ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? ชวนเช็กลิสต์อาหารที่คุณแม่ไม่ควรกิน เพื่อสารอาหารที่ดีที่สุดให้กับลูกน้อย !

การดูแลตัวเองในช่วงให้นมเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถสร้างน้ำนมได้อย่างเพียงพอ ซึ่งนอกจากวิธีต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่แล้ว การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมด้วยอาหารการกินก็จะทำให้แม่มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถให้นมลูกได้อย่างปลอดภัยและเต็มที่อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณแม่มาดูแลตัวเองในช่วงให้น้ำนม ตามมาดูกันค่ะ ว่าคุณแม่ให้นมควรกิน หรือไม่ควรกินอะไรบ้าง
เช็กลิสต์ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? ชวนคุณแม่เช็กกินอะไรได้บ้าง ช่วงให้นม !
นอกจากการดูแลตัวเองแบบพื้นฐาน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายที่ไม่หนัก เช่น เดิน โยคะ ว่ายน้ำ ดูแลจิตใจให้ไม่เครียด รวมถึงการเลี่ยงสารเสพติดทุกชนิดแล้วนั้น คุณแม่ที่ให้นมลูก ห้ามกินอะไรอีกบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม ลองมาดูรายละเอียดกันต่อดีกว่าค่ะ

ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ?
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงให้นมมีอะไรกันบ้าง BabyGift เตรียมข้อมูลมาให้ด้วยกัน 7 ข้อ แต่ละข้อมีรายละเอียดยังไงมาดูกันค่ะ
- แอลกอฮอล์ : อันดับแรกเลยที่ห้ามเด็ดขาด คือแอลกอฮอล์ค่ะ เพราะว่าเมื่อดื่มเข้าไปแล้วจะถูกดูดซึมเข้าสู่น้ำนมได้ภายในระยะเวลา 30-60 นาทีหลังจากดื่ม และปริมาณแอลกอฮอล์ในน้ำนมจะคงอยู่นานประมาณ 2-3 ชั่วโมงต่อการดื่ม 1 แก้ว มีผลทำให้ทารกนอนไม่หลับ ซึม กระสับกระส่าย และที่สำคัญคือส่งผลต่อพัฒนาการทางสมองของลูกอีกด้วย
- คาเฟอีน : จริงๆ แล้วจะไม่แนะนำให้กินของที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนค่ะ แต่หากไม่ไหวจริงๆ ก็สามารถกินได้นะคะ แต่ควรจำกัดปริมาณไม่เกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากคาเฟอีนจะถูกขับออกทางน้ำนมประมาณ 1% ของปริมาณที่แม่ได้รับ ซึ่งทารกจะไม่สามารถขับคาเฟอีนออกจากร่างกายได้ดีเท่ากับผู้ใหญ่ ดังนั้นหากได้รับคาเฟอีนมากเกินไป อาจทำให้ทารกนอนไม่หลับ กระสับกระส่ายได้นั่นเองค่ะ
- อาหารรสจัด : อาหารรสจัดอาจส่งผลให้น้ำนมของแม่มีรสชาติเปลี่ยนไป เมื่อลูกน้อยดื่มน้ำนมที่มีรสจัด อาจทำให้เกิดอาการ เช่น หงุดหงิด ร้องไห้ไม่หยุด นอนไม่หลับ รู้สึกไม่สบายตัว ตื่นบ่อย เป็นต้น
- อาหารทะเล : แม้ว่าอาหารทะเลจะอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น โปรตีนและกรดไขมันโอเมก้า 3 แต่แม่ให้นมก็ควรระมัดระวังในการกินค่ะ เนื่องจากอาหารทะเลบางชนิดอาจมีการปนเปื้อนของสารปรอท ซึ่งอาจส่งผ่านไปยังน้ำนม ส่งผลเสียต่อระบบประสาทส่วนกลาง และพัฒนาการของทารกได้ แต่หากจำเป็นต้องกินให้เลือกที่สด สะอาด คุณภาพดี และกินในปริมาณที่พอเหมาะค่ะ
- ผลไม้รสเปรี้ยว : คุณแม่ให้นมลูก ห้ามกินอะไร ? หนึ่งในสิ่งที่ควรเลี่ยงก็คือ ผลไม้รสเปรี้ยวที่มีปริมาณกรดสูง เช่น ส้ม, มะนาว นั่นเองค่ะ เพราะหากว่าแม่กินมากเกินไป อาจส่งต่อน้ำนมทำให้ลูกอาจมีอาการ จุกเสียด แน่นท้อง รู้สึกไม่สบายตัว มีผื่นคันตามผิวหนัง หรือผื่นผ้าอ้อม ซึ่งหากคุณแม่ต้องการเสริมวิตามินซีในน้ำนม ก็สามารถเลือกกินผลไม้รสเปรี้ยวที่ไม่ได้มีกรดมากเกินไป เช่น สับปะรด หรือมะม่วง แทนได้ก็จะไม่ส่งผลต่อน้ำนมมากนักค่ะ
- ผักตระกูลกะหล่ำ : แม่ให้นมควรระวัง หรือหลีกเลี่ยงการกินผักตระกูลกะหล่ำ เช่น กะหล่ำปลี, กระหล่ำดอก, บล็อกโคลี่ เป็นต้น เนื่องจากผักเหล่านี้อาจทำให้ทารกเกิดลมในกระเพาะ รู้สึกไม่สบายท้อง ท้องอืด แน่นท้องได้นั่นเอง
- กลุ่มอาหารที่มีโปรตีนสูง : อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น นมถั่วเหลือง ข้าวสาลี ข้าวโพด และถั่วต่างๆ เป็นกลุ่มที่คุณแม่ให้นมไม่ควรกินค่ะ เนื่องจากเมื่อเด็กได้กินน้ำนมของแม่ที่กินอาหารพวกนี้แล้ว อาจทำให้เด็กมีโอกาสเกิดอาการแพ้ได้ เช่น ผื่นคัน หายใจมีเสียงดัง เป็นลมพิษ รวมถึงอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด แน่นท้องจากก๊าซ หรือท้องเสียได้

แล้วให้นมลูก ควรกินอะไร ?
สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมลูกนั้น นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มพวกโปรตีน ธัญพืช แป้งไม่ขัดสี กินผลไม้ และดื่มน้ำให้มากพอแล้วนั้น BabyGift จะขอแนะนำเพิ่มเติมอีก 3 อย่าง ดังนี้ค่ะ
- กระเทียม : ถึงแม้ว่าเราจะแนะนำไปว่า ให้นมลูก ห้ามกินอะไรที่มีรสจัด แต่มีข้อมูลที่ระบุว่ากระเทียมกลับมีประโยชน์ เพราะมีสารอัลลิซินที่ช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำนม ทำให้แม่สามารถผลิตน้ำนมได้มากขึ้น แต่ต้องกินในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไปนะคะ
- หัวปลี : หัวปลี คือส่วนดอกของต้นกล้วยที่มากไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ไม่ว่าจะเป็น แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินเอ วิตามินซี แถมยังมีคาร์โบไฮเดต โปรตีน และกากใยอาหารจึงช่วยบำรุงเลือดให้กับคุณแม่หลังคลอด ช่วยขับน้ำนม มีแคลอรี่ต่ำ ช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนัก เรียกว่าเป็นอาหารสุขภาพที่ดีทั้งกับคุณแม่ และกลุ่มผู้ลดน้ำหนัก หรือกินมังสวิรัติด้วยค่ะ
- ฟักทอง : หนึ่งในผักสารพัดประโยชน์ที่นิยมในหมู่คนลดน้ำหนัก นอกจากจะช่วยบำรุงสายตาแล้ว ช่วยเรื่องการขับถ่ายแล้ว ยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย แถมยังเป็นผักเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่หลังคลอดอีกด้วย และนอกจากอาหารคาวแล้ว ฟักทองยังเป็นวัตถุดิบชั้นดีในการทำของหวานที่อร่อย และได้ประโยชน์อีกด้วยค่ะ

ให้นมลูก กินน้ำอะไรได้บ้าง ?
สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมที่กำลังสงสัยว่า ถ้าให้นมลูก จะกินน้ำอะไรได้บ้างนั้น เรามีไอเดียสำหรับเครื่องดื่มมาให้ลองเลือกดังนี้ค่ะ
- น้ำดื่มสะอาด น้ำเปล่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับแม่ให้นม เพื่อส่งเสริมให้ร่างกายได้รับน้ำที่เพียงพอ ให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้เพียงพอนั่นเองค่ะ
- น้ำผลไม้ 100% เช่น น้ำมะพร้าว นอกจากจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสดชื่นแล้ว ยังเป็นแหล่งวิตามินซี แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ควรระวังน้ำตาลที่สูงในผลไม้ ดังนั้นควรดื่มแต่พอดีนะคะ
- น้ำขิง จะช่วยทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้ผลิตน้ำนมได้ดีขึ้นตามไปด้วย
สำหรับนมประเภทต่างๆ เช่น นมวัว นมถั่วเหลือง ฯลฯ ควรระมัดระวังในการดื่ม เนื่องจากลูกของเราอาจจะแพ้ หรือท้องอืดได้ค่ะ

คุณแม่ให้นม ควรออกกำลังกายแบบไหน ต้องระวังอะไรบ้าง ?
สำหรับคุณแม่ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อน ก็ไม่ควรออกกำลังกายหนักทันที เพราะอาจทำให้เหนื่อยล้า ปวดเมื่อยได้ค่ะ แต่ว่าหากเป็นคุณแม่ที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว การออกกำลังกายจะทำให้มีกรดแลกติกเพิ่มขึ้นในน้ำนม ซึ่งอาจทำให้น้ำนมมีรสขม และเปรี้ยว แต่ไม่ได้เป็นอันตรายนะคะ เพียงแค่ว่าลูกของเราอาจไม่อยากกินนมเพราะรสขมหรือเปรี้ยวได้ แต่หลังจากออกกำลังกาย 30 นาทีไปแล้ว ปริมาณกรดแลคติกก็จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติค่ะ จึงแนะนำคุณแม่ว่าควรให้นมลูก หรือปั๊มนมออกก่อนออกกำลังกาย หรือว่ารอ 30 นาทีหลังจากออกกำลังกายก่อนแล้วค่อยให้นมอีกครั้ง นอกจากนั้นคุณแม่ไม่ควรออกกำลังกายให้หนักจนเกินไป ควรออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ สำหรับคุณแม่ที่สนใจท่าบริหารร่างกายหลังคลอด เราเจอข้อมูลคำแนะนำจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ลองดูเพิ่มเติมได้เลยค่ะ
BabyGift แนะนำสินค้าเพื่อคุณแม่ให้นม

1. MOMMY BOOSTER น้ำหัวปลีน้ำผึ้งตะไคร้ 180 ml. แพค 15 ขวด
น้ำหัวปลีออร์แกนิค Mommy Booster ทำจากหัวปลีออร์แกนิคจากสวนเกษตรอินทรีย์ในจังหวัดนครปฐม ช่วยเพิ่มน้ำนมให้กับคุณแม่ มั่นใจในคุณภาพได้เพราะมีการรับรองด้วยงานวิจัยจากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่เติมน้ำตาล และสารการบูด บำรุงเลือด บำรุงครรภ์ และ บำรุงน้ำนม
จุดเด่น
- ดื่มได้ทั้งคุณแม่ตั้งครรภ์ และคุณแม่ให้นม ช่วยบำรุงเลือด บำรุงครรภ์ และบำรุงน้ำนม
- Mommy Booster มีส่วนผสมถึง 3 อย่าง ได้แก่ “น้ำหัวปลีเข้มข้น” ช่วยสร้างน้ำนม ทำให้น้ำนมข้น บำรุงเลือด มีการเติมความหวานจากธรรมชาติด้วย “น้ำผึ้ง” ไม่ต้องห่วงเรื่องอ้วน ปลอดภัย ไม่มีสารเคมี และ “ตะไคร้” ที่ช่วยล้างสารพิษ ช่วยลดการอักเสบ

2. BUNNE & MAMALADE เสื้อชั้นในปั๊มนม รุ่น Empow-Her สีดำ
BUNNE & MAMALADE เป็นเสื้อชั้นในปั๊มนมที่มาในดีไซน์ Sport เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ ไร้โครงเหล็ก แต่โอบอุ้มเต้านมให้ทรงสวยได้ตลอด เป็นมนุษย์แม่ก็เท่ ปั๊มนมได้แบบ Hands Free และสามารถทำกิจกรรมอื่นไปด้วยได้ มีให้เลือกทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีมินท์, สีดำ และสีเทา
จุดเด่น
- เป็นเสื้อในดีไซน์ Sport ที่เข้ากับทุกไลฟ์สไตล์ มี ตะขอหลัง 5 ระดับ ช่วยซัพพอร์ตคอ บ่า ไหล่
- ตัวเนื้อผ้าหลักเป็นคอตตอนสัมผัสนุ่มสบาย ตัวผ้าซับเต้าที่มีรูปั๊มเป็นผ้าใยไผ่ที่จะให้สัมผัสนุ่ม และไม่ระคายเคืองผิว ทำให้สวมใส่สบาย ระบายอากาศได้ดี ไม่อึดอัด

3. เครื่องปั๊มนม HAENIM 7X
HAENIM รุ่น 7X ตัวนี้ผลิต และนำเข้าจากประเทศเกาหลีค่ะ ผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. ไทย ปั๊มนมดูดลึกอย่างนุ่มนวล ปั๊มสบายไม่เจ็บเต้า ตอบโจทย์คุณแม่มือใหม่ คุณแม่ท้องแรกที่เพิ่งเคยปั๊มนม ปรับได้ทั้งความแรงและความเร็วรอบดูดในเครื่องเดียว เพิ่มทางเลือกให้ตรงใจแม่มากที่สุด ถึง 90 รูปแบบ
จุดเด่น
- ตัวกรวยปั๊มมีให้เลือก 2 แบบ คือ กรวยเคลือบซิลิโคน NexusFit™ ให้ความรู้สึกนุ่มถนอมหัวนม ไม่เจ็บเต้า ไม่ย้วยแบบซิลิโคนทั่วไป แถมยังมีปุ่มนวดกระตุ้น เหมาะสำหรับคุณแม่ที่เนื้อหน้าอกเยอะ และกรวยซิลิโคนแบบบางพิเศษ NexusFit™ Basic ออกแบบให้ไม่มีปุ่มนวด เหมาะสำหรับคุณแม่ที่เนื้อหน้าอกน้อย
- มีโหมดจดจำ ไม่ต้องตั้งค่าใหม่ ปั๊มนมครั้งต่อไปสะดวก ประหยัดเวลา
- มีโหมด Mute เปิด-ปิด ไร้เสียง มีโคมไฟและหน้าจอมีแสงไฟ ปั๊มกลางคืนได้โดยไม่ต้องเปิดไฟห้อง ไม่รบกวนลูกน้อยและคนรอบข้าง
- มีขวดนม PA (Polyamide) ใสเหมือนแก้ว ช่วยให้มองเห็นความผิดปกติของน้ำนมได้ดี
- ระบบ 1 มอเตอร์ คุณแม่สามารถเลือกปั๊มเดี่ยวหรือปั๊มคู่ได้ตามต้องการ และมีระบบหยุดอัตโนมัติ หลังการปั๊มนม 30 นาที เพื่อความปลอดภัย
ในระหว่างให้นม คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มบางประเภท เช่น แอลกอฮอล์ กาแฟ เนื้อสัตว์ดิบ อาหารทะเลที่มีสารปนเปื้อน รวมถึงอาหารรสเค็มหรือเผ็ดจัด เพื่อให้น้ำนมแม่มีคุณภาพดี เกิดประโยชน์สูงสุด และปลอดภัย เป็นประโยชน์ต่อลูกของเรานั่นเองค่ะ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการกระตุ้นน้ำนม ให้นมลูก อยากปรึกษาเรื่องให้นมลูก ห้ามกินอะไร ควรกินอะไรเพิ่มเติม หรือสนใจสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 6 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คุณแพรว เพชรแพรว อัครเตชวาทิน หรือแม่แพรว จากเพจ PRAEW ที่หลายคนรู้จักกันดีในบทบาทของ Influencer สายแม่และเด็ก ที่แชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกเชิงบวกได้อย่างดี ซึ่งเราจะเห็นได้จากกน้อง เฌอลินน์ ลูกสาวคนโตที่โตขึ้นมาเป็นเด็กอารมณ์ดี มีความสามารถ ทำให้ใครหลายๆคนหลงกับความน่ารักของน้อง เฌอลินน์ ไปตามๆกัน และล่าสุดต้องขอแสดงความยินดีกับคุณแพรว กับการคลอดลูกคนที่ 2 ที่มีชื่อว่า เมอฌินน์ หรือฉายา เจ้าลูกชิ้น ลูกชายคนแรกของแม่แพรวด่วยค่ะ และถ้าใครเคยตาม หรือเคยเข้าไปดูเพจ PRAEW จะรู้ว่า แม่แพรวจะ Post Content ให้ความรู้ แชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกไว้เป็นจำนวนมาก และล่าสุด คุณแพรวก็ได้แชร์ประสบการณ์การใช้คาร์ซีทในวันแรกที่พาน้อง เมอฌินน์ ออกจากโรงพยาบาล วันนี้ทาง BabyGift ขอนำมาแชร์ต่อค่ะ พร้อมพามาดูกันว่า คาร์ซีทที่น้อง เมอฌินน์ ใช้คือคาร์ซีทรุ่นไหน คุณแพรว ได้แชร์ไว้ว่า ทุกครั้งที่นั่งรถ แพรวต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีททุกครั้งค่ะ เพราะสำหรับแพรวความปลอดภัยของลูกคือสิ่งที่สำคัญที่สุด สำหรับคาร์ซีทที่แพรวเลือกให้เมอคือ คาร์ซีท Ailebebe Kurutto ค่ะ อันนี้เป็นรุ่น 6 รุ่นใหม่ของเค้าค่ะ คุณแพรว ยังบอกอีกว่า ที่แพรวเลือกรุ่นนี้เพราะแพรวมั่นใจคือเรื่องความปลอดภัยของเค้าค่ะ เค้ามีเทคโนโลยีพิเศษที่เพิ่มความปลอดภัยที่ทำให้เมอปลอดภัยมากขึ้นเวลาที่นอนอยู่บนคาร์ซีท วัสดุดีมาก! มีมาตรฐานรองรับจากโรงงานประเทศญี่ปุ่นและความปลอดภัยระดับยุโรป เบาะก็ Support ดี สบาย ระบายอากาศได้ ไม่อึดอัดเลยค่ะ ปรับเอนนอนได้ นั่งทุกครั้งเมอฌินน์หลับปุ๋ยตลอด ติดตั้งง่ายด้วยระบบ Isofix ที่สำคัญที่มามี๊แฮปปี้ที่สุด […]
เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ทุกที่นั่งจะต้องมีป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 เป็น มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท เพื่อบ่งชี้ว่าเบาะตัวนั้นๆได้ผ่านตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย ป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 จะเป็นป้ายสีส้ม มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตาม Group และแบ่งแยกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งหมด 4 ประเภท (4 Categories) ตามการติดตั้งและการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้เราทราบว่าเบาะนั้นๆออกแบบมาสำหรับรถเราหรือไม่ มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตามภูมิภาค จากข้อมูลในหัวข้อนี้คงพอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจความหมายและทราบถึงรายละเอียด ข้อมูลของเบาะนั้นจากป้ายมาตรฐาน ตลอดจนเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองในการเลือกซื้อเบาะให้เหมาะกับลูกหลานและรถ ที่มีแนวทางการใช้งานเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ในครั้งแรกๆ เด็กๆอาจจะร้องเพราะกลัวการถูกล็อค แต่ถ้าเขาคุ้นเคยเสียก่อน ก็จะลดการร้องไม่ยอมของเด็กได้ การที่เด็กๆร้องก็จะทรมาณใจพ่อแม่เพราะสงสารลูกๆและเป็นสาเหตุทำให้ละเลยการใช้งานเบาะนิรภัยในครั้งต่อๆไป เพราะว่าเด็กที่นั่งอยู่ในเบาะนิรภัยจะมีการป้องกันการชนด้านข้างต่ำ การนั่งในตำแหน่งกลางจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับแรงกระแทก แต่ทั้งนี้รถควรจะเป็นรถขนาดใหญ่ที่เบาะกลางมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถติดตั้งตรงเบาะกลางได้ การติดตั้งทางฝั่งซ้ายหรือขวาก็สามารถทำได้ โดยที่ฝั่งตรงข้ามคนขับ (ฝั่งเดียวกับฟุตบาท) จะปลอดภัยกว่าฝั่งคนขับ สำหรับการใช้งานเบาะนิรภัยร่วมกับรถปิกอัพให้ติดตั้งด้านหน้าข้างคนขับและห้ามใช้ถุงลมในที่นั่งด้านข้างคนขับ 1. เด็กสูงเพียงพอที่ขาและเข่าของเขาสามารถนั่งห้อยขาได้เบาะนั่งรถได้พอดี2. เด็กโตพอที่จะสามารถนั่งตัวตรง หลังพิงพนักพิงได้ตรง3. เข็มขัดนิรภัยของรถส่วนล่างจะต้องรัดได้ตรงส่วนกระดูกเชิงกรานไม่ใช้รัดตรงท้อง4. เข็มขัดที่พาดส่วนบ่าจะต้องพาดผ่านมาตรงส่วนหน้าอก […]
ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ เชื้อไวรัสโคโรน่า มีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง คนเป็นเพิ่มขึ้นวันละ 30 กว่าคนทุกวัน ลักษณะการแพร่ระบาดอยู่ในระยะที่ 2 และคนส่วนใหญ่ก็เพียงแค่ตามหาหน้ากากอนามัยที่ตอนนี้ราคาแพงขึ้นเป็นเท่าตัว หรือแม้แต่เจลแอลกอฮอล์ที่มีการทำปลอมแปลงออกมาอีกมากมายเพราะหวังกอบโกยเงิน ในช่วงวิกฤต แบบนี้ แต่บริษัทประกันต่างๆ กลับออกกรมธรรม์ประกัน เชื้อไวรัสโคโรน่า เพื่อช่วยเหลือสำหรับผู้ที่เกิดการติด เชื้อไวรัสโคโรน่า อย่างแท้จริง และทุกประกันก็ให้ความสะดวกสบายยิ่งขึ้น เมื่อตรวจพบเจอโรค ก็จ่ายทันที (Update 15/03/63) สินทรัพย์ประกันภัย แผน4 ** นอกจากนี้ ยังได้รับความคุ้มครองเพิ่ม กรณีประสบอุบัติเหตุ หากเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพ จะได้รับเงินประกัน และค่าปลงศพ 2,000-8,000 บาท ตามข้อกำหนดของแต่ละกรมธรรม์ โดยเงื่อนไขสำหรับผู้เอาประกันภัย ต้องมีอายุระหว่าง 1-99 ปี แต่จะไม่คุ้มครองสภาพที่เป็นมาก่อนการเอาประกันภัย (Pre-Existing Condition) ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต SCB แผน B – Covid 19 Plus แผน 3 สินมั่นคงประกันภัย ประกันภัยการติด เชื้อไวรัสโคโรน่า กรุงเทพประกันภัย ประกัน เชื้อไวรัสโคโรน่า วิริยะประกันภัย Covid Shield แผน […]
เชื่อว่าอาการปวดหลังหรืออาการปวดเมื่อยตามร่างกายนั้น ต้องเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเคยสัมผัสมาก่อน โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องนั่งหรืออยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน ๆ และก็อาจจะมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างเบาะยางพาราและเบาะเมมโมรี่โฟมเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัสดุดังกล่าวให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายและช่วยคลายความปวดได้ แต่ทราบหรือไม่คะว่า ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เรียกว่า Vetagel (เวทาเจล) ซึ่งเป็นวัสดุเจลประเภทหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้เร็ว และลดแรงกดทับได้ดีกว่ามาก ทั้งยังเป็นที่นิยมในประเทศเกาหลีอีกด้วย vetagel คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีประโยชน์ทางด้านสุขภาพของเราอย่างไร ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ Vetagel คือ อะไร ? ชวนรู้จักเจลชนิดพิเศษเพื่อสุขภาพ นำเข้าจากเกาหลีใต้ vetagel คือวัสดุเจลชนิดหนึ่ง เป็นเจลใสสีเขียวชนิดพิเศษ ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ เนื้อเจลจะมีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูงมาก แม้มีแรงกดทับหนัก ๆ ก็ไม่เสียรูปทรงง่าย สามารถกระจายแรงกดทับได้ดีและคืนตัวได้เร็ว เมื่อเรากดลงไปในเนื้อเจล เนื้อเจลจะเด้งดึ๋งคืนตัวทันที (Fast Recovery Property) ทำให้เกิดแรงกดทับได้น้อยมาก ๆ ซึ่งแตกต่างจากวัสดุชนิดอื่น ๆ เช่น เมมโมรี่โฟมหรือยางพาราที่เมื่อเราใช้มือกดลงไป วัสดุจะค่อย ๆ คืนตัวช้า ๆ […]
แม้ตอนนี้ข่าว PM2.5 จะดูซาๆ ลงไป เพราะมีข่าวดังอย่าง COVID-19 มาแทนที่ แต่คุณแม่ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะเจ้าฝุ่นนี้ก็ยังคงไม่ได้หายไปไหนนะคะ ความน่ากลัวคือเจ้าฝุ่นนี้มันมีขนาดเล็กมาก มากจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เรียกได้ว่าเล็กพริกขี้หนูของจริง เพราะถึงจะมีขนาดเล็ก แต่ภัยร้ายนั้นขอบอกว่าเพียบ โดยเฉพาะต่อกลุ่มเสี่ยงอย่าเด็ก สตรีมีครรภ์ และคนชรา ส่วนหนึ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์เป็นเป้าหมายของเจ้าฝุ่นตัวร้ายนี้ก็เพราะ ในช่วงตั้งครรภ์นี้คุณแม่จะมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าปกติค่ะ ทำให้เวลาคุณแม่หายใจเอาเจ้าฝุ่นเล็กๆ เหล่านี้เข้าไป มันจะส่งผลร้ายต่อร่างกายของคุณแม่ได้รุนแรงกว่าคนทั่วไป เรามาดูกันดีกว่าว่าโรคร้ายอะไรบ้างที่อาจเกิดจากฝุ่น PM2.5 ได้ โรคร้ายที่สามารถเกิดได้จากฝุ่น PM2.5 1. โรคมะเร็งปอด เมื่อเราหายใจนำฝุ่นเข้าไป ฝุ่นที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเหล่านี้จะสามารถวิ่งเข้าไปได้ลึกถึงถุงลมปอดเลยล่ะค่ะ ซ้ำร้าย บางส่วนของฝุ่นอาจจะซึมผ่านถุงลมปอดเข้าไปในกระแสเลือดอีก ทำให้เกิดเส้นเลือดอุดตันต่างๆ ตามมา และการที่ฝุ่นเข้าไปนี้เองที่ทำให้ระบบในร่างกายแปรปรวนจนทำให้เซลล์พยายามกลายพันธุ์ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่ไม่เหมือนเดิม ซึ่งก็อาจจะร้ายแรงถึงขั้นที่จะเปลี่ยนเป็นมะเร็งเลยนะ 2. โรคหัวใจและหลอดเลือด อย่างที่บอกไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าฝุ่น PM2.5 นั้นสามารถซึมผ่านถุงลมปอดได้ง่ายๆ ทำให้มันสามารถแทรกซึมไปทั่วทั้งร่างกายโดยเฉพาะในกระแสเลือด เมื่อสะสมเป็นจำนวนมากๆ เข้า จะทำให้เส้นเลือดอุดตัน เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หากปล่อยให้เรื้อรังอาจเกิดเส้นเลือดตีบได้เลยค่ะ 3. โรคทางเดินหายใจ โรคทางเดินหายใจเป็นโรคที่เกิดจาก PM2.5 ที่พบได้มากที่สุด เนื่องจากทางเดินหายใจเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญกับเจ้าฝุ่นพวกนี้ การที่เราหายใจเอาฝุ่นเข้าไปจำนวนมากนั้นจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายจมูก โรคทางเดินหายใจที่เรารู้จักกันดี […]
คุณแม่ฉีดวัคซีนกันหรือยังงงงง อย่ามัวแต่รีรอนะ เพราะว่าวัคซีนนั้นสำคัญมาก แต่ใครที่ฝากท้องกับคุณหมอแล้วก็ไม่ต้องห่วงค่ะ เดี๋ยวคุณหมอก็จะนัดฉีดเอง คุณแม่บางคนอาจจะสงสัยว่าเวลาท้องแล้วจะต้องฉีดวัคซีนอะไรบ้าง วันนี้เราเลยนำความรู้เกี่ยวกับวัคซีนที่สำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มาฝากกันค่ะ ปกติแล้วการได้รับวัคซีนของคุณแม่ท้องจะแบ่งเป็น 2 ช่วง ก็คือช่วงก่อนตั้งครรภ์กับช่วงระหว่างตั้งครรภ์ ด้านล่างคือวัคซีนต่างๆ ที่สำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ค่ะ 1. วัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน (Rubella Vaccine) ใครเตรียมตัวเป็นคุณแม่ก็ไปฉีดวัคซีนตัวนี้ล่วงหน้าสัก 3 เดือนเป็นอย่างน้อยนะคะ อ๊ะๆ คนที่ยังไม่ได้ฉีดกำลังตกใจกันอยู่ใช่มั้ย อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่เคยฉีดวัคซีนตัวนี้ก่อนท้อง คุณแม่ก็แค่ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆ ในช่วงที่ท้องสามเดือนแรก หลักๆ คืออย่าไปที่ที่มีคนพลุกพล่าน เพราะมันเป็นแหล่งรวมเชื้อโรคเลยล่ะ ยิ่งถ้าไปเจอคนที่ไอหรือจามหรือเป็นไข้อะไรพวกนี้ด้วยแล้วก็ยิ่งเสี่ยงเข้าไปใหญ่เลย เพราะถ้าหากคุณแม่ติดเชื้อไวรัสหัดเยอรมันตัวนี้เข้าในช่วงที่ท้องสามเดือนแรก มันจะส่งผลให้ลูกในท้องมีความพิการที่อวัยวะต่างๆ เช่น ตา หู หัวใจ แขน ขาหรือสมองได้ค่ะ คุณแม่ที่เป็นหัดเยอรมันจะมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดธรรมนี่แหละ แต่จะแถมด้วยผื่นขึ้นตามตัว แต่ว่าถ้าคุณแม่ติดเชื้อไวรัสนี้ในช่วงเดือนท้ายๆ ก็ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะลูกของเราจะไม่ได้รับผลกระทบจากเชื้อนี้เนื่องจากเค้าเจริญเติบโตเต็มที่แล้ว 2. วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี (Hepatitis B Vaccine) ไวรัสตัวนี้พบเยอะมากได้ประเทศไทยค่ะ คนที่เป็นก็จะแสดงอาการไม่เหมือนกันหรอก แต่ถ้าเป็นขั้นรุนแรงแล้วล่ะก็สามารถเสียชีวิตได้เลยค่ะ คนที่เป็นโรคนี้หนักๆ ตัวจะเหลือง อ่อนเพลียมากตลอดเวลาแล้วตับก็จะถูกทำลาย เจ้าเชื้อตัวนี้สามารถติดจากแม่สู่ลูกในท้องได้ แต่ก็ไม่ได้มีผลร้ายแรงอะไรนะคะ ที่บอกว่าติดต่อก็คือว่า ถ้าเกิดคุณแม่มีเชื้อนี้ […]