วิธีเลือกผ้าอ้อมเด็ก ให้ลูกน้อยสบายตัว คุณแม่มั่นใจทุกครั้งที่ใช้งาน

ผ้าอ้อมเด็ก เป็นสิ่งที่อยู่คู่กายลูกน้อยแทบจะตลอด 24 ชั่วโมง การเลือกผ้าอ้อมเด็กที่ดีจึงไม่ใช่แค่เรื่องของการซึมซับเท่านั้น แต่ยังหมายถึงความสบายตัวของลูกน้อย สุขภาพผิว และความมั่นใจของคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลลูกรัก วันนี้ BabyGift จะมาเผยเคล็ดลับวิธีเลือกผ้าอ้อมเด็กอย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกน้อยรู้สึกสบายตัวที่สุดในทุกการเคลื่อนไหว
ทำไมการเลือกผ้าอ้อมเด็กจึงสำคัญ
การเลือกผ้าอ้อมเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขอนามัยของลูกน้อย เพราะผิวทารกนั้นบอบบางและแพ้ง่าย การสัมผัสกับความเปียกชื้นหรือสิ่งสกปรกเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดผื่นผ้าอ้อม การระคายเคือง และความไม่สบายตัว ซึ่งจะส่งผลให้ลูกน้อยงอแง การเลือกผ้าอ้อมเด็กที่มีคุณภาพดีจึงช่วยให้ผิวลูกแห้งสบาย ปราศจากเชื้อโรค และช่วยส่งเสริมให้ลูกมีอารมณ์ดี พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้อย่างเต็มที่
ความแตกต่างระหว่างผ้าอ้อมคุณภาพดีและผ้าอ้อมทั่วไป
ผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดีจะถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นที่วัสดุที่นุ่มพิเศษ มีการระบายอากาศที่ยอดเยี่ยม และมีนวัตกรรมการซึมซับที่รวดเร็วและกระจายตัวได้ดี ทำให้ผิวลูกแห้งสนิท ลดโอกาสเกิดผื่นผ้าอ้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ผ้าอ้อมทั่วไปอาจมีราคาที่ย่อมเยากว่า แต่มักใช้ใยสังเคราะห์ที่ระบายอากาศได้น้อยกว่า อาจก่อให้เกิดความอับชื้น และอาจมีการรั่วซึมได้ง่ายกว่า ซึ่งส่งผลให้ต้องเปลี่ยนบ่อยครั้งและอาจทำให้ผิวลูกระคายเคืองได้ง่าย
ประเภทของผ้าอ้อมเด็กที่คุณแม่ควรรู้
เมื่อพูดถึงผ้าอ้อมเด็กที่ใช้กันทั่วไปในปัจจุบัน จะสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักตามรูปแบบการสวมใส่ ซึ่งมีข้อดีและการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามช่วงวัยและกิจกรรมของลูกน้อย

ผ้าอ้อมแบบกางเกง (Pant Type)

ผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกงเป็นตัวเลือกที่สะดวกอย่างยิ่งสำหรับคุณพ่อคุณแม่ เพราะสามารถสวมใส่ได้ง่ายและรวดเร็วเหมือนการใส่กางเกงทั่วไป จึงเหมาะสำหรับลูกน้อยที่เริ่มดิ้น เริ่มคลาน หรืออยู่ในวัยหัดเดินที่ไม่ชอบอยู่นิ่ง ๆ ผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกงจะมีความยืดหยุ่นสูง กระชับรอบเอวและขอบขา ทำให้ลูกเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว และช่วยลดปัญหาการรั่วซึมได้ดีกว่าในขณะที่ลูกมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา
ผ้าอ้อมแบบเทป (Tape Type)

ผ้าอ้อมเด็กแบบเทปเป็นผ้าอ้อมแบบดั้งเดิมที่เหมาะสำหรับทารกแรกเกิดที่ยังนอนนิ่ง ๆ เป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากสามารถปรับความกระชับบริเวณรอบเอวได้ง่ายและละเอียดกว่า โดยเฉพาะการปรับไม่ให้ผ้าอ้อมไปรบกวนบริเวณสะดือที่ยังไม่แห้งของทารกแรกเกิด นอกจากนี้ ผ้าอ้อมเด็ก แบบเทปยังมีข้อดีคือ สามารถเปิดเพื่อตรวจสอบของเสียได้ง่ายและไม่ต้องถอดออกทั้งหมด ซึ่งช่วยให้การทำความสะอาดและการดูแลผิวลูกเป็นไปอย่างสะดวกในวัยนี้
ปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนเลือกผ้าอ้อมเด็ก
การเลือกผ้าอ้อมเด็กไม่ควรตัดสินใจจากราคาเพียงอย่างเดียว แต่ควรพิจารณาจากปัจจัยด้านคุณภาพและความเหมาะสมต่อลูกน้อยเป็นหลัก เพื่อให้ลูกน้อยของคุณได้รับสิ่งที่ดีที่สุด
1. ความนุ่มและอ่อนโยนต่อผิวลูกน้อย
ผิวของทารกแรกเกิดมีความบอบบางและไวต่อการแพ้สูง ดังนั้นควรเลือกผ้าอ้อมเด็กที่มีผิวสัมผัสนุ่มนวลเป็นพิเศษ ไม่แข็งกระด้าง และทำจากวัสดุที่ปราศจากสารเคมี น้ำหอม หรือสารฟอกขาวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง การเลือกผ้าอ้อมที่ผ่านการทดสอบว่าไม่ก่อให้เกิดการแพ้ (Hypoallergenic) และมีส่วนผสมของสารบำรุงผิวตามธรรมชาติจะช่วยปกป้องผิวที่บอบบางของลูกน้อยได้ดีที่สุด
2. การซึมซับและระบายอากาศ
คุณสมบัติการซึมซับที่รวดเร็วและการระบายอากาศที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการเลือกผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดี ผ้าอ้อมที่ดีต้องสามารถดูดซับความเปียกชื้นได้อย่างรวดเร็วและกักเก็บของเหลวไว้ด้านใน ไม่ให้ไหลย้อนกลับมาสัมผัสผิวลูก และมีรูพรุนที่ช่วยระบายความอับชื้นออกไปได้ดี เพื่อให้ผิวลูกแห้งสนิทอยู่เสมอ ซึ่งเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อม
3. ขนาดและความกระชับที่พอดีกับรูปร่าง
ผ้าอ้อมเด็กที่ดีต้องมีขนาดที่พอดีกับรูปร่างและน้ำหนักของลูกน้อย โดยไม่รัดแน่นจนเกินไปจนทำให้เกิดรอยแดงหรือรอยกดทับรอบขอบขาและรอบเอว และไม่หลวมจนเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาการรั่วซึม การเลือกขนาดตามน้ำหนักตัวของลูกเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกตสรีระของลูกแต่ละคนประกอบด้วย เพราะหากเลือกขนาดไม่กระชับพอดี จะส่งผลให้ผ้าอ้อมซึมซับได้ไม่ดีเท่าที่ควร
4. ความสะดวกในการใช้งานของคุณแม่และคุณพ่อ
การใช้งานที่ง่ายและรวดเร็วก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกผ้าอ้อมเด็ก โดยเฉพาะสำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ การเลือกผ้าอ้อมแบบกางเกงสำหรับลูกที่ดิ้นเก่ง หรือการเลือกผ้าอ้อมแบบเทปที่มีแถบกาวที่ติดและแกะได้หลายครั้ง จะช่วยลดความยุ่งยากในการเปลี่ยนผ้าอ้อมได้อย่างมาก นอกจากนี้ ผ้าอ้อมที่มีแถบแสดงความเปียกชื้น (Wetness Indicator) ก็เป็นตัวช่วยที่ดีที่ทำให้ทราบเวลาที่ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมโดยไม่ต้องเปิดดู
5. ความคุ้มค่าด้านราคาและคุณภาพ
แม้ว่าผ้าอ้อมเด็กคุณภาพดีมักจะมีราคาสูงกว่า แต่หากพิจารณาถึงความถี่ในการเปลี่ยนผ้าอ้อมและปัญหาสุขภาพผิวที่ลดลง อาจทำให้เกิดความคุ้มค่าในระยะยาวมากกว่า คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาถึงประสิทธิภาพในการซึมซับและการป้องกันผื่นผ้าอ้อมประกอบกับราคาต่อชิ้น เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่า และลองซื้อผ้าอ้อมขนาดทดลองมาใช้ก่อนตัดสินใจซื้อในปริมาณมากจะช่วยให้มั่นใจได้มากขึ้น
วิธีเลือกผ้าอ้อมเด็กตามช่วงวัยและพฤติกรรมลูกน้อย

พฤติกรรมและการเคลื่อนไหวของลูกน้อยจะเปลี่ยนไปตามช่วงวัย การเลือกผ้าอ้อมเด็กให้เหมาะสมกับพัฒนาการจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
เด็กแรกเกิด – เน้นความนุ่มและความอ่อนโยนสูงสุด
สำหรับเด็กแรกเกิดที่ผิวบอบบางมาก ควรเลือกผ้าอ้อมเด็กแบบเทป (Tape Type) ที่มีผิวสัมผัสที่นุ่มนวลที่สุด และมีขนาด New Born (NB) ที่มีขอบเว้าบริเวณสะดือเพื่อป้องกันการเสียดสี และเน้นการซึมซับของของเหลวในปริมาณที่ไม่มากนัก แต่ต้องสามารถระบายอากาศได้ดี เพื่อลดความอับชื้น และช่วยให้สะดือแห้งและหายดีได้เร็วขึ้น
เด็กเริ่มคลาน – เน้นความกระชับและคล่องตัว
เมื่อลูกน้อยเข้าสู่วัย 6 เดือนขึ้นไปและเริ่มดิ้นหรือเริ่มคลาน คุณพ่อคุณแม่ควรเปลี่ยนมาใช้ผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกง (Pant Type) ที่มีความยืดหยุ่นสูงบริเวณรอบเอวและขอบขา เพื่อให้ผ้าอ้อมกระชับพอดีกับรูปร่างเมื่อมีการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ช่วยให้ลูกน้อยเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระและคล่องตัว โดยไม่เกิดปัญหารั่วซึมมากวนใจ
เด็กวัยหัดเดิน – เน้นการซึมซับและความแข็งแรง
สำหรับเด็กวัยหัดเดินที่ดื่มน้ำและทานอาหารได้มากขึ้น ปริมาณปัสสาวะและอุจจาระจะมากขึ้นตามไปด้วย ควรเลือกผ้าอ้อมเด็กแบบกางเกงที่มีคุณสมบัติการซึมซับที่รวดเร็วและปริมาณการกักเก็บสูงเป็นพิเศษ เพื่อรองรับการใช้งานได้นานขึ้น และมีขอบขาที่แข็งแรงทนทานต่อการเคลื่อนไหวและการวิ่งเล่นตลอดวัน
สรุปบทความ
การเลือกผ้าอ้อมเด็กที่ดี คือการลงทุนในความสบายตัวและสุขภาพผิวของลูกน้อย ซึ่งส่งผลต่อความสุขของทั้งครอบครัว การใส่ใจในคุณสมบัติต่าง ๆ ทั้งความนุ่ม การซึมซับ การระบายอากาศ และการเลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจในทุกการใช้งาน และนอกจากการเลือกผ้าอ้อมเด็กแล้ว การมี สินค้าแม่และเด็ก ที่มีคุณภาพอย่าง เครื่องปั๊มนม ที่ดี ก็ช่วยให้ชีวิตการเป็นพ่อแม่มือใหม่ง่ายขึ้น BabyGift พร้อมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่รู้จริงเรื่องแม่และเด็ก เข้าใจลึก พูดง่าย และคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกของคุณเป็นช่วงเวลาที่ดีและมีความสุขที่สุด
คำถามที่พบบ่อย
ผ้าอ้อมผ้ากับผ้าอ้อมสำเร็จรูป แบบไหนดีกว่ากัน ควรเลือกใช้อะไร?
ผ้าอ้อมสำเร็จรูป สะดวก ซึมซับดี เหมาะสำหรับกลางคืนและเดินทาง ส่วนผ้าอ้อมผ้าประหยัดกว่า ระบายอากาศได้ดี แต่ต้องใช้เวลาซักทำความสะอาดบ่อยครั้งและอาจต้องเปลี่ยนบ่อยกว่า
ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกบ่อยแค่ไหน เพื่อป้องกันผื่นผ้าอ้อม?
ควรเปลี่ยนผ้าอ้อมทุก 2-3 ชั่วโมง หรือทันทีที่ลูกขับถ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการถ่ายอุจจาระ เพื่อลดความชื้นและโอกาสที่ผิวลูกจะสัมผัสกับสิ่งสกปรก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผื่นผ้าอ้อม
จะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาเปลี่ยนขนาดผ้าอ้อมให้ลูกแล้ว?
สังเกตเมื่อผ้าอ้อมเริ่มรัดแน่นบริเวณขอบขาหรือขอบเอว ทำให้เกิดรอยแดง หรือมีปัสสาวะ/อุจจาระรั่วซึมออกมาบ่อยครั้ง หากพบอาการเหล่านี้ แสดงว่าผ้าอ้อมขนาดเดิมเริ่มเล็กเกินไปและควรเปลี่ยนไปใช้ไซซ์ที่ใหญ่ขึ้น
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
คุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับเกียรติเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่บุคลลากรทางการศึกษา จำนวน 70 ท่าน ภายใต้ชื่อ “ความจำเป็นของคาร์ซีทและการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างไรให้ถูกวิธี” ณ โรงเรียนเลิศหล้า ทั้งนี้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างถูกวิธี เพื่อให้บุคลลากรทางการศึกษาได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของคาร์ซีท และสามารถนำมาปรับใช้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้
แม่ท้องร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย เนื่องฮอร์โมนฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) เพิ่มสูงขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ โดยการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนดังกล่าวจะส่งผลให้เส้นเอ็นและข้อต่อเกิดการคลายตัวมากขึ้น รวมทั้งทำให้โครงสร้างภายในร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง เพื่อรองรับทารกในครรภ์ หนึ่งในนั้นการเปลี่ยนแปลของร่างกายก็คือสภาพผิวที่แห้งง่าย สีผิวเปลี่ยน คุณแม่บางคนเกิดกระได้ง่ายขึ้น รวมไปถึงขนาดท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผิวหนังบริเวณท้อง หน้าอก ต้นขา เกิดการยืดตึงจนเกิดรอยแตก การดูแลตัวเองขณะตั้งครรภ์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ รวม ITEM ดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์ BabyGift คัดสรรคุณภาพ 1. ผลิตภัณฑ์ป้องกันการแตกลาย ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของคุณแม่ว่าเป็นเนื้อครีมหรือเนื้อเซรั่ม ควรใช้ก่อนที่จะเกิดปัญหาเรื่องผิวแตกลายจะเป็นการดูและผิวได้ดีที่สุด 2. เข็มขัดพยุงครรภ์ รองรับน้ำหนักของครรภ์ที่ขยายใหญ่และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ที่สำคัญยังช่วยในการบรรเทาอาการปวดหลังของแม่ท้องได้อีกด้วย การเริ่มใช้ขึ้นอยู่กับคุณแม่แต่ละคนเลยว่ารู้สึกหนักหรือหน่วงท้องเมื่อไหร่ 3. คาร์ซีทสำหรับแม่ท้อง อุปกรณ์เสริมบนรถยนต์ เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้แม่ท้องและลูกในครรภ์ คาร์ซีทแม่ท้อง แบรนด์ Tummy Shleid นวัตกรรมจากประเทศออสเตรเลีย เปลี่ยนจากการที่เข็มขัดนิรภัยรถรัดหน้าท้อง มารัดที่ต้นขาแทน 4. ผลิตภัณฑ์น้ำฆ่าเชื้อธรรมชาติ แม่ท้องอยู่ในช่วงฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง อาจทำให้ป่วยง่าย ไม่สบายบ่อย ติดเชื้อได้ง่าย การใช้แอลกอฮอล์เป็นอันตรายต่ออวัยวะภายใน การใช้ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อจากธรรมชาติเพิ่มความปลอดภัยได้ 5. เครื่องอบ UV นวัตกรรมการฆ่าเชื้อขั้นสูงด้วยแสงยูวีหรือรังสีอัลตราไวโอเลตที่มีมาตรฐานใกล้เคียงกับการฆ่าเชื้อในวงการแพทย์ สามารถใช้ได้ทั้ง โทรศัพท์มือถือ ของใช้ต่างๆ
การเดินทางด้วยรถยนต์เป็นสิ่งที่แม่มือใหม่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่การที่ลูกน้อยยังไม่สามารถนั่งในรถได้อย่างปลอดภัยด้วยเข็มขัดนิรภัยธรรมดา การเลือกซื้อคาร์ซีทที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทางของลูกน้อย วันนี้เรามีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกคาร์ซีทอย่างไรให้เหมาะสมกับลูกน้อยและปลอดภัยที่สุดค่ะ 1. รู้จักประเภทของคาร์ซีท ก่อนที่จะเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย สิ่งแรกที่ต้องทำความเข้าใจก็คือประเภทของคาร์ซีทที่มีในตลาด ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ดังนี้: คาร์ซีทสำหรับทารก (Rear-Facing Seat): เหมาะสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 1 ขวบ หรือมีน้ำหนักไม่เกิน 10 กิโลกรัม คาร์ซีทประเภทนี้จะติดตั้งหันหลังและรองรับศีรษะและคอของเด็กให้ดีเยี่ยม ช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ คาร์ซีทแบบหันหน้า (Forward-Facing Seat): ใช้ได้เมื่อเด็กมีอายุ 1 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนักประมาณ 9-18 กิโลกรัม ตัวคาร์ซีทจะหันหน้าไปข้างหน้าและมีเข็มขัดนิรภัยในตัว คาร์ซีทแบบบูสเตอร์ (Booster Seat): เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป หรือมีน้ำหนัก 15 กิโลกรัมขึ้นไป เพื่อเสริมให้เข็มขัดนิรภัยของรถยนต์สามารถใช้งานได้อย่างปลอดภัยกับเด็กที่โตขึ้น 2. เลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก การเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับวัยของลูกเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อให้ลูกน้อยได้รับการรองรับที่ดีในขณะนั่งในรถ หากเลือกคาร์ซีทผิดประเภทอาจทำให้ลูกไม่สามารถได้รับความปลอดภัยที่ดีที่สุดในกรณีเกิดอุบัติเหตุ 3. ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเมื่อเลือกซื้อคาร์ซีท คาร์ซีทที่ดีจะต้องมีการทดสอบด้านความปลอดภัยผ่านมาตรฐานต่างๆ เช่น มาตรฐาน […]
หมอนให้นม เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้แม่และทารกรู้สึกสบายขณะให้นม มักจะมีรูปทรงคล้ายตัว C หรือ U ซึ่งช่วยรองรับทารก วัสดุส่วนใหญ่จะอ่อนโยน เพื่อไม่ผิวลูกเกิดอาการระคายเคือง ตัวหมอนหรือเบาะควรมีความนุ่ม ระบายอากาศได้ดี และทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งในบทความนี้ BabyGift จะชวนแม่ๆ มารู้จักหมอนรองให้นมกันให้มากขึ้น พร้อมยี่ห้อดีๆ มาแนะนำกันค่ะ รู้จัก หมอนรองให้นม ตัวช่วยคุณแม่ให้นมลูกที่สะดวก สบายขึ้น ! หมอนที่ใช้รองให้นมเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้การให้นมแม่สะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับแม่มือใหม่หรือแม่ที่ต้องให้นมบ่อยๆ เพราะช่วยรองรับน้ำหนักทารกขณะให้นม ลดความเมื่อยล้าของแขนและไหล่แม่ หมอนให้นมจะช่วยจัดท่าให้นมที่เหมาะสม ทำให้ทารกดูดนมได้ง่ายขึ้น ช่วยลดอาการปวดเมื่อยหลัง และคอของแม่ จึงเรียกได้ว่าเป็นอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกที่ไม่ว่าคุณแม่น้ำนมเยอะ หรือน้ำนมน้อยต้องมีติดบ้านไว้กันเลยหล่ะค่ะ (อ่านเรื่องวิธีกระตุ้นน้ำนม เพิ่มเติมได้อีก BabyGift มีเขียนไว้แล้วค่ะ) ข้อดีของการใช้หมอนรองให้นม การใช้หมอนเพื่อให้นมนั้น มีข้อดีหลายประการ ซึ่งช่วยให้การให้นมลูกสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น มาดูกันค่ะว่ามีข้อดีอะไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหมอนให้นมจะมีประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะจำเป็นสำหรับคุณแม่ทุกคน บางคนอาจรู้สึกสบายกว่าเมื่อไม่ใช้หมอน ดังนั้นควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเองและลูกที่สุดค่ะ วิธีเลือกหมอนรองให้นม การเลือกหมอนที่ใช้ช่วยคุณแม่สำหรับให้นมที่เหมาะกับการใช้งานนั้น สำคัญมากสำหรับความสะดวกสบายของทั้งตัวแม่และลูก ซึ่งจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่สบาย และผ่อนคลายมากขึ้น เราลองมาดูกันค่ะ ว่าต้องดูปัจจัยอะไรบ้าง แนะนำ ท่าอุ้มลูกให้นมที่ถูกต้อง […]
หนึ่งอุปกรณ์สำคัญเพื่อการเลี้ยงลูกที่คุณแม่ขาดไม่ได้คือ ขวดนม ที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจมองข้าม เพราะคิดและตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้นมแม่ล้วนหลังคลอด ซึ่งอาจลืมไปว่าแม้จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ขวดนมก็ยังมีความสำคัญและเป็นผู้ช่วยชั้นดีของการให้นมแม่ได้แน่นอน » ขวดนมจำเป็นแค่ไหน ? » ขวดนม มีกี่แบบ ? ปัจจุบันขวดนมสำหรับเด็กผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย มีหลายประเภทและหลายรูปทรงให้เลือก วัสดุของขวดนม ขวดนมสำหรับเด็ก มีทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก และขวดที่ใช้แล้วทิ้ง(Disposable Liners)ที่ใส่ลงในขวดนมอีกที แต่ปัจจุบันขวดนมส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มักผลิตจากพลาสติกเพราะน้ำหนักเบา ตกไมแตก ทนความร้อนและหาซื้อง่าบ โดยมีทั้งขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกขาวขุ่น และขวดสีชา ที่ผลิตจากพลาสติกที่ต่างชนิดกัน 1. ขวดนม PP วัสดุ POLYPROPYLENE เป็นขวดนมที่มีสีโปร่งใส หรือสีขาวขุ่น มีน้ำหนักเบา ทนทาน โดยทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 –110˚c มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน และอาจเหลือน้อยลงหากผ่านความร้อนจากการต้มหรือนึ่งบ่อยๆ 2. ขวดนม PES วัสดุ POLYETHERSULFONE เป็นขวดพลาสติกสีชาหรือน้ำผึ้ง สามารถทนอุณหภูมิได้ที่ -50–180˚c มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 6 เดือน […]
คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังเตรียมตัวพบกับเจ้าตัวน้อยในอีก 9 เดือนข้างหน้านี้ เชื่อว่าหลายๆท่าน น่าจะกำลังเตรียมให้พร้อมก่อนที่คุณแม่จะคลอด เมื่อเจ้าตัวน้อยเกิดมา จะได้มีทุกอย่างไว้อย่างครบครัน ดังนั้น BabyGift จึงได้นำ Baby Checklist ฉบับสมบูรณ์ มาฝากกัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นตามมาดูกันเลยค่า หมวดของใช้คุณแม่ คุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่หลังคลอด คุณแม่ให้นม หมวดสุขอนามัย หมวดอาบน้ำ หมวดเดินทาง หมวดทานอาหาร หมวดนอนหลับ หมวดอเนกประสงค์ หมวดเวชภัณฑ์ ยา อาหารเสริม หมวดทำความสะอาด หมวดเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย เคล็ดลับในการเลือกของใช้ การเตรียมของใช้จำเป็นสำหรับแม่มือใหม่เป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้การดูแลลูกน้อยเป็นเรื่องง่ายและราบรื่น อย่าลืมเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัวและคำนึงถึงคุณภาพเป็นหลัก เพื่อความสุขและความปลอดภัยของทั้งแม่และลูก






