แม่ท้องกินนมมาก ลูกอาจเสี่ยงแพ้นมวัวจริงหรือ?

ในความคิดหรือความเชื่อของคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆ ท่าน ยังมีความคิดและดูจากโฆษณาต่างๆ จนทำให้เชื่อว่า ตอนท้องแม่ต้องดื่มนมมากๆ  เพื่อบำรุงให้แม่และลูกแข็งแรง  ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ เพราะเรื่องของการกินอาหารและกินนมของแม่ท้องนั้น วิธีที่ดีและถูกต้องที่สุดคือกินอย่างเหมาะสม หลากหลายไม่ซ้ำและกินมากจนเกินไป

โดยเฉพาะเรื่องการกินนมในแม่ท้อง ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะมีข้อมูลออกมาบอกว่า การที่คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มนมวัวมากเกินไป จะเป็นสาเหตุให้ลูกแพ้นมวัวได้ตั้งแต่แรกเกิด  เราจึงขอนำความรู้ดีๆ เกี่ยวกับโภชนาการและการกินนมวัวมาอธิบายให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เข้าใจ เพื่อให้กินอาหารและดื่มเครื่องดื่มต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมมาฝากค่ะ

แม่ท้องกินนมวัวมาก ลูกอาจแพ้ได้จริงหรือ?

ข้อมูลนี้เป็นความจริงค่ะ เพราะการที่ร่างกายคุณแม่ได้รับสารอาหารอะไรมากจนเกินไป จะสามารถกระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารชนิดนั้นๆ ได้ตั้งแต่หลังคลอด  นั่นคือนมวัวที่กินมากไปนั้น จะไปทำให้เกิดการสะสมของแคลเซียมและโปรตีนนมวัว  เป็นหนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ที่ส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จนกระตุ้นให้เกิดการแพ้  โดยจะมีอาการแสดงของการแพ้นมวัวได้แก่

  • อาการทางผิวหนัง เป็นผื่น ลมพิษ ผื่นแพ้บริเวณผิวหนัง
  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกเลือด ขับถ่ายผิดปกติ
  • อาการทางระบบหายใจ เช่น หายใจมีเสียงดังวี้ด หายใจไม่ออก มีเสมหะเรื้อรัง

ซึ่งปกติแล้วการที่ลูกน้อยจะแพ้นมวัว แพ้อาหาร หรือเป็นภูมิแพ้ได้นั้น สาเหตุใหญ่หลักๆ คือ

  1. จากพันธุกรรม คือการที่ครอบครัวมีประวัติเป็นภูมิแพ้ หรือแพ้อาหาร มีคุณพ่อคุณแม่ป่วยเป็นภูมิแพ้ แพ้อาหารต่างๆ เป็นหอบหืด รวมถึงประวัติของพี่น้องและญาติ
  2. การกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น ได้รับควันบุหรี่ ควันพิษ สารพิษ ละอองเกสร ขนสัตว์ แมลง และอื่นๆ กรณีนี้จะสังเกตได้ในผู้ใหญาบางคนที่ไม่เคยเป็นภูมิแพ้เลยตั้งแต่เด็ก และมาเป็นตอนทำงาน ตอนเรียน ที่ต้องเจอกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มีสารกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ได้
  3. การที่ลูกได้รับนมวัวตั้งแต่แรกเกิด หรือคุณแม่ดื่มนมวัวปริมาณมากทุกวันในช่วงที่ให้นมแม่กับลูก เพราะโปรตีนที่ลูกได้รับจากนมวัวที่คุณแม่กินเข้าไปมากๆ จะสามารถผ่านไปทางน้ำนม กระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้นมวัวได้ด้วย
  4. ลูกน้อยได้รับการกระตุ้นจากการรับประทานอาหารของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ เช่น จากความคิดของคุณแม่หลายๆ ท่านที่เชื่อว่าในช่วงท้อง ยิ่งต้องบำรุงด้วยนมวัวมากๆ คือจากที่ปกติก่อนตั้งครรภ์เคยดื่มสัปดาห์ละ 2 แก้ว หรือวันละ 1 แก้ว แต่พอท้องกลับดื่มนมวันละเป็นลิตร  ซึ่งการดื่มนมมากเกินกว่าปกติที่เคยกิน จะส่งผลกระตุ้นให้ลูกน้อยเกิดอาการแพ้นมวัวได้นั่นเอง

นอกจากนี้ยังไม่รวมกับโปรตีนในนมวัวที่คุณแม่ได้รับจากอาหารอื่นๆ ที่แฝงไปด้วยนมอีก เช่น เบเกอรี่ ไอศกรีม เนย ชีส  ยิ่งทำให้คุณแม่ได้รับโปรตีนจากนมวัวมากเกินไป ทำให้ลูกน้อยแพ้นมวัวได้ตั้งแต่หลังคลอด

นมอะไรที่คุณแม่ท้องดื่มได้บ้าง

  • นมวัว   ยังคงเป็นนมที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถดื่มได้ เพราะมีโปรตีนและแคลเซียมที่สำคัญและจำเป็นสำหรับสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณมากเกินไป ควรดื่มแค่ปริมาณที่เคยดื่มก่อนตั้งครรภ์ หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ พร้อมกับเลือกดื่มนมอื่นๆ สลับไปด้วย

โดยนมวัวที่คุณแม่ดื่มได้ในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ซึ่งนมสำหรับแม่ท้องที่แนะนำคือ นมนมสดพาสเจอไรส์ชนิดพร่องมันเนย เพราะได้คุณค่าสารอาหารที่ต้องการโดยที่ตัวแม่ตั้งครรภ์ไม่ต้องรับไขมันมากเกินไป แต่ข้อเสียคือนมชนิดนี้อายุสั้น เก็บไว้ได้ไม่นาน  กรณีที่คุณแม่ดื่มนมชนิดนี้ไม่ได้ก็อาจเลือกนมชนิดอื่นแทน เช่น นมสดยูเอชที นมสดพร่องมันเนย นมสดสเตอริไรซ์ สลับกับโยเกิร์ต โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกคือ เลือกพิจารณาถึงปริมาณสารอาหาร โดยเฉพาะแคลเซียม(ข้างกล่อง) เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอมากที่สุดค่ะ

  • นมแพะ  นมแกะ  หากคุณแม่สามารถดื่มได้ ก็เป็นนมที่แม่ท้องกินได้เหมือนนมวัว แต่ข้อควรระวังจะเหมือนกันคือ ไม่ดื่มในปริมาณมากเกินไป กินซ้ำๆ ทุกวันเป็นประจำ เพราะนมแพะ นมแกะ ก็มีโปรตีนที่เหมือนกับนมวัว และสามารถกระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน 
  • นมจากถั่วเหลือง เป็นนมที่คุณแม่สามารถกินได้ เพราะมีแคลเซียมสูง พร้อมโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ  แต่มีคุณแม่หลายท่าน กลัวลูกแพ้นมวัวจนไม่กล้ากินนมวัว และถามว่ากินนมถั่วเหลืองมากๆ แทนได้ไหม? ตอบว่าก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะลูกก็ยังมีโอกาสแพ้ถั่วเหลืองได้เช่นเดียวกับนมวัว  ดังนั้นเวลาคุณแม่ดื่มนมถั่วเหลือง ก็ไม่ควรดื่มมากเป็นประจำ ควรกินสลับกับนมอื่นๆ บ้างในบางครั้งเท่านั้นก็เพียงพอ
  • นมทางเลือกอื่นๆ  ไม่ว่าจะเป็น นมถั่วชนิดต่างๆ  นมอัลมอนด์ นมวอลนัต น้ำนมข้าว นมข้างโพด นมธัญพืช ก็เป็นนมที่คุณแม่สามารถดื่มได้เช่นกัน แต่ก็ควรจะสลับกันดื่มให้หลากหลาย ไม่กินซ้ำๆ ทุกวัน หรือกินครั้งละมากๆ

หากแม่ไม่แพ้ ไม่ต้องงด

* คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดอาการกลุ่มเสี่ยงต่อการแพ้ต่างๆ ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ถั่วลิสง หรืออาหารทะเล เพียงเพราะกลัวว่าลูกจะแพ้  ยกเว้นกรณีคุณแม่แพ้อาหารเหล่านั้นจึงควรงด  ฉะนั้นหากแม่กินได้ไม่แพ้ ก็สามารถทานอาหารต่างๆ ต่อไป  เพราะหากคุณแม่งดกินอาหารเหล่านี้ อาจทำให้ร่างกายของแม่และลูกน้อยขาดสารอาหารสำคัญบางชนิด จนส่งผลเสียต่อสุขภาพลูกน้อยในอนาคต

กินนมแค่ไหน ดีต่อสุขภาพแม่และลูกเบบี๋ในท้อง

โภชนาการที่ดีและเหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สุด คือ การกินอาหารให้หลากหลายครบถ้วน 5 หมู่ ไม่จำเจ ไม่ซ้ำซาก ดังนั้นคุณแม่จึงไม่จำเป็นต้องดื่มนมทุกวัน หรือตั้งเป็นกฎว่าต้องกินวันละ 1 กล่อง เพราะโปรตีน แคลเซียมและสารอาหารสำคัญมีอยู่ในอาหารอื่นๆ ทั้งเนื้อสัตสว์ และผัก ผลไม้มากมาย รวมถึงในอาหารอื่นๆ ที่แฝงผลิตภัณฑ์จากนมวัวไว้ในปริมาณมากอย่างที่คุณแม่คาดไม่ถึง เช่น  ไอศครีม 1 แกลลอน ทำจากนม 6 แกลลอน ส่วนชีส 1 กิโลกรัมนั้นทำจากนมถึง 10 ลิตร

โดยอาหารที่แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เพื่อลดความเสี่ยงความผิดปกติของสมองและไขสันหลังให้ลูกน้อย คืออาหารที่มีโฟลิค เช่น ตับ ไข่แดง ผักสีเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง หรือ โฟลิคเม็ดที่ได้จากคุณหมอ ฉะนั้นช่วงนี้ยังไม่ต้องการแคลอรี่และแคลเซียมเพิ่มขึ้นมากนัก จึงอาจไม่ต้องกินนมให้มาก  พอตั้งครรภ์ 6 เดือนหลัง ร่างกายคุณแม่จะต้องการแคลอรี่เพิ่มขึ้นจาก 2,000 เป็น 2,500 กิโลแคลอรี่/วัน(แคลอรี่เพิ่มขึ้น 500 กิโลแคลอรี่ ก็เทียบเท่ากับก๋วยเตี๋ยว หรือ อาหารจานเดียวเพิ่มขึ้นอีก 1 ชาม/วันเท่านั้น)  ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นจาก 1,000 เป็น 1,200 มก./วัน

ฉะนั้นคุณแม่จะกินนมวัวนม หรือนมถั่วเหลือง แค่สัปดาห์ละ 2-3 แก้วก็ได้ หรือจะสลับดื่มนมต่างๆ ไม่เกินวันละ 2 แก้วก็ได้  ไม่ต้องเน้นกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไป กินแคลเซียมธรรมชาติจากผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดพืช ให้หลากหลาย หรืองาดำแทน รวมถึงแคลเซียมเม็ดที่คุณหมอสูติให้ก็เพียงพอแล้ว  แต่ถ้าคุณแม่กินอาหารอื่นๆเพิ่มเข้าไปอีก ก็จะได้แคลอรี่ส่วนเกิน ปัญหาที่ตามมาคือ น้ำหนักคุณแม่จะขึ้นมากเกินไป ควบคุมไม่ได้ และหากกินนมวัวมากเกินไป นอกจากน้ำหนักที่เพิ่มมากไป ยังเป็นสาเหตุให้ลูกแพ้นมวัวหลังคลอดได้อีกด้วย

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

แข็งแรง ทนทาน พับ-กางง่าย ลูกน้อยนอนสบาย นี่แหละคุณสมบัติรถเข็นเด็กที่แม่ๆต้องการ 1. รถเข็นเด็กที่แข็งแรง ทนทาน ต้องไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไป โครงสร้างควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกัน เพราะเมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับของข้อต่อ เป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 2. พับ-กางง่าย ด้วยมือเดียว เพราะต้องพาลูกเดินทางคนเดียวบ่อยๆ แน่นอนว่าแม่ๆ ที่ต้องเลี้ยงลูกเองไปไหนมาไหนกับลูกลำพัง เช่น ไปเดินห้าง เดินสวนสาธารณะ ต้องเลือกรถเข็นเด็กที่ให้ความคล่องตัว ใช้งานง่าย พับกางง่าย ไม่ซับซ้อน คุณแม่สามารถพับรถเข็นเด็กได้เองด้วยมือเพียงข้างเดียวได้ เพราะมืออีกข้างหนึ่งต้องอุ้มลูก พับแล้วตั้งกับพื้นได้โดยไม่ล้มกองบนพื้น จะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 3. ชุด Support สำหรับเด็กแรกเกิด ชุดเบาะรองนอนสำหรับเด็กทารกเป็นสิ่งจำเป็นมาก รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรมีหมอนรองรับสรีระเด็กทั้งศีรษะ คอ และหลัง เพราะเด็กทารกจะมีกระดูกสันหลังและคอที่ยังไม่แข็งแรง จึงต้องนอนบนเบาะที่ช่วยรองรับสรีระตั้งแต่ศีรษะ ต้นคอ หลัง และสะโพกเพื่อให้ท่านทนที่ถูกต้องหลังไม่โค้งงอผิดรูป และไม่เกิดการปิดกั้นทางเดินทางหายใจ Aprica รถเข็นเด็ก สำหรับวัยแรกเกิดอย่างแท้จริงๆ คิดค้นและวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น

ว่าด้วยเรื่องความปลอดภัยของคาร์ซีท#คาร์ซีทมือสอง ตามที่พ่อหมอเคยเขียนเรื่องการเลือกซื้อคาร์ซีทไว้แล้วตั้งแต่ตอนเปิดเพจครับ คลิกอ่านได้ครับที่https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1318721458224835&substory_index=0&id=1312969582133356 ก็เริ่มมีลูกเพจเริ่มถามเรื่อง “การซื้อคาร์ซีท” ในหัวข้อนอกเหนือจากคำถามเบื้องต้นครับ โดยเฉพาะเรื่อง “การซื้อคาร์ซีทมือสอง” หรือ “คาร์ซีทเก่า” ตามคำแนะนำของราชวิทยาลัยกุมาร ฯ ของสหรัฐอเมริกา … บอกไว้ว่า เรื่องความปลอดภัย … หมอย้ำเสมอตั้งแต่เปิดเพจครับ เป็นเรื่องที่ผ่อนปรนไม่ได้#หมอวินเพจเลี้ยงลูกตามใจหมอ References: การใช้คาร์ซีทมือสอง

เป็นยังไงกันบ้างคะ หลักการ เลือกรถเข็นเด็ก ของกุมารแพทย์ญี่ปุ่น บ้านไหนกำลังวางแผนซื้อรถเข็นให้ลูกสักคัน ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะคะ พาลูกน้อยมาลองรถเข็นเด็ก ได้ที่ BabyGift ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้านคุณยินดีให้คำแนะนำ พร้อมสาธิตการใช้รถเข็นเด็กอย่างถูกวิธี

ห้องนอนเด็กอ่อน เป็นเรื่องสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ หากกำลังวางแผนที่จะมีลูกน้อย หรือบางครอบครัวคุณแม่อาจกำลังตั้งครรภ์ และเตรียมพร้อมที่จะจัดบ้าน จัดห้องนอนเพื่อต้อนรับลูกน้อย เพราะห้องนอนที่ดีของลูกน้อยวัยทารกจะส่งผลต่อทั้งสุขภาพ พัฒนาการและอารมณ์จิตใจในอนาคต ด้วยเพราะลูกน้อยทารกต้องใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอน และการนอนเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้โกร๊ธฮอร์โมน หรือฮอร์โมนเพื่อการเจริญเติบโตหลั่งเต็มที่ ทำให้ลูกเติบโตอย่างมีพัฒนาการที่ดีและสุขภาพแข็งแรง ซึ่งหากลูกน้อยนอนหลับไม่เต็มที่ หรือมีสิ่งต่างๆ รบกวนเวลานอน ทำให้นอนไม่เพียงพอ ลูกจะงอแง หงุดหงิดง่าย เติบโตได้ไม่ดี แถมยังส่งผลต่ออารมณ์จิตใจ ทำให้เป็นเด็กเลี้ยงยากและอารมณ์ไม่ดี  ยิ่งหากห้องนอนไม่มีการเตรียมพร้อมป้องกันอุบัติเหตุไว้อย่างดี  ลูกก็อาจจะมีอันตรายในขณะนอนจนถึงชีวิตได้อีกด้วย ฉะนั้นการเตรียมพร้อมเรื่องนอนให้ลูกทารก จึงเป็นเรื่องที่ทุกบ้านต้องพิถีพิถันใส่ใจ ควรเลือกซื้อ จัดวางและเตรียมพร้อมให้ลูกในแบบที่ถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย จะดีที่สุด 5 เรื่องต้องคิด ก่อนเตรียม ห้องนอนเด็กอ่อน ก่อนเลือกซื้อและจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ในห้องเด็กอ่อนให้ลูกน้อย มีเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาเป็นสำคัญนั่นคือ การเลือกห้องนอนให้ลูก ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญกับ 5 เรื่อง นั่นคือ Checklist ห้องนอนเด็กอ่อน ต้องมีอะไรบ้าง เตียงนอน   ควรเป็นเตียงนอนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กเล็กโดยเฉพาะ ซึ่งเตียงนอนเด็กอ่อน ควรเป็นเตียงที่มีความมั่นคงแข็งแรง และเป็นเตียงใหญ่พอที่จะใช้สำหรับให้ลูกเวลาโตได้อีกระยะหนึ่ง เตียงไม่มีมุมหรือเหลี่ยมแหลมคมที่เป็นอันตราย  หากเป็นเตียงที่มีซี่กรง ควรมีความถี่ของซี่กรงรอบเตียงหรือราวกันตกห่างกันไม่เกิน 6 […]

เครื่องปั๊มนมเป็นตัวช่วยอันดับหนึ่งของคุณแม่ลูกอ่อน โดเฉพาะคุณแม่ที่ต้องการให้ลูกน้อยได้กินนมแม่อย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุด เครื่องปั๊มนมจะช่วยให้คุณแม่ปั๊มนมได้อย่างสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ไม่ทำให้เกิดอาการคัดเต้านม ซึ่งการที่คุณแม่ปั๊มนมอย่างสม่ำเสมอนั้น เป็นการช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้มากยิ่งขึ้น ทำให้คุณแม่สามารถสต็อกน้ำนมได้ตามความต้องการ ปัจจุบันในท้องตลาดมีเครื่องปั๊มนมหลากหลายยี่ห้อมากมาย และก็มีหลายประเภทให้เลือกซื้อ คุณแม่บางคนอาจสงสัยว่าควรเลือกแบบไหน จะเลือกเครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ? BabyGift มีเครื่องปั๊มนมน่าใช้ในปี 2025 มาแนะนำให้เหล่าคุณแม่ได้เลือกใช้ตามความเหมาะสมกันเลยค่ะ  เครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ?  เครื่องปั๊มนมแบบไหนที่ถูกใจคุณแม่บ้าง ?  เครื่องปั๊มนมนั้นจำเป็นสำหรับคุณแม่อย่างมาก โดยเฉพาะคุณแม่ที่เพิ่งคลอดลูกและต้องกลับไปทำงานหลังลาคลอดทำให้ไม่ได้ให้ลูกกินนมจากเต้าเหมือนตอนอยู่บ้าน เครื่องปั๊มนมนั้นก็มีประโยชน์มากมาย อย่างเช่น ทำให้คุณแม่ปั๊มนมเก็บลงสต็อกได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ช่วยกระตุ้นน้ำนม เสมือนว่ามีทารกดูดน้ำนมอย่างเสมอซึ่งช่วยให้ร่างกายคุณแม่ผลิตน้ำนมได้มากยิ่งขึ้น ทั้งช่วยบรรเทาอาการคัดเต้านม และทำให้คุณแม่ได้มีเวลาพักผ่อนหรือมีเวลาทำกิจกรรมส่วนตัวเพิ่มขึ้นในระหว่างที่ลูกดูดนมสต็อกในขวดแทนการดูดจากเต้า เรียกว่าเครื่องปั๊มนมนั้นมีความจำเป็นมากทีเดียวเลยค่ะ แล้วจะเลือกเครื่องปั๊มนม ยี่ห้อไหนดี ? ก็ต้องดูว่าแต่ละรุ่นแต่ละแบบนั้น ตอบโจทย์การใช้งานของคุณแม่ได้มากน้อยอย่างไร สำหรับคุณแม่ที่อาจจะกำลังสงสัยว่าเครื่องปั๊มนม มีกี่แบบ ? โดยหลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 2 แบบด้วยกันดังนี้ค่ะ    BabyGift แนะนำเครื่องปั๊มนม 10 อันดับน่าใช้ประจำปี 2025   รู้กันแล้วว่ามีกี่ประเภท ตอนนี้เราลองมาดูยี่ห้อน่าใช้กันต่ะค่ะ ปัจจุบันตามท้องตลาดก็มีเครื่องปั๊มนมจำหน่ายมากมาย ทั้งแบบปั๊มมือ และแบบไฟฟ้า มีฟังก์ชั่นให้เลือกอย่างหลากหลาย […]

การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด  ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ  คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้  คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ?  คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages