วิธีการ ทำสต๊อกน้ำนมแม่

เพราะนมแม่ คือสุดยอดอาหารมื้อแรกและเป็นอาหารที่ดีที่สุดของลูกน้อย   คุณแม่ทุกท่านจึงตั้งใจมอบคุณค่าน้ำนมแม่นี้ให้แก่ลูกรักได้นานที่สุดและมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  โดยส่วนใหญ่มักจะเตรียมพร้อมตั้งแต่ตั้งครรภ์ และหลังคลอดก็ให้นมแม่จากเต้าทันทีและเต็มที่  และเชื่อว่าคุณแม่ทุกคนยอ่มวางแผนที่จะ ทำสต๊อกน้ำนมแม่ เพื่อให้ลูกได้กินนมแม่ในช่วงที่ต้องไปทำงาน และมีน้ำนมเก็บไว้ให้ลูกได้กินต่อเนื่องยาวนาน

แต่การ ทำสต๊อกน้ำนมแม่ นอกจากคุณแม่ต้องมีวินัยในการปั๊มนมสม่ำเสมอทุกๆ 2-3 ชั่วโมงอย่างต่อเนื่องแล้ว  คุณแม่จำเป็นเรียนรู้ข้อมูลและอุปกรณ์ต่างๆ ในการเก็บน้ำนมแม่ เพื่อให้น้ำนมแม่ที่นำมาให้ลูกกินในภายหน้ายังมีคุณค่าครบถ้วนเต็มที่  ให้ลูกรักมีพัฒนาการดีทุกด้าน  เก่ง ฉลาด และสุขภาพแข็งแรงอยู่เสมอ

ฉะนั้นมาดูกันว่า วิธีการทำสต๊อกน้ำนมแม่ต้องทำอย่างไร

อุปกรณ์ ทำสต๊อกน้ำนมแม่

เครื่องปั๊มนม 

เป็นผู้ช่วยสำคัญที่ทำให้คุณแม่ได้ปั๊มนมเก็บไว้ และกระตุ้นให้น้ำนมมาได้มากอย่างต่อเนื่อง และสามารถปั๊มนมแม่ได้ ตั้งแต่ที่บ้านไปจนถึงเมื่อต้องกลับไปทำงาน ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องปั๊มนมให้เลือกมากมาย หาซื้อได้ง่ายทั้งทางออนไลน์และห้างสรรพสินค้าต่างๆ

โดยคุณแม่ควรพิถีพิถันหาข้อมูล และเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมที่ถูกใจ เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน รวมถึงการใช้งานเมื่อต้องไปทำงานนอกบ้านหรือออกข้างนอก เช่น คุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้าน กับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูก อาจจะต้องเลือกเครื่องปั๊มนมที่ให้ความสะดวก และมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันนั่นเอง

เครื่องปั๊มนมยุคใหม่ ก็มีให้คุณแม่ได้เลือกมากมายหลายแบบ หลายการใช้งานและหลายราคา อาทิ เครื่องปั๊มนมชนิดปั๊มมือ  เครื่องปั๊มนมชนิดใช้แบตเตอรี่ และ เครื่องปั๊มนมชนิดใช้ไฟฟ้า  แถมยังมีทั้งแบบที่ปั๊มนมเดี่ยวข้างเดียว แบบปั๊มนมได้คู่พร้อมกันสองข้าง รวมถึงสามารถชาร์จไฟจากพาวเวอร์ได้อีกด้วย สิ่งสำคัญคือการเลือกเครื่องปั๊มนมที่ได้มาตรฐาน มีแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับหรือได้รับความนิยมจากคุณแม่ทั่วไป ราคาเหมาะสม และใช้งานได้สะดวกในแบบของคุณแม่และครอบครัว

ถุงเก็บน้ำนม 

จำเป็นต้องมีเพื่อเก็บน้ำนมที่คุณแม่ปั๊มไว้มาเก็บแช่ไว้ในตู้เย็น โดยถุงเก็บน้ำนมที่ดีควรทำจากวัสดุที่ปลอดภัยในเกรดบรรจุอาหาร(Food Grade) ไม่มีสารและสีอันตราย เช่น ปราศจาก BPA ใช้สีเกรดอาหาร อาจเป็นถุงซิปล็อก 2 ชั้น ที่มีการซีลขอบข้างหนาพิเศษ ป้องกันการรั่วซึม คงทนแข็งแรงไม่ฉีกขาดง่าย สะอาดผ่านการฆ่าเชื้อ มีช่องหรือฉลากที่ให้คุณแม่สามารถเขียนวันและเวลาในการเก็บน้ำนมได้ในแบบที่หมึกไม่เลอะเลือนหรือจางหายไปได้ง่ายๆ

ยิ่งเป็นถุงเก็บน้ำนมที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้งจากสากลและกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทยได้ยิ่งดี

ขวดนม จุกนม 

เช่นเดียวกับการเลือกถุงเก็บน้ำนม คือต้องสะอาดปลอดภัย ผลิตจากวัสดุปลอดภัยเกรดอาหาร ไม่มีสารเคมีหรือวัสดุที่อันตรายหรือสะสมสารปนเปื้อน  ทนความร้อน  เลือกขนาดที่เหมาะกับการกินของลูกน้อย รวมถึงขนาดจุกนมที่ให้ลูกดูดก็ต้องเหมาะสมด้วย เช่น ลูกวัยทารกต้องใช้จุกนมไซส์ S และเปลี่ยนขนาดไซส์ขวดนมและจุกนมตามวัยที่ลูกโตขึ้น

อุปกรณ์ทำความสะอาด 

ได้แก่ น้ำยาล้างขวดนมจุกนม ที่ต้องเลือกที่มีส่วนผสมอ่อนโยน ปลอดภัย จากธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง  ไม่มีสารตกค้างที่เป็นอันตราย   รวมถึง ควรเตรียม แปรงล้างขวดนมและจุกนม ไว้ด้วย

เครื่องนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม

เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยคุณแม่ฆ่าเชื้อหลังจากทำความสะอาดล้างขวดนมแล้ว ให้ปราศจากเชื้อได้หมดจดมากยิ่งขึ้น  ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องนึ่งขวดนมให้เลือกมากมาย ใช้งานได้สะดวกหลายฟังก์ชั่น  มีทั้งแบบนึ่งด้วยไอน้ำ อบด้วยแสงยูวี และอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะสามารถนึ่งหรือฆ่าเชื้ออุปกรณ์ของใช้อื่นๆ ของลูกได้ด้วย โดยคุณแม่สามารถเลือกซื้อหาได้ในร้านขายอุปกรณ์ของใช้สำหรับลูกน้อยชั้นนำได้ทันที

แผ่นซับน้ำนม

จำเป็นสำหรับคุณแม่เวลาใส่เสื้อผ้า เพราะหากไม่มีแผ่นซับน้ำนมไว้ น้ำนมแม่อาจจะซึมออกมาเลือกเสื้อชั้นในและเสื้อผ้าได้

วิธีการ ทำสต๊อกน้ำนมแม่

  1. ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนปั๊มนม หรือเตรียมนมให้ลูกกิน
  2. เตรียมภาชนะเก็บนมที่สะอาด มีฝาปิดมิดชิด เช่น ขวดนม ถุงเก็บน้ำนม  ไม่ใส่ขวดหรือถุงพลาสติกเก็บอาหารทั่วไป
  3. ปั๊มน้ำนมแม่เก็บไว้ในถุงเก็บน้ำนม หรือขวดนม เสร็จแล้วล้างมือ และล้างอุปกรณ์ปั๊มนมให้สะอาดทุกชิ้น  ไม่ควรเทนมที่เพิ่งปั๊มใหม่ ไปรวมกับนมเก่าที่แช่แข็งไว้แล้ว  ควรแยกไว้ในแต่ละครั้งอย่างชัดเจน
  4. อย่าลืมเขียน วันที่ และเวลาในการเก็บนมไว้ที่ข้างถุงเก็บน้ำนมเสมอ
  5. เก็บนมแม่ที่ปั๊มไว้ ทำสต๊อกในตู้เย็น โดยนำถุงเก็บน้ำนมที่เขียนวันเวลาแล้ว แช่ไว้ในช่องแช่แข็งหรือช่องฟรีซ หรือหากเก็บไว้ช่องแช่แข็งธรรมดาก็สามารถทำได้  แต่จะมีระยะเวลาการเก็บที่จำกัด และควรนำมาใช้อย่างเหมาะสมดังนี้
การเก็บสต๊อกน้ำนมแม่ระยะเวลาที่เก็บได้
ตั้งทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง ไม่เข้าตู้เย็นเก็บได้ 1 ชั่วโมง
ตั้งทิ้งไว้ในห้องปรับอากาศ  (ไม่เข้าตู้เย็น)เก็บได้ 4 ชั่วโมง
กระติกน้ำแข็งที่มีน้ำแข็งตลอดเวลาเก็บได้ 1 วัน
ใส่ตู้เย็น ชั้นธรรมดาเก็บได้ 3-5 วัน
ตู้เย็นแบบ 1 ประตู ในช่องแช่แข็งเก็บได้ 1-2 สัปดาห์
ตู้เย็นแบบ 2 ประตู  ในช่องแช่แข็งเก็บได้ 3-6 เดือน
ตู้แช่เย็นจัด (-20 องศาเซลเซียส)เก็บได้ 6-12 เดือน

ระวัง *ไม่เก็บน้ำนมแม่บริเวณประตูตู้เย็นเพราะความเย็นจะไม่คงที่ ทำให้นมแม่เสียได้ง่าย

เมื่อคุณแม่ได้เรียนรู้วิธีการทำสต๊อกน้ำนมแม่ที่ถูกต้อง และการละลายนมสต๊อกก่อนให้ลูกกินแล้ว เชื่อว่าลูกน้อยของคุณแม่จะเติบโต แข็งแรง เก่ง ฉลาด มีสุขภาพและพัฒนาการที่ดีเยี่ยมเต็มที่  ด้วยเพราะได้พลังจากน้ำนมแม่ที่คุณแม่ทุ่มเททำสต๊อกเก็บไว้นี้นั่นเอง

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คุณแม่มือใหม่มักจะชอบถามว่า “ฝากท้องเมื่อไหร่ดี” คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ ตอนนี้เลยค่ะ! คุณแม่ควรรีบไปฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องนะคะ เนื่องจากระยะเวลาตลอด 40 สัปดาห์ที่ตั้งครรภ์นั้นถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะเวลาฝากครรภ์คุณแม่จะได้ยาบำรุงมาทานด้วย แถมยังได้รับการดูแลดีๆ จากคุณหมออีกต่างหาก เจอคุณหมอบ่อยๆ จะได้อุ่นใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาเกิดอาการแปลกๆ กับตัวเราด้วย เวลาไปฝากครรภ์คุณหมอคุณพยาบาลจะถามอะไรบ้างนะ? เวลาไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอและคุณพยาบาลจะถามคำถามเหล่านี้กับคุณแม่ค่ะ ตื่นเต้นจัง จะต้องตรวจอะไรบ้างนะ? ประโยชน์ของการฝากครรภ์มีอะไรบ้างนะ? นอกจากนี้ การพบคุณหมอทุกๆ เดือนก็จะทำให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจและได้รับการแนะนำว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละไตรมาสอีกด้วยค่ะ เวลาไปฝากครรภ์จะเตรียมเงินไปเท่าไหร่ดี ค่าใช้จ่ายนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลเลยค่ะ หากเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คุณแม่อาจใช้สิทธิ 30 บาทในการฝากครรภ์ได้ ส่วนถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน การฝากครรภ์แต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่าย มากน้อยขึ้นอยู่กับการตรวจรักษาในวันนั้นค่ะ หรือบางโรงพยาบาลอาจมีแพ็กเกจการฝากครรภ์แบบเหมาจ่ายด้วยนะ ฝากครรภ์ที่ไหนดีนะ เลือกไม่ถูกเลย คุณแม่สามารถไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกก็ได้นะ โดยโรงพยาบาลหรือคลินิกนี้ควรจะอยู่ใกล้บ้านหรือเดินทางได้สะดวก เพราะเมื่อคุณแม่เริ่มท้องแก่แล้วอาจมีปัญหาในการเดินทางได้ค่ะ สถานที่ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่คลอดไม่จำเป็นต้องเป็นที่่เดียวกันก็ได้นะคะ การฝากครรภ์นั้นไม่มีคำว่าเร็วเกินไป แต่หากคุณแม่ประวิงเวลาไม่ยอมไปฝากครรภ์หรือไปไม่ตรงตามที่คุณหมอนัดแล้วล่ะก็ จะส่งผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์ได้แน่นอนเลยล่ะ

ขวดนมเป็นอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นสำหรับทารกในช่วงแรกเกิด ยิ่งหากว่าคุณแม่จำเป็นต้องทำงาน หรือเดินทาง การใช้ขวดนมก็จะเป็นตัวช่วยที่บุคคลอื่นสามารถช่วยให้ลูกน้อยมีนมไว้กินได้ หรือในคุณแม่บางคนที่อาจจะมีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด ก็ใช้ขวดนมเป็นตัวช่วยได้อีกเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มความสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่เลี้ยงลูกน้อยเลยหล่ะค่ะ และในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปดูยี่ห้อขวดนมคุณภาพดี ราคามิตรภาพ พร้อมคำแนะนำต่างๆ ที่ควรรู้ในการเลือกซื้อขวดนมกันค่ะ  ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? รวมยี่ห้อดี คุณภาพแน่น ที่บรรดาคุณแม่ไว้วางใจ !  ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่องซื้อขวดนม ยี่ห้อไหนดี BabyGift ขอชวนคุณพ่อคุณแม่มาดูคำแนะนำในการเลือกซื้อขวดนมกันก่อนสักหน่อยค่ะ สิ่งที่ต้องโฟกัสก็คือ วัสดุ ที่มีทั้งแก้ว หรือพาสติก รูปทรงขวด จุกนม ความง่ายในการทำความสะอาด และที่สำคัญก็คือควรเลือกยี่ห้อที่มีคุณภาพ ใช้วัสดุที่ปลอดภัยต่อลูกน้อยของเราค่ะ สำหรับพ่อแม่มือใหม่ที่อยากเข้าใจวิธีการเลือกซื้อขวดนมให้มากขึ้นกว่านี้ เราเคยเขียนบทความไว้แล้วลองอ่านเพิ่มเติมกันดูนะคะ เอาหล่ะค่ะ ตอนนี้ได้เวลาของการแนะนำขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? ที่เราเลือกมาแนะนำแล้ว ตามไปดูยี่ห้อดีๆ กันเลยค่ะ BabyGift แนะนำ ขวดนม ยี่ห้อไหนดี ? 1. HAENIM ขวดนม รุ่น NOTHING™ ขนาด 5 ออนซ์ (ไม่รวมจุกนม)  หากกำลังมองหาขวดนมที่ใสเหมือนแก้ว มองเห็นน้ำนมชัดแจ๋วต้อง ต้องเลือกขวดนม จาก HAENIM รุ่น NOTHING™ นี้เลยค่ะ นี่คือขวดนมที่เป็น Medical […]

 ฝึกลูกกินข้าวเอง หรือคำที่คุ้นหูกันในปัจจุบันอย่าง BLW (Baby Led Weaning) คือวิธีการที่ให้ลูกรู้จักหยิบอาหารกินเอง โดยอาหารจะไม่ใช่พวกอาหารปั่น อาหารบด แต่เป็นอาหารที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีความนุ่ม และหยิบจับได้ วิธีการนี้จะทำให้ลูกได้รู้จักและคุ้นเคยกับอาหารที่เป็นของแข็งมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้เหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และสามารถนั่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีคนช่วย ฝึกลูกกินข้าวเอง มีประโยชน์อย่างไร           การให้ลูกกินข้าวเองนั้น นอกจากจะช่วยให้ลูกรู้จักอาหารที่เป็นของแข็งมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย และด้านความคิดอีกด้วย 1. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการกินของลูก            ฝึกให้ลูกกินข้าวเอง ช่วยให้ลูกมีความสุขกับการทานอาหารมากยิ่งขึ้น เพราะลูกได้สนุกกับการกิน สนุกกับการเลียนแบบท่าทางระหว่างการกินอาหาร ทำให้ไม่ต้องคอยหลอกล่อให้ลูกกินข้าว 2. ฝึกพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อมือ           การให้ลูกได้หยิบจับอาหาร ทำให้ได้ฝึกการใช้แรงของมือ แรกๆอาหารอาจจะมีร่วงหล่นจากมือบ้าง หรืออาหารเละคามือบ้าง แต่ก็เป็นการให้ลูกได้ฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อมือและน้ำหนักของมือ 3. ฝึกพัฒนาการการเคี้ยวและความคิด       […]

เมื่อลูกน้อยของเราเริ่มโตขึ้นและมีอายุ 6 เดือนขึ้นไป นอกจากการให้นมแม่แล้ว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนอาจจะกำลังมองหาอาหารเสริมอื่น ๆ ให้กับเด็ก ๆ เพื่อรับประทานร่วมกับนมแม่ เป็นการเพิ่มคุณค่าทางโภชนการให้ลูกน้อย ให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากขึ้น และยังเป็นการฝึกให้เริ่ม  กินอาหารชนิดอื่นนอกจากนมแม่อีกด้วย โดยทั่วไปแล้วเรามักจะคุ้นเคยกับวิธีการเตรียมอาหารบดละเอียดให้ลูก แต่ปัจจุบันมีการกินที่เรียกว่า BLW (Baby-Led Weaning) ที่เป็นการฝึกให้ลูกน้อยของเราได้ช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เล็ก และยังส่งผลดีต่อการพัฒนาการของลูกอีกด้วย BLW คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร และคุณแม่จะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ BLW คืออะไร ? ชวนรู้จักวิธีการฝึกลูกน้อยกินข้าวมื้อแรกด้วยตัวเอง ผู้ปกครองหลายคนอาจเกิดความสงสัยว่า BLW คืออะไร ? Baby – Led Weaning หรือ BLW คือการฝึกให้ลูกของเรากินอาหารได้ด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก โดยที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเตรียมอาหารปั่นหรืออาหารบดให้ลูกน้อย แต่เป็นการให้ลูกน้อยใช้มือหยิบจับอาหารนิ่ม ๆ เป็นชิ้นเล็ก ๆ และกินด้วยตัวเอง ให้ลูกได้ฝึกหยิบจับอาหาร ฝึกเคี้ยว และช่วยเหลือตัวเองตั้งแต่เด็ก จะนั่งกินเองหรือนั่งกินไปพร้อมกับคุณพ่อคุณแม่ก็ได้เช่นกัน โดยสามารถฝึกให้ลูกกินแบบนี้ได้ตั้งแต่อายุ 6 […]

แผ่นรองคลาน ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มจำเป็นที่ต้องมีในบ้าน ถึงแม้จะไม่อยู่ในลิสของใช้ลูกที่ต้องเตรียมไว้ก่อนคลอด แต่ก็ต้องทำความรู้จักกันไว้ล่วงหน้าซักนิด เพราะแผ่นรองคลาน ถือเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ในวันที่เขาเริ่มคว่ำตัว และเริ่มที่อยากจะคลาน ซึ่งอยู่ในช่วงวัย 4 – 5 เดือน เป็นต้นไป แล้วแผ่นรองคลานแบบไหนที่ดีต่อลูกน้อยที่สุด วันนี้ Babygift เตรียมคำตอบไว้ให้คุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ แผ่นรองคลานที่ทำจากโฟม EVA วัสดุประเภทโฟม EVA นั้น จะมีน้ำหนักเบา และสามารถตัดเป็นชิ้นได้ง่าย แผ่นรองคลานประเภทนี้ จึงมักจะทำมาในรูปแบบของตัวต่อจิ๊กซอว์ แบบแยกชิ้นส่วน ทั้งแบบตัวเลข หรือตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลูกฝึกต่อเล่น เสริมสร้างพัฒนาการได้ เมื่อถอดเป็นชิ้น ๆ สามารถใส่กระเป๋าพกพาได้ง่าย และมีราคาถูกที่สุดในบรรดาแผ่นรองคลานทุกชนิด แต่เนื่องจากน้ำหนักที่เบาเกินไป ทำให้แผ่นรองคลานไม่ยึดติดกับพื้นบ้าน เมื่อลูกฝึกเดินอาจทำให้ลื่นติดกับเท้า อาจทำให้ลื่นล้มได้ / วัสดุมีกลิ่น และมีสี ที่อาจเป็นอันตรายหากลูกสัมผัสและนำมือเข้าปาก / วัสดุเป็นโฟม จึงไม่ทนทานต่อการขีดข่วน เมื่อเด็กเล็กที่มีเล็บยาว ข่วน หรือจิกเวลาที่พยุงตัว ก็อาจจะทำให้ฉีกขาดได้ง่าย จึงใช้งานได้เพียงระยะสั้น / แผ่นที่แยกกันทำให้อาจเกิดร่อง ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และวัสดุชนิดนี้ไม่สามารถกันน้ำได้ […]

ลูกควรเลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่? อยากฝึกให้ลูกนั่งกระโถน นั่งชักโครกขับถ่ายเองได้เริ่มเมื่อไหร่ดี? คงเป็นคำถามที่คุณพ่อคุณแม่มักสงสัยกันใช่ไหมคะ เพราะการฝึกลูกให้เลิกใส่ผ้าอ้อม ฝึกลูกนั่งกระโถน ไปจนฝึกให้เข้าห้องน้ำเองได้ก่อนที่จะเข้าโรงเรียน ถือเป็นเรื่องสำคัญมาก แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพร้อมที่จะเลิกใส่ผ้าอ้อม พร้อมนั่งกระโถนแล้ว มาเช็กกันเลยค่ะ ทำไมต้องฝึกลูกเรื่องขับถ่าย  การฝึกลูกขับถ่ายให้เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางร่างกาย อารมณ์ ที่เหมาะสมตามวัย รวมถึงเป็นการปลูกฝังด้านสุขอนามัย ความสะอาด รู้จักร่างกายตัวเอง และรู้จักการช่วยเหลือตัวเองในเบื้องต้นได้ หากพ่อแม่ไม่สอนลูกเรื่องการขับถ่าย ปล่อยให้ขับถ่ายในผ้าอ้อมไปจนโต จะทำให้ลูกมีการขับถ่ายที่ไม่เหมาะสมตามวัย เมื่อลูกต้องไปโรงเรียน จะทำให้มีปัญหาในการดูแลความสะอาด อาจเกิดการขับถ่ายเล็ดราด หรือยังต้องใส่ผ้าอ้อมจนอึดอัด  ส่งผลเสียต่อการเรียนรู้ ส่งผลต่อพัฒนาการตามวัยได้ ฝึกลูกนั่งชักโครก เลิกใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ตอนไหน? วัยที่มีพัฒนาการและพฤติกรรมพร้อมพี่จะเริ่มฝึกได้ ควรเริ่มเมื่ออายุ 1 ปี – 1 ปี 6 เดือน และมักจะทำได้ดีตอนอายุ 2 ปี หรือเด็กบางคนอาจจะมาฝึกตอนอายุ  2 ปี และนั่งกระโถนได้เองตอนอายุ 3 ปี หรือบางคนอาจทำได้เมื่อโตกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความพร้อมและสัญญาณต่าง ๆ ที่แสดงออกมาทั้งทางร่างกาย การสื่อสาร และความต้องการของลูก ไม่ควรเกิดจากการบังคับลูก 8 สัญญาณที่บอกว่าลูกพร้อมนั่งกระโถนเองได้แล้ว 7 เทคนิคฝึกลูกขับถ่าย […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages