อุ่นนมแม่ อย่างไร? ให้ลูกได้สารอาหารครบถ้วน

นมแม่ คืออาหารมหัศจรรย์ของลูกน้อย อุดมด้วยสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่ครบถ้วนและเหมาะสมที่สุดสำหรับลูกน้อย ซึ่งคุณค่าสารอาหารในนมแม่ สำคัญที่สุดต่อการช่วยส่งเสริมพัฒนาการลูกทุกด้าน ได้แก่
- สารอาหารสร้างพัฒนาการสมอง ทั้ง ดีเอชเอ เอเอ กรดไขมันจำเป็นโอเมก้า3 โอเมก้า 6 ทอรีนและอื่นๆ ที่ช่วยพัฒนาระบบประสาทและการทำงานของสมองลูกน้อย
- สารอาหารเพื่อร่างกายลูกน้อยเติบโตแข็งแรง เพราะมีทั้งโปรตีนที่มีประโยชน์และย่อยง่าย แคลเซียม ธาตุเหล็ก ไขมัน คาร์โบไฮเดรต growth factor และวิตามินที่จำเป็นต่างๆ อีกมากมาย เพื่อให้ลูกมีร่างกายสูงใหญ่ แข็งแรงสมวัยเสมอ
- นมแม่มีสารที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันธรรมชาติให้ลูก เทียบเท่ากับวัคซีนเป็นพันเข็ม ซึ่งเป็นสารภูมิคุ้มกันโรคที่ไม่สามารถหาได้จากอาหารอื่น ช่วยลดภูมิแพ้ และป้องกันการติดเชื้อจากโรคภัยต่างๆ ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัย ไม่เจ็บป่วยง่ายนั่นเอง
- นมแม่ มีสารที่ช่วยในเรื่องระบบย่อยและฮอร์โมนต่างๆ ช่วยให้ลูกขับถ่ายง่าย อารมณ์ดี จิตใจแจ่มใส ยิ้มง่าย และยังได้รับความอบอุ่นปลอดภัย สร้างสายสัมพันธ์แห่งความผูกพันจากใจคุณแม่ ทำให้คุณหนูเลี้ยงง่าย อารมณ์ดีมีความสุข

อุ่นนมแม่ให้ถูก ลูกได้คุณค่าเต็มที่
เมื่อรู้ว่านมแม่มีคุณค่ามหาศาลอย่างนี้แล้ว คุณแม่ต้องให้ลูกน้อยกินนมแม่ให้นานที่สุด เพื่อให้ลูกได้รับคุณค่าน้ำนมให้มากที่สุด ด้วยการทำสต๊อกนมแม่เก็บไว้ให้ลูก และให้ความสำคัญกับการอุ่นนมแม่ที่แช่แข็งหรือทำสต๊อกไว้มาให้ลูกกินด้วย เพราะหากอุ่นนมแม่ไม่ถูกวิธี อาจทำให้ลูกเจ็บป่วยท้องเสีย แถมยังสูญเสียสารอาหารที่มีคุณค่าในนมแม่ไป เราจึงขอแนะนำวิธีการอุ่นนมที่ถูกต้อง เพื่อให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารที่ดีที่สุดมาฝากกันค่ะ
วิธี อุ่นนมแม่ จากช่องแช่แข็ง
- นำนมแม่ในถุงเก็บน้ำนมที่แช่แข็งจากช่องฟรีซ ย้ายลงมาแช่ในช่องธรรมดาด้านล่าง เพื่อเตรียมก่อนจะใช้ 1 คืน ให้นมแม่ค่อยๆ ละลายในวันรุ่งขึ้น โดยนำนมเก่าที่คุณแม่ปั๊มเก็บไว้มาใช้ก่อนตามลำดับวัน เวลา ที่เขียนไว้หน้าถุงเก็บน้ำนม
- เมื่อนมแม่ละลาย ให้แบ่งนมแม่ใส่ขวด ในปริมาณที่ลูกกินเฉพาะมื้อต่อมื้อเท่านั้น แล้วจึงค่อยนำมาอุ่น ซึ่งนมส่วนที่เหลือในช่องตู้เย็นธรรมดาจะสามารถเก็บให้ลูกกินได้อีก 2-3 วัน
- ไม่ควรนำนมแช่เข็ง ออกมาวางปล่อยให้ละลายเองที่อุณหภูมิห้อง เพราะอาจทำให้คุณแม่ทิ้งไว้จนลืมเวลา หรือทิ้งไว้นานเกินไป จนทำให้นมแม่เสียได้
- วิธีการอุ่นนมแม่ที่ดีและถูกต้องคือ นำนมแม่ไปแช่ไว้ในถ้วยหรือกะละมังเล็กๆ ที่ใส่น้ำอุ่น หรือน้ำธรรมดาอุณหภูมิห้อง จนนมแม่หายเย็น
- ห้ามอุ่นนมแม่ด้วยการนำไปใส่ไมโครเวฟ หรือแช่ในน้ำร้อน นมแม่ควรผ่านความร้อนให้น้อยที่สุด เพราะความร้อนจะไปทำลายสารอาหารสำคัญในนมแม่ เช่น วิตามินบางตัว สารภูมิคุ้มกัน ทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวลดลง และอื่นๆ รวมทั้งน้ำนมอาจจะร้อนเกินไปจนลวกปากลูกน้อยได้
- หลังนมละลาย อาจมีชั้นของไขมันนมลอยอยู่ด้านบน แยกกับส่วนที่เห็นเป็นน้ำ ให้คุณแม่ค่อยๆเขย่าหรือแกว่งเบาๆ ให้นมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันก่อนให้ลูกน้อยกิน
- น้ำนมแช่แข็งที่ละลายแล้วอาจมีกลิ่นหืนนิดหน่อย แต่ไม่เสีย ลูกน้อยสามารถกินได้ไม่มีอันตราย
- ถ้าลูกน้อย ไม่ปฏิเสธหรือยอมกินนมเย็นๆ ได้ อาจไม่ต้องนำมาแช่ในน้ำอุ่น โดยเมื่อนมแม่ละลายตัวเข้ากันในช่องแช่เย็นธรรมดาแล้ว ก็สามารถนำมาให้ลูกกินนมแบบเย็นๆ ได้ทันที

ปัจจุบันมีเครื่องอุ่นนม ที่ช่วยอำนวยความสะดวกคุณแม่ในการละลายนมแม่แช่แข็ง ซึ่งมีการทำงานที่หลากหลายทั้งอุ่นนม ละลายน้ำแข็ง อุ่นอาหาร และฆ่าเชื้อได้ โดยคุณแม่ควรพิจารณาเลือกซื้อที่มีมาตรฐานความปลอดภัย สามารถเลือกปรับอุณหภูมิได้ตามความเหมาะสม เพื่อรักษาคุณค่าของนมแม่ไว้ให้ครบถ้วน
ข้อควรระวัง
- คุณแม่ควรทดสอบอุณหภูมิของน้ำนม ด้วยการหยดใส่หลังมือ โดยต้องไม่รู้สึกร้อนหรือเย็นเกินไป เพราะนมที่ร้อนเกินไปอันตรายต่อทางเดินอาหารของลูก ตั้งแต่อาการพุพอง จนอาจกระตุ้นให้เกิดเนื้องอกในกระเพาะอาหาร และยังทำลายเซล์เม็ดเลือดขาวในนมแม่ ส่วนนมที่เย็นเกินไป จะทำให้ลูกทารกมีภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำได้ด้วย
- คุณแม่ควรดมกลิ่นนมสต็อกหลังจากละลายน้ำแข็ง หรืออุ่นนมแม่แล้วทุกครั้ง เพื่อตรวจสอบว่านมมีลักษณะเสียหรือไม่ ซึ่งนมที่เสียจะมีรสเปรี้ยวและมีกลิ่นรุนแรงมาก
- นมแม่ที่อุ่นจนละลายแล้ว ไม่สามารถเก็บได้นานเกิน 2-3 ชั่วโมง ในอุณหภูมิห้อง ดังนั้นจึงควรให้ลูกกินนมจนหมด หรือเก็บต่อได้ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง แล้วต้องทิ้งไป
- ไม่ควรนำนมแช่แข็งที่ละลายแล้ว กลับไปแช่แข็งใหม่

เรื่องเข้าใจผิดของการ อุ่นนมแม่ ทำเสียคุณค่าน้ำนม
- นำนมไปแช่ในน้ำร้อน หรือนำไปนึ่งได้ เพื่อให้ละลายเร็ว
ความจริงคือ ไม่ควรนำนมแม่ไปละลายในน้ำร้อน เพราะความร้อนจะทำให้สารอาหารสำคัญในนมแม่ที่มีคุณค่าต่อลูกน้อยเสียไป - ละลายนมแม่ หรืออุ่นให้ร้อนเร็วได้ด้วยไมโครเวฟ
ความจริงคือ ห้ามนำนมไปอุ่นหรือทำให้ร้อนในไมโครเวฟ เนื่องจากความร้อนจะไปทำลายสารภูมิคุ้มกัน และสารอาหารจำเป็นในนมแม่ ทำให้ลูกไม่ได้รับสารอาหารที่สำคัญครบถ้วน และน้ำนมอาจร้อนเกินไปจนลวกปากลูกได้ด้วย - หากลูกนมแม่ที่อุ่นแล้วไม่หมด ยังเก็บนมแม่นั้นให้ลูกกินมื้อถัดไปได้อีก
ความจริงคือ ไม่ควรนำนมที่ออกมาอุ่นแล้ว หรือนมที่เหลือ มาให้ลูกกินในมื้อถัดไป เพราะนมที่ละลายแล้วจะเก็บได้ไม่เกิน 2 ชั่วโมง นมอาจจะเสียหรือบูด เสี่ยงทำให้ลูกน้อย ปวดท้อง ท้องเสียหรือเจ็บป่วยได้ - ลูกกินนมเย็นไม่ได้ เดี๋ยวปวดท้อง ท้องเสีย!
ความจริงคือ การกินนมแม่ที่ละลายแล้วแบบเย็น ไม่ทำให้ลูกปวดท้องหรือ ท้องเสีย และนมแม่ก็ยังมีคุณค่าสารอาหารที่จำเป็นต่อลูกน้อย แต่หากลูกไม่ชอบกินนมเย็น คุณแม่ก็เพียงนำขวดนมแม่มาแช่ในน้ำอุ่น หรือน้ำอุณหภูมิห้องรอให้หายเย็นลงเท่านั้น - นมแม่ที่ละลายแล้วมีกลิ่นหืน คือเสีย! ให้ลูกกินไม่ได้
ความจริงคือ น้ำนมแม่ที่แช่แข็งไว้ เมื่อละลายหรืออุ่นแล้วอาจมีกลิ่นหืนได้บ้าง แต่ไม่ได้เสีย ลูกน้อยสามารถกินได้ เพราะยังคงมีคุณค่าสารอาหาร และไม่มีอันตราย ยกเว้นกรณีนมแม่มีกลิ่นรุนแรงมาก และมีรสเปรี้ยว แสดงว่านมนั้นเสียแล้วไม่ควรให้ลูกกิน
ข้อมูลเพิ่มเติม :
https://www.si.mahidol.ac.th/th/division/HpH/admin/news_files/718_49_1.pdf, FB: สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ,
https://www.phyathai.com/
https://library.thaibf.com/ (คลังข้อมูล มูลนิธิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย)
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
หมอนให้นม เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้แม่และทารกรู้สึกสบายขณะให้นม มักจะมีรูปทรงคล้ายตัว C หรือ U ซึ่งช่วยรองรับทารก วัสดุส่วนใหญ่จะอ่อนโยน เพื่อไม่ผิวลูกเกิดอาการระคายเคือง ตัวหมอนหรือเบาะควรมีความนุ่ม ระบายอากาศได้ดี และทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift จะชวนแม่ๆ มารู้จักหมอนรองให้นมกันให้มากขึ้น พร้อมยี่ห้อดีๆ มาแนะนำกันค่ะ รู้จัก หมอนรองให้นม ตัวช่วยคุณแม่ให้นมลูกที่สะดวก สบายขึ้น ! หมอนที่ใช้รองให้นมเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การให้นมแม่สะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับแม่มือใหม่หรือแม่ที่ต้องให้นมบ่อยๆ เพราะช่วยรองรับน้ำหนักทารกขณะให้นม ลดความเมื่อยล้าของแขนและไหล่แม่ หมอนให้นมจะช่วยจัดท่าให้นมที่เหมาะสม ทำให้ทารกดูดนมได้ง่ายขึ้น ช่วยลดอาการปวดเมื่อยหลัง และคอของแม่ จึงเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกที่ไม่ว่าคุณแม่น้ำนมเยอะ หรือน้ำนมน้อยต้องมีติดบ้านไว้กันเลยหล่ะค่ะ (อ่านเรื่องวิธีกระตุ้นน้ำนม เพิ่มเติมได้อีก BabyGift มีเขียนไว้แล้วค่ะ) ข้อดีของการใช้หมอนรองให้นม การใช้หมอนเพื่อให้นมนั้น มีข้อดีหลายประการ ซึ่งช่วยให้การให้นมลูกสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันค่ะว่ามีข้อดีอะไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหมอนให้นมจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำเป็นสำหรับคุณแม่ทุกคน บางคนอาจรู้สึกสบายกว่าเมื่อไม่ใช้หมอน ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองและลูกที่สุดค่ะ วิธีเลือกหมอนรองให้นม การเลือกหมอนที่ใช้ช่วยคุณแม่สำหรับให้นมที่เหมาะกับการใช้งานนั้น สำคัญมากสำหรับความสะดวกสบายของทั้งตัวแม่และลูก ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่สบาย และผ่อนคลายมากขึ้น เราลองมาดูกันค่ะ ว่าต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง แนะนำ ท่าอุ้มลูกให้นมที่ถูกต้อง […]
BabyGift Grand Opening ฉลองเปิดสาขาใหม่ “ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์” สาขาที่ 7 อย่างเป็นทางการตอกย้ำความเป็นผู้นำร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก BabyGift พร้อมที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณพ่อ-คุณแม่และลูกน้อยในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ” The Best Gift for your Baby ” ขอขอบคุณ แบรนด์ Partner ผู้บริหาร และคณะกรรมการทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่มาร่วมงาน และคอยสนับสนุนเบบี้กิ๊ฟอย่างดีตลอดมาค่ะ Attitude Mom Thailand : เครื่องปั๊มนม 5 โหมด อัจฉริยะ กรวยซิลิโคนแท้ Spectra Thailand เครื่องปั้มนม Iflin baby PUR Thailand Mellow for Kids ผ้ารองกันน้ำ100% เมลโล่ Bambies Thailand Baby Natura Beaba Thailand Luxury Baby […]
“เวลาลูกสาววัย 5 เดือนดูดนมแม่ จะมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะที่ศีรษะจะเปียกตลอดเลยทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ ถือเป็นอาการผิดปกติหรือเปล่า” เด็กต้องการพลังงานเทียบกับน้ำหนักตัวสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆจึงต้องการใช้พลังงานสูงมาก เช่น เพื่อการสร้างเซลสมอง การสร้างเซลกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้ใหญ่ต้องการพลังงานเพื่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อหัวใจในเด็กทารกเป็นเซลกล้ามเนื้อชนิดที่ล้าง่าย ต้องการพลังงานสูง ชีพจรของเด็กจึงเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ เด็กแรกเกิดชีพจรเต้น 140 ครั้งต่อนาที และลดลงเรื่อยๆเมื่อเด็กเติบโตขึ้น จนเป็น 60-80 ครั้งต่อนาทีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานก็ย่อมมีมาก การระบายความร้อนออกจากร่างกายทำได้โดยการขับออกเป็นเหงื่อ ดังนั้นการที่เห็นว่าทารกนอนดูดนมเฉยๆ ทำไมถึงมีเหงื่อเยอะจัง เพราะภายในร่างกายของเขามีการทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ผิดปกติค่ะ ขณะที่ผู้ใหญ่จะใช้พลังงานสูงเท่ากับที่เด็กทารกต้องการ ก็ต่อเมื่อมีการออกกำลัง จนชีพจรเต้นเร็วเท่ากับเด็กทารก ถึงเวลานั้นเราก็มีเหงื่อออกเต็มตัวเหมือนเด็กทารกเวลาดูดนมเช่นกัน อย่างไรก็ดีมีโรคบางอย่างที่ทำให้ทารกมีเหงื่อออกมากผิดปกติกว่าเด็กคนอื่น เช่น โรคหัวใจ โรคธัยรอยด์เป็นพิษ แต่ลูกควรมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เลี้ยงไม่โต ดูดนมแล้วดูเหนื่อยต้องหยุดเป็นพักๆ ตรวจร่างกายฟังได้ยินเสียงผิดปกติที่หัวใจ หากสงสัยว่าลูกเป็นโรคเหล่านี้ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ได้ค่ะ หากตรวจแล้วพบว่าลูกปกติดี การมีเหงื่อออกเวลาดูดนม นอกจากช่วยระบายความร้อนแล้วยังช่วยให้ต่อมเหงื่อทำงานขับของเสียออกทางผิวหนังอีกทางหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ให้ลูกตลอดเวลา เพียงใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่าย และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทจะดีกว่าค่ะ >>>ขอบคุณข้อมูล : สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ
การฝึกเด็กทารกให้นั่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กน้อยค่ะ แต่ว่าจะให้เด็กเริ่มหัดใช้เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนดี จะฝึกเด็กน้อยของเราให้นั่งยังไง จะเริ่มให้เด็กหัดนั่งตอนไหนถึงจะดี ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดไม่ลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ? แนะนำเคล็ดลับพร้อมตอบคำถาม และแนะนำยี่ห้อเก้าอี้เด็กน่าใช้ ! เก้าอี้หัดนั่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเด็กทารกฝึกนั่งอย่างปลอดภัย มีโครงสร้างที่มั่นคง และปลอดภัย ช่วยพยุงตัวเด็ก ใช้วัสดุที่นุ่มสบาย มีสายรัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้มีถาดวางของด้านหน้าให้ด้วย เก้าอี้หัดนั่งจะช่วยให้เด็กได้ฝึกทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อ เตรียมความพร้อมสำหรับการนั่งด้วยตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการหัดนั่งจะเป็นยังไงบ้างนั้น ตามมาเรียนรู้เพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันค่ะ พัฒนาการของเด็ก ก่อนจะไปดูว่าเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน เราลองมาทำความรู้จักกับตัวอย่างพัฒนาการของเด็กกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งพัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัย หรือกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก ควรปรึกษากับแพทย์นะคะ สำหรับผู้ปกครองที่สนใจเรื่องพัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ อีก ลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ BabyGift เคยเขียนไว้ในเว็บไซต์แล้วค่ะ เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ? โดยทั่วไป เด็กจะพร้อมหัดนั่งเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ กล้ามเนื้อคอและหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้นค่ะ แต่ถึงแม้ว่าพัฒนาการของเด็กในช่วง 4-6 เดือนนั้น จะเริ่มควบคุมศีรษะได้ดี และอาจเริ่มพลิกตัวได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการนั่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกนั่ง ซึ่งการเริ่มฝึกหัดนั่งในเด็กอายุ 6-8 เดือนนั้น […]
คุณแม่มือใหม่มักจะชอบถามว่า “ฝากท้องเมื่อไหร่ดี” คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ ตอนนี้เลยค่ะ! คุณแม่ควรรีบไปฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องนะคะ เนื่องจากระยะเวลาตลอด 40 สัปดาห์ที่ตั้งครรภ์นั้นถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะเวลาฝากครรภ์คุณแม่จะได้ยาบำรุงมาทานด้วย แถมยังได้รับการดูแลดีๆ จากคุณหมออีกต่างหาก เจอคุณหมอบ่อยๆ จะได้อุ่นใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาเกิดอาการแปลกๆ กับตัวเราด้วย เวลาไปฝากครรภ์คุณหมอคุณพยาบาลจะถามอะไรบ้างนะ? เวลาไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอและคุณพยาบาลจะถามคำถามเหล่านี้กับคุณแม่ค่ะ ตื่นเต้นจัง จะต้องตรวจอะไรบ้างนะ? ประโยชน์ของการฝากครรภ์มีอะไรบ้างนะ? นอกจากนี้ การพบคุณหมอทุกๆ เดือนก็จะทำให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจและได้รับการแนะนำว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละไตรมาสอีกด้วยค่ะ เวลาไปฝากครรภ์จะเตรียมเงินไปเท่าไหร่ดี ค่าใช้จ่ายนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลเลยค่ะ หากเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คุณแม่อาจใช้สิทธิ 30 บาทในการฝากครรภ์ได้ ส่วนถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน การฝากครรภ์แต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่าย มากน้อยขึ้นอยู่กับการตรวจรักษาในวันนั้นค่ะ หรือบางโรงพยาบาลอาจมีแพ็กเกจการฝากครรภ์แบบเหมาจ่ายด้วยนะ ฝากครรภ์ที่ไหนดีนะ เลือกไม่ถูกเลย คุณแม่สามารถไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกก็ได้นะ โดยโรงพยาบาลหรือคลินิกนี้ควรจะอยู่ใกล้บ้านหรือเดินทางได้สะดวก เพราะเมื่อคุณแม่เริ่มท้องแก่แล้วอาจมีปัญหาในการเดินทางได้ค่ะ สถานที่ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่คลอดไม่จำเป็นต้องเป็นที่่เดียวกันก็ได้นะคะ การฝากครรภ์นั้นไม่มีคำว่าเร็วเกินไป แต่หากคุณแม่ประวิงเวลาไม่ยอมไปฝากครรภ์หรือไปไม่ตรงตามที่คุณหมอนัดแล้วล่ะก็ จะส่งผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์ได้แน่นอนเลยล่ะ
ผ้าฆ่าเชื้อ AG Pure เป็นนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นเพื่อส่งเสริมความสะอาดและสุขอนามัยที่ดีสำหรับเด็กทารกและเด็กเล็ก ที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง ผ้าชนิดนี้จึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เด็กหลายประเภท โดยเฉพาะในผ้าหุ้มคาร์ซีทแบรนด์ Ailebebe ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ผ้า AG Pure ในคาร์ซีทฆ่าเชื้อโรคได้จริงไหม ปลอดภัยสำหรับผิวบอบบางของทารกหรือไม่ มาทำความรู้จักกันเลยค่ะ AG Pure คืออะไร ? ผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรียปลอดภัยต่อทารกไหม ? AG Pure คือผ้าฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ที่จดสิทธิบัตรโดย Ailebebe มีคุณสมบัติพิเศษในการฆ่าเชื้อด้วยเส้นใย Agreza® ซึ่งพัฒนาขึ้นโดยสถาบัน Toyobo STC Co., Ltd. จากประทศญี่ปุ่น โดยมีการผสมซิลเวอร์ไอออน ทำให้สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ถึง 99% ผ้าชนิดนี้ได้รับการทดสอบความปลอดภัยจากสถาบัน Boken Quality Efracing Organization และผ่านมาตรฐาน EN71-3 ของยุโรป ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับของเล่นเด็ก ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยต่อผิวหนังของทารกและเด็กเล็ก แม้ในกรณีที่เด็กเอาเข้าปากก็ไม่มีอันตราย กลไกการฆ่าเชื้อของเส้นใย Agreza® ด้วยพลัง Silver ion กลไกการฆ่าแบคทีเรียจะใช้ […]






