เปรียบเทียบ Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 1 และ Kurutto R The First 2 เลือกรุ่นไหนให้เหมาะกับลูกน้อย ?

Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 1 และ Kurutto R The First 2 เป็นคาร์ซีทเด็กแรกเกิดที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีนวัตกรรมความปลอดภัยล้ำสมัย ช่วยให้การเดินทางของลูกน้อยทั้งปลอดภัยและสะดวกสบาย และทั้ง 2 รุ่น มีคุณสมบัติที่เด่นและแตกต่างกัน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับความแตกต่างเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัวได้ค่ะ
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto R ได้อย่างเหมาะสมกับลูกน้อยมากที่สุด มาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมรุ่นนี้ถึงเป็นที่นิยมและมีจุดเด่นอะไรบ้างนะคะ

ทำไมต้องเลือก Ailebebe รุ่น Kurutto R ?
1. มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด : ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป R129 (i-Size)
2. การทดสอบที่แม่นยำ : ใช้เซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกสูงสุดถึง 32 จุดบนหุ่นจำลอง และหุ่นไม่ได้รับการบาดเจ็บ
3. ทดสอบการชนที่เข้มงวด : ทดสอบการชนที่ความเร็ว 70-100 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
4. รองรับศีรษะทารกได้อย่างปลอดภัย : ซัพพอร์ตศีรษะหนาถึง 100 mm. เพื่อปกป้องศีรษะและลำตัวของทารกได้อย่างแน่นหนา
5. การปกป้องครบทุกด้าน : ออกแบบคาร์ซีททรงไข่ Egg shield protection เบาะลึกโอบทั่วตัว ไม่ให้ส่วนใดของทารกยื่นออกไปจากขอบคาร์ซีท

6. การปกป้องจากแสงแดด : หลังคาคลุมยาวถึงปลายเท้า 98 ซม. ช่วยป้องกันแสงแดดและยูวี
7. การระบายอากาศที่มีประสิทธิภาพ : ช่องระบายอากาศ 1,695 ช่อง ช่วยหมุนเวียนอากาศและรักษาอุณหภูมิให้เหมาะสม
8. สะดวกในการใช้งาน : หมุน 360 องศาด้วยมือเดียว เพื่อความสะดวกในการอุ้มลูกเข้า-ออกจากคาร์ซีท
9. โครงสร้างแข็งแรงทนทาน : ผลิตจากไฟเบอร์กลาสที่มีความแข็งแรงและทนทานมากกว่าพลาสติกทั่วไป
10. องศาการนั่งปลอดภัย : ช่วยให้ทารกนอนหลังตรง ป้องกันการงอของกระดูกสันหลัง และทำให้ทารกรู้สึกปลอดภัยและสบายมากขึ้นอีกด้วย
11. Made in Japan : คาร์ซีท Ailebebe ผลิตที่ Yuki Factory ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก
เปรียบเทียบ Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 1 และ Kurutto R The First 2

1. ผ้าฆ่าเชื้อ AG Pure
Kurutto R The First 1 มีผ้าฆ่าเชื้อ AG Pure 3 จุด ได้แก่ ข้างซัพพอร์ต, เบาะรองนั่ง, และผ้าซับน้ำลาย ส่วน Kurutto R The First 2 เพิ่มเป็น 4 จุด ครอบคลุมข้างซัพพอร์ต, เบาะรองนั่ง, นวมหุ้มเข็มขัด, และผ้าซับน้ำลาย ช่วยปกป้องลูกน้อยจากแบคทีเรียและเชื้อโรคในทุกส่วนที่สัมผัส

2. ขนาดเบาะซัพพอร์ตทารก
Kurutto R The First 1 มีขนาดเบาะซัพพออร์ตปกติ (Size L) ในขณะที่ Kurutto R The First 2 มีขนาดเบาะใหญ่กว่า (Size LL) ซึ่งการเลือกขนาดที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยนั่งสบายและปลอดภัยตลอดการเดินทาง

3. ซัพพอร์ตศีรษะด้านข้างและด้านหลัง
Kurutto R The First 1 มีซัพพอร์ตด้านข้างขนาด 100 mm. และซัพพอร์ตด้านหลัง 70 mm. ซึ่งให้การปกป้องที่มั่นคง ขณะที่ Kurutto R The First 2 มีซัพพอร์ตด้านข้างขนาดเดียวกัน แต่ซัพพอร์ตด้านหลังจะบางกว่าเล็กน้อยที่ 60 mm. ซึ่งเหมาะกับการยืดหยุ่นในการเคลื่อนไหวมากขึ้น

4. ฟีเจอร์เข็มขัดนิรภัย
ทั้งสองรุ่นมีฟีเจอร์ “สายเข็มขัดยกขึ้นอัตโนมัติ” ที่ทำให้การใส่เข็มขัดให้ลูกน้อยเป็นเรื่องง่ายและสะดวก แต่ Kurutto R The First 2 เพิ่มฟีเจอร์ “นวมหุ้มเข็มขัดพับขึ้นอัตโนมัติ” ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการพาลูกน้อยขึ้นลงจากคาร์ซีทได้

5. เสริมโฟมเพิ่มความสบายในการนั่ง
Kurutto R The First 1 ไม่มีการเสริมวัสดุ Polyurethane Foam ในเบาะ ทำให้เบาะมีความแข็งเล้กน้อย แต่ Kurutto R The First 2 ได้รับการเสริมวัสดุ Polyurethane Foam ทำให้การนั่งสบายขึ้น เหมาะสำหรับการเดินทางที่ยาวนานขึ้น

6. สีของคาร์ซีทและดีไซน์
Kurutto R The First 1 มีสี Luna Black และ Stella Navy ที่สวยเรียบหรู ขณะที่ Kurutto R The First 2 มาในสีใหม่ที่ทันสมัยกว่า ได้แก่ Pearl Black และ Pearl Beige ที่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยมากขึ้น
คุณพ่อคุณแม่คงเริ่มเห็นความแตกต่างระหว่าง Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 1 และ Kurutto R The First 2 แล้วนะคะ โดยทั้งสองรุ่นมีฟังก์ชันและนวัตกรรมเหมือนกัน เช่น ระบบหมุน 360 องศา, การรองรับศีรษะทารก, โครงสร้างแข็งแรง และการระบายอากาศที่ดี ซึ่งออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกน้อย
แต่สำหรับรุ่น Kurutto R The First 1 จะเหมาะกับทารกแรกเกิดที่ต้องการความปลอดภัยและสะดวกสบาย ขณะที่รุ่น Kurutto R The First 2 เพิ่มฟีเจอร์เสริมที่ให้ความสะดวกสบายและรองรับได้มากขึ้น ทำให้เหมาะกับการใช้งานในระยะยาว ทั้งสองรุ่นมั่นใจได้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะได้รับความปลอดภัยสูงสุดสำหรับลูกน้อยค่ะ
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto R หรือการเลือกซื้อคาร์ซีท สามารถคลิกที่ลิงก์นี้เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยค่ะ https://shop.babygiftretail.com/product-category/all/ailebebe
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
“เพราะรถเข็นเด็กทุกคัน ไม่ได้เหมาะกับเด็กแรกเกิดทุกคัน” หลายคนยังเข้าใจผิดว่ารถเข็นเด็กแต่ละคัน ดูๆแล้วก็คล้ายๆกัน น่าจะใช้เหมือนๆ กันแต่ในความเป็นจริง แล้วเด็กแรกเกิดมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิดจึงต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่นอกจากจะช่วยปกป้องสรีระของลูกน้อย แล้วยังช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้าน สร้างสุขอนามัยที่ดี และสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้อีกด้วย 1.ปรับให้นอนราบได้ 170 องศา สำหรับเด็กแรกเกิด รถเข็นเด็กแรกเกิด ที่ดีควรสามารถปรับให้นอนราบได้ 170 องศา ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรง ยังไม่แข็งแรง จึงควรจัดให้เด็กนอนในท่านอนราบที่เป็นธรรมชาติ 2. เบาะรองนอนรูปนาฬิกาทราย จะช่วยรองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม โดยมีพื้นที่วางแขนแบบ W-Shape และวางขาแบบ M-Shape เพื่อให้ขยับตัวได้ง่าย ซึ่งเป็นท่านอนที่เป็นธรรมชาติสำหรับเด็กวัยแรกเกิด 3. ชุดหมอนรองคอและสะโพก สำหรับทารกวัยแรกเกิดที่ยังไม่แข็งแรง เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทารกวัยแรกเกิด ที่คอยังโงนเงนไม่แข็งแรง Head Support ที่มีส่วนเว้าโค้งพอเหมาะจะช่วยสอดรับช่วงต้นคอและศีรษะ ป้องกันคอพับซึ่งอาจส่งผลต่อการปิดทับระบบทางเดินหายใจได้ Hip Support หรือหมอนรองสะโพก ช่วยประคองให้กระดูกสันหลังมั่นคงไม่โค้งหรือเอียง ช่วยจัดท่านั่งและนอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ 4. เบาะรองนอนระบายอากาศได้ดี และช่วยรองรับสรีระได้อย่างนุ่มนวล ด้วยระบบปรับอุณหภูมิในร่างกายลูกน้อยที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กทารกจะมีความสามารถในการควบคุมอุณหภุมิต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้มีเหงื่อออกมากกว่า โดยเฉพาะในเวลานอนซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเสริมสร้างพัฒนาการอย่างเต็มที่ ดังนั้นเบาะที่มีคุณสมบัติช่วยระบายอากาศได้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความร้อน […]
หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้ เมื่อมี กฎหมายคาร์ซีท ออกมาแล้วคุณพ่อคุณแม่หลายท่านก็ต้องมองหาคาร์ซีทให้ลูกอย่างจริงจังเลยใช่ไหมคะ แล้วคาร์ซีทแบบไหนเหมาะสำหรับลูกเรา แบบไหนปลอดภัยกว่า วันนี้ Baby Gift ได้รวบรวมข้อมูลมาให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้เตรียมความพร้อมแล้วค่ะ ไปดูกันเลย หลังจากเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ กฎหมายคาร์ซีท เกี่ยวกับเด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ผู้ปกครองต้องจัดหาที่นั่งพิเศษให้สำหรับเด็ก หรือนั่งในที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ หากไม่ทำตามกฏหมายก็จะถูกปรับ 2,000 บาท โดยจะมีผลบังคับใช้ในอีก 120 วันข้างหน้า ซึ่งตรงกับวันที่ 5 กันยายน 2565 […]
หมอเด็กเค้าเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ลูกตัวเอง….อยากรู้ต้องคลิ๊ก ก่อนซื้อคาร์ซีทให้ลูก ถ้าไปอ่านหนังสือ ก็จะรู้ว่าคาร์ซีท (carseat) มี 4 แบบ (ซึ่งเอาเข้าจริงรู้จริงๆ ตอนมีลูก 55555 ก่อนนั้นรู้แต่ทฤษฎี) คือ แน่นอนในตลาด มี option มากมายไว้หลอกลวงพ่อแม่ขาช้อป 5555 ทั้งแบบตระกร้าที่ยกเข้าออกได้เลย หรือ ประกอบลง stroller (รถเข็น) ได้เลย…. เอาที่สบายใจ 555 เอาหลักในการเลือกของพ่อหมอเลยแล้วกัน 555 ไม่ว่าอะไรก็ตาม เน้นใช้ได้ยาวๆ เป็นหลัก แน่นอน convertible เป็นแบบที่เลือกแบบไม่ต้องคิดเลย เพราะใช้ได้นานดี อย่างน้อยๆ ก็สามสี่ปี อีแบบตระกร้าเนี่ยใช้ได้ปีเดียวก็ต้องเปลี่ยนละ ไม่ไหว พ่อไม่ค่อยมีตังค์ (ต้องเอาไปซื้อของไร้สาระอื่นๆ อีก 55555) ยังๆ ยังไม่จบ เลือกชนิดแล้ว ต้องมาเลือก options อีก ตัวเลือกเรามีดังนี้ เน้นหลัก 3 ข้อในการใช้คาร์ซีท carseat โดย […]
การฝึกเด็กทารกให้นั่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กน้อยค่ะ แต่ว่าจะให้เด็กเริ่มหัดใช้เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนดี จะฝึกเด็กน้อยของเราให้นั่งยังไง จะเริ่มให้เด็กหัดนั่งตอนไหนถึงจะดี ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดไม่ลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ? แนะนำเคล็ดลับพร้อมตอบคำถาม และแนะนำยี่ห้อเก้าอี้เด็กน่าใช้ ! เก้าอี้หัดนั่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเด็กทารกฝึกนั่งอย่างปลอดภัย มีโครงสร้างที่มั่นคง และปลอดภัย ช่วยพยุงตัวเด็ก ใช้วัสดุที่นุ่มสบาย มีสายรัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้มีถาดวางของด้านหน้าให้ด้วย เก้าอี้หัดนั่งจะช่วยให้เด็กได้ฝึกทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อ เตรียมความพร้อมสำหรับการนั่งด้วยตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการหัดนั่งจะเป็นยังไงบ้างนั้น ตามมาเรียนรู้เพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันค่ะ พัฒนาการของเด็ก ก่อนจะไปดูว่าเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน เราลองมาทำความรู้จักกับตัวอย่างพัฒนาการของเด็กกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งพัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัย หรือกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก ควรปรึกษากับแพทย์นะคะ สำหรับผู้ปกครองที่สนใจเรื่องพัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ อีก ลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ BabyGift เคยเขียนไว้ในเว็บไซต์แล้วค่ะ เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ? โดยทั่วไป เด็กจะพร้อมหัดนั่งเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ กล้ามเนื้อคอและหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้นค่ะ แต่ถึงแม้ว่าพัฒนาการของเด็กในช่วง 4-6 เดือนนั้น จะเริ่มควบคุมศีรษะได้ดี และอาจเริ่มพลิกตัวได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการนั่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกนั่ง ซึ่งการเริ่มฝึกหัดนั่งในเด็กอายุ 6-8 เดือนนั้น […]
เคยมีคนบอกว่า แต่งงานแล้วอย่าเพิ่งมีลูกนะ เดี๋ยวไม่มีเวลาได้ไปท่องเที่ยว เพราะถ้ามีลูกน้อยจะเดินทางแต่ครั้ง ต้องเตรียมสัมภาระของลูก 1 กระเป๋าใหญ่ ต้องรับมือกับลูกที่อาจร้องงอแง เพราะพักผ่อนไม่เต็มที่ ถึงเวลานอนแล้วไม่ได้นอน งอแงต้อให้อุ้มตลอดเวลา ก็คงเที่ยวไม่สนุก แล้วก็จะเข็ดไม่อยากไปไหนอีกเลย แต่รู้ไหมว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับลูกน้อยเลย เพราะเด็กในช่วงวัยนึง เป็นช่วงวัยที่ต้องการการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ช่วยส่งเสริมให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปอย่างดีเยี่ยม …แต่ถ้าไม่ได้พาลูกออกนอกบ้านเลย แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไรหล่ะ??? แต่สำหรับครอบครัวพ่อเพชรจ้า-แม่นิวเคลียร์ สามารถพาน้องไทก้าเที่ยวได้ทุกที่ได้อย่างคล่องตัว พาออกนอกบ้านตั้งแต่น้องยังเล็กๆอยู่เลยค่ะ ก็เพราะมีตัวช่วยอย่าง รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon เป็นรถเข็นเด็กที่เบาที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะเบาเพียง 3.6 kg. TRIP KOREA รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon กับทริปแรกของน้องไทก้า ในวัยประมาณ 6 เดือน เดินทางไปไกลถึงแดนกิมจิ ประเทศเกาหลี ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 3.6 kg. ช่วยให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้อย่างสบาย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง ช่วยให้พ่อเพชรจ้าดูแลน้องไทก้าได้อย่างใกล้ชิด แบบ face to face […]
เครื่องผลิตน้ำเกลือฆ่าเชื้อโรค Blue Water นวัตกรรมการฆ่าเชื้อโรครูปแบบใหม่ ที่ใส่ใจในสุขภาพ และความคุ้มค่า จึงได้คิดค้นวิธีที่จะสามารถ “ผลิตน้ำเกลือฆ่าเชื้อโรค” เองได้ที่บ้านง่าย ๆ โดยเป็นสูตร Organic 100% เพียงมี “น้ำประปา เกลือ และเครื่อง Blue Water” ที่ทำหน้าที่ปล่อยประจุไฟฟ้า ส่งผ่านไปยังน้ำ ทำให้อะตอมของน้ำแตกตัว จนเกิดปฏิกิริยา Oxidation และเกิดเป็นสารประกอบใหม่ขึ้นมา นั่นก็คือ ไฮโปคลอรัส เอซิส HOCl และ ไฮโปคลอไรท์ ไอออน OCl- ซึ่งกรดไฮโปคลอรัส คือกรดชนิดเดียวกันกับที่ร่างกายมนุษย์ผลิตขึ้นมาได้เองในเม็ดเลือดขาว เพื่อฆ่าเชื้อโรคภายในร่างกายนั่นเอง ซึ่งเมื่อนำน้ำที่ผลิตจากเครื่อง Blue Water ไปตรวจวัดประสิทธิภาพที่สถาบันวิจัยนานาชาติ และได้ผลรับรองมาดังนี้ ผลวิจัยพิสูจน์แล้วว่า น้ำเกลือฆ่าเชื้อที่ผลิตจากเครื่อง Blue Water สามารถฆ่าเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เป็นตัวต้นกำเนิดของโรคต่าง ๆ ได้ถึง 99.9% ภายในเวลา 30 วินาที นอกจากสามารถฆ่าเชื้อโรคได้แล้ว […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.