นพาหะจะมีสุขภาพที่แข็งแรงปกติเหมือนคนทั่วไปนี่แหละ ไม่ได้ออกอาการอะไร แต่อาจจะเลือดจางนิดหน่อย โรคธาลัสซีเมียนี้เป็นโรคที่ติดต่อได้ทางพันธุกรรม เพราะงั้น หากทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะทั้งคู่ ลูกที่คลอดออกมาก็สามารถเป็นโรคธาลัสซีเมียได้ถึง 25% เลยนะ พูดง่ายๆ คือ พาหะก็เหมือนมีโรคอยู่ครึ่งนึง แม่มีครึ่ง พ่อมีครึ่ง พอมารวมกัน ลูกก็มีโอกาสที่จะได้รับโรคนี้ไปเต็มๆ เลยนั่นเอง แต่คุณแม่ก็อย่าเพิ่งกังวลเกินไปนะคะ เพราะหากคุณหมอตรวจพบว่าทั้งพ่อและแม่เป็นพาหะแล้ว ขั้นต่อไปคุณหมอจะดูว่าเป็นธาลัสซีเมียชนิดไหน เพราะถ้าเป็นคนละชนิดกัน ก็หายห่วง! พาหะธาลัสซีเมียมีกี่ชนิด แล้วต่างกันยังไง? พาหะธาลัสซีเมียมี 2 ชนิด ก็คือ อัลฟ่ากับเบตา อัลฟ่านี่จะค่อนข้างรุนแรง แต่มากน้อยก็แล้วแต่ยีนส์ที่แฝงอยู่นั่นแหละ ส่วนถ้าเป็นกลุ่มเบตาก็จะไม่ค่อยรุนแรงเท่าไหร่ […]
อุ่นนมแม่ น้ำนมแม่ สารอาหารที่มากไปด้วยคุณประโยชน์ที่จำเป็นต่อการเติบโตของลูกน้อย และสร้างภูมิคุ้มกันที่สำคัญให้กับลูกน้อย ในปัจจุบัน คุณแม่จึงมักนิยมให้ลูกได้ทานน้ำแม่มากขึ้น แต่ด้วยภาระที่คุณแม่ที่ไม่สะดวกต่อการให้น้ำนมลูกได้ตลอดเวลา จึงทำให้คุณแม่นิยมปั้มนมใส่ถุงสต๊อกนำไปแช่เย็นไว้อย่างดี และในเวลาที่ลูกหิวก็นำนมแม่ออกมาอุ่นให้กับลูกน้อยกิน ซึ่งวิธีนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณแม่ได้เป้นอย่างมากอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็น คุณพ่อ คุณตา คุณยาย ใครๆก็สามารถนำนมมาอุ่นแล้วก็ป้อนให้กับลูกน้อยได้ แต่ทุกคนรู้กันไหวว่า ถ้าอุ่นนมผิดวิธี จะทำให้น้ำนมแม่นั้นเสียคุณค่าทางอาหารไป วันนี้ทาง BABY GIFT EXPERT จึงจะมาแชร์วิธีการ การอุ่นนมที่ถูกวิธีให้กับทุกคนได้รู้กันค่ะ ก่อนอื่นที่จะไปรู้วิธีการการอุ่นนม เรามารู้จักกันก่อนว่าก่อนอุ่นนมที่ดี มีข้อห้ามหรือข้อแนะนำอะไรบ้าง วิธีการอุ่นนมแม่แบบทั่วไป อุ่นนมแม่ด้วยวิธีแบบทั่วไปนั้นใครๆก็สามารถทำได้ แต่ข้อเสียของวิธีการนี้คือ อุณหภูมิน้ำอาจจะไม่อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเวลา ต้องใช้ระยะเวลา มีความยุ่งยาก และหลายขั้นตอน ทำให้คุณพ่อ คุณแม่ ที่ไม่สะดวก หรือไม่มีเวลามาก อาจจะไม่เหมาะกับวิธีการนี้ และที่สำคัญยังไม่ทันต่อการใช้งาน เพราะบางครั้งลูกน้อยอาจจะหิวไม่เป็นเวลา หรือตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วร้องทานนม อุ่นนมแม่ […]
น้ำนมแม่ คืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย องค์การอนามัยโลกหรือ WHO และยูนิเซฟ มีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ด้วยการให้นมแม่ทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด และควรให้นมแม่แก่ลูกน้อยเพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด ตลอดจนให้นมแม่ต่อเนื่อง ควบคู่กับอาหารเสริมที่มีคุณค่า ปลอดภัยและเหมาะกับอายุ ตั้งแต่เดือนที่ 6 ไปจนถึงลูกอายุ 2 ปี หรือมากกว่า หรือนานที่สุดตราบเท่าที่ลูกและแม่ยังมีความต้องการนมแม่อยู่ ด้วยเพราะนมแม่มีคุณค่าสารอาหารครบถ้วนเพื่อพัฒนาลูกทุกด้านทั้งด้านสมอง ความฉลาด การเจริญเติบโต อารมณ์จิตใจ แถมการให้นมแม่ยังช่วยให้ครอบครัวประหยัด นมแม่สะอาด และสะดวกในการเลี้ยงลูกน้อย ทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่หลังคลอดทุกคนตั้งใจที่จะให้นมแม่หลังคลอดทันที ตลอดจนมองหาอุปกรณ์ช่วยในการให้นมแม่ได้สำเร็จ เพื่อให้ลูกรักได้ประโยชน์จากนมแม่อย่างเต็มที่และยาวนาน “ เครื่องปั๊มนม ” ถือเป็นอุปกรณ์อย่างหนึ่งที่ช่วยให้คุณแม่ยุคใหม่ให้นมแม่ได้สะดวกมากขึ้น และเป็นตัวช่วยสำคัญในการปั๊มนมเพื่อทำสต๊อกนมแม่ไว้ในยามที่ต้องไปทำงาน ทำให้คุณแม่หลายๆ บ้านต้องซื้อเป็นของใช้ประจำตัว แต่ก็มีคุณแม่หลายท่านมีคำถามว่าเครื่องปั๊มนมนั้นจำเป็นหรือไม่? เพราะลูกน้อยทารกสามารถดูดนมจากเต้าคุณแม่ได้ เราจึงมาชี้ให้เห็นถึงข้อดีของเครื่องปั๊มนมว่ามีความจำเป็นหรือช่วยคุณแม่ได้แค่ไหน พร้อมคำแนะนำว่าคุณแม่ควรซื้อเมื่อไร จึงจะใช้งานได้ดีและคุ้มค่าที่สุด เครื่องปั๊มนม ช่วยแม่ให้นมลูกได้อย่างไรบ้าง? เครื่องปั๊มนมได้ เลือกซื้อได้ตามทรัพย์และสไตล์ครอบครัว สำหรับบางบ้านที่คุณแม่สะดวกและมีเวลาเต็มที่เพื่อให้ลูกน้อยได้ดูดนมจากเต้าตลอดเวลา ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะอาจไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปั๊มนมได้ แต่จากสื่อและข้อมูลต่างๆ จะเห็นว่าเครื่องปั๊มนมในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย หลายราคา ทำให้คุณแม่สามารถเลือกซื้อหาได้หลายแบบหลายชนิดตามกำลังทรัพย์ของตัวเอง […]