รวมรถเข็นเด็กพับได้ ยี่ห้อไหนดี แข็งแรง เข็นง่าย ปี 2025

สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหารถเข็นเด็กพับได้ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริง ในปี 2025 มีตัวเลือกมากมายจนอาจทำให้เลือกลำบาก จากรุ่นพื้นฐานไปจนถึงรุ่นพรีเมียมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี การเลือกรถเข็นเด็กพับได้ที่เหมาะสมจึงต้องคำนึงถึงความแข็งแรง ความสะดวกในการเข็น และฟีเจอร์ที่ตรงกับความต้องการของครอบครัว มาดูกันว่ามีตัวเลือกไหนบ้างที่น่าสนใจและคุ้มค่าสำหรับการลงทุน
รถเข็นเด็กพับได้ ต่างจากรถเข็นเด็กทั่วไปอย่างไร
รถเข็นเด็กพับได้มีจุดเด่นที่แตกต่างจากรถเข็นเด็กทั่วไปอย่างชัดเจน คือ ความสะดวกในการพับเก็บและพกพา น้ำหนักที่เบากว่า และขนาดที่กะทัดรัดเมื่อพับแล้ว ทำให้เหมาะสำหรับครอบครัวที่ชอบเดินทางหรือมีพื้นที่จำกัด ในขณะที่รถเข็นทั่วไปมักเน้นความแข็งแรงและฟีเจอร์ครบครัน แต่ขนาดใหญ่และเคลื่อนย้ายยาก
วิธีการเลือกรถเข็นเด็กพับได้

การเลือกรถเข็นเด็กพับได้ให้เหมาะสมต้องพิจารณาหลายปัจจัยสำคัญ เพื่อให้ได้ตัวที่ตรงกับความต้องการและใช้งานได้ยาวนาน
เลือกให้เหมาะสมกับช่วงวัยของเด็ก
การเลือกรถเข็นเด็กพับได้ตามช่วงวัยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะแต่ละวัยมีความต้องการที่แตกต่างกัน
- เด็กแรกเกิด – 6 เดือน: เลือกแบบเอนนอนราบได้ ขนาดเล็กกะทัดรัด เหมาะกับโครงสร้างกระดูกที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่
- เด็กอายุ 6 – 18 เดือน: เลือกแบบทั่วไปที่มีพนักพิงและเบาะขนาดใหญ่ขึ้น รองรับการเจริญเติบโต
- เด็กอายุ 1.5 – 4 ปี: เลือกแบบที่มีล้อขนาดใหญ่ โครงแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ดี
เลือกวัสดุที่แข็งแรง
วัสดุที่ใช้ในการผลิตรถเข็นเด็กพับได้มีผลต่อความทนทานและความปลอดภัย ควรเลือกโครงอะลูมิเนียมผสมที่แข็งแรงทนต่อการบิดงอ เบาะที่มีสปริงและฟองน้ำคุณภาพดี ผ้าหุ้มเบาะที่ระบายอากาศได้ดี ล้อทำจากพลาสติก PU ที่ทนทานและลดแรงกระแทก และหลังคาที่ป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ การเลือกวัสดุคุณภาพจะช่วยให้รถเข็นเด็กพับได้ใช้งานได้นานและปลอดภัย
เลือกที่มีมาตรฐานระดับสากล
รถเข็นเด็กพับได้ที่ดีควรมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล พร้อมระบบความปลอดภัยที่รัดกุม ระบบล็อกโครงรถเข็นที่มั่นคง เข็มขัดนิรภัยที่ใช้งานง่าย และระบบล็อกล้อหลังที่ป้องกันการลื่นไถล การมีมาตรฐานเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจในความปลอดภัยของลูกน้อย
เลือกที่มีฟังก์ชันเพิ่มเติม
ฟีเจอร์พิเศษของรถเข็นเด็กพับได้ที่น่าสนใจ ได้แก่ การปรับเอนได้หลายระดับ ระบบเข็นแบบ 2 ทิศทาง หลังคาพร้อมหน้าต่างระบายอากาศ และช่องเก็บของขนาดใหญ่ ฟังก์ชันเหล่านี้จะเพิ่มความสะดวกสบายและประสิทธิภาพการใช้งาน ทำให้รถเข็นเด็กพับได้ตอบโจทย์การใช้งานได้มากขึ้น
แนะนำ 8 รถเข็นเด็กพับได้ คุณภาพดีจาก BabyGift

BabyGift ได้คัดสรรรถเข็นเด็กพับได้คุณภาพดี 8 รุ่นที่โดดเด่น ตั้งแต่รุ่นเบสิกไปจนถึงรุ่นพรีเมียม แต่ละรุ่นผ่านการทดสอบและมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล
1. รถเข็นเด็ก Prince & Princess AUTOPACT Plus
รถเข็นเด็ก Prince & Princess AUTOPACT Plus เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับคุณแม่ที่รักการท่องเที่ยวและเดินทางบ่อย ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 7 กิโลกรัม พร้อมระบบพับกางอัตโนมัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว รุ่นนี้มาพร้อมเสริมยางยืดใต้เบาะช่วยให้การพับเก็บทำได้ง่ายและสมูท รองรับน้ำหนักได้ถึง 22 กิโลกรัม จึงใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 3 ขวบ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องการความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง
จุดเด่น
- ระบบพับอัตโนมัติล้ำสมัย เพียงกดปุ่มครั้งเดียวที่บริเวณด้ามจับ รถเข็นจะพับเก็บได้เองอัตโนมัติอย่างรวดเร็ว พร้อมถือขึ้น-ลงบันไดเลื่อนและขึ้นรถได้ง่าย
- กางเร็วใน 3 วินาที ระบบกางออกอัตโนมัติ เพียงจับด้ามเข็นยกขึ้น รถเข็นจะกางออกเองพร้อมใช้งานทันทีโดยไม่ต้องออกแรง
- เบาะหนานุ่มพิเศษ เบาะรองนั่งหนา 10 มิลลิเมตร ช่วยรองรับน้ำหนักและแผ่นหลังได้มั่นคง ลูกนั่งสบายแม้เป็นเวลานาน
- ที่วางเท้าขยายพิเศษ ออกแบบเพิ่มความยาว 21 ซม. เพื่อให้เด็กแรกเกิดนอนราบได้เต็มที่
2. รถเข็นเด็ก KINDERKRAFT รุ่น NUBI 2
รถเข็นเด็กพับได้จากเยอรมันที่โดดเด่นด้วยคุณภาพยุโรป ออกแบบเพื่อเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ ปรับเอนนอนราบได้ทารกนอนสบาย พร้อมพับกางได้ง่าย
จุดเด่น
- ปรับเอนนอนราบได้ 165 องศา เหมาะกับทารกแรกเกิด
- ล้อหน้าหมุนได้ 360 องศา เข็นได้คล่องตัวในที่แคบ
- หลังคาขนาดใหญ่ป้องกัน UPF50+ และกันน้ำได้
- มีมุ้งกันยุงในตัว พับเก็บและกางออกได้ตามต้องการ
3. รถเข็นเด็ก Foppapedretti รุ่น LIKE
รถเข็นเด็ก Foppapedretti LIKE เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดจากแบรนด์อิตาเลียนชื่อดัง ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันของครอบครัวสมัยใหม่ ด้วยน้ำหนักเบาเพียง 7.8 กิโลกรัม ทำให้เหมาะสำหรับการพกพาและสามารถขึ้นเครื่องบินได้ (Cabin Friendly) รุ่นนี้โดดเด่นด้วยระบบพับง่ายด้วยมือเดียว พร้อมตั้งได้เองโดยไม่ต้องพิง ครบครันด้วยฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับการใช้งานทุกวัน ตั้งแต่หลังคากันแดดกันน้ำไปจนถึงตะกร้าเก็บของขนาดใหญ่
จุดเด่น
- ระบบพับอัจฉริยะ พับง่ายด้วยมือเดียว พร้อมตั้งได้เองโดยไม่ต้องพิง ใช้งานสะดวกในทุกสถานการณ์
- เบาะนั่งปรับได้เต็มที่ ปรับเอนนอนได้มาก รองรับการนอนหลับได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับเด็กทุกช่วงวัย
- หลังคาป้องกันครบครัน กันแดด UPF50+ พร้อมซิปกันน้ำและช่องมองลูก ปกป้องลูกน้อยได้อย่างรอบด้าน
- เข็มขัดนิรภัยสุดสะดวก ระบบ EasyClose พร้อมหัวล็อกแม่เหล็ก ใช้งานง่ายและให้ความปลอดภัยสูง
4. รถเข็นเด็ก Foppapedretti รุ่น TicToc
รถเข็นเด็ก Foppapedretti TicToc เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงจากประเทศอิตาลี ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างขนาดใหญ่ให้ความทนทาน แต่สามารถพับได้บางไม่กินพื้นที่ ด้วยน้ำหนักรวม 9.8 กิโลกรัม รุ่นนี้รองรับการใช้งานตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 5 ขวบ น้ำหนักสูงสุด 22 กิโลกรัม ผ่านมาตรฐาน EN1888 พร้อมโครงสร้างอลูมิเนียมแข็งแรงทนทานสูง และสามารถขึ้นเครื่องบินได้ด้วยระบบ Gate Check รับประกันสินค้า 5 ปีโดย BabyGift ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรายเดียวในประเทศไทย
จุดเด่น
- โครงใหญ่พับเล็กอัจฉริยะ โครงสร้างใหญ่ทนทาน พับได้บางไม่กินพื้นที่ พับแล้วลากได้โดยไม่ต้องยก ออกแบบให้มั่นคง balance แม้แขวนของเยอะ
- เข็นได้ 2 ทิศทาง ล้อรองรับการเข็น 2 ทิศทาง เพียงยกสลับฝั่งที่นั่ง เหมาะสำหรับดูแลลูกแรกเกิดได้สบายใจ
- ปรับได้หลากหลาย เอนนอนราบถึง 170 องศา เอนนั่งตรงถึง 80 องศา เหมาะกับเด็กวัย 6 เดือนขึ้นไป ปรับได้ดีกว่ารถเข็นทั่วไป
- ระบายอากาศเยี่ยม โครงสร้างมีรูระบายอากาศตลอดช่วงหลัง หมดปัญหานั่งแล้วหลังแฉะ
5. รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Cushion
รถเข็นเด็ก Aprica Luxuna Cushion เป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงที่คิดค้นวิจัยโดยกุมารแพทย์จากประเทศญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยโครงสร้างที่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดีเยี่ยม พร้อมการออกแบบที่เลี้ยวง่ายในทางแคบ รุ่นนี้มาพร้อมหมอน Mamoru Support ที่รองรับสรีระศาสตร์ของทารก ให้ลูกน้อยนอนสบายในทุกการเดินทาง ด้วยน้ำหนักเพียง 5.6 กิโลกรัม ทำให้เคลื่อนย้ายสะดวก เหมาะสำหรับใช้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนน้ำหนัก 18 กิโลกรัม
จุดเด่น
- ป้องกัน Baby Shaken Syndrome ด้วย Omega Cushion สปริงรูปตัว M ใต้เบาะ ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 36% พร้อมโช้ค 4 ล้อลดแรงกระแทก
- ล้อหมุนอัตโนมัติครบครัน ทั้ง 4 ล้อหมุน 360 องศา บังคับทิศทางง่าย เลี้ยวสะดวกแม้ในทางแคบ
- หมอน Mamoru Support คู่ ประคองศีรษะและลำคอป้องกันคอพับ พร้อมหมอนรองสะโพกช่วยให้กระดูกสันหลังตั้งตรง
- High Seat ป้องกันมลพิษ เบาะนั่งสูงจากพื้น 55 ซม. พร้อมฉนวนสะท้อนความร้อนจดสิทธิบัตรเฉพาะ Aprica ป้องกันฝุ่นและความร้อน
6. รถเข็นเด็ก Copper รุ่น Crown
รถเข็นเด็ก Copper Crown เป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่โดดเด่นด้วยวัสดุใหม่เฟรม PVD เงาสวยหรูทนทาน ออกแบบให้พับกางง่าย พับแล้วลากได้ไม่ต้องยก พร้อมขนาดกะทัดรัดที่พกขึ้นเครื่องบินได้สะดวก รุ่นนี้ใช้งานได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิดด้วยเบาะปรับนอนราบได้ และยังคงสบายสำหรับเด็กวัย 5-6 ขวบ มาพร้อมตะกร้าใหญ่จุใจที่สามารถพับได้แม้มีของอยู่ในตะกร้า พร้อมของแถม 15 รายการและเบาะให้เลือก 3 สี
จุดเด่น
- วัสดุเฟรม PVD ใหม่ เงาสวยหรูทนทานระดับพรีเมียม ให้ความรู้สึกหรูหราแตกต่างจากรถเข็นทั่วไป
- พับกางสุดสะดวก พับง่าย พับแล้วลากได้ไม่ต้องยก พับได้เล็กพกขึ้นเครื่องบินได้ พับได้แม้มีของในตะกร้า
- ล้อแข็งแรงครบครัน แบบลูกปืนมีโช๊คทั้ง 4 ล้อ ตะลุยได้ทุกพื้นผิว สามารถถอดล้อเปลี่ยนเป็น Big Wheels ได้
- ตะกร้าใหญ่จุใจ ใส่ได้ทุกสิ่ง แขวนของด้านหลังได้ถึง 8 กิโลกรัม ไม่มีเด็กนั่งก็ไม่ล้ม
7. รถเข็นเด็ก Keenz รุ่น Air Plus Pro
รถเข็นเด็กพับได้ที่โดดเด่นด้วยความจุสัมภาระสูงและการออกแบบที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด สามารถใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดถึงประมาณ 5 ปี
จุดเด่น
- รับน้ำหนักได้ถึง 60 กิโลกรัม รวมเด็กและสัมภาระ ใช้ได้ถึง 5 ปี
- ตะกร้าสัมภาระขนาดใหญ่มาก เบาะยาว 85 เซนติเมตร กว้าง 35 เซนติเมตร
- ล้อแบบตลับลูกปืนมีโช๊คทั้ง 4 ล้อ หลังคาแบบ Full Canopy
- เบาะปรับเอนได้ถึง 175 องศา พนักพิงปรับอัตโนมัติ
8. รถเข็นเด็ก Copper รุ่น Cruise
สรุปบทความ
การเลือกรถเข็นเด็กพับได้ที่เหมาะสมต้องพิจารณาถึงช่วงวัยของลูก วัสดุที่แข็งแรง มาตรฐานความปลอดภัย และฟีเจอร์ที่ตรงกับความต้องการ ทั้ง 8 รุ่นที่แนะนำล้วนผ่านการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน BabyGift เข้าใจดีว่าการเลือกซื้อรถเข็นเด็กพับได้เป็นการลงทุนสำคัญ จึงพร้อมให้คำปรึกษาและบริการทดลองใช้งานจริง เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่มั่นใจในทุกการตัดสินใจ และลูกรักได้รับความสะดวกสบายปลอดภัยสูงสุดในทุกการเดินทาง
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
โดยส่วนใหญ่แล้ว หากต้องการพาทารก ขึ้นเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยคุณพ่อคุณแม่ควรพาไปเมื่อทารกอายุ 4-8 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ เนื่องจากว่าทารกมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากการเดินทางได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรงมากพอ อีกทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ บนเครื่องบินยังทำให้ทารกเกิดความเครียดได้ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในหลายๆ สายการบินมีการอนุญาติให้ขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 7 วัน และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความเข้าใจเรื่องราวของการพาเด็ก ขึ้นเครื่องบินอย่างปลอดภัย พร้อมคำแนะนำต่างๆ ก่อนการพาลูกขึ้นเครื่องบินีกันค่ะ ชวนเตรียมพร้อมก่อนพา เด็ก ขึ้นเครื่องบิน ต้องเตรียมอะไร ? ต้องรู้อะไรบ้าง ? ในแต่ละสายการบินมักจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันในการพาทารก ขึ้นเครื่องบินค่ะ บางที่ก็อนุญาติให้โดยสารได้ตั้งแต่ 7 วัน แต่บางที่ก็ต้องอายุ 14 วันก่อนถึงจะอนุญาติให้เดินทางได้ ซึ่งเอกสารที่ใช้สำหรับการเดินทางหลักๆ ก็จะเป็นใบสูติบัตร กับพาสปอร์ตนั่นเองค่ะ ซึ่งหากมีเด็กโดยสารไปด้วย ผู้ปกครองจำเป็นต้องติดต่อสายการบิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลในวันเดินทางได้นั่นเอง ซึ่ง BabyGift ได้เช็กข้อมูลกับสายการบินที่อนุญาติให้ทารกเดินทางมาให้ประมาณ 3 สายการบิน พร้อมคำแนะนำต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูล เป็นไอเดียให้คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการพาเจ้าตัวจิ๋วขึ้นเครื่องบิน ดังนี้ค่ะ พาเด็ก ขึ้นเครื่องบิน การบินไทย การบินไทยอนุญาติให้ทารก […]
พอรู้ว่าตั้งท้อง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักอยากจะทราบเป็นอันดับแรกก็คือเพศของลูกในท้องใช่มั้ยล่ะคะ วันนี้เราตั้งใจจะมาพูดถึงวิธีสนุกๆ ที่ไม่ต้องพึ่งวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีที่อิงความเชื่อล้วนๆ ฮิตกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม่นไม่แม่น ไม่รู้ แต่ก็สนุกดีค่ะ ถือว่าคลายเครียดกันเนอะ (เอ๊ะ หรือจะทำให้เครียดกว่าเดิม?) 9 วิธีสนุกๆ ทายเพศลูกน้อยตามแบบโบราณ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าวิธีเหล่านี้เป็นความเชื่อของคนสมัยโบราณที่ตอนนั้นวิทยาการก็ยังไม่ค่อยจะล้ำสมัยซักเท่าไหร่ ถือว่าทำเอาเล่นๆ ขำๆ ละกันนะคะ ถ้าคุณแม่อยากทราบเพศลูกที่ชัวร์ๆ ก็ลองปรึกษาขอ คุณหมอตรวจโครโมโซมหรือเจาะน้ำคร่ำดูก็ได้ค่ะ เพราะสองวิธีนี้ให้ผลแม่นยำถึง 99.4% เลยล่ะ แม่นยิ่งกว่าการบอกเพศจากการอัลตร้าซาวด์อีกนะ แต่ต่อให้ลูกจะคลอดออกมาเป็นเพศไหน เราก็มั่นใจว่าคุณแม่ทุกท่านจะรักลูกจนหมดหัวใจแน่นอน
ถ้าคุณเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการมาของลูกน้อย นอกจากจะต้องตระเตรียมของใช้จำเป็นต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้เลยคือการแจ้งเกิดเพื่อขอสูติบัตร ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมายที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางแรกของลูกในโลกใบนี้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกขั้นตอนการขอสูติบัตรแบบละเอียด เพื่อให้คุณแม่คุณพ่อหมดกังวล และพร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ใบสูติบัตรคืออะไร ใบสูติบัตร หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ ใบเกิด คือเอกสารทางราชการที่ออกให้เพื่อรับรองการเกิดของบุคคล โดยถือเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญที่ยืนยันสถานะความเป็นคนไทย และยังใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการขอเอกสารสำคัญอื่น ๆ เช่น บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการนำเข้าข้อมูลสู่ทะเบียนราษฎรอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิต่าง ๆ ที่ลูกน้อยพึงได้รับตามกฎหมาย ทำไมต้องมีการแจ้งเกิด การแจ้งเกิดเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการทำตามกฎหมาย และเป็นการสร้างตัวตนทางทะเบียนราษฎรให้กับลูกน้อยอย่างถูกต้องสมบูรณ์ การมี ใบสูติบัตรทำให้ลูกได้รับสิทธิ์และสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล สิทธิ์ในการศึกษา หรือสิทธิ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของเด็ก นอกจากนี้ สูติบัตรยังเป็นหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อแม่ลูกอีกด้วย เอกสารสำคัญที่พ่อและแม่ต้องเตรียม ก่อนจะไปแจ้งเกิด คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อความรวดเร็วและไม่เสียเวลาที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เอกสารสำคัญที่ต้องใช้มีดังนี้ ขั้นตอนการแจ้งเกิดมีอะไรบ้าง ขั้นตอนการแจ้งเกิดนั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่มีข้อปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี ซึ่งสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้ กรณีเด็กเกิดในโรงพยาบาล ถือเป็นกรณีที่พบได้บ่อยและเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลจะออกหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร. […]
การดูแลตัวเองในช่วงให้นมเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถสร้างน้ำนมได้อย่างเพียงพอ ซึ่งนอกจากวิธีต่างๆ ที่จะช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่แล้ว การดูแลตนเองอย่างเหมาะสมด้วยอาหารการกินก็จะทำให้แม่มีสุขภาพที่แข็งแรง สามารถให้นมลูกได้อย่างปลอดภัยและเต็มที่อีกด้วย ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณแม่มาดูแลตัวเองในช่วงให้น้ำนม ตามมาดูกันค่ะ ว่าคุณแม่ให้นมควรกิน หรือไม่ควรกินอะไรบ้าง เช็กลิสต์ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? ชวนคุณแม่เช็กกินอะไรได้บ้าง ช่วงให้นม ! นอกจากการดูแลตัวเองแบบพื้นฐาน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาด พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายที่ไม่หนัก เช่น เดิน โยคะ ว่ายน้ำ ดูแลจิตใจให้ไม่เครียด รวมถึงการเลี่ยงสารเสพติดทุกชนิดแล้วนั้น คุณแม่ที่ให้นมลูก ห้ามกินอะไรอีกบ้าง ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม ลองมาดูรายละเอียดกันต่อดีกว่าค่ะ ให้นมลูก ห้ามกินอะไรบ้าง ? อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงให้นมมีอะไรกันบ้าง BabyGift เตรียมข้อมูลมาให้ด้วยกัน 7 ข้อ แต่ละข้อมีรายละเอียดยังไงมาดูกันค่ะ แล้วให้นมลูก ควรกินอะไร ? สำหรับคุณแม่ที่กำลังให้นมลูกนั้น นอกจากการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพิ่มพวกโปรตีน ธัญพืช แป้งไม่ขัดสี กินผลไม้ และดื่มน้ำให้มากพอแล้วนั้น […]
ไหนๆ คุณแม่ท่านไหนกำลังแพ้ท้องบ้าง ก่อนอื่นต้องขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ที่ไม่แพ้ท้องด้วยนะคะ เพราะคุณแม่โชคดีมาก การแพ้ท้องเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ เลยค่ะ แต่คุณแม่ที่แพ้ท้องก็ไม่ต้องกลัวเหงานะ เพราะมีคุณแม่อีกกว่า 80% ที่ต้องเผชิญกับอาการนี้เช่นกัน อาการแพ้ท้องนี้มักจะเกิดขึ้นในช่วง 1-3 เดือนแรก แต่คุณแม่บางคนอาจจะต้องเผชิญกับอาการแพ้ท้องจนถึงไตรมาสสุดท้ายเลยก็ได้ค่ะ อาการแพ้ท้องเกิดจากอะไรกันนะ? รกที่เชื่อมระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยนั้นจะสร้างฮอร์โมนตัวหนึ่งขึ้นมาชื่อว่า Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ค่ะ ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้มีไว้เพื่อกระตุ้นให้รังไข่สร้างฮอร์โมนอื่นๆ ในช่วงระยะแรกของการตั้งครรภ์ค่ะ ระดับฮอร์โมน HCG ที่สูงขึ้นจะทำให้ประสาทรับกลิ่นของคุณแม่สูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่ประสาทการรับรสชาติจะเปลี่ยนไป นอกจากนี้ เจ้า HCG ยังจะไปกระตุ้นศูนย์ควบคุมการอาเจียน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางร่างกายต่างๆ คุณแม่จึงรู้สึกคลื่นไส้ เวียนหัว หรืออ่อนเพลียอยู่ตลอดเวลาค่ะ อาการแพ้ท้องเป็นยังไงหนอ?
เชื่อว่าคุณแม่หลายๆคนคงอยากให้ลูกน้อยปลอดภัยโชคดีกันทั้งนั้น วันนี้ Baby Gift ขอเอาใจคุณแม่สายมู หยิบข้อมูลเครื่องรางยอดฮิตสำหรับลูกน้อยมาฝากค่ะ เราลองไปดูพร้อมๆกันเลยว่า Lucky item เพิ่มสีสันให้ลูกน้อยแถมยังคุ้มครองทางใจคุณแม่ ไปดูกันเลย ตาข่ายดักฝัน หรือที่เรารู้จักกันในนามว่า Dreamcatcher ในสมัยก่อนชาวอินเดียนแดงสร้างเครื่องรางชิ้นนี้ขึ้นมา เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันฝันร้ายให้สลายหายไป จึงหันมานิยมห้อยไว้เหนือเปลเด็กเพราะหวังว่าจะช่วยทำให้ลูกน้อยปลอดภัยและนอนหลับฝันดี ซึ่งยังเป็นการช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกน้อยได้เป็นอย่างดี เพราะสายตาเด็กที่จับจ้องมองการแกว่งไกวของตาข่ายดักฝันนั้น จะช่วยทำให้ลูกน้อยมีพัฒนาการการเรียนรู้ทางสายตาและกล้ามเนื้อมัดเล็กได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันยังทำให้คุณแม่อุ่นใจเมื่อมีเครื่องรางช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย อเมทิสต์หินนำโชค ตามความเชื่อของหินนำโชคนั้น หินสีม่วงจะช่วยปกป้องให้ลูกน้อยปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป เสริมพลังบวกและดึงดูดสิ่งดีๆนำความโชคดีมาให้เด็กๆ อีกทั้งยังช่วยทำให้ลูกน้อยหลับสบาย เพราะเชื่อว่าหินจะมีคลื่นพลังงานแห่งความสุขปล่อยออกมาช่วยทำให้ลูกน้อยนอนหลับฝันดีหรือมีความสุขนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อ คุณแม่ควรวางไว้ในจุดที่ลูกน้อยไม่สามารถหยิบจับหรือเอื้อมถึงได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่ลูกน้อยจะเผลอหยิบเข้าปาก และอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ ถุงนำโชค อีกหนึ่งเครื่องรางจากวัดดังที่ฮอกไกโด เครื่องรางชิ้นนี้เป็นถุงผ้าสีชมพู ปักตัวอักษรด้วยดิ้นสีทอง และปักรูปแมว 2 ตัว พกเพื่อนำโชค เพราะเชื่อกันว่าจะช่วยปกป้องสิ่งชั่วร้ายจากลูกน้อย สุขภาพแข็งแรง และยังช่วยให้เด็กเติบโตมีสุขภาพที่แข็งแรงในอนาคตด้วย นอกจากจะคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังช่วยคุ้มครองคุณแม่อีกด้วย กำไลข้อเท้า คนไทยสมัยก่อนมักซื้อมาไว้รับขวัญหลาน เพราะเชื่อกันว่าการใส่กำไลข้อเท้าให้เด็กนั้นจะช่วยคุ้มครองให้ลูกน้อยปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง แต่ความจริงนั้นอาจเป็นเพียงกุศโลบายในการเลี้ยงเด็ก เพราะกำไลข้อเท้าเด็กส่วนมากจะมีกระดิ่งห้อยอยู่ด้วย เมื่อพ่อแม่ได้ยินเสียงจะทำให้รู้ว่าลูกนอนอยู่หรือตื่นแล้ว อีกทั้งยังสามารถตามหาลูกน้อยว่าอยู่ที่ไหนได้จากเสียงกระดิ่งอีกด้วย เรียกได้ว่า ทั้งเสริมดวงให้ลูกน้อยปลอดภัยแล้วยังได้ใช้ประโยชน์ไปพร้อมๆกัน ถึงอย่างไรก็ตาม กำไลข้อเท้าควรทำมาจากวัสดุที่มีคุณภาพ […]