มาตรวจสอบวันหมดอายุของคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยเจ้าตัวเล็กกันเถอะ

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าคาร์ซีทก็มีอายุการใช้งานไม่ต่างจากผลิตภัณฑ์ของใช้อื่น เพราะคาร์ซีททุกตัวมีโครงสร้างพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ความร้อนจะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ กรอบ แตกหักง่าย นอกจากนี้แสง UV ยังทำให้วัสดุรองรับแรงกระแทกและเบาะรองตัว หมอนรองศีรษะทารกที่เคยนุ่มกลับแข็งและขาดความยืดหยุ่นไม่สามารถใช้ปกป้องทารกได้ดีพอ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคาร์ซีทที่เลือกใช้เพื่อช่วยปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุ ผลิตขึ้นเมื่อไร และหมดอายุแล้วหรือยัง??? ในหลายๆ ประเทศชั้นนำอย่าง USA, Canada, ญี่ปุ่น, Australia รวมถึงประเทศในกลุ่มEurope มีการกำหนดกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตคาร์ซีททุกรายต้องระบุวันที่ผลิตไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบอายุของคาร์ซีทได้ โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้คาร์ซีทที่มีอายุไม่เกิน 7-10 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่เนื่องจากคาร์ซีทแต่ละแบรนด์และแต่ละรุ่นมีจุดสังเกตุวันที่ผลิตต่างกัน จึงทำให้ยากต่อการตรวจสอบ วันนี้Baby Gift มีคำแนะนำที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบวันที่ผลิตได้ด้วยตัวเอง Aprica แบรนด์ผลิตภัณฑ์เด็กอ่อนระดับ premium ยอดนิยมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น กับคาร์ซีทรุ่น Fladea Grow ที่สามารถปรับใช้ได้ถึง 3 รูปแบบสำหรับวัยแรกเกิด – 4 ปีนี้มีจะมีวันเดือนปีที่ผลิตฉีดขึ้นบล๊อกอยู่ที่ฐานพลาสติกของคาร์ซีทเป็นแนวตั้ง โดยจะใช้สัญญลักษณ์วงกลมพร้อมลูกศรอยู่ข้างในชี้ตามตัวเลขเรียงตามลำดับ วงกลมที่1 (บนสุด) บอกปีค.ศ.ที่ผลิต แบบเป็นเลขท้าย เช่น เลข 6 อาจหมายถึงปี […]

รีวิวพาลูกน้อยขึ้นเครื่องบินพร้อมรถเข็นแบบสุดCool (ตอนที่1)

เมื่อต้องพาเจ้าตัวน้อยเดินทางไกลขึ้นเครื่องบินครั้งแรก คุณแม่หลายท่านมักมีคำถามมากมาย เพื่อให้ทุกท่านเตรียมตัวเดินทางได้อย่างสนุกสนานพร้อมรถเข็นคันโปรดคู่ใจ Baby Gift ได้รวบรวมทุกคำตอบไว้ในที่เดียวจบ 1.รถเข็นแบบไหนสามารถนำขึ้นเครื่องบินได้บ้าง จำเป็นต้องพับเล็กๆ หรือมีข้อกำหนดเกี่ยวกับขนาดและน้ำหนักของรถเข็นหรือไม่? ตอบ เมื่อมีผู้โดยสารที่เป็นเด็กเดินทางไปพร้อมกัน รถเข็นเด็กทุกขนาด ไม่ว่าจะพับใหญ่พับเล็ก ทั้งหนักและเบา สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ทั้งหมดโดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องขนาดและน้ำหนัก แต่รถเข็นต้องสามารถพับได้ (ซึ่งรถเข็นทุกรุ่นทุกแบรนด์ที่จำหน่ายในปัจจุบันพับได้ทุกคัน) 2. ขั้นตอนการนำรถเข็นขึ้นเครื่องบินแบบ Gate Check ? ตอบ เมื่อนำกระเป๋าขนาดใหญ่ Check in เพื่อโหลดใต้ท้องเครื่องให้แจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินว่ามีรถเข็นเด็กมาด้วย และต้องการเข็นไปโหลดที่หน้าประตูเครื่องบิน (หรือเรียกว่า Gate Check) เจ้าหน้าที่จะนำ Tag (หรือป้ายติดกระเป๋า) ติดให้ที่รถเข็นเพื่อป้องกันการสูญหาย เราสามารถเข็นลูกน้อยผ่านพิธีการต่างๆ ไปจนถึงหน้าประตูเครื่องบินตรงจุดที่มีแอร์โฮสเตสยืนต้อนรับ ให้พับรถเข็นให้เรียบร้อย หลังจากนั้นจะมีเจ้าหน้าที่รอรับฝากรถเข็นเพื่อนำลงไปเก็บใต้เครื่อง (ในบางกรณีเจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมถุงพลาสติกขนาดใหญ่คลุมให้อย่างดีเพื่อความสะอาดและปลอดภัย) ซึ่งเมื่อถึงที่หมายปลายทางเจ้าหน้าที่จะนำรถเข็นมาส่งคืนให้ที่หน้าประตูเครื่องบินเหมือนเดิม ในกรณีต่อเครื่อง (Transfer) ก็สามารถรับรถเข็นคืนได้ที่หน้าประตูเครื่องเช่นเดียวกัน 3. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับนำรถเข็นเดินทางขึ้นเครื่องบินหรือไม่ ตอบ ทุกสายการบินอนุญาติให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย 4. ในกรณีที่รถเข็นมีขนาดเล็กและสามารถพับเก็บบนที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะ (Cabin) ได้ จะสามารถนำรถเข็นติดตัวขึ้นไปเก็บบน cabin ในเครื่องบินได้หรือไม่ ? ตอบ รถเข็นบางรุ่นสามารถพับและนำขึ้นเก็บบน Cabinได้ มีความเป็นไปได้ที่ทางสายการบินจะอนุญาติหรืออาจจะปฎิเสธไม่อนุญาติให้นำขึ้นไปเก็บบน […]

ช้อปคาร์ซีทอย่างไรให้โดนใจ พร้อมปลอดภัยทุกการเดินทาง

   การเลือกซื้อคาร์ซีทที่ถูกต้องและเหมาะสมกับลูกรักมีรายละเอียดมากมาย วันนี้BabyGift ขอรวบรวมมาเพื่อเป็นแนวทางให้กับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหาคาร์ซีทที่ตรงตามความต้องการให้กับคุณหนูๆ กันนะคะ 1. เลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับพัฒนาการและความต้องการของลูกน้อยในแต่ละวัย คาร์ซีทสำหรับแต่ละช่วงวัย แบ่งได้ตาม อายุ ขนาด และน้ำหนักของเด็กที่แนะนำโดยผู้ผลิต แต่ด้วยเหตุที่เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่ไม่เหมือนกัน บางคนอายุมากแต่น้ำหนักตัวน้อยหรือไม่สูง ในขณะที่เด็กบางคนอายุน้อยแต่สูงหรือผอมดังนั้นจึงควรเลือกดูจากน้ำหนักและความสูงของลูกเป็นหลัก เพื่อประกอบการตัดสินใจ คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ ตามการใช้งานโดยแต่ละแบบ มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่างกัน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน แบบกระเช้า ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด – 12 เดือน หรือน้ำหนัก 2.5 – 11 kg. และถึง 18 เดือน หรือน้ำหนัก 13 kg. ขึ้นอยู่กับรุ่น บูสเตอร์ซีทเพื่อรองรับการเจริญเติบโตในระยะยาว สำหรับเด็กเริ่มเข้าสู่วัยเรียน บูสเตอร์จะเป็นแบบมีเฉพาะเบาะรองนั่งเพียงอย่างเดียวใช้ได้ สำหรับวัยตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป 2. การเลือกตามความต้องการเฉพาะแต่ละครอบครัว เช่น บางครอบครัวในช่วงแรกเดินทางบ่อยและเป็นเวลานาน อาจต้องการคาร์ซีทที่สามารถปรับนอนราบได้เพื่อความสบายสูงสุดของลูกน้อย ในขณะที่บางครอบครัวอาจมีงบประมาณที่จำกัด การเลือกคาร์ซีทที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด- 7 ปีน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม แต่บางครอบครัวเน้นความสะดวกสบาย […]

10 Functions เด็ด รถเข็นเด็ก Aprica ตัวท็อป

รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia สำหรับเด็กแรกเกิด – 3 ปี หรือน้ำหนัก 2.5 – 15 kg เพื่อความสุขแบบ Double ประสบการณ์ใหม่ในการเดินทางที่สบายกว่า ช่วยให้การเดินทางสำหรับคุณแม่และลูกน้อยเป็นเรื่องง่าย สะดวก สบาย ด้วยนวัตกรรมที่เหนือกว่า Function 1 : ลดแรงสั่นสะเทือนแบบ Double ด้วยระบบรองรับแรงกระแทกถึง 2 จุด ระบบรองรับแรงกระแทกใต้ที่นั่ง และระบบรองรับแรงกระแทกที่ล้อ ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 40% Function 2 : ระบายอากาศแบบ Double ด้วยเบาะรองนอน Silky Air และผ้าระบายอากาศทุกชั้น เบาะรองนอน ถักทอด้วยเส้นใย Silky Air มีความอ่อนนุ่ม ระบายอากาศได้ดี ให้ความรู้สึกเบาสบายเมื่อสัมผัสกับผิวที่บอบบางของทารก Function 3 : ลดความอับชื้นแบบ Double ด้วยระบบ DoubleThermo Medical Sysem […]

Baby Gift Outlet เกณฑ์การให้เปอร์เซ็นต์ตามสภาพสินค้า

ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กจากร้าน Baby Gift Outlet แบ่งออกเป็น 4 ประเภทดังนี้ สินค้าใหม่ สินค้าตัวโชว์ สินค้าสำรองใช้ สินค้าแลกเปลี่ยน     Baby Gift Outlet ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของใช้เด็กตัวโชว์ ตกรุ่น สำรองใช้ ซึ่งเป็นร้านเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Exclusive Used Dealer จาก Baby Gift (Thailand) Co., Ltd. ตัวแทนจำหน่ายและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ Aprica และ Ailebebe อย่างเป็นทางการจากประเทศญี่ปุ่น Baby Gift Outlet จึงเป็นที่เดียวที่มีคาร์ซีทตัวโชว์ ตกรุ่น คาร์ซีทสำรองใช้จากการให้บริการรับซื้อคืน และแลกเปลี่ยนคาร์ซีทจากศูนย์ในไทยที่อำนวยความสะดวกให้คุณพ่อคุณแม่คนไทยที่มีทั้งคนดังระดับแถวหน้า เซเลปและลูกค้าเกรดพรีเมี่ยมที่ใช้งานเองและจะนำมาแลกเปลี่ยนเป็นคาร์ซีทตัวใหม่เมื่อลูกโตขึ้น นอกจากนี้ Baby Gift Outlet ยังมีคาร์ซีทที่มาจากการหมุนเวียนคาร์ซีทสำรองใช้ระหว่างส่งทำความสะอาดของทางศูนย์ที่จะเปลี่ยนใหม่ทุกๆ 2 เดือน ดังนั้นเราจึงบอกได้ถึงที่มาของคาร์ซีททุกตัวอย่างชัดเจนไม่มีการแอบอ้างใดๆ  อีกทั้ง Baby Gift Outlet ยังเป็นร้านจำหน่ายคาร์ซีทตัวโชว์ ตกรุ่น […]

เด็กเล็กแต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรดี

เสื้อผ้าสำหรับเด็กเล็กๆ นั้นมักจะมีแต่สีสันสดใส เพื่อให้ดูเหมาะสมกับวัย คุณแม่จึงไม่ค่อยจะมีเสื้อผ้าเด็กสีดำติดบ้านกันสักเท่าไหร่ บางบ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลยด้วยซ้ำ จึงใส่ชุดให้ลูกไปตามที่มี ซึ่งก็เกิดประเด็นทำให้คุณแม่เป็นกังวลอย่างมาก บ้างโดนต่อว่าด้วยคำพูด บ้างโดนตำหนิด้วยสายตา “ทำไมไม่ใส่ชุดดำให้ลูก” พลอยทำให้คุณแม่ไม่กล้าพาลูกออกจากบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีเสื้อผ้าเด็กสีดำเลย แล้วอย่างนี้ เด็กเล็กแต่งกายไว้ทุกข์อย่างไรดี สำหรับชุดไว้ทุกข์ของเด็กๆ นั้น ไม่ได้เคร่งครัดอะไร คุณแม่ไม่ต้องกังวลจนเกินไปค่ะ ขอให้เป็นสีเรียบๆ ไม่ฉูดฉาด หากเป็นไปได้ก็คุมโทนเสียหน่อย ด้วยโทนดำ ขาว ไข่ไก่ ครีม เทา น้ำเงิน น้ำตาลเข้ม ตัวอย่างแบบเสื้อผ้าเด็กสำหรับใส่ไว้ทุกข์มาฝากให้คุณแม่ลองนำไปมิกซ์แอนด์แมทช์ดูนะคะ การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้ชาย การแต่งกายไว้ทุกข์สำหรับเด็กผู้หญิง สำหรับบ้านไหนที่ไม่มีเสื้อผ้าลูกสีคุมโทนตามที่กล่าวมา การซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้ลูกเพื่อใส่ไว้ทุกข์อาจไม่ใช่คำตอบ ด้วยราคาเสื้อดำที่ตอนนี้ค่อนข้างแพง และเด็กๆ เขาก็โตเร็ว ใส่ไม่เท่าไหร่ก็คับต้องยกให้คนอื่น คำนวณแล้วอาจไม่คุ้มกับราคาที่ต้องจ่าย อาจใช้วิธีย้อมผ้าสีดำ แทนก็ได้ เพียงซื้อสีย้อมผ้าราคาย่อมเยา ก็แปลงโฉมเสื้อผ้าสีสันเป็นเสื้อผ้าที่ใส่ถวายอาลัยได้แล้ว ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : เว็ปไซด์ amarinbabyandkids

คำสอนและวิธีการเลี้ยงลูกของสมเด็จย่าที่ทรงคุณค่าและควรนำมาเป็นแบบอย่างให้กับปวงชนชาวไทย

เนื่องในเดือนแห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโรงเรียนทอสีได้จัดสัมนาเรื่อง“เลี้ยงลูกแบบสมเด็จย่า” โดยคุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา อดีตข้าหลวงในพระองค์มาร่วมเล่าประสบการณ์และแบ่งปันคำสอนของสมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทยเมื่อฟังแล้วรู้สึกอยากจะบอกต่อ ถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกของพระองค์ ที่มีทั้งความปราดเปรื่องหลักแหลมและมีเป้าหมายที่ชัดเจนสมควรใช้เป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่ง ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น : คำพังเพยที่เราได้ยินบ่อยๆ แต่น้อยครั้งนักจะทำความเข้าใจอย่างจริงจังในขณะที่ตัวอย่างมีให้เห็นทั้งในทางที่ดีและทางที่ไม่ดีในเรื่องของการเลี้ยงดูบุตร สมเด็จย่าทรงเริ่มจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ทำเป็นต้นแบบในเรื่องของการมีวินัย การรักการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ การประพฤติตัวที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม ทั้งหมดนี้คือการตั้งตนเป็นต้นแบบให้กับลูกเพราะเด็กเล็กจะมีพฤติกรรมเลียนแบบจากคนใกล้ชิดเพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องลองตั้งคำถามกลับมาที่ตัวเองว่าทุกวันนี้ที่เราอยากให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้แล้วเราล่ะเป็นแล้วหรือยัง ตั้งเป้าหมายในการเลี้ยงลูก: สมเด็จย่าทรงเป็นพระมารดาที่มีเป้าหมายในการเลี้ยงลูกอย่างชัดเจนคือทรงตั้งใจอบรมพัฒนาลูกๆ ให้ดีในทุกๆ ด้านเพื่อให้เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ทรงไม่คิดถึงประโยชน์ของพระองค์เอง ประโยชน์ของพระโอรส หรือพระธิดา แต่ทรงมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ในปัจจุบันหลายครั้งที่เราเห็นพ่อแม่ส่งลูกเรียนพิเศษในทุกวิชาโดยที่ไม่ได้ถามลูกว่าลูกอยากเรียนอะไร หรือพ่อแม่ที่คาดหวังเรื่องผลการเรียนสูงๆ จากลูกเหล่านั้นคือการตั้งเป้าหมายกับลูกซึ่งเป็นการเอาความคาดหวังของตัวเองไปให้กับลูก เราจึงต้องมองย้อนกลับมาดูใหม่ว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือความคาดหวังนั้นเป็นไปเพื่อใคร เพื่อลูก เพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อคนอื่นๆ ด้วย ถ้าพ่อแม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเลี้ยงลูกก็จะทำให้เราสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของเด็กๆ ได้สูงยิ่งขึ้น จัดแบบแผนและสร้างระเบียบวินัยตั้งแต่ลูกยังเล็ก: สมเด็จย่าทรงวางแผนการดำเนินชีวิตให้กับพระโอรสพระธิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เนื่องจากต้องทรงเป็นทั้ง “พ่อ” และ “แม่” ในเวลาเดียวกันทรงจัดการทุกอย่างเป็นเวลา โดยมีผู้ช่วยคือพระพี่เลี้ยงเพียงหนึ่งคนเท่านั้นเนื่องจากในเวลาที่เด็กยังเล็กเขาไม่มีความรู้เรื่องขอบเขตของเวลา พ่อแม่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดเวลาให้กับพวกเขาเช่นนอน รับประทานอาหาร เล่น ไปโรงเรียน อาบน้ำ ออกกำลังกาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสร้างวินัยให้กับลูกซึ่งสมเด็จย่าทรงเน้นเรื่องวินัยในการดำเนินชีวิตพระองค์รับสั่งถึงคำว่า “ระเบียบวินัยอย่างมีหลักการ” คือการกำหนดขอบเขตของเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิตซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตของเด็กๆ ต่อไป […]

รีวิวตู้อบแห้งฆ่าเชื้อ UV Prince&Princess Gen2

สวัสดีค่ะคุณแม่ทุกคนนะคะ สำหรับคุณแม่ทั้งหลายที่มีลูกน้อย คงจะเคยชินกับการล้างขวดนมเสร็จแล้ว ก็ฆ่าเชื้อขวดนมด้วยหม้อนึ่งความร้อนกันใช่ไม๊คะ วันนี้แม่อีฟ ขอแนะนำเครื่องมือชิ้นใหม่ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณแม่สมัยใหม่อย่างเราๆ ที่ต้องการความสะดวกสบายและการฆ่าเชื้อ โรคได้มากที่สุดสำหรับลูกน้อย มาทำความรู้จักกับตู้อบแห้งฆ่าเชื้อ UV แบรนด์ Prince&Princess  สัญชาติเกาหลี เครื่องนี้เป็น Gen2 ที่มีการพัฒนาขึ้น ให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น การใช้งาน ก็ง๊ายง่ายค่ะ ที่เครื่องจะมีแค่ 3 ปุ่ม เท่านั้น คือปุ่ม Auto, ปุ่ม UV และปุ่ม Dry ถ้าใช้สำหรับขวดนมหรือของใช้ที่ล้างมาเปียกๆ ก็ง่ายเลยค่ะ แค่กดปุ่ม Auto เพียงปุ่มเดียวแล้วรอแค่ 30 นาที ก็สามารถเอาขวดนมมาชงนมให้ลูกได้เลยค่ะ เริ่มน่าสนใจกันแล้วใช่ไหมหล่ะคะ และนี้ก็คือโฉมหน้าของเจ้าตู้อบฆ่าเชื้อ ด้วยUV ที่มีดีไซน์ แบบทันสมัย ใช้ง่าย และน้ำหนักเบาแค่ 5 kg. เองค่ะ คุณแม่ก็สามารถยกย้ายที่ใช้งานได้แบบง่ายๆเลยค่ะ ก่อนหน้าที่จะใช้เครื่องนี้ ก็เคยมีวิธีการทำความสะอาดของให้กับลูก โดยการล้างทำความสะอาด แล้วก็เอาไปนึ่งต่อต้องทำหลายขั้นตอน ตั้งแต่ตวงน้ำลงในถาด นึ่งเสร็จก็ต้องล้างหม้อนึ่งด้วย พอน้ำแห้งก็มักเป็นตะกรัน พอบ่อยๆ […]

ขวดนมที่ไม่มี BPA ปลอดภัย ใช้ได้นานกว่าจริงหรือ???

Q: ขวดนมที่ไม่มี BPA ปลอดภัย ใช้ได้นานกว่า ? A :ขวดนม PP ไม่มี BPA อายุการใช้งานสั้นกว่า PC ที่มี BPA โดยทั่วไป พลาสติกแต่ละชนิด จะมีอายุการใช้งานที่ต่างกัน ยิ่งต้ม ยิ่งนึ่ง ยิ่งขัด ก็ยิ่งเสื่อมสภาพเร็ว ขวดนม PP ทนอุณหภูมิ -20 – 110 ˚C มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือน และอาจเหลือ 3 เดือนถ้านึ่งหรือต้มบ่อยเกินไป ขวดนม PES ทนอุณหภูมิ -50 – 180 ˚C มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นกับการดูแลรักษา และความถี่ในการต้ม หรือนึ่งฆ่าเชื้อ ขวดนม PPSU ทนอุณหภูมิ -50 – 180 ˚C มีอายุการใช้งานเฉลี่ย […]

ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม นึ่ง ทุกครั้งหรือไม่?

Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน  สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเท คุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม […]