แม่ท้องต้องตรวจคัดกรองอะไร ใน 3 ไตรมาส

แม่ท้องต้องตรวจคัดกรองอะไร ใน 3 ไตรมาส

เมื่อรู้ว่ากำลังตั้งครรภ์ คุณแม่เคยสงสัยไหมว่าตลอดเวลา 9 เดือนที่ลูกน้อยอยู่ในท้องนั้น ต้องตรวจอะไรบ้าง แม้กระทั่งในวันไปฝากครรภ์คุณหมอก็จะต้องขอตรวจหลายอย่างจากคุณแม่ เพื่อตรวจเช็กสุขภาพ โรคประจำตัว และความเสี่ยงต่างๆ เพื่อการดูแลให้คุณแม่มีครรภ์คุณภาพตลอดเวลา

เราจึงมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจคัดกรองต่างๆ เพื่อสุขภาพคุณแม่และลูกน้อยตลอด 3 ไตรมาส เพื่อให้คุณแม่ได้รู้ว่าในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์ จะต้องเข้ารับการตรวจอะไร ควรจะเลือกตัดสินใจตรวจแบบไหน รวมถึงการตรวจคัดกรองต่างๆ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร เหมาะกับคุณแม่วัยไหนบ้าง

แม่ท้องต้องตรวจอะไร? จำเป็นแค่ไหนนะ?

การตรวจคัดกรองและตรวจเช็กสุขภาพต่างๆ ของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ถือเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะผลของการตรวจต่างๆ จะช่วยประเมินสุขภาพและความปลอดภัยทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ได้รู้ถึงความเสี่ยงต่างๆ ในขณะตั้งครรภ์  ได้ตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรม โรคภัยแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์ ภาวะอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ประเมินอายุครรรภ์และการคลอด รวมถึงยังทำให้ได้รู้ความเสี่ยงอาการดาวน์หรือความผิดปกติของโครโมโซมอื่นๆ ที่สำคัญ ตลอดจนได้รู้โครโมโซมเพศของลูกน้อยในครรภ์อีกด้วย

ซึ่งการตรวจต่างๆ นี้จะช่วยให้คุณแม่สามารถดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ดูแลสุขภาพลูกน้อยให้แข็งแรงได้ดี และคุณหมอจะยังสามารถให้คำแนะนำคุณแม่ในการปฏิบัติตัว การดูแลรักษาโรคภัยต่างๆ และให้คำแนะนำคุณแม่ในการตัดสินใจคลอดอีกด้วย  เรียกว่าหากคุณหมอแนะนำให้คุณแม่ตรวจอะไร ควรตัดสินใจและเชื่อมั่นในหมอและตัวเองไว้ดีที่สุดค่ะ

การตรวจคัดกรองคุณแม่ตั้งครรภ์ 1-3 เดือน (14 สัปดาห์แรก)

  • ฝากครรภ์ครั้งแรก

คุณแม่จะต้องถูกซักประวัติ ตรวจปัสสาวะ เจาะเลือด เพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ ตรวจน้ำตาลในเลือด ตรวจหากรุ๊ปเลือด ตรวจโรคทางพันธุกรรม เช่น ธาลัสซีเมีย ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น เอดส์ ซิฟิลิส กามโรค ตับอักเสบบี ตับอักเสบซี รวมถึงการตรวจเช็กมะเร็งปากมดลูก (กรณีคุณแม่มีข้อบ่งชี้)

  • การตรวจคัดกรองความผิดปกติของลูกน้อยไตรมาสแรก (First Trimester Screening)
  1. ตรวจอัลตราซาวนด์ เพื่อดูอายุครรภ์ กำหนดเวลาคลอด ดูการตั้งครรภ์นอกมดลูก รู้จำนวนลูกน้อยในครรภ์ และวินิจฉัยโรคขณะตั้งครรภ์
  2. ตรวจเลือดเพื่อคัดกรองความผิดปกติทางพันธุกรรมของลูกน้อยในครรภ์ ร่วมกับอัลตร้าซาวนด์เพื่อวัดความหนาของสันคอลูกน้อย(วัดความหนาของน้ำที่สะสมบริเวณต้นคอทารก)เพื่อประเมินภาวะดาวน์ซินโดรม หรือ NT (Nuchal Translucency) โดยใช้เครื่องอัลตร้าซาวนด์วัดความหนาบริเวณต้นคอของลูกน้อยในครรภ์ ซึ่งหากตรวจพบว่าลูกมีผนังคอหนามากกว่าปกติ อาจสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่จะมีโครโมโซมผิดปกติหรือเป็นดาวน์ซินโดรมได้ (โดยคุณหมออาจจะมีการตรวจสารชีวเคมีและฮอร์โมนในเลือดคุณแม่ตั้งครรภ์อีก 2 ชนิด (PAPP-A กับ Free Beta hCG) เพิ่มเติมได้อีก เพื่อให้ผลแม่นยำยิ่งขึ้น
  3. ตรวจเลือดคุณแม่เพื่อคัดกรองความผิดปกติของลูก NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) หรือ NIPS (Non-Invasive Prenatal Screening) สามารถทำได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 10-12 สัปดาห์ ไปจนถึง 14 -18 สัปดาห์ เป็นนวัตกรรมการตรวจคัดกรองลูกน้อยในครรภ์แบบใหม่ที่นิยมใชกันมากขึ้น เนื่องจากสามารถค้นหาความผิดปกติหรือตรวจโครโมโซมลูกน้อยในครรภ์ได้จากเลือดคุณแม่ โดยไม่มีผลกระทบต่อลูกน้อยหรือไม่มีความเสี่ยงต่อการแท้งนั่นเอง

คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถรับการตรวจ NIPT ซึ่งเป็นการตรวจที่ปลอดภัยและมีความแม่นยำสูง ได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 10 สัปดาห์ขึ้นไป โดยการตรวจชนิดนี้ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์ลำดับเบส (Next Generation Sequencing) ในการวิเคราะห์หาความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้สามารถตรวจคัดกรองได้ค่อนข้างมาก ทั้งการความผิดปกติของโครโมโซมต่างๆ  ที่บอกถึงกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม กลุ่มอาการเอ็ดเวิร์ด กลุ่มอาการพาทัวร์ และยังสามารถบอกโครโมโซมเพศของลูกน้อยให้คุณแม่รู้ได้อีกด้วย

4.การตรวจชิ้นเนื้อรก (CVS) ที่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยรู้จัก แต่เป็นการตรวจที่แม่นยำ  ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมใช้วิธีนี้กันมากนัก ยกเว้นในรายที่มีช้อบ่งชี้สูง ด้วยวิธีการที่ต้องทำผ่านทางหน้าท้องหรือปากมดลูก ฅโดยใช้หลอดดดูดคีบตัวอย่างรกมาตรวจ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแท้ง และต้องทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ วิธีนี้จึงไม่ได้ใช้กันในปัจจุบัน

การตรวจคัดกรองคุณแม่ตั้งครรภ์ 4-6 เดือน (15 – 28 สัปดาห์)

  • เจาะน้ำคร่ำ (Amniocentesis)

เป็นวิธีการตรวจที่ให้ผลความแม่นยำมาก เนื่องจากสามารถตรวจได้ทุกโครโมโซมของลูกน้อยทั้งหมด ที่บอกความเสี่ยงของกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมได้แม่นยำ บอกเพศและความผิดปกติต่างๆ ได้ถูกต้อง แต่การเจาะน้ำคร่ำถือเป็นหัตถการที่มีความเสี่ยงต่อการแท้งลูก เนื่องจากต้องใช้เข็มเจาะทะลุผ่านหน้าท้องคุณแม่  ทำให้ปัจจุบันการเจาะน้ำคร่ำ จะใช้เมื่อจำเป็นต้องหาผลแน่นอนเท่านั้น หรือเมื่อคุณแม่เจาะเลือดแล้วพบความผิดปกติ คุณหมอจึงจะแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำเพื่อยืนย้นผลให้แม่นยำยิ่งขึ้น

  • ตรวจเลือดคุณแม่ในไตรมาสสอง แบบ Second Trimester Blood Test  หรือแบบ Quadruple Test

เป็นการเจาะเลือดคุณแม่เพื่อหาสารชีวเคมีและฮอร์โมน ตรวจหาความเสี่ยงของกลุ่มอาการดาวน์ซินโดรมของลูกน้อย  ความผิดปกติของโครโมโซม วิเคราะห์สุขภาพลูกน้อย  ซึ่งปัจจุบันไม่ค่อยนิยมใช้มากนักเนื่องจากมีการเจาะเลือดตรวจแบบ NIPT ที่ทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ให้ผลแม่นยำ และมีความเสี่ยงต่อการแท้งน้อยมาทดแทนวิธีนี้มากขึ้น

  • ตรวจพิเศษคัดกรองเบาหวาน

สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะความเสี่ยงเบาหวานขณะตั้งครรภ์  อาทิ เคยคลอดลูกตัวใหญ่น้ำหนักเกิน 4 กิโลกรัม  มีน้ำหนักเกินขณะตั้งครรภ์ มีอายุมาก มีประวัติเบาหวานในครอบครัว หรือคุณแม่เองเป็นเบาหวาน คุณหมออาจพิจารณาให้ตรวจน้ำตาลเบาหวานในเลือด ด้วยการเจาะเลือดแบบพิเศษ ด้วยวิธีการให้อดอาหารก่อน แล้วดื่มน้ำตาลกลูโคสหรือน้ำหวาน แล้วงเจาะเลือดอีกหลายครั้ง เพื่อวินิจฉัยและหาแนวทางรักษาคุณแม่ต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้คุณแม่มีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ จนส่งผลทำให้มีอาการความดันโลหิตสูง ครรภ์เป็นพิษ คลอดก่อนกำหนด หรือภาวะแทรกซ้อนอันตรายอื่นๆ

  • ตรวจเลือดคุณแม่เพื่อคัดกรองความผิดปกติของลูก NIPT

คือการเจาะเลือด เพื่อตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์จากเลือดคุณแม่ ดูความเสี่ยงดาวน์ซินโดรมและอื่นๆ  ซึ่งหากคุณแม่ไม่ได้ทำในช่วงไตรมาสแรก ก็สามารถทำในไตรมาสที่สองได้ ซึ่งการตรวจคัดกรองกลุ่มอาการดาวน์วินโดรมนี้ มักแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์อายุมากกว่า 35 ปีได้ทำ เนื่องจากมีโอกาสที่ลูกน้อยจะเป็นดาวน์ซินโดรมสูงถึง 1 ใน 250 และยิ่งอายุของแม่มากเท่าไหร่ ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงขึ้น  ซึ่งปัจจุบันแม้คุณแม่จะมีอายุน้อยก็สามารถตรวจคัดกรองได้เพื่อความมั่นใจยิ่งขึ้น

  • ตรวจอัลตราซาวนด์หน้าท้อง อัลตราซาวน์ปากมดลูก/วัดความยาวปากมดลูก 

คุณหมอจะนัดคุณแม่ตรวจอัตราซาวน์ทางหน้าท้อง ซึ่งปัจจุบันมีทั้งแบบ 2 มิติ 3 มิติ และ 4 มิติ  เพื่อตรวจสุขภาพครรภ์ อายุครรภ์ การเติบโต รายละเอียดของอวัยวะ เพศ  โครงสร้างและตำแหน่งของลูกน้อย  ดูตำแหน่งรก

รวมถึงอาจมีการอัลตราซาวนด์ปากมดลูก ในช่วงอายุครรภ์ที่ 22-24 สัปดาห์ หรือการวัดความยาวของปากมดลูก เพื่อวิเคราะห์และป้องกันการคลอดก่อนกำหนด เป็นการตรวจเช็กและลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด สำหรับคุณแม่ที่มีความเสี่ยงหรือเคยคลอดก่อนกำหนดมาก่อน

  • ตรวจความเสี่ยงครรภ์เป็นพิษ

เป็นการเจาะเลือดตรวจ(PIGF และ sFIT-1)ที่เน้นเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีข้อบ่งชี้สำคัญและจำเป็น เพื่อประเมินความเสี่ยงของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ  เช่น คุณแม่ที่มีประวัติตั้งครรภ์ผิดปกติ คุณแม่ที่มีอายุมาก เคยตั้งครรภ์และมีความดันโลหิตสูง ตั้งครรภ์แฝด วิธีการตรวจคือเจาะเลือด นำสารที่บ่งชี้ภาวะครรภ์เป็นพิษมาวัดระดับโปรตีนสำคัญ 2 กลุ่ม แล้วนำมาคำนวณว่ามีระดับผิดปกติหรือไม่

การตรวจคัดกรองคุณแม่ตั้งครรภ์ 7-9 เดือน (29 – 42 สัปดาห์)

  • ตรวจอัลตราซาวนด์

คุณแม่ไตรมาสที่สามบางท่าน อาจจะมีนัดทำอัลตราซาวนด์อีกครั้ง เพื่อตรวจขนาดมดลูก ตรวจสุขภาพลูกน้อยในครรภ์ ดูการเติบโต ฟังเสียงหัวใจลูก สังเกตการดิ้น ดูส่วนนำของลูกน้อยเพื่อเตรียมการคลอด คาดคะเนน้ำหนักลูกน้อย และพิจารณาวิธีการคลอดที่ปลอดภัยสำหรับคุณแม่และลูกน้อย

  • การตรวจอื่นๆ

สำรับคุณแม่ตั้งครรภ์บางท่านที่มี่ความเสี่ยงหรือมีปัจจัยบ่งชี้ภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ขณะตั้งครรภ์ และอาจมีผลต่อการคลอด คุณหมออาจมีการแนะนำให้ตรวจด้วยวิธีการอื่นๆ เพิ่มเติมได้แก่ การเจาะเลือดดูภาวะซีด สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะซีด  การตรวจน้ำตาลในเลือด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากความดันโลหิตสูง เบาหวาน และครรภ์เป็นพิษได้

คำแนะนำเพิ่มเติม การตรวจดังกล่าวทั้งหมด คุณหมอสูติจะเป็นผู้ให้คำแนะนำคุณแม่ในการเลือกตรวจว่าควรทำแบบไหนบ้าง และควรทำในช่วงเวลาเท่าไร มีค่าใช้จ่ายอย่างไร ซึ่งคุณแม่บางท่านอาจจะไม่ได้รับการตรวจคัดกรองข้างต้นในทุกแบบได้ ขึ้นอยู่กับความเสี่ยง ปัจจัยสุขภาพ และการตัดสินใจของแต่ละครอบครัว

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

ในช่วงที่คุณแม่เริ่มตั้งครรภ์มักมีการท้องผูก เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ระบบการขับถ่ายเริ่มเปลี่ยนไปด้วย วิธีแก้ท้องผูกสำหรับคนท้องกับ 7 อาหารช่วยให้คุณแม่ท้อง หมดปัญหาเรื่องท้องผูกอีกต่อไป ตำลึงเป็นผักไม้เลื้อยที่ปลูกง่ายมีขายทั่วไปที่สำคัญนำมาปรุงอาหารจานอร่อยก็แสนจะง่าย เช่น แกงจืดตำลึง ตำลึงผัด น้ำมันหอย เป็นต้น และอย่างที่รู้ดีว่า ผักใบเขียวเป็นแหล่งสารอาหารสำคัญอย่างเบต้าแคโรทีนที่มีส่วนในการบำรุงสายตาและมีเส้นใยอาหารอยู่มากด้วยค่ะ กุยช่ายเพราะเป็นผักที่มีกลิ่นแรงคะแนนความนิยมอาจไม่มากแต่ประโยชน์ทางสารอาหารสิ่งที่ได้เรียกว่ามากโขค่ะ ไม่ว่าเบต้าแคโรทีน แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต และฟอสฟอรัส มีเส้นใยอาหารที่ดีต่อระบบการย่อยอาหาร ฉะนั้นถ้าไม่ฝืนความรู้สึกเกินไปกับการกินก็ไม่น่าพลาดกับเมนูกุยช่ายผัดกับเนื้อสัตว์ ลูกพรุนไม่ว่าพรุนสด พรุนเมล็ด หรือน้ำลูกพรุนสกัดแบบสำเร็จรูป เป็นทางเลือกหนึ่งในการกินแก้อาการท้องผูกที่ช่วยให้คุณแม่ขับถ่ายได้สะดวกยิ่งขึ้น เพราะผลไม้ประเภทนี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์มีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อนๆ ค่ะ กล้วยผลไม้ดีๆ ที่กินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่มีให้เลือกหลายชนิดตามความชอบไม่ว่าจะเป็น กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ ที่สำคัญกินได้ทั้งปี ราคาไม่แพง ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายช่วยใช้ขับถ่ายสะดวก มะละกอสุกอีกหนึ่งผลไม้หากินง่ายราคาเบาๆ มากด้วยคุณค่าด้านโภชนาการไม่ว่าวิตามินบี1 บี2 และเบต้าแคโรทีน รวมถึงประโยชน์ทางยา แก้เรื่องท้องผูก เหมาะเป็นผลไม้มื้ออาหารว่างของแม่ท้องทีเดียว น้ำนอกจากร่างกายมีความจำเป็นต้องได้รับน้ำอย่างพอเพียงเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายโดยผ่านการดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ8 แก้ว การดื่มน้ำยังเป็นวิธีที่ช่วยให้ระดับขับถ่ายทำงานได้ดีเป็นปกติด้วยค่ะ ข้าวกล้องบางครั้งก็เรียกว่าข้าวแดง ข้าวซ้อมมือ ข้าวอนามัย ที่มีความต่างทางสีสัน ด้านคุณค่าทางสารอาหารแบบข้าวหอม เพราะอุดมด้วยสารอาหารมีสรรพคุณเป็นยาอาหารสุภาพของใครหลายๆ คน โดยเฉพาะเรื่อองกากใยอาหารในข้าวกล้องนั้นถูกค้นพบว่า มีส่วนช่วยป้องกันอาการท้องผูก เป็นข้อเสนอดีๆ ในการเลือกกินค่ะ ขอขอบคุณข้อมูลจาก : mother&care

รีวิวลูกค้าที่น่ารักจาก Baby Gift Showroom นะคะ…^^ …วันนี้คุณแม่อารมณ์ดีจร้า อากาศเย็นสบายลูกชายก็อารมณ์ดี ไม่งอแง ให้กินก็กิน ให้นอนก็นอน คุณแม่เลยได้พักผ่อนนอนกลางวันอย่างเต็มอิ่ม หลับยาวๆไป พออารมณ์ดี แล้วอากาศก็ดี แดดอ่อนๆ ตอนเย็นๆ ก็เลยคิดว่าจะพาลูกออกมาเดินเล่นสักหน่อย แม่ลูกจะไปยังไงกันอะหรอ ถ้าอุ้มเดินไปคงไมไหว คุณแม่มีตัวช่วยที่ดีที่จะพาลูกออกไปเที่ยวนอกได้อย่างสบายๆ แอ่น แอน แอ๊น !!!! รถเข็นเด็ก Aprica รุ่นใหม่ล่าสุดจร้า รุ่น Optia เพิ่งไปถอยมาไม่กี่วันนี้เอง บอกเลยชอบมาก ใช้ทุกวันคร้า เข็นเดินเล่นในบ้านบ้าง ออกนอกบ้านบ้าง ไปช้อปปิ้งก็สบาย ก็เพราะคุณสมบัติที่สุดยอดไปเลย คุณสมบัติแบบ Double เลิศเล่อเพอร์เฟคที่สุด ไหนๆก็ต้องออกมาเดินเล่น ก็ขอรีวิวซ่ะหน่อยน๊า!!! ก่อนจะซื้อรถเข็นเด็กก็เลือกแล้วเลือกอีก ดูหลายๆยี่ห้อ มีทั้งราคาแพงเว่อวัง แต่คุณสมบัติก็ไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนไอ้ที่ราคาถูกๆก็เหมือนจะพังง่าย และก็เข็นน่าลำบากเหลือเกิน โยกไปโยกมาทั้งคัน ลูกนั่งคงเวียนหัวแย่!!! แต่กับรถเข็นเด็ก Aprica รุ่นใหม่ล่าสุด รุ่น Optia ลองเข็นพื้นเรียบก็เข็นง่าย แต่พอลองเข็นกับสนมหญ้าแล้ว ว้าวเลยค่ะ […]

…แต่ก็ไม่ง่ายเลย ให้คาร์ซีทเป็นเก้าอี้วิเศษของเด็กๆ ประสบการณ์จากคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่อยากแชร์ให้ทุกๆบ้านฝึกลูกนั่งคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยของลูกๆ วิธีนี้พิสูจน์แล้วได้ผลแน่นอนค่ะ แต่ช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ อ่านจบแล้วนำไปฝึกกับลูกๆเราได้เลยค่ะ ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆ เรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ”  คาร์ซีทของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย 1. สร้างความผูกพันกับคาร์ซีท อนุญาตให้ลูกเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งคาร์ซีทของตัวเองได้ เอาให้ถูกใจเลยเพราะต้องนั่งไปอีกนาน 2. มอบรางวัล บอกลูกว่า เราจะออกเดินทางได้ก็ต่อเมื่อล็อกสายรัดนิรภัยเรียบร้อย แล้วลูกจะรีบทำตัวน่ารักเพราะอยากไปเที่ยว แต่ถ้ากำลังพาไปหาหมอ อาจให้ขนมเป็นรางวัลได้ 3. เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าโยเยนัก ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่ลูกกำลังอินดีกว่า แค่นี้ก็เผลอจดจ่อกับการโม้เรื่องเจ้าหญิงกับฮีโร่ จนไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองถูกจับนั่งคาร์ซีทเรียบร้อยแล้ว (มุกนี้ไม่เหนื่อย แถมสนุกดีด้วย) 4. เตรียมของเล่นแก้เบื่อ ควรมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ในรถ แนะนำว่าควรเป็นของเบาๆ และไม่แข็ง เช่น หนังสือผ้า เพราะคุณอาจโดนลูกเอาของในมือปาใส่ขณะขับรถ […]

หากคุณกำลังเข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายและกังวลว่าจะต้องเตรียมอะไรบ้างก่อนวันคลอด การรู้ว่าของเตรียมคลอดมีอะไรบ้างจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่วางแผนได้อย่างเป็นระบบ ไม่ต้องเร่งรีบในนาทีสุดท้าย การมีเช็กลิสต์ของเตรียมคลอดที่ครบถ้วนจะทำให้การต้อนรับสมาชิกใหม่เป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข ของเตรียมคลอดมีอะไรบ้างสำหรับทารก การเตรียมของใช้สำหรับลูกน้อยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยและความสบายเป็นหลัก ทารกแรกเกิดมีผิวที่บอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ของเตรียมคลอดมีอะไรบ้างสำหรับคุณแม่ คุณแม่ต้องเตรียมของใช้ที่จำเป็นทั้งระหว่างการคลอดและหลังคลอด เพื่อความสะดวกสบายในการฟื้นฟู ของเตรียมคลอดมีอะไรบ้างสำหรับคุณพ่อ คุณพ่อเป็นกำลังใจสำคัญและต้องเตรียมพร้อมอยู่เคียงข้างคุณแม่ตลอดการคลอด การเตรียมของใช้ที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณพ่อดูแลครอบครัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียมก่อนคลอด เอกสารเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้สำหรับการเข้าโรงพยาบาลและการทำเนียบหลังคลอด อย่าลืมจัดเตรียมให้ครบถ้วน ของใช้หลังคลอดสำหรับคุณแม่ หลังการคลอดลูก คุณแม่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษทั้งร่างกายและจิตใจ การเตรียมสินค้าแม่และเด็กที่เหมาะสมจะช่วยในการฟื้นฟู ของใช้หลังคลอดสำหรับทารก ทารกแรกเกิดต้องการการดูแลที่ละเอียดอ่อน การมีเช็กลิสต์ของเตรียมคลอดสำหรับลูกจะช่วยให้การดูแลเป็นไปอย่างราบรื่น สรุปบทความ การรู้ว่าของเตรียมคลอดมีอะไรบ้างและการมีเช็กลิสต์ของเตรียมคลอดที่ครบถ้วนจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่เตรียมตัวได้อย่างมั่นใจ การเตรียมความพร้อมล่วงหน้าทั้งของใช้และจิตใจจะทำให้การต้อนรับสมาชิกใหม่เป็นประสบการณ์ที่ดี BabyGift พร้อมเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจความต้องการของครอบครัวใหม่ เราให้คำปรึกษาด้วยใจจริง ไม่เร่งขาย เพราะเชื่อว่าการเตรียมตัวที่ดีคือของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย

ลูกไม่ยอมกินข้าว เป็นปัญหาที่พบเป็นประจำของหลาย ๆ บ้านเลยนะคะ สำหรับเรื่องการกินข้าวยากของลูกน้อย โดยเฉพาะคุณหนูวัย 1 ปีขึ้นไป ที่เริ่มเดินได้คล่อง เริ่มวิ่งได้บ้าง พอถึงเวลากินข้าวเมื่อไหร่ ก็ทำให้คุณพ่อคุณแม่หนักใจไม่น้อยเลย ทั้งกินข้าวน้อย อมข้าว ห่วงเล่นจนใช้เวลานานเกินไปสำหรับอาหาร 1 มื้อ แต่ปัญหาการกินของลูกรับมือได้ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแต่ต้องให้เวลา ให้ความเข้าใจ และต้องใจแข็งนิดหน่อย คุณพ่อคุณแม่ก็จะช่วยให้ลูกมีวินัยในการกินมากขึ้นได้ มาลองฝึกลูกน้อยไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ ฝึกให้ลูกทานข้าวเป็นเวลา ให้คุณแม่ทำข้อตกลงกับลูกว่า เข็มนาฬิกาชี้เลขนี้ เวลานี้ คือเวลาทานอาหาร ลูกควรจะหยุดเล่น แล้วมาทานข้าวด้วยกัน หลังทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วลูกค่อยกลับไปเล่นต่อ หรือ จะบอกลูกว่าเวลานี้ต้องทานอาหาร ลูกคือคนสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่อยากทานข้าวด้วย เราต้องทานพร้อมกัน เพื่อฝึกให้ลูกรู้จักเวลาของมื้ออาหาร และรู้ว่าทุก ๆ คนในบ้านก็ทำเหมือนกัน สร้างบรรยากาศการทานอาหารให้ลูก การทานอาหารร่วมกันก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สร้างวินัยการทานอาหารให้ลูกได้ พ่อ แม่ ลูก ร่วมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน ไม่ปล่อยให้ลูกทานคนเดียว หรือ แยกโต๊ะลูกออกไป ก็จะช่วยสร้างบรรยากาศการทานอาหารให้ลูก ให้ลูกรู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญในบ้าน เป็นเหมือนผู้ใหญที่ได้นั่งโต๊ะกินข้าวด้วยกัน ฝึกให้ลูกนั่งเก้าอี้ทานข้าวสำหรับเด็ก คุณพ่อคุณแม่ห้ามตามป้อนข้าว […]

ห้องนอนเด็กอ่อน เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หากกำลังวางแผนที่จะมีลูกน้อย หรือบางครอบครัวคุณแม่อาจกำลังตั้งครรภ์ และเตรียมพร้อมที่จะจัดบ้าน จัดห้องนอนเพื่อต้อนรับลูกน้อย เพราะห้องนอนที่ดีของลูกน้อยวัยทารกจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพ พัฒนาการและอารมณ์จิตใจในอนาคต ด้วยเพราะลูกน้อยทารกต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน และการนอนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้โกร๊ธฮอร์โมน หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหลั่งเต็มที่ ทำให้ลูกเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่ดีและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งหากลูกน้อยนอนหลับไม่เต็มที่ หรือมีสิ่งต่างๆ รบกวนเวลานอน ทำให้นอนไม่เพียงพอ ลูกจะงอแง หงุดหงิดง่าย เติบโตได้ไม่ดี แถมยังส่งผลต่ออารมณ์จิตใจ ทำให้เป็นเด็กเลี้ยงยากและอารมณ์ไม่ดี  ยิ่งหากห้องนอนไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุไว้อย่างดี  ลูกก็อาจจะมีอันตรายในขณะนอนจนถึงชีวิตได้อีกด้วย ฉะนั้นการเตรียมพร้อมเรื่องนอนให้ลูกทารก จึงเป็นเรื่องที่ทุกบ้านต้องพิถีพิถันใส่ใจ ควรเลือกซื้อ จัดวางและเตรียมพร้อมให้ลูกในแบบที่ถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย จะดีที่สุด 5 เรื่องต้องคิด ก่อนเตรียม ห้องนอนเด็กอ่อน ก่อนเลือกซื้อและจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ในห้องเด็กอ่อนให้ลูกน้อย มีเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาเป็นสำคัญนั่นคือ การเลือกห้องนอนให้ลูก ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ 5 เรื่อง นั่นคือ Checklist ห้องนอนเด็กอ่อน ต้องมีอะไรบ้าง เตียงนอน   ควรเป็นเตียงนอนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งเตียงนอนเด็กอ่อน ควรเป็นเตียงที่มีความมั่นคงแข็งแรง และเป็นเตียงใหญ่พอที่จะใช้สำหรับให้ลูกเวลาโตได้อีกระยะหนึ่ง เตียงไม่มีมุมหรือเหลี่ยมแหลมคมที่เป็นอันตราย  หากเป็นเตียงที่มีซี่กรง ควรมีความถี่ของซี่กรงรอบเตียงหรือราวกันตกห่างกันไม่เกิน 6 […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages