คนจะเป็นแม่ต้องรู้ 9 ข้อห้ามสำหรับคนท้องอ่อน

ขอแสดงความยินดีกับว่าที่คุณแม่คนใหม่ด้วยนะคะ! กำลังกังวลกันอยู่ใช่มั้ยล่ะ ว่าตอนท้องอ่อนๆ จะสามารถทำอะไรได้บ้างทำอะไรไม่ได้บ้าง วันนี้เราเลยนำเรื่องที่คุณแม่มือใหม่ควรหลีกเลี่ยงมาบอกกันค่ะ ไม่แปลกใจที่คุณแม่บางท่านจะกังวลมากๆ ในช่วงท้องอ่อน เพราะในช่วงสามเดือนแรกนั้น อวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยในท้องของคุณแม่ยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ค่ะ ดังนั้นในระยะนี้จึงมีความเสี่ยงต่อการแท้งมากกว่าในไตรมาสอื่นๆ ช่วงนี้คุณแม่ที่ท้องอ่อนๆ ต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรับประทานอาหาร สิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว หรือการใช้ยาต่างๆ ดังนั้น เรื่องความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ กังวลได้แต่อย่าเครียดนะ เพราะความเครียดก็เป็นสิ่งที่คุณแม่ต้องพึงระวังไว้ด้วย
- ลาก่อนอาหารดิบ

กำลังคิดจะไปทานแซลมอน ลาบก้อย หอยนางรมฉลองสมาชิกใหม่กันอยู่รึเปล่า ช่วงนี้คุณแม่อาจจะต้องงดไว้ก่อนนะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่สุกส่วนใหญ่อาจปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียที่จะทำให้คุณแม่ท้องเสียหรืออาเจียนได้ แถมยังอาจทำให้เป็นโรคทอกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) ซึ่งเจ้าโรคนี้เนี่ยมันเกิดจากเชื้อปรสิตทอกโซพลาสมา กอนดิไอ(Toxoplasma gondii) ที่สามารถแพร่ไปสู่ลูกน้อยในท้องของคุณแม่ได้ค่ะ เห็นชื่อน่ากลัวแบบนี้ มันก็น่ากลัวจริงๆ นะ เพราะหากติดโรคนี้ตอนท้องก็อาจจะทำให้แท้งไปเลย หรือไม่ก็ลูกอาจจะเสียชีวิตในท้อง ไม่ก็อาจมีอาการของโรคเมื่อคลอดออกมา สังเกตง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าคุณแม่ที่ติดเชื้อนี้ตอนท้อง ลูกคลอดออกมาจะมีขนาดศีรษะที่ไม่ปกติ อาจจะเล็กหรือไม่ก็ใหญ่กว่าเด็กคนอื่นๆ แถมพอโตไปก็อาจจะตาบอดหรือสติปัญญาอาจจะด้อยกว่าเด็กอื่นๆ ด้วยนะ แต่แต่แต่ ถ้าคุณแม่เคยเป็นโรคนี้ก่อนท้องแล้วก็ชิวชิวค่า เพราะร่างกายคุณแม่มีภูมิคุ้มกันแล้ว ไม่กลับมาเป็นอีกแล้วล่ะ
- ยานี่แหละตัวดี

คุณแม่ที่กำลังใช้ยาอยู่ หยุดก่อนค่ะ! ได้ถามคุณหมอรึยังว่ายาตัวนั้นคนท้องทานได้มั้ย คุณแม่อย่าชะล่าใจไปน้าเพราะยามีหลายประเภทแล้วก็ออกฤทธิ์แตกต่างกัน เพราะงั้นยาบางตัวอาจมีผลต่อการสร้างอวัยวะของลูกน้อยได้ เช่นพวกยารักษาสิว Isotretinoin นี่ตัวดีเลยค่ะ เพราะมันเป็นยาที่รุนแรงมาก มากจนอาจทำให้ลูกพิการได้เลยนะ หรือพวกยาที่ใช้รักษาไมเกรน เช่น Cafergot เพราะมันทำให้มดลูกของพวกเราบีบตัวจึงอาจทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ พอคุณแม่ทานยาเข้าไปปุ๊ป ลูกก็จะได้ยาพวกนี้ผ่านทางรกด้วยค่ะ แต่ผลกระทบต่อลูกก็จะขึ้นอยู่กับปริมาณยาที่คุณแม่ทานเข้าไปนะ เพราะฉะนั้นหากจะทานยา ให้คุณแม่ปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์ด้วยด่วนเลยค่ะ
- บุหรี่นี่พักไว้ก่อน

อย่าเพิ่งอ้างว่าบุหรี่ทำให้คุณแม่หายเครียด ถ้าสูบมากๆ อาจจะทำให้เครียดกว่าเดิมนะ ความจริงไม่ใช่แค่บรรดาคุณแม่ท้องอ่อนเท่านั้นที่ควรลดละเลิก แต่คุณแม่ท้องแก่ใกล้คลอดก็ควรจะอยู่ให้ไกลจากบุหรี่เลยค่ะ เพราะบุหรี่มีสารนิโคติน (Nicotine) ซึ่งเจ้าสารตัวนี้อาจทำให้ลูกเป็นเด็กสมาธิสั้น หรืออาจทำให้คุณแม่แท้ง ไม่ก็คลอดก่อนกำหนดได้นะ แถมลูกที่คลอดออกมาอาจตัวเล็กกว่าเกณฑ์แล้วก็หัวใจเต้นเร็วอีกต่างหาก ร้ายสุดอาจพิการเลยเชียวล่ะ และถึงแม้ว่าคุณแม่จะไม่ได้เป็นผู้สูบบุหรี่เองโดยตรงก็เถอะ ควันบุหรี่ที่ผู้อื่นสูบก็อาจมีผลต่อลูกน้อยในท้องด้วยนะคะ
- เลิกกันกับแอลกอฮอล์

เบียร์ที่คุณแม่ดื่มเข้าไป ลูกก็ได้ดื่มผ่านทางรกด้วยนะ! เวลาคุณแม่ดื่ม ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดของลูกก็จะสูงพอๆ กับของคุณแม่เลย ไม่เคยทราบกันใช่มั้ยคะ? ข่าวร้ายคือลูกจะต้องใช้เวลามากกว่าถึงสองเท่าเพื่อที่จะขับพวกแอลกอฮอล์เหล่านี้ออกไปจากร่างกาย เพราะแบบนี้การดื่มแอลกอฮอล์จึงมีผลร้ายต่อลูกสุดๆ โดยเฉพาะในแง่ของพัฒนาการ คุณแม่ขาเที่ยวที่ดื่มจัดตอนท้องอาจมีลูกที่มีใบหน้าผิดแปลกไปจากเด็กคนอื่นๆ หรือระบบหัวใจมีความบกพร่องได้ค่ะ
- อบซาวน่าสบายใจแต่ร้อนไปก็ไม่ไหว

ถึงแม้ว่าการอบเซาว์น่าจะทำให้คุณแม่รู้สึกสบายก็เถอะ แต่การเข้าเซาว์น่าในช่วงท้องอ่อนก็อาจมีผลเสียร้ายแรงถึงขั้นทำให้เกิดการแท้งได้เลยนะ เพราะถ้าร่างกายของคุณแม่ร้อนเกิน 38.9 องศาเซลเซียสเป็นเวลานานๆ ก็จะส่งผลเสียต่อลูกในท้อง แถมอาจทำให้เกิดภาวะพิการแต่กำเนิดของลูกได้อีก นอกจากนี้ การอบเซาว์น่าเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้คุณแม่เสียน้ำมากจนเป็นลมหมดสติไปได้ค่ะ ถ้าอยากผ่อนคลายจริงๆ ลองเอาเท้าแช่น้ำอุ่นๆ ดูมั้ย แค่นี้ก็ฟินอยู่นะ
- เครียดเช้าเย็นระวังเครียดสะสม

ไม่แปลกหรอกถ้าคุณแม่จะเครียด เอาจริงคงไม่มีใครที่ไม่เครียดหรอกใช่มั้ยล่ะคะ ยิ่งคุณแม่บางคนที่แพ้ท้องมากก็อาจจะทำให้เกิดอาการเครียดไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ความเครียดเหล่านี้จะส่งผลให้คุณแม่นอนไม่หลับ ปวดหลัง ปวดหัว อีกทั้งยังทำให้ภูมิต้านทานต่ำ ความเครียดที่สั่งสมไว้เยอะๆ อาจส่งผลให้เกิดภาวะเสี่ยงแท้ง หรือลูกน้อยในท้องเติบโตช้า เวลาเครียดคุณแม่จะหลั่งฮอร์โมนออกมาตัวนึงค่ะ ซึ่งฮอร์โมนตัวนี้เนี่ยมันจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของสมองของลูกในส่วนของเส้นใยประสาท คุณแม่อาจจะเคยได้ยินผู้ใหญ่พูดกันว่า ท้องอย่าเครียด เดี๋ยวลูกขี้แง อันนี้ก็มีส่วนนะ เพราะลูกของคุณแม่ที่ชอบเครียดตอนท้องมักจะถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าได้ง่าย เช่น ตกใจง่าย โมโหง่าย ในขณะเดียวกันกลับปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมรอบตัวได้ค่อนข้างยากค่ะ
- แม่อดข้าว หนูอดด้วย

เคยหุ่นเป๊ะอยู่ดีๆ เริ่มเผละซะอย่างนั้น คุณแม่อย่าเพิ่งร้องไห้เสียใจกลัวหุ่นเสีย อาหารก็ห้ามอดเลยนะ เพราะถ้าคุณแม่อด ลูกจะทานอะไรล่ะ ลูกน้อยในท้องของคุณแม่จะได้รับสารอาหารก็ต่อเมื่อคุณแม่ได้รับประทานอาหารเข้าไปนะคะ สารอาหารเหล่านี้จะช่วยไปสร้างเซลล์ประสาทและเซลล์ที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งพอคุณแม่อดอาหารบ่อยครั้งเข้า ลูกน้อยก็จะขาดสารอาหาร ทำให้เกิดผลเสียต่อสมองของลูกโดยตรง อีกทั้งยังทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป นอกจากนี้ การอดอาหารก็จะทำให้คุณแม่เป็นโรคกระเพาะหรือเกิดภาวะกรดไหลย้อนได้ด้วยอีก
- ถึงจะท้องแต่ไม่ปล่อยสามีเหงา

มันก็ไม่ได้มีข้อห้ามไม่ให้กุ๊กกิ๊กกับคุณพ่อนะคะช่วงนี้ แต่คุณแม่บางท่านอาจจะถูกสั่งห้ามจากคุณหมอเพราะเคยแท้งน้องมาก่อน ส่วนคุณแม่ที่มีภาวะรกเกาะต่ำนี่ควรพักไว้ก่อน เพราะเวลากุ๊กกิ๊กกับคุณพ่ออาจจะไปกระตุ้นให้เลือดออกในปริมาณมากทำให้เกิดอันตรายได้ค่ะ แต่เอาจริง คุณแม่บางคนที่แพ้ท้องหนักๆ ก็อาจจะไม่ได้มีความต้องการด้านนี้เท่าไหร่นะ
- แม่รักสะอาด ขอคลีนช่องคลอดทุกเช้าเย็น

รักษาความสะอาดไม่ใช่เรื่องผิด แต่เช้าเย็นนี่ก็มากไป๊ เอาจริงช่วงท้องนี้คุณแม่ทำความสะอาดน้องหนูแค่เฉพาะภายนอกก็พอแล้วค่ะ เพราะการสวนล้างช่องคลอดจะไปทำลายแบคทีเรียที่มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ที่คอยปกป้องช่องคลอดจากเชื้อโรคต่างๆ แถมยังจะทำให้เกิดแผลซึ่งเสี่ยงต่อการรับและติดเชื้อมากขึ้นไปอีกนะ
นู่นก็ไม่ได้นี่ก็ไม่ได้ อดทนไว้เพื่อลูกนะ! นอกจากข้อห้ามยาวยืดที่บอกไปแล้ว คุณแม่อย่าลืมไปฝากครรภ์ตามนัดกับทานยาบำรุงให้ครบด้วยนะคะ ถ้าคุณแม่รู้สึกมีอะไรแปลกๆ ก็อย่าปล่อยผ่าน รีบปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ เผื่อมีอะไรร้ายแรงคุณหมอจะได้รักษาทันเนอะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คุณแม่ทุกคนล้วนแต่คิดถึงลูกในท้องมาเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของอาหารการกินและการบำรุง แต่คุณแม่หลายๆ คนตอนนี้กลับต้องมานั่งเครียดกับปัญหาน้ำหนักของตัวเองที่ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจนเกินจะควบคุมได้ ถ้าพูดแบบชาวบ้านๆ เค้าเรียกกันว่า “น้ำหนักลงแม่หมด” ค่ะ และคุณลูกก็ยังตัวเล็กเหมือนเดิมนะ เพราะงั้น ถ้าคุณแม่รู้สึกว่าน้ำหนักคุณแม่ขึ้นมากจนเกินไป ก็อย่าเพิ่งดีใจว่าลูกของคุณแม่ตัวใหญ่สมบูรณ์ เพราะความจริงแล้ว อาหารที่คุณแม่ทานเข้าไปนั้นอาจจะไม่ได้มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อทารกในครรภ์ หากแต่เป็นอาหารเพิ่มเนื้อหนังคุณแม่ต่างหาก ไม่ว่าจะเป็นแป้งเอย ไขมันเอย ทราบอย่างนี้แล้ว ก่อนจะนำอะไรเข้าปาก ลองฉุกคิดกันซักนิดก่อนดีกว่า ว่าอาหารคำนี้จะไปเป็นของคุณแม่หรือของคุณลูก น้ำหนักช่วงไตรมาส 2 ควรเป็นประมาณไหน? คุณแม่ทราบหรือเปล่าคะว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องนั้นจะมีความต้องการพลังงานมากกว่าสาวๆ ทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 300 กิโลแคลอรีต่อวัน นั่นหมายถึงว่า โดยปกติแล้วเราจะต้องการพลังงานแค่ 2,000 กิโลแคลอรีใช่มั้ยคะ แต่คุณแม่ๆ ก็จะต้องการที่ประมาณ 2,300 กิโลแคลเพื่อที่จะนำมาสร้างเนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของลูกน้อย ความจริงแล้ว ไม่มีใครสามารถบอกเป็นตัวเลขได้เป๊ะๆ ว่าน้ำหนักคุณแม่ควรจะเพิ่มขึ้นที่เท่าใด เพราะจะต้องคำนึงถึงน้ำหนักก่อนตั้งครรภ์ด้วย แต่ถ้าจะให้พูดโดยรวมๆ น้ำหนักของคุณแม่ควรจะเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 7 กิโลกรัม และไม่ควรเกิน 13 กิโลกรัมค่ะ ในช่วงไตรมาสที่ 2 นั้น น้ำหนักของคุณแม่จะขึ้นเร็วกว่าในช่วงไตรมาสแรกอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉลี่ยแล้วจะขึ้นที่ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์เลยทีเดียวนะ เพราะช่วงนี้จะเป็นช่วงที่คุณแม่ส่วนใหญ่สามารถทานอะไรได้มากขึ้น […]
ปัญหาใหญ่ของคุณแม่อีกปัญหาหนึ่งเวลาตั้งท้องก็คือการทานยาเวลาไม่สบายนั่นเองค่ะ อันนี้กล้าพูดได้เลยเพราะเจอกับตัวเองเหมือนกัน เพราะเราก็ไม่รู้อ่ะเนอะว่าในยาแก้แพ้พวกนี้มีส่วนผสมหรือสารอะไรที่จะมีผลต่อลูกในท้องบ้าง วิธีแก้ไขขั้นพื้นฐานที่สุดก็คือเลิกทานยาไปเลย ขนาดไม่สบายหนักๆ จนแทบทนไม่ได้ยังยอมที่จะไม่ทานยาเลยค่ะ แล้วดูอากาศประเทศไทย เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวฝนตก แบบนี้จะไม่ให้ป่วยยังไงไหว แต่วันนี้เราจะมาบอกคุณแม่แม่ว่า มันมียาแก้แพ้บางตัวที่คุณแม่ท้องสามารถทานได้นะคะ เพราะยาพวกนี้ได้รับการคอนเฟิร์มจากคุณหมอแล้วว่าไม่มีผลต่อลูกน้อยแน่นอน เราลองมาดูกันดีกว่าว่าคุณแม่ใช้ยาอะไรได้บ้าง ยาแก้แพ้ที่ปลอดภัยกับคุณแม่ 1. คลอร์เฟนิรามีน (Chlorpheniramine: CPM) เวลาพูดถึงยาแก้แพ้ ยาตัวแรกที่คนส่วนใหญ่นึกถึงก็คือเจ้ายาตัวนี้แหละ ยาเม็ดเล็กๆ สีเหลืองที่ช่วยลดอาการแพ้ ลดน้ำมูกแล้วก็แก้อาการคัน คุณแม่ท้องทานยาตัวนี้ได้เนอะ เพราะจากกรณีที่ผ่านมายังไม่พบว่ายาตัวนี้ส่งผลต่อลูกในท้องเลยค่ะ แต่ว่ายาตัวนี้มันจะมีผลข้างเคียงทำให้คุณแม่อ่อนเพลีย เพราะงั้นอาจจะต้องงดใช้ยาเวลาที่ต้องเดินทางไปไหนมาไหนนะคะ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และคุณลูกค่ะ ที่สำคัญก็ไม่ควรใช้ยาตัวนี้เกิน 3 วันนะ เพราะว่าถ้าใช้ไปมากๆ แล้วอาจจะทำให้เกล็ดเลือดต่ำ แล้วลูกที่คลอดออกมาอาจจะมีอาการเลือดไหลผิดปกติได้ด้วยค่ะ 2. แอคติเฟด (Actifed) ยาตัวนี้จะช่วยลดอาการคัดจมูก ทำให้พวกอาการภูมิแพ้ทางจมูกดีขึ้น แล้วก็บรรเทาอาการคัดจมูกที่เกิดจากหวัดได้ค่ะ แต่ยาตัวนี้ก็จะทำให้ง่วงเช่นเดียวกัน ดังนั้น คุณแม่ควรจะทานยาแล้วก็พักผ่อนให้เพียงพอนะคะ พอตื่นมาอาการจะได้ดีขึ้น สดชื่นได้เหมือนเดิมค่ะ 3. เซทิไรซีน (Cetirizine) หรือ ฟาเทค (Fatec ®) คุณแม่ที่ต้องเดินทางหรือทำงานในช่วงที่ไม่สบายก็ขอแนะนำให้ทานตัวนี้เลยค่ะ เพราะว่ายาตัวนี้ไม่ทำให้ง่วงหรืออ่อนเพลีย แถมยังไม่ส่งผลเสียต่อลูกน้อยอีกต่างหาก แต่ว่ายาตัวนี้มันจะออกฤทธิ์ช้ากว่ายาตัวอื่นๆ นะคะ คุณแม่ก็เลยอาจจะหายช้านิดหน่อยค่ะ 4. ยาหยอดหรือยาพ่นจมูก […]
เปลนอนเด็กเล็กเป็นของใช้ที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะคุณแม่ลูกอ่อนหรือคุณแม่ใกล้คลอด ก็อาจจะมองหาเปลนอนสำหรับทารกเตรียมเอาไว้ให้ลูกน้อย ซึ่งตามท้องตลาดก็มีเปลนอนอยู่หลายแบบหลายฟังก์ชั่นให้เลือกมากมาย จะเลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? เปลนอนสำหรับทารกมีกี่แบบ ควรเลือกอย่างไร ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดีๆ มาฝากแล้วค่ะ เปลนอนลูกมีกี่แบบ ? เลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? ชวนคุณแม่มาดูกัน ! ในวัยแรกเกิดนั้น ทารกจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับพักผ่อน ดังนั้นแล้ว อุปกรณ์อย่างเปลนอนเด็กเล็ก (Baby Crib) จึงมีความสำคัญมาก ถ้าเลือกแบบมีคุณภาพดี มีความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี ก็จะทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างสบายตัว ไม่ร้อน ไม่ปวดเมื่อย ยิ่งลูกน้อยได้นอนหลับพักผ่อนมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกน้อยมากเท่านั้น เครื่องนอนต่างๆ อย่างเช่น เปลนอน ฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม จึงมีความสำคัญมากๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความปลอดภัย และความแข็งแรงทนทานของเปล คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะเลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? เปลนอนเด็กเล็กก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน ดังนี้ค่ะ 1. เปลโยก เปลโยกสำหรับเด็กเล็กนั้น […]
เมื่อลูกน้อยอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่านก็อาจมีความจำเป็นที่จะต้องพาลูกออกจากบ้านไปทำธุระต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการไปหาหมอ หรือ พาไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศตามสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนอกจากจะใช้รถเข็นเด็กเพื่อความสะดวกสบายของคุณพ่อคุณแม่แล้วนั้น ตัวช่วยอีกอย่างหนึ่งที่มักจะเป็นตัวเลือกของคุณพ่อคุณแม่ก็คือ เป้อุ้มเด็ก เพราะสามารถพาลูกน้อยไปได้ทุกที่ เรียกว่าเป็นตัวช่วยทุ่นแรงให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี แต่คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจกำลังกังวลว่า เป้อุ้มลูกนั้น จะทำให้ เด็กขาโก่ง หรือเปล่า มีความปลอดภัยขนาดไหน ควรเลือกอย่างไรดี ในบทความนี้ BabyGift มีข้อมูลดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ ตอบข้อสงสัย เป้อุ้มลูก ใช้แล้วเด็กขาโก่งไหม ? พร้อม 3 ยี่ห้อแนะนำ เป้อุ้มทารก จำเป็นหรือไม่ มีประโยชน์อย่างไร ? เป้สำหรับอุ้มเด็ก เป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงกายในการอุ้มลูกน้อยวัยทารก เพราะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มลูกน้อยด้วยมือตัวเองตลอดเวลา และไม่ต้องหาคนช่วยอุ้ม ด้วยเพราะลูกยังเล็ก ยังเดินไม่ได้ ดังนั้นการทำกิจวัตรประจำวันส่วนใหญ่ของคุณแม่จึงจำเป็นต้องอุ้มลูกไว้บ่อย ๆ ทั้งการอุ้มไล่ลม อุ้มกล่อมนอน อุ้มปลอบโยน อุ้มเดินเล่น อุ้มขณะออกไปทำธุระนอกบ้าน ซึ่งเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน แถมยังต้องอุ้มลูกตั้งแต่แรกเกิดหรือวัยทารกไปจนถึงวัยประมาณเกือบ 2 ขวบ จนเมื่อลูกเดินได้เก่ง ดังนั้นการใช้เป้อุ้มลูกก็จะช่วยคุณพ่อคุณแม่ได้มาก ทำให้สามารถพาลูกน้อยไปกับเราได้ทุกที่ ทำกิจกรรมต่าง ๆ […]
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ






