มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ระดับสากล

เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กในรถยนต์ทุกที่นั่งจะต้องมีป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 เป็น มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท เพื่อบ่งชี้ว่าเบาะตัวนั้นๆได้ผ่านตามข้อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัย ป้ายรับรองมาตรฐาน ECE R44/04 จะเป็นป้ายสีส้ม
- แสดงประเภท (Category) ของเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก
- แสดงน้ำหนักที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้งาน (Weight class)
- “Y” แสดงชนิดของอุปกรณ์ป้องกัน ในรูป “Y” หมายถึง เข็มขัดนิรภัยแบบ 5 จุดที่มีสายรัดเป้า
- ตัวบ่งชี้ว่าเป็นยุโรปอนุมัติ
- ตัวบ่งชี้สำหรับประเทศที่ได้รับความเห็นชอบ (1 = เยอรมนี, 2 = ฝรั่งเศส, 3 = อิตาลี, 4 = เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ )
- หมายเลขการอนุมัติ ประกอบด้วยตัวเลข 8 หลัก ตัวเลขสองตัวแรกแสดงเวอร์ชั่นของมาตรฐานการทดสอบ ECE R 44 ที่เบาะนิรภัยนั้นๆได้รับการอนุมัติ (ในกรณีนี้คือ ECE R 44/04)
- เลขที่ปัจจุบัน

มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตาม Group

และแบ่งแยกเป็นประเภทต่างๆ ทั้งหมด 4 ประเภท (4 Categories) ตามการติดตั้งและการใช้งาน ซึ่งจะช่วยให้เราทราบว่าเบาะนั้นๆออกแบบมาสำหรับรถเราหรือไม่
มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีท ECE 44/03 และ ECE R 44/04 แบ่งตามภูมิภาค

จากข้อมูลในหัวข้อนี้คงพอให้ท่านผู้อ่านเข้าใจความหมายและทราบถึงรายละเอียด ข้อมูลของเบาะนั้นจากป้ายมาตรฐาน ตลอดจนเป็นประโยชน์กับผู้ปกครองในการเลือกซื้อเบาะให้เหมาะกับลูกหลานและรถ ที่มีแนวทางการใช้งานเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก
- เลือกเบาะนั่งนิรภัยให้เหมาะสมกับขนาดร่างกายของเด็กและเหมาะกับรถ เบาะนั่งนิรภัยไม่เหมือนเสื้อผ้า การซื้อเบาะนั่งที่ไม่ตรงกับขนาดและอายุของเด็กจะส่งผลต่อความปลอดภัย
- ตอบความพึงพอใจของเด็ก โดยเฉพาะในด้านความสะดวกสบายในขณะนั่ง ทางที่ดีก่อนซื้อควรพาลูกๆหลานๆไปทดลองถึงที่ด้วยก็จะดี เพราะนั่นจะทำให้ทราบว่า เบาะรุ่นไหนเขานั่งแล้วสบาย ไม่อึดอัด
- สร้างความคุ้นเคยให้เด็ก สำหรับเด็กที่ยังไม่เคยนั่งมีคำแนะนำให้เอาเบาะมาให้เด็กได้สัมผัสได้ลองเล่นในบ้าน ให้เด็กนั่งขณะป้อนข้าวหรือทำกิจกรรมต่างๆเพื่อทำความคุ้นเคย เพื่อเด็กจะได้ไม่กลัวหรืองอแงยามที่ต้องถูกล็อคอยู่ในรถจริงๆ (คำแนะนำของกุมารแพทย์ รพ.กรุงเทพ)
ในครั้งแรกๆ เด็กๆอาจจะร้องเพราะกลัวการถูกล็อค แต่ถ้าเขาคุ้นเคยเสียก่อน ก็จะลดการร้องไม่ยอมของเด็กได้ การที่เด็กๆร้องก็จะทรมาณใจพ่อแม่เพราะสงสารลูกๆและเป็นสาเหตุทำให้ละเลยการใช้งานเบาะนิรภัยในครั้งต่อๆไป
- ห้ามไม่ให้ใช้เบาะนั่งนิรภัยร่วมกับถุงลมนิรภัยที่อยู่ด้านหน้า
- ควรให้เด็กนั่งที่ห้องโดยสารตอนหลัง (เบาะหลังรถ) จากการศึกษาวิจัยของสถาบัน NHTSA (Nation Highway Traffic Safety Administration) สรุปไว้ว่าเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี ควรนั่งเบาะด้านหลังรถ การให้เด็กนั่งด้านหลังแทนการนั่งด้านหน้าจะช่วยลดความเสี่ยงในการเสียชีวิต ได้ 27 % ไม่ว่ารถคันนั้นจะมี airbag ด้านข้างหรือไม่ก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งตำแหน่งที่นั่งกลางของเบาะหลังจะเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุด
เพราะว่าเด็กที่นั่งอยู่ในเบาะนิรภัยจะมีการป้องกันการชนด้านข้างต่ำ การนั่งในตำแหน่งกลางจะช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซับแรงกระแทก แต่ทั้งนี้รถควรจะเป็นรถขนาดใหญ่ที่เบาะกลางมีเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด อย่างไรก็ตามหากไม่สามารถติดตั้งตรงเบาะกลางได้ การติดตั้งทางฝั่งซ้ายหรือขวาก็สามารถทำได้ โดยที่ฝั่งตรงข้ามคนขับ (ฝั่งเดียวกับฟุตบาท) จะปลอดภัยกว่าฝั่งคนขับ สำหรับการใช้งานเบาะนิรภัยร่วมกับรถปิกอัพให้ติดตั้งด้านหน้าข้างคนขับและห้ามใช้ถุงลมในที่นั่งด้านข้างคนขับ
- ควรให้เด็กนั่งหันหลังให้หน้ารถให้นานที่สุดจนกว่าสรีระเด็กจะนั่งแบบนี้ไม่ได้ เพราะการนั่งแบบหันหน้าไปด้านหลังรถจะปกป้องหัวของเด็ก คอ และกระดูกสันหลังได้ดีกว่า
- ศึกษาคู่มือการติดตั้งและการใช้เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ตลอดจนคู่มือรถยนต์ที่ใช้อยู่ให้รู้แจ้ง ทั้งนี้ก็เพราะว่าในช่วงแรกของการใช้เบาะนิรภัยสำหรับเด็กในสหรัฐอเมริกาผู้ปกครองจำนวนมากถึง 63% ติดตั้งเบาะนั่งนิรภัยไม่ถูกต้อง ทั้งการวางเบาะผิดตำแหน่ง, การจัดท่าเด็กในขณะนั่ง และการคาดกับเข็มขัดนิรภัยผิดๆ ดังนั้นหลังจากซื้อเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาแล้วจึงควรศึกษาคู่มือให้เข้าใจก่อนเริ่มการติดตั้ง
- ติดตั้งเบาะนิรภัยในรถและจัดให้เด็กนั่งในเบาะนิรภัยอย่างถูกต้อง เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก จากการวิจัยพบว่าผู้ปกครองจำนวนมากยังปฎิบัติไม่ถูกต้อง ต้องตรวจสอบการยึดรั้งร่างกายของเด็กกับเบาะให้ดี และตรวจสอบเข็มขัดนิรภัยของตัวเบาะนั่งว่ารัดแน่นไปหรือเปล่า หรืออยู่ในตำแหน่งที่ผิดเพี้ยนจนสร้างความรำคาญให้กับเด็กหรือไม่ การนั่งที่ถูกต้องสายเข็มขัดนิรภัยของตัวเบาะจะต้องแน่นพอดีและพาดข้ามบ่าของเด็ก อย่าพาดอ้อมแขนหรือสอดไว้ใต้แขนเด็ก
- เด็กพร้อมที่จะใช้เข็มขัดนิรภัยของรถได้ตามปกติเมื่อ
1. เด็กสูงเพียงพอที่ขาและเข่าของเขาสามารถนั่งห้อยขาได้เบาะนั่งรถได้พอดี
2. เด็กโตพอที่จะสามารถนั่งตัวตรง หลังพิงพนักพิงได้ตรง
3. เข็มขัดนิรภัยของรถส่วนล่างจะต้องรัดได้ตรงส่วนกระดูกเชิงกรานไม่ใช้รัดตรงท้อง
4. เข็มขัดที่พาดส่วนบ่าจะต้องพาดผ่านมาตรงส่วนหน้าอก ไม่ใช่ผ่านมาตรงแขนหรือคอ
สถานการณ์เบาะนั่งนิรภัยในไทย
มุมมองในเรื่องความปลอดภัยของคนใช้รถใช้ถนนในบ้านเรายังเป็นอะไรที่ควรได้ รับการปรับปรุงและส่งเสริมให้คำนึงอยู่ในจิตสำนึกโดยตลอด อีกทั้งในปัจจุบันเมืองไทยยังไม่มีการออกกฎหมายบังคับใช้เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก หรือสร้างมาตรฐานสำหรับเบาะนั่งนิรภัยเด็กออกมาใช้ ยังไม่นับรวมการละเลยกฎจราจร, ขาดมารยาทในการขับขี่ และขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง สิ่งเหล่านี้นอกจากเป็นสิ่งที่ภาครัฐควรช่วยกันผลักดันแล้วเราทุกคนต้องช่วยกันด้วยโดยเริ่มจากตัวเราเองก่อน
เอกสารอ้างอิง
Traffic Safety Facts 2008 Data, NHTSA’s National Center for Statistics and Analysis, National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA), 2008
Guideline for Injury Prevention in Well Child Care, ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก, ภาควิชากุมารเวชศาสตร์, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, 2005
ระบบยึดเหนี่ยวเด็กในรถ (Child Restraint System), ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก, ภาควิชากุมารเวชศาสตร์, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
PandaTrueno.: จริงหรือที่เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กแพง, Safety Zone. In: MotorTrivia, 2010
ผศ.นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์, “โครงการการจัดการความรู้จากชุดโครงการวิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและ ป้องกันการบาดเจ็บในเด็กสู่นโยบายสาธารณะ”, ศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก, 2004
“ถึงเวลาใส่ใจนักเดินทางตัวน้อยแล้วหรือยัง?”, Special Report. In: Thaidriver Magazine No.91, หน้า 76-85, 2007
PandaTrueno.: มารู้จักกับประเภทของ car seat กันก่อน, Safety Zone. In: MotorTrivia, 2010
Car Seats – The Law, Regulations and Technical Information, itsababy
Regulation No. 44 Rev.1/Add.43/Rev.2, Agreement Concerning the Adoption of Uniform Technical Prescriptions for Wheeled Vehicles, Equipment and Parts, United Nations, 2008
http://www.safekids.org/our-work/news-press/press-releases/car-seat-inspections-offered.html
http://en.wikipedia.org/wiki/Infant_car_seat
http://www.iqraforum.com/forum/index.php?topic=800.0;wap2
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คุณแม่ยุคใหม่หลายๆ ท่านอาจจะรู้จัก วิธีการให้อาหารเสริมลูกน้อยแบบ Baby Led Weaning หรือการ กินแบบ BLW กันบ้างแล้ว เพราะเป็นวิธีการที่หลายบ้านเริ่มนิยมใช้ เนื่องจากเป็นการฝึกลูกกินอาหารเสริมด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก ในแบบที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องป้อน และไม่ต้องบดหรือปั่นอาหารให้ลูกน้อย ที่สำคัญคือการให้ลูกกินอาหารเสริมด้วยวิธีนี้ ยังมีข้อดีหลายอย่าง เพราะเป็นการฝึกให้ลูกได้ใช้พัฒนาการทั้งด้านกล้ามเนื้อ สายตา ได้เรียนรู้รสชาติอาหารที่แตกต่าง และเป็นการฝึกพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเองเพื่อพัฒนาให้ลูกสามารถทำอะไรได้เองเก่งขึ้นในอนาคต กินแบบ BLW มีขั้นตอนอย่างไร? วิธีการ กินแบบ BLW มีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ ซึ่งการให้ลูกกินด้วยวิธีการแบบนี้ จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกรักมีความสุขกับมื้ออาหารของลูกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเหนื่อยเดินป้อนข้าวลูก ลูกน้อยเองก็รู้สึกสนุก เพลิดเพลินกับการได้หยิบจับอาหารเข้าปาก ทำให้การ กินแบบ BLW เป็นที่นิยมกันในครอบครัวต่างประเทศ และนิยมในเมืองไทยบ้านเรามากขึ้น แต่การจะเริ่มให้ลูกกิน BLW จะต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนให้มื้อแรก และคุณแม่ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดและข้อควรระวังหลายๆ อย่าง ดังนั้นไปดูกันว่ามีอะไรที่คุณแม่ต้องพิถีพิถันใส่ใจบ้าง แม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เมื่อเริ่มให้ลูก กินแบบ BLW แม้จะดูเหมือนการให้อาหารเสริมลูกด้วยวิธีการ BLW นี้ จะไม่ได้ยุ่งยากนัก แต่ก็มีเรื่องสำคัญต่างๆ ที่คุณแม่จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือกให้ลูกน้อย เพื่อความปลอดภัย และให้อาหารลูกในแบบ BLW ได้สำเร็จ […]
หนึ่งอุปกรณ์สำคัญเพื่อการเลี้ยงลูกที่คุณแม่ขาดไม่ได้คือ ขวดนม ที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจมองข้าม เพราะคิดและตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้นมแม่ล้วนหลังคลอด ซึ่งอาจลืมไปว่าแม้จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ขวดนมก็ยังมีความสำคัญและเป็นผู้ช่วยชั้นดีของการให้นมแม่ได้แน่นอน » ขวดนมจำเป็นแค่ไหน ? » ขวดนม มีกี่แบบ ? ปัจจุบันขวดนมสำหรับเด็กผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย มีหลายประเภทและหลายรูปทรงให้เลือก วัสดุของขวดนม ขวดนมสำหรับเด็ก มีทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก และขวดที่ใช้แล้วทิ้ง(Disposable Liners)ที่ใส่ลงในขวดนมอีกที แต่ปัจจุบันขวดนมส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มักผลิตจากพลาสติกเพราะน้ำหนักเบา ตกไมแตก ทนความร้อนและหาซื้อง่าบ โดยมีทั้งขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกขาวขุ่น และขวดสีชา ที่ผลิตจากพลาสติกที่ต่างชนิดกัน 1. ขวดนม PP วัสดุ POLYPROPYLENE เป็นขวดนมที่มีสีโปร่งใส หรือสีขาวขุ่น มีน้ำหนักเบา ทนทาน โดยทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 –110˚c มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน และอาจเหลือน้อยลงหากผ่านความร้อนจากการต้มหรือนึ่งบ่อยๆ 2. ขวดนม PES วัสดุ POLYETHERSULFONE เป็นขวดพลาสติกสีชาหรือน้ำผึ้ง สามารถทนอุณหภูมิได้ที่ -50–180˚c มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 6 เดือน […]
หลาย ๆ คนที่เคยไปฝึกอบรมเข้าคอร์สคุณพ่อคุณแม่มือใหม่มานั้น นอกจากการสาธิตวิธีการอุ้ม วิธีการอาบน้ำเด็กแรกเกิด และวิธีดูแลเด็กเล็กในเรื่องต่างๆ แล้ว การฝึกห่อตัวทารกก็เป็นทักษะที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ควรรู้เช่นกัน การห่อตัวเด็กเล็กนั้นจะช่วยให้เด็กรู้สึกสบายตัว และรู้สึกปลอดภัย คล้ายกับยังอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ การห่อตัวเด็กเล็กจึงช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่าย ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งนี้ก็ต้องมี วิธีห่อตัวเด็ก อย่างถูกต้องด้วย ทำได้อย่างไร มาดูกันเลยค่ะ แชร์ วิธีห่อตัวเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ทำตามได้จริง นอกจากความสำคัญของการห่อตัวเด็กแล้ว ในบทความนี้ BabyGift จะพามารู้จักวิธีห่อตัวทารกในแบบต่าง ๆ รวมถึงตอบคำถามเกี่ยวกับการห่อตัวเด็ก และแนะนำผ้าห่อตัวเด็กคุณภาพดีให้กับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กันค่ะ ตามมาอ่านเรื่องนี้กันได้ในบทความนี้เลยนะคะ ทำไมถึงต้องห่อตัวเด็กเล็ก ? การห่อตัวเด็กจำเป็นหรือไม่ ? การห่อตัวเด็กแรกเกิดนั้นจะช่วยให้เด็กสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ ทั้งยังช่วยกระชับแขนขา ช่วยลดอาการสะดุ้งตกใจจากเสียงดัง และยังช่วยรักษาความอบอุ่นให้กับลูกน้อย ทำให้ลูกไม่หนาวและนอนหลับได้นานขึ้น ทั้งยังทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เสมือนอยู่ในครรภ์ของคุณแม่ ให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกโอบกอดอยู่ ในเด็กบางคนที่ผวาตื่นได้ง่ายหรือนอนสะดุ้งบ่อย ๆ วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกวิธีก็จะทำให้นอนหลับได้นานขึ้น ร่วมกับการกล่อมลูกนอนด้วย White noise อย่างเสียงน้ำไหล เสียงฝนตก เสียงลมธรรมชาติ ก็จะทำให้ลูกหลับสนิทและผ่อนคลายได้มากขึ้น ส่งผลให้ลูกนอนหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ค่ะ อย่างไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องรู้วิธีห่อตัวเด็กอย่างถูกต้องด้วยเหมือนกัน เพราะถ้าห่อตัวผิดวิธี ก็อาจส่งผลเสียต่อลูกน้อยได้ ซึ่งการห่อตัวเด็กทารกโดยหลัก ๆ แล้ว มีอยู่ 3 วิธีด้วยกัน แต่ละวิธีจะนั้นจะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ วิธีห่อตัวทารก แบบต่าง ๆ มีอะไรบ้าง ? ก่อนจะไปดูวิธีห่อตัวเด็กเล็ก อันดับแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ ผ้าสำหรับห่อตัวลูกนั่นเอง ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งผ้าอ้อมหรือผ้าขนหนู […]
การทำความสะอาดของเล่นเด็ก ฆ่าเชื้อของเล่นเด็ก ถือเป็นเรื่องสำคัญที่คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่อย่างเราต้องใส่ใจ โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของโรคต่าง ๆ อยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ COVID-19 โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS) และไข้หวัดนก การใช้วิธีแบบเดิม ๆ ที่ได้ผลในอดีต อาจไม่เพียงพอในการป้องกันเชื้อโรคสายพันธุ์ใหม่ที่แฝงตัวอยู่รอบตัวได้ รวมไปถึงปัญหามลพิษในอากาศ เช่น ฝุ่น PM 2.5 ที่ทวีความรุนแรงขึ้นทุกปี การเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ ฆ่าเชื้อโรคของใช้ลูก จึงต้องเลือกที่สามารถใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และใช้ได้กับทุกคนภายในครอบครัว เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด ความต้องการทีเปลี่ยนไปของผู้บริโภคทำให้มีการคิดค้นผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ ที่นำเอาเทคโนโลยีเชิงวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้มากขึ้น โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และประเทศจีน โดยผลิตภัณฑ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาเพื่อเป็นตัวเสริมจากการป้องกันตนพื้นฐาน เช่น การสวมหน้ากากอนามัย การพกพาเจลแอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ หรือการใช้สารฟอกขาวในการฆ่าเชื้อ ได้แก่ เทคโนโลยีเครื่องปล่อยโอโซน เครื่องผลิตไอออนประจุลบ เครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์ เครื่องฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV เป็นต้นแต่อย่างไรก็ตามมีผลิตภัณฑ์มากมาย ที่ผลิตโดยไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย หรือไม่ได้ประสิทธิภาพตามคำโฆษณา จึงก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี หรือไม่ได้ผลในการฆ่าเชื้อโรค ฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณแม่จึงต้องทำความเข้าใจรูปแบบของการ […]
เชื่อว่าคุณแม่หลายๆคนคงอยากให้ลูกน้อยปลอดภัยโชคดีกันทั้งนั้น วันนี้ Baby Gift ขอเอาใจคุณแม่สายมู หยิบข้อมูลเครื่องรางยอดฮิตสำหรับลูกน้อยมาฝากค่ะ เราลองไปดูพร้อมๆกันเลยว่า Lucky item เพิ่มสีสันให้ลูกน้อยแถมยังคุ้มครองทางใจคุณแม่ ไปดูกันเลย ตาข่ายดักฝัน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า Dreamcatcher ในสมัยก่อนชาวอินเดียนแดงสร้างเครื่องรางชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันฝันร้ายให้สลายหายไป จึงหันมานิยมห้อยไว้เหนือเปลเด็กเพราะหวังว่าจะช่วยทำให้ลูกน้อยปลอดภัยและนอนหลับฝันดี ซึ่งยังเป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาเด็กที่จับจ้องมองการแกว่งไกวของตาข่ายดักฝันนั้น จะช่วยทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันยังทำให้คุณแม่อุ่นใจเมื่อมีเครื่องรางช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อเมทิสต์หินนำโชค ตามความเชื่อของหินนำโชคนั้น หินสีม่วงจะช่วยปกป้องให้ลูกน้อยปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป เสริมพลังบวกและดึงดูดสิ่งดีๆนำความโชคดีมาให้เด็กๆ อีกทั้งยังช่วยทำให้ลูกน้อยหลับสบาย เพราะเชื่อว่าหินจะมีคลื่นพลังงานแห่งความสุขปล่อยออกมาช่วยทำให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดีหรือมีความสุขนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อ คุณแม่ควรวางไว้ในจุดที่ลูกน้อยไม่สามารถหยิบจับหรือเอื้อมถึงได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเผลอหยิบเข้าปาก และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถุงนำโชค อีกหนึ่งเครื่องรางจากวัดดังที่ฮอกไกโด เครื่องรางชิ้นนี้เป็นถุงผ้าสีชมพู ปักตัวอักษรด้วยดิ้นสีทอง และปักรูปแมว 2 ตัว พกเพื่อนำโชค เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้ายจากลูกน้อย สุขภาพแข็งแรง และยังช่วยให้เด็กเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงในอนาคตด้วย นอกจากจะคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังช่วยคุ้มครองคุณแม่อีกด้วย กำไลข้อเท้า คนไทยสมัยก่อนมักซื้อมาไว้รับขวัญหลาน เพราะเชื่อกันว่าการใส่กำไลข้อเท้าให้เด็กนั้นจะช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แต่ความจริงนั้นอาจเป็นเพียงกุศโลบายในการเลี้ยงเด็ก เพราะกำไลข้อเท้าเด็กส่วนมากจะมีกระดิ่งห้อยอยู่ด้วย เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียงจะทำให้รู้ว่าลูกนอนอยู่หรือตื่นแล้ว อีกทั้งยังสามารถตามหาลูกน้อยว่าอยู่ที่ไหนได้จากเสียงกระดิ่งอีกด้วย เรียกได้ว่า ทั้งเสริมดวงให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังได้ใช้ประโยชน์ไปพร้อมๆกัน ถึงอย่างไรก็ตาม กำไลข้อเท้าควรทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพ […]
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะปวดหัวไม่น้อย ว่าลูกน้อยของเราควรจะหนุน หมอนทารก นอนหรือไม่ แล้ว หมอนหัวทุย จำเป็นไหม กดมือถือหาข้อมูลทีไรก็หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันค่า หมอนทารก ทารกควรหนุนหรือไม่ คำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกล่าวว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยสำหรับทารกที่สุดก็คือ การนอนหงายโดยไม่หนุนอะไรทั้งสิ้น เพราะสรีระของกะโหลกศีรษะของทารก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ทำให้พอดีในการนอนแล้วถึงแม้จะนอนหงาย และนอกจากนี้จะต้องไม่มีสิ่งของอื่นๆ เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา ของเล่น ฯลฯ อยู่บนเตียงขณะลูกน้อยนอนหลับ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการนอน หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กๆ มากมายทั่วโลก และโรคนี้มักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือนมากที่สุด โดยที่เด็กยังแข็งแรงดีอีกด้วย แม้ปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตคือการที่มีผ้า วัตถุนุ่มๆ หรือการใช้ที่นอนที่อ่อนยวบเกินไป ไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูก จากการที่ลูกเกิดพลิกตัวนอนคว่ำ หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเด็กยังเล็กเกินไปที่จะชันคอหรือพลิกตัวกลับได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทารกจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้หมอนหนุนนอนจนกว่าจะเข้าสู่วัยเตาะแตะหรือ 18 เดือนขึ้นไป หรือช้ากว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ กลัวลูกหัวแบน ทำไงดี อีกหนึ่งความกังวลใหญ่ของบรรดาแม่ๆ คือ กลัวลูกหัวแบน เพราะต้องนอนหงายตลอดเวลา ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตคิดค้นหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันหัวแบน และลูกน้อยยังคงนอนหงายได้ด้วย แต่ทั้งนี้คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่แนะนำให้ใช้หมอนหนุนมากนัก เพราะหากใช้หมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ […]