เคล็ดลับ เลือกซื้อ ขวดนม เตรียมคลอด

หนึ่งอุปกรณ์สำคัญเพื่อการเลี้ยงลูกที่คุณแม่ขาดไม่ได้คือ ขวดนม ที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจมองข้าม เพราะคิดและตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้นมแม่ล้วนหลังคลอด ซึ่งอาจลืมไปว่าแม้จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ขวดนมก็ยังมีความสำคัญและเป็นผู้ช่วยชั้นดีของการให้นมแม่ได้แน่นอน

» ขวดนมจำเป็นแค่ไหน ?

  • ช่วยให้คุณแม่ที่ปั๊มนมแช่เก็บไว้ให้ลูก สามารถให้นมแม่กับลูกได้สะดวกเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่หรือติดธุระ
  • อำนวยความสะดวก ผ่อนแรงคุณแม่ในยามเหนื่อยล้า ในช่วงเวลาที่ไม่สะดวกให้นมจากเต้า ก็นำนมแม่ออกมาใส่ขวดให้ลูกกินได้ตลอดเวลา
  • ลูกน้อยได้รับคุณค่านมแม่เต็มที่ตลอดเวลา ในเวลาที่คุณแม่ต้องไปทำงาน
  • เป็นอุปกรณ์สำคัญช่วยให้ลูกได้กินนมผสมในช่วงของการเปลี่ยนนมตามวัย หรือเมื่อถึงช่วงเวลาหย่านมแม่
  • ลูกกินนมแม่ได้ยาวนาน ช่วยให้ลูกไม่สับสนในการกินนม เพราะกินทั้งนมแม่จากเต้าและกินนมแม่จากขวดได้
  • ฝึกการกินน้ำ กินนมกล่องหรือน้ำผลไม้ ในกรณีที่ลูกโตขึ้นแต่ยังดูดจากหลอดไม่เป็น
  • ให้พี่เลี้ยง คุณพ่อหรือคุณตาคุณยายได้ใกล้ชิด ให้ความอบอุ่น รับหน้าที่ป้อนนมแม่ให้ลูกแทนคุณแม่ได้

» ขวดนม มีกี่แบบ ?

ปัจจุบันขวดนมสำหรับเด็กผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย มีหลายประเภทและหลายรูปทรงให้เลือก

วัสดุของขวดนม

ขวดนมสำหรับเด็ก มีทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก และขวดที่ใช้แล้วทิ้ง(Disposable Liners)ที่ใส่ลงในขวดนมอีกที  แต่ปัจจุบันขวดนมส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มักผลิตจากพลาสติกเพราะน้ำหนักเบา ตกไมแตก ทนความร้อนและหาซื้อง่าบ โดยมีทั้งขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกขาวขุ่น และขวดสีชา ที่ผลิตจากพลาสติกที่ต่างชนิดกัน

1. ขวดนม PP

วัสดุ POLYPROPYLENE เป็นขวดนมที่มีสีโปร่งใส หรือสีขาวขุ่น มีน้ำหนักเบา ทนทาน โดยทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 –110˚c มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน และอาจเหลือน้อยลงหากผ่านความร้อนจากการต้มหรือนึ่งบ่อยๆ

2. ขวดนม PES

วัสดุ POLYETHERSULFONE เป็นขวดพลาสติกสีชาหรือน้ำผึ้ง สามารถทนอุณหภูมิได้ที่ -50–180˚c มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานในการผ่านความร้อนบ่อยแค่ไหน และการดูแลรักษา

3. ขวดนม PPSU

วัสดุ POLYPHENYLSULFONE ลักษณะเป็นขวดพลาสติกสีน้ำตาลอ่อน ทนอุณหภูมิได้สูงประมาณ -50–180˚c มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 8 เดือน ถึง 2 ปี ขึ้นกับความถี่ในการต้ม หรือนึ่งฆ่าเชื้อ

รูปทรงขวดนม

ยุคนี้มีขวดนมให้คุณแม่เลือกมากมายหลายรูปทรง ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกรูปทรงที่ชอบ เหมาะกับการใช้งานและความสวยงามได้ตามใจชอบทั้ง ขวดนมทรงตรงฐานกว้าง ทรงกลม ทรงโค้ง ขวดนมทรงเอวคอด ขวดนมทรงถั่ว ขวดนมทรงงอ ขวดนมทรงมะละกอมีรูตรงกลางให้จับ ตลอดจนขวดนมมาพร้อมมือจับ

» ขวดนมคอกว้าง – ขวดนมคอแคบ เลือกใช้แบบไหนดี?

เดี่ยวนี้มีขวดนม 2 ลักษณะใหญ่ให้คุณแม่เลือกใช้นั่นคือ ขวดนมคอกว้างและขวดนมคอแคบ  ซึ่งมีคุณสมบัติรวมถึงข้อดีข้อเสียที่แตกต่าง โดยคุณแม่ควรพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะตามต้องการ นั่นคือ

ขวดนมคอกว้าง 

ข้อดี : ฐานจุกนมกว้างคล้ายนมแม่  เหมาะกับคุณแม่ที่ให้นมจากเต้าสลับกับให้นมแม่ที่เก็บไว้ใส่ขวด ช่วยให้ลูกน้อยไม่สับสน  ลดปัญหาลูกปฏิเสธนมขวด และลดปัญหาลูกปฏิเสธเต้าในเวลาที่คุณแม่ฝึกลูกกินนมแม่จากขวด  นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างยังล้างง่าย แห้งเร็ว เพราะฐานคอขวดกว้าง

นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างในปัจจุบัน มักมีดีไซน์ที่ช่วยไม่ให้ลูกดูดลมเข้าท้อง ป้องกันอาการแน่นท้อง ท้องอืด นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างเริ่มเป็นที่นิยมใช้และหาซื้อได้ง่ายกว่าแต่ก่อน

ข้อเสีย : ขวดนมมีขนาดกว้างอาจทำให้คุณแม่ถือลำบากและทำให้ลูกน้อยถือไม่ถนัด ขวดชนิดนี้ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บ  และราคามักสูงกว่าขวดนมแบบคอแคบ

ขวดนมคอแคบ

ข้อดี : เป็นขวดนมแบบมาตรฐานที่มีใช้มายาวนาน และยังเป็นขวดนมที่มีจุกนมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือจุกนมยาว มักหาซื้อง่ายมีให้เลือกเยอะ และราคาถูกกว่าจุกและขวดนมคอกว้าง

ข้อเสีย : หากคุณแม่ให้นมแม่จากเต้าแล้วต้องการสลับให้ลูกกินนมแม่จากขวด อาจทำให้ลูกสับสนไม่เอาขวดนมหรือกินนมจากขวดได้ เพราะขวดนมคอแคบจะใช้จุกนมแคบ ที่มีลักษณะไม่เหมือนกับการดูดนมจากเต้าแม่ ทำให้ลูกปฏิเสธกินนมได้ รวมถึงขวดนมคอแคบและจุกนมจะมีขนาดเล็กทำให้ล้างได้ยาก อาจทำความสะอาดไม่ทั่วถึง เป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้

» ควรซื้อ ขวดนม ให้ลูก มากแค่ไหน ?

  • พิจารณาจากการใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ในการเลี้ยงลูก เช่น หากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณแม่เลี้ยงลูกเต็มเวลา อาจใช้ขวดนมน้อยเริ่มต้นที่ 2-3 ขวด แต่หากแม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน ให้นมแม่จากสต๊อกที่เก็บไว้ และต้องให้ขวดนมสลับนมแม่จากเต้า  รวมถึงลูกน้อยถึงวัยเริ่มให้อาหารเสริมหรือเปลี่ยนมาให้นมผสม คุณแม่อาจต้องใช้ขวดนมเพิ่มขึ้นเป็น 4-6  ขวด
  • ความจำเป็นที่ต้องใช้ กรณีไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ อาจต้องมีขวดนมจำนวนมากประมาณ  6-8 ขวด เพื่อให้เพียงพอต่อการให้นมลูกน้อยหลายมื้อต่อวัน
  • จำนวนลูกน้อย หรือการวางแผนมีลูกในอนาคต เพราะหากคุณแม่มีลูกแฝด หรือวางผนจะมีลูกอีกคนเร็วๆ นี้ ก็สามารถซื้อขวดนมเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนที่ต้องใช้จริง เช่น 6-10 ขวด

Tips ขนาดของขวดนมที่ใช้ แนะนำว่าหากเลี้ยงลูกน้อยในช่วง 3 เดือนแรก อาจจะใช้ขวดนมขนาดเล็กไม่เกิน 2 ออนซ์ หรือ 4 ออนซ์  แต่เมื่อลูกโตขึ้นอาจเพิ่มขนาดเป็นขวดนม 8 ออนซ์ ขึ้นไปได้

» ข้อควรสังเกตในการซื้อ ขวดนม

ควรเลือกขวดนม BPA Free โดยสังเกตคำว่า BPA Free เนื่องจากหากขวดนมมีสารนี้ สาร BPA ที่ปนเปื้อนมากับพลาสติกอาจหลุดไปสะสมปะปนกับนมและอาหารที่อยู่ในขวดนมของลูก ส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ การสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท ความทรงจำและการเรียนรู้ของลูกน้อยจนก่อโรคร้ายเป็นอันตรายได้ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจเนื่องจากขวดนมรุ่นใหม่มักไม่มี BPA ต่างจากขวดนมรุ่นเก่าที่ผลิตจากวัสดุ PC (Polycarnonate)

อย่างไรก็ตามก่อนเลือกซื้อขวดนม คุณแม่ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์พิจารณาวัสดุที่ผลิตทุกครั้งก่อนเสมอ

» เคล็ดลับเลือกขวดนม ให้พร้อมก่อนคลอด

  • เลือกแบบที่ต้องการใช้ เช่น คิดไว้ว่าจะให้นมแม่ แล้วต้องสลับกับให้นมแม่สต๊อกจากขวดนม จึงควรเลือกขวดนมแบบคอกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสับสนระหว่างดูดนมแม่กับนมขวด เนื่องจากขวดนมคอกว้างจะใช้จุกนมฐานกว้างคล้ายนมแม่
  • ซื้อในปริมาณที่คิดว่าจะได้ใช้จริงหลังคลอด เช่น หลังคลอดสามารถลาคลอดได้ 3 เดือน อาจไม่ต้องซื้อมาก เพราะมีเวลาให้นมแม่เต็มที่ เป็นต้น
  • เช็คดูคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น เลือกขวดนมที่ช่วยลดอาการโคลิก ไม่ให้ดูดลมเข้าไป ป้องกันลูกทารกท้องอืดแน่นท้อง
  • ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะคุณแม่ต้องซื้อของใช้จำเป็นอื่นๆ อีกหลายอย่าง ฉะนั้นอาจเลือกซื้อขวดนมราคากำลังดี ไม่แพงมากเกินไป เพื่อให้แหมาะกับเศรษฐกิจของครอบครัว
  • เลือกขวดนมที่มีคุณภาพดี มีความทนทาน ใช้ได้คุ้มค่า เป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้หรือได้รับความนิยม และควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่ไว้วางใจได้

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

เพราะความปลอดภัยคือเหตุผลอันดับ 1 ที่พ่อแม่ต้องควักเงินซื้อคาร์ซีทให้ลูกน้อย ก็เพื่อปกป้องลูกจากการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ปัจจัยที่รองลงมาคือ ลูกนอนสบาย ใช้งานง่าย และงบประมาณ มาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีท จริงๆแล้ววัดจากอะไร ก็ต้องเป็นวัสดุที่รองรับแรงกระแทกด้านใน ซึ่งคาร์ซีทแต่ละรุ่น แต่ละยี่ห้อใช้วัสดุภายในที่ไม่เหมือนกัน แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ดังนี้ 1. EPS Foam และ EPP Foam EPS Foam (Polystyrene Foam)  เป็นวัสดุที่ช่วยลดแรงกระแทก ที่ใช้ใน หมวกกันน๊อค ช่วยปกป้องชีวิต ผู้สวมใส่ โฟมชนิดนึ้จึงถูกนำไว้ในคาร์ซีท ใช้รองรับแรงกระแทกสำหรับศีรษะและส่วนบนของร่างกายเด็ก ในกรณีที่เกิดการกระแทกโฟมจะแตกและจะกระจายแรงกระแทกออกไปโดยแทบไม่มีแรงสะท้อนกลับ จึงทำให้ได้เด็กปลอดภัย ดังนั้นผู้ผลิตคาร์ซีทระดับมาตรฐานสากลส่วนใหญ่ จึงนำโฟมชนิดนี้มาใช้ในคาร์ซีทเพื่อรองรับแรงกระแทกโดยเฉพาะ ส่วน EPP Foam (Polypropylene Foam) เป็นวัสดุที่คล้ายกับ EPS Foam แต่มีความยืดหยุ่น ไม่แตกหักง่าย และทนความร้อนดีกว่า  จึงนำไปผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ที่สามารถเข้าไมโครเวฟได้ ข้อมูลอ้างอิงจาก http://www.carseatsite.com/FAQ.htm 2. Urethane […]

Hypochlorous Acid หรือ HOCl คืออะไร? Hypochlorous Acid หรือ กรดไฮโปคลอรัส มีชื่อเรียกทางเคมีว่า HOCl นั้น เป็นกรดอ่อน ๆ ชนิดหนึ่งที่ถูกผลิตขึ้นโดยธรรมชาติโดยเซลล์เม็ดเลือดขาวในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดเพื่อการรักษาและการปกป้องร่างกาย  ซึ่งกรดไฮโปคลอรัส มีคุณสมบัติในการกำจัดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา รวมไปถึงสปอร์ของเชื้อราได้ โดยการเข้าไปทำลายผนังหุ้มเซลล์ของเชื้อโรค เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคเหล่านั้น เนื่องจากกรดไฮโปคลอรัส (HOCl) เป็นกรดชนิดเดียวกันกับที่อยู่ในระบบภูมิคุ้มกัน ในเม็ดเลือดขาวของร่างกายมนุษย์ จึงปลอดภัย ไม่เป็นอันตรายต่อผิวบอบบาง  หรือดวงตา ไม่ทำให้เกิดอาการแสบ และมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคมากกว่าสารฟอกขาวประเภทคลอรีนถึง 80-120 เท่า กรดไฮโปคลอรัส สามารถพบได้จาก “ น้ำอิเล็กโทรไลต์ “ ซึ่งเป็นน้ำที่ได้จากกระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) ซึ่งมีการคิดค้นครั้งแรกโดยนักฟิสิกส์และนักเคมี นามว่า ไมเคิล ฟาราเดย์ (Michael Faraday) เมื่อปีทศวรรษ 1834 โดยเขาได้คิดค้นหลักการสำคัญของกระบวนการอิเล็กโทรลิซิสตั้งเป็นกฎสองข้อเรียกกันว่า Faraday’s Laws of Electrolysis ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาไฟฟ้าเคมี (Electrochemistry) มาจนถึงทุกวันนี้ กระบวนการอิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) คืออะไร ? อิเล็กโทรลิซิส (Electrolysis) คือกระบวนการผ่านกระแสไฟฟ้า ด้วยเครื่องมือที่ใช้แยกสารละลายด้วยไฟฟ้า มีชื่อเรียกว่า เซลล์อิเล็กโทรไลต์ หรือ อิเล็กโทรลิติกเซลล์ ประกอบด้วย […]

แม่ท้องร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เนื่องฮอร์โมนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนดังกล่าวจะส่งผลให้เส้นเอ็นและข้อต่อเกิดการคลายตัวมากขึ้น รวมทั้งทำให้โครงสร้างภายในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับทารกในครรภ์ หนึ่งในนั้นการเปลี่ยนแปลของร่างกายก็คือสภาพผิวที่แห้งง่าย สีผิวเปลี่ยน คุณแม่บางคนเกิดกระได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงขนาดท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังบริเวณท้อง หน้าอก ต้นขา เกิดการยืดตึงจนเกิดรอยแตก การดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ รวม ITEM ดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ BabyGift คัดสรรคุณภาพ 1. ผลิตภัณฑ์ป้องกันการแตกลาย ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณแม่ว่าเป็นเนื้อครีมหรือเนื้อเซรั่ม ควรใช้ก่อนที่จะเกิดปัญหาเรื่องผิวแตกลายจะเป็นการดูและผิวได้ดีที่สุด  2. เข็มขัดพยุงครรภ์  รองรับน้ำหนักของครรภ์ที่ขยายใหญ่และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดหลังของแม่ท้องได้อีกด้วย การเริ่มใช้ขึ้นอยู่กับคุณแม่แต่ละคนเลยว่ารู้สึกหนักหรือหน่วงท้องเมื่อไหร่ 3. คาร์ซีทสำหรับแม่ท้อง   อุปกรณ์เสริมบนรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แม่ท้องและลูกในครรภ์  คาร์ซีทแม่ท้อง แบรนด์ Tummy Shleid  นวัตกรรมจากประเทศออสเตรเลีย เปลี่ยนจากการที่เข็มขัดนิรภัยรถรัดหน้าท้อง มารัดที่ต้นขาแทน  4. ผลิตภัณฑ์น้ำฆ่าเชื้อธรรมชาติ   แม่ท้องอยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง อาจทำให้ป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย ติดเชื้อได้ง่าย การใช้แอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายใน การใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อจากธรรมชาติเพิ่มความปลอดภัยได้   5. เครื่องอบ UV   นวัตกรรมการฆ่าเชื้อขั้นสูงด้วยแสงยูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกับการฆ่าเชื้อในวงการแพทย์ สามารถใช้ได้ทั้ง โทรศัพท์มือถือ ของใช้ต่างๆ

การเลี้ยงลูกให้มีสุขภาพดีเริ่มต้นจากการให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์ แต่การที่ลูกไม่ยอมกินข้าวเป็นปัญหาที่แม่หลายคนต้องพบเจอ แม้ว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของเด็กในวัยทารกหรือวัยเด็กเล็ก แต่หากปล่อยไว้ อาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการและสุขภาพของลูกในระยะยาว ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีจัดการลูกไม่ยอมกินข้าวที่ได้ผลจริงมาฝากค่ะ 1. สร้างสภาพแวดล้อมในการทานอาหารที่ดี บรรยากาศการทานอาหารที่ดีช่วยให้ลูกอยากทานมากขึ้น คุณแม่ควรสร้างบรรยากาศที่สนุกสนานและไม่กดดันขณะทานอาหาร เช่น การทานอาหารร่วมกันกับครอบครัว หรือการตั้งโต๊ะอาหารที่มีสีสันและดูน่าสนใจ เคล็ดลับ: 2. ให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกอาหาร เด็กมักจะรู้สึกสนุกและมีความภาคภูมิใจเมื่อได้เลือกหรือช่วยเตรียมอาหารเอง คุณแม่สามารถให้ลูกมีส่วนร่วมในการเลือกเมนูอาหารหรือการจัดเตรียมอาหารบางอย่าง เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่าการทานอาหารเป็นเรื่องสนุกและไม่น่าเบื่อ เคล็ดลับ: 3. หลีกเลี่ยงการบังคับให้กินอาหาร การบังคับให้ลูกทานอาหารอาจทำให้ลูกเกิดความเครียดและต่อต้านการทานอาหารมากขึ้น การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอาหารจะช่วยให้ลูกมีทัศนคติที่ดีต่อการทานอาหาร เคล็ดลับ: 4. เปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลาย เด็กมักเบื่ออาหารที่ซ้ำซาก ดังนั้นคุณแม่ควรเปลี่ยนเมนูอาหารให้หลากหลายและน่าสนใจ เช่น การทำอาหารในรูปแบบต่างๆ หรือการเพิ่มรสชาติใหม่ๆ เข้าไปในอาหาร เคล็ดลับ: 5. ไม่เสิร์ฟของหวานก่อนมื้ออาหาร การเสิร์ฟของหวานหรือขนมก่อนมื้ออาหารจะทำให้ลูกอิ่มท้องก่อนและไม่อยากทานข้าว ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการให้ขนมก่อนมื้ออาหาร เคล็ดลับ: 6. ทานอาหารร่วมกับลูก การทานอาหารร่วมกับลูกจะช่วยให้ลูกเห็นแบบอย่างในการทานอาหารที่ดี และทำให้ลูกรู้สึกมีส่วนร่วมในการทานอาหารด้วยกัน เคล็ดลับ: 7. ควบคุมเวลาการทานอาหาร การมีเวลาทานอาหารที่ชัดเจนจะช่วยให้ลูกสร้างนิสัยการทานอาหารที่ดี ไม่ทานอาหารระหว่างมื้อซึ่งอาจทำให้ลูกไม่หิวเวลาทานข้าว เคล็ดลับ: 8. ให้รางวัลเมื่อทานอาหารเสร็จ การให้รางวัลเล็กๆ น้อยๆ เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วเป็นวิธีหนึ่งที่จะกระตุ้นให้ลูกทานอาหารอย่างเต็มใจ โดยรางวัลไม่จำเป็นต้องเป็นขนมหรือของหวานเสมอไป […]

ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำนมแม่สำคัญต่อพัฒนาการของลูกน้อยมากแค่ไหน แต่น้ำนมของคุณแม่แต่ละคนไม่ได้มีเยอะเท่ากันใช่มั้ยหล่ะคะ บางคนก็เยอะ บางคนก็น้อย บางคนก็ไม่มี ดังนั้นการกระตุ้นน้ำนมอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมากต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นวิธีการเลี้ยงดูที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วงแรกเกิด และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณแม่ไปรู้จักกับวิธีกระตุ้นน้ำนมกันค่ะว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแม่ๆ ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมได้บ้าง แชร์วิธีกระตุ้นน้ำนมแม่ ทำยังไงให้คุณแม่มีน้ำนมเพียงพอ ส่งต่อสุขภาพดีๆ ให้ลูก  การกระตุ้นน้ำนมแม่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมให้เพียงพอต่อความต้องการของทารก เพราะน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งจะช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารครบถ้วน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายทารกเจริญเติบโตอย่างเต็มที่และแข็งแรง แถมยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์แม่ลูกให้แน่นแฟ้น เพราะในขณะที่แม่ให้นมลูก จะเกิดการหลั่งฮอร์โมนความรักและผูกพันกัน ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่น ความปลอดภัยให้แก่ทารกค่ะ เอาหล่ะค่ะ แล้ววิธีกระตุ้นน้ำนมแม่มีอะไรบ้าง เรามาดูกันต่อเลยค่ะ วิธีกระตุ้นน้ำนมแม่ มีอะไรบ้าง ?  มีหลายวิธีในการกระตุ้นการไหลของน้ำนมแม่ค่ะ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำได้จริง ซึ่งการทำตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้อย่างเต็มที่ มาดูกันค่ะ  1. การดื่มน้ำ : และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : วิธีง่ายๆ แต่ส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของน้ำนมแม่ คุณแม่ลองใส่ใจในการกินอาหารให้มากขึ้น เช่น ถั่วงอก ข้าวกล้อง น้ำผลไม้ กระเจี๊ยบเขียว […]

หลายๆบ้านถามกันเข้ามาว่า เวลาพาลูกเที่ยว แม่แพรว ยังให้เฌอลินน์นั่งรถเข็นอยู่ไหม ? ต้องบอกแบบนี้เลยค่ะว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในแต่ละวัน ว่าเราพาลูกน้อยไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ต้องเดินทางไกลหรือนานแค่ไหน ? อย่างเวลาแพรวพาลูกออกนอกบ้านนานๆ ถ้าไม่มีตัวช่วยอย่างเจ้ารถเข็นเลย บางครั้งก็ทำให้เฌอลินน์งอแง อยากให้อุ้มอยู่ตลอดเวลา พ่อแม่อย่างเราจะคอยอุ้มลูกทั้งวันก็คงไม่ไหวใช่มั้ยหล่ะคะ ถ้าได้รถเข็นมาเป็นตัวช่วยพาลูกเที่ยวในวันที่แม่เหนื่อย อุ้มลูกไม่ไหว ก็จะช่วยทำให้เราพาลูกเที่ยวแบบสบาย แม่ไม่เหนื่อย แฮปปี้กันทั้งครอบครัวเลยค่ะ แพรวเลือก รถเข็น Aprica รุ่น Optia Cushion Premium ให้เฌอลินน์ เพราะเขารองรับสรีระเด็กทุกช่วงวัย ตั้งแต่แรกเกิด – 3 ขวบกันเลยทีเดียวค่ะ ตอนนี้เฌอลินน์ 2 ขวบแล้ว ตัวสูงแบบนี้ยังนั่งได้สบายๆไม่อึดอัด แถมแบรนด์ Aprica รุ่นนี้ไม่ใช่รถเข็นธรรมดาทั่วไป เป็นเบาะแบบ Ergonomic Design ที่ออกแบบคิดค้นโดยกุมารแพทย์ญี่ปุ่นด้วย ขนาดพ่อแม่อย่างเรายังตามหาซื้อเก้าอี้ Ergonomic มานั่งทำงานกันเลยใช่มั้ยคะ แพรวเองก็ขอเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกน้อยได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ขณะอยู่นอกบ้านแน่นอนค่ะ ซื้อรถเข็นมา ลูกไม่ยอมนั่งทำไงดี ? คุณพ่อคุณแม่ต้องลองสังเกตุดูค่ะ ด้วยสภาพอากาศเมืองไทยค่อนข้างร้อน เด็กเล็กๆ มักจะมีเหงื่อออกเยอะ ถ้าเป็นรถเข็นที่ไม่ค่อยระบายอากาศเวลาลูกนั่งนานๆ เขาจะหัวเปียกหลังแฉะ ไม่สบายตัวอยู่ตลอดเวลา การได้รถเข็นเบาะระบายอากาศดีๆ เวลาเราพาลูกออกนอกบ้าน ลูกจะยอมนั่งไม่งอแง […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages