10 วิธีทำให้ลูกฉลาดรอบรู้

  1. เลี้ยงลูกให้มีความสุข
    เด็กที่มีความสุขคือเด็กที่รู้สึกปลอดภัย มั่นคง ทั้งในด้านอารมณ์ความรู้สึก และสิ่งแวดล้อมภายนอก เด็กที่มีความสุขจะรู้ว่าตนเองมีคุณค่าในแบบที่ตัวเองเป็น พ่อแม่สามารถเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กที่มีความสุขได้โดยการใช้เวลากับลูกให้มากๆ รู้จักสื่อสารพูดคุยกับลูก และสอนให้ให้ลูกรู้จักภาคภูมิใจในสิ่งที่ตัวเองเป็น การซื้อของและสมัครเรียนเสริมนอกเวลาให้ลูก ไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าความสุข ถ้าอยากให้ลูกมีความสุข คุณเองควรใช้เวลากับลูกให้มากขึ้นมากกว่า
  2. ออกไปเรียนรู้โลกกว้าง
    อีกหนึ่งวิธีที่จะเลี้ยงลูกให้มีความรอบรู้คือ การพอลูกออกไปท่องโลกกว้าง หรือชวนทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ใช่ให้พวกเขาอยู่แต่ในบ้านอย่างเดียว กิจกรรมที่น่าสนใจ และทำให้ลูกได้ประสบการณ์ใหม่ๆ นั้นมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น งานอาสาสมัคร ไปทำบุญที่วัด เล่นกีฬาที่สโมสรในหมู่บ้าน พาลูกไปซื้อของที่ตลาด เป็นต้น
  3. สอนให้ลูกเป็นคนรักการเรียนรู้
    พยายามกระตุ้นให้ลูกเป็นเด็กที่รักการเรียนรู้ และทำให้การเรียนรู้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวด้วย คุณอาจกระตุ้นการเรียนรู้ให้กับลูกผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ เช่น การท่องเที่ยวตามธรรมชาติ พาลูกไปพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ชวนลูกอ่านนิทาน ชวนลูกดูภาพยนตร์ด้วยกัน เป็นต้น
  4. สอนให้รู้จักเคารพผู้อื่น
    การรู้จักเคารพผู้อื่น เป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญ หรือที่มาของคุณธรรมในตัวเด็ก เด็กที่ถูกเลี้ยงให้รู้จักเคารพกฎเกณฑ์ เคารพตนเอง เคารพผู้อื่น รวมถึงเคารพสิทธิของคนรอบข้าง จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่เป็นคนดีและมีคุณธรรม การสอนเรื่องความเคารพให้กับลูกตั้งแต่ยังเด็กจึงนับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
  5. สอนให้ลูกรู้จักเชื่อฟังพ่อแม่
    วิธีง่ายที่สุดในการสอนให้ลูกเป็นเด็กที่รู้จักเชื่อฟังพ่อแม่ คือ ความสม่ำเสมอและความยุติธรรม อย่าทำให้ลูกสับสนด้วยการอนุญาตให้ลูกทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งในวันนึง แต่พออีกวันกลับห้ามทำ และคุณต้องปฏิบัติกับลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกันด้วย เช่น หากลูกคนโตได้รับการลงโทษเพราะทำผิด ลูกคนเล็กก็ต้องได้รับการลงโทษแบบเดียวกันด้วยเมื่อเขาทำผิดเหมือนกัน
  6. สอนให้ลูกเป็นคนรอบคอบ
    สอนให้ลูกเป็นคนรอบคอบ ระมัดระวัง รู้จักคิดก่อนทำหรือคิดก่อนพูด รู้จักรอบคอบในการเลือกคบเพื่อน รวมทั้งระมัดระวังภัยจากสิ่งรอบตัว รวมถึงภัยในโลกออนไลน์ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกรู้จักจัดการกับคนแปลกหน้า และสอนให้ลูกรู้จักแยกแยะเป็นระหว่างการพบคนแปลกหน้า กับการทำความรู้จักคนใกล้ตัวที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วย (เช่น การทำความรู้จักกับญาติผู้ใหญ่ การทำความรู้จักกับเพื่อนของคุณพ่อคุณแม่)
  7. สอนให้ลูกมีความมั่นใจในตนเอง
    การสอนให้ลูกเป็นเด็กมีความมั่นใจในตนเองนั้นไม่ยากเลย เพียงอนุญาตให้ลูกรู้จักทำผิดพลาด และเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นๆ ก็พอแล้ว ทำให้ลูกได้รู้ว่าความผิดพลาดนั้นเป็นเรื่องปกติที่ทุกคน
  8. สอนให้ลูกรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
    ความเห็นแก่ตัวเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมในปัจจุบัน ดังนั้น เราต้องสอนเด็กรุ่นใหม่ให้เป็นคนมีน้ำใจและรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การสอนลูกให้เป็นคนมีน้ำใจเริ่มจากที่ตัวคุณพ่อคุณแม่เอง ถ้าลูกเห็นว่าพ่อแม่ของตนเป็นคนมีน้ำใจ มีเมตตาต่อผู้อื่น พวกเขาก็จะซึมซับนิสัยที่ดีจากพ่อแม่ไปด้วย ที่สำคัญ คือ อย่าปล่อยให้ลูกพูดจาเกี่ยวกับฐานะ หรือความบกพร่องอื่นๆ ของคนรอบตัวเป็นอันขาด เพราะนั่นจะทำให้เขากลายเป็นเด็กไม่มีเมตตา และมองหาแต่ข้อเสียของผู้อื่นเท่านั้น
  9. สุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตน
    ความสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนนั้นมาจากการยอมรับในความสำเร็จของผู้อื่น และมาจากความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นประสบความสำเร็จ การสอนให้ลูกเป็นคนสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนทำได้โดยการปล่อยให้พวกเขารู้จักความพ่ายแพ้ เช่น คุณอาจเล่นเกมกระดานหรือเกมอื่นๆ กับลูกและเมื่อลูกแพ้ก็พยายามสอนเขาว่าไม่เป็นไร ใครๆ ก็แพ้ได้ ชนะได้ทั้งนั้น และสอนให้ลูกยินดีเมื่อฝ่ายตรงข้ามชนะด้วย
  10. สอนให้ลูกรู้จักความรัก
    สอนให้ลูกรู้จักรักคนอื่น รักเพื่อน รักพ่อแม่พี่น้อง และรักคนในสังคมรอบข้างด้วย เพราะความรักเป็นบ่อเกิดของความดีทั้งมวล ถ้าอยากให้ลูกเรียนรู้ความรัก แค่คุณพ่อคุณแม่แสดงความรักให้ลูกเห็นบ่อยๆ กอดลูกบ่อยๆ บอกรักเขาทุกวัน แค่นี้ลูกก็จะรับรู้ และซึมซับถึงความรักของพ่อแม่แล้ว

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : เว็ปไซด์ theasianparent.com

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คงมีหลายครั้งที่คุณแม่มองกระจกแล้วก็รู้สึกสงสัยว่า เราทำสีผมได้มั้ยนะ? ใช่ค่ะ คำถามนี้เป็นคำถามยอดฮิตมาหลายยุคหลายสมัย โดยเฉพาะคุณแม่ๆ สายแฟ ที่ทนเห็นผมโคนดำของตัวเองแทบไม่ไหว สมัยก่อนก็มีความเชื่อหลายอย่างเกี่ยวกับผมอยู่นะคะ ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนบอกว่าแม่ท้องไม่ควรตัดผม แล้วก็ไม่ควรทำสีผม เพราะผมเป็นเหมือนเกราะป้องกัน เป็นสิ่งที่จะคุ้มกันลูกน้อยจากอันตรายต่างๆ ส่วนบางคนก็บอกว่าแม่ท้องควรจะตัดผม เพราะว่าสารอาหารจะได้ไปเลี้ยงลูกน้อยให้เพียงพอ แต่มาสมัยนี้ ที่คุณแม่ไม่กล้าทำอะไรกับผมมากมายก็น่าจะเป็นเพราะกลัวสารเคมี ไม่ว่าจะเป็นพีพีดี ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือแอมโมเนีย ที่ผสมอยู่ในสีย้อมผม แต่ถ้ามาดูกันจริงๆ แล้ว สารเคมีพวกนี้ส่งผลต่อลูกน้อยมั้ยนะ? เรามีคำตอบสำหรับคำถามนี้มาให้แล้วค่ะ มีงานวิจัยรองรับเรื่องการทำสีผมในคนท้องหรือเปล่า? ถ้าพูดกันตามตรงก็ต้องบอกว่าตอนนี้ยังไม่มีงานวิจัยไหนมายืนยันว่าคนท้องห้ามย้อมผม แม้สีย้อมผมจะมีส่วนผสมของสารเคมีอยู่หลายชนิด แต่สารเคมีพวกนี้ก็ซึมเข้าสู่กระแสเลือดในปริมาณที่ค่อนข้างน้อยเลยล่ะค่ะ ยาย้อมผมมีส่วนผสมของสารเคมีตัวไหนบ้าง? สารเคมีหลักๆ ในยาย้อมผมก็ได้แก่ รีซอร์ซินอล พีพีดี แอมโมเนีย แล้วก็ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ค่ะ ซึ่งส่วนมากผลข้างเคียงของมันก็อาจทำให้คุณแม่เกิดอาการแพ้ แต่มันก็จะมีผลแค่สำหรับคนที่แพ้สารพวกนี้เท่านั้นนะคะ นอกจากนี้ก็อาจจะมีอาการวิงเวียนศีรษะเนื่องจากกลิ่นของมัน อย่างไรก็ตาม มันก็จะมีบางกรณีที่คุณแม่บางคนอาจจะไม่ได้แพ้สารเคมีบางตัวในช่วงก่อนท้อง แต่หลังท้องแล้วกลับกลายเป็นว่าแพ้ก็มีค่ะ เพราะฉะนั้นอาจจะต้องระวังนิดนึงนะ สารเคมีมีผลต่อลูกน้อยรึเปล่านะ? สารเคมีที่อยู่ในยาย้อมผมไม่ได้มีในปริมาณที่สูงขนาดนั้นค่ะ แล้วอีกอย่าง ปกติเวลาเรารับสารเคมีเข้าไปในร่างกาย ถ้าไม่เยอะมากจนก่อเป็นสารร้าย มันจะถูกขับออกมาในรูปของปัสสาวะ ข้อสำคัญที่สุดคือ สายรกเป็นอะไรที่มหัศจรรย์และเป็นเกราะคุ้มกันลูกน้อยที่ดีมากๆ เพราะมันจะช่วยกรองสารแปลกปลอมต่างๆ แทบจะไม่ให้มีหลุดรอดเข้าไปหาลูกน้อยเลยล่ะค่ะ ก่อนย้อมผมควรรู้ไว้ 1.เวลาย้อมผม เราขอแนะนำให้คุณแม่หาผ้าปิดปาก […]

ปัญหาลูกทารกนอนยาก ไม่ยอมนอน ถือเป็นหนึ่งปัญหาปวดหัวใจ ทำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ บ้านเครียดและไม่สบายใจไปตามๆ กัน เพราะเมื่อลูกนอนยาก งอแง ไม่ยอมหลับ ก็มักจะงอแงร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ปลอบอย่างไรก็ไม่หาย กว่าจะนอนได้ก็นานเป็นชั่วโมง  แถมเวลาลูกหลับแล้วตื่นมาทีไรก็ยังงอแง อารมณ์ไม่ดี เลี้ยงยากจนคุณแม่ๆ ทั้งหลายเพลียใจ ลูกน้อยทารกควรนอนมากแค่ไหน ? คุณแม่รู้ไหมว่า…ลูกทารกวัยแรกเกิด- 1 เดือน นอนกลางวันถึงวันละ 8-9 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 8-9 ชั่วโมง รวม 15-18 ชั่วโมงต่อวัน  ส่วนลูกวัย 1 -3 เดือน นอนกลางวันวันละ 6-7 ชั่วโมง และกลางคืนอีก 9-10 ชั่วโมง   รวมประมาณ 15 ชั่วโมง  จนเมื่อลูกน้อยวัย 6 เดือน เริ่มนอนน้อยลง คือ นอนกลางวันลงเหลือ 3-4 ชั่วโมง และกลางคืน 10-11 ชั่วโมง รวม […]

เพราะความเป็นแม่มันอยู่ในสายเลือด เมื่อรู้ว่ามีสิ่งมีชีวิตอยู่ในท้องอีกหนึ่งชีวิต เราก็ต้องดูแลครรภ์นี้ให้ดีที่สุด เพราะผู้หญิงทุกคนก็อยากตั้งครรภ์ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ถ้าเมื่อระหว่างทาง จู่ๆ คุณหมอก็ตรวจพบว่า ครรภ์นี้เกิดภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ขึ้นมา แล้วงานนี้ว่าที่คุณแม่มือใหม่อย่างเราๆ จะมีวิธีรับมืออย่างไร ควรจะควบคุมอาหารยังไง งานนี้เรามีคำตอบ ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์คือ ความผิดปกติของระดับน้ำตาลในเลือดที่ตรวจพบขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากฮอร์โมนที่รกผลิตออกมามีผลต่อประสิทธิภาพของอินซูลิน (ฮอร์โมนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด) ของแม่ โดยปกติตับอ่อนจะผลิตอินซูลินออกมาแต่ในกรณีนี้ตับอ่อนไม่ผลิตอินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลเลยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกระยะการตั้งครรภ์ แต่โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นในช่วงเวลาครึ่งหลังของการตั้งครรภ์ บางคนอาจพบภาวะนี้ในช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ โดยภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์มักไม่ก่อให้เกิดอาการใด ๆ ส่วนใหญ่คุณหมอ จะตรวจพบภาวะดังกล่าวได้จากการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด แต่คุณแม่ตั้งครรภ์บางราย อาจมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ ปากแห้ง และรู้สึกเหนื่อยหากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งบางอาการค่อนข้างคล้ายคลึงกับอาการของคนตั้งครรภ์ ดังนั้น ควรปรึกษาคุณหมอหากมีข้อสงสัยหรือกังวลเกี่ยวกับอาการที่เผชิญอยู่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ รวมทั้งอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ หากคุณแม่ตั้งครรภ์พบว่ามีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์แล้ว จำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเพื่อสุขภาพที่ดีต่อตนเองและลูกในครรภ์ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาอีกด้วย แนวทางในการรักษาภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ 1. ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด คุณหมออาจให้เราตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด 4-5 ครั้ง/วัน ในช่วงเวลาก่อนรับประทานอาหารเช้าและหลังมื้ออาหารทุกมื้อ เพื่อตรวจดูว่าระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ โดยเจาะเลือดที่ปลายนิ้วแล้วหยดเลือดลงบนแถบทดสอบ จากนั้นอ่านค่าด้วยเครื่องวัดระดับน้ำตาล ซึ่งจะแสดงระดับน้ำตาลในเลือดที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา 2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ […]

ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ  ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย  นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ  ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ?   ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย   ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้   Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่  เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด […]

เพราะคุณค่าจากน้ำนมแม่ที่เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์สารอาหารที่มีครบถ้วน เพื่อพัฒนาลูกน้อยรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านความฉลาด การเติบโตแข็งแรง อารมณ์ดีมีความสุข ขับถ่ายง่าย แถมนมแม่ยังมีสารสร้างภูมิคุ้มกันมากมาย ทำให้ลูกน้อยไม่เจ็บป่วยง่ายอีกด้วย ด้วยเหตุนี้คุณแม่ทุกท่านจึงปรารถนาจะให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าอันมหัศจรรย์จากน้ำนมแม่อย่างเต็มที่ไปจนโต หรือให้นมลูกได้นานที่สุด  โดยคุณแม่หลังคลอดส่วนใหญ่ นอกจากจะให้นมแม่จากเต้าโดยตรงกับลูกน้อยแล้ว เชื่อว่าเกือบทุกคน โดยเฉพาะคุณแม่เวิร์กกิ้งมัม จะต้องทำสต๊อกน้ำนมแม่เก็บแช่แข็งหรือแช่เย็นไว้ เพื่อให้ลูกรักยังได้กินนมแม่ตลอดเวลา แม้จะต้องออกไปทำงานนอกบ้าน แต่มีคุณแม่มือใหม่หลายท่านที่ยังไม่มั่นใจหรือกังวล กับการละลายนมแม่ที่แช่แข็งมาใช้ เพราะไม่แน่ใจว่าวิธีการไหนจะสะดวก สะอาด ปลอดภัย แต่ละวิธีมีข้อดีข้อเสียอย่างไร และทำแบบไหนจะไม่เสียคุณค่าน้ำนมแม่  ดังนั้นอยากรู้ว่าแต่ละ วิธีละลายน้ำนมแม่ แตกต่างกันอย่างไรไปดูกันค่ะ ก่อนอื่น ให้เปลี่ยนช่องแช่ เพื่อละลายนมแม่ก่อน หากคุณแม่เก็บน้ำนมแม่ไว้ในช่องแช่แข็ง จำเป็นต้องนำนมแม่เปลี่ยนมาแช่ที่ช่องแช่เย็นธรรมดาด้านล่างก่อนประมาณ 1 วันหรือ 1 คืน เพื่อให้นมแม่ค่อยๆ ละลาย  ควรนำนมเก่าที่แช่แข็งไว้ตามวันเวลาที่เก็บสต๊อกไว้นานที่สุดก่อน  เพื่อไม่ให้นมเก่า เก็บไว้นานเกินไป  แล้วจึงทยอยนำนมใหม่มาใช้ไล่ตามเวลาไปเรื่อยๆ เมื่อนมแม่ละลายแล้ว  คุณแม่ควรแบ่งนมแม่จากถุงเก็บน้ำนมใส่ขวดนม แบ่งปริมาณที่ลูกกินเฉพาะมื้อนั้นๆ แล้วจึงนำมาอุ่นหรือละลายก่อนให้ลูกกิน   ซึ่งนมที่เหลือในถุงเก็บน้ำนมสามารถแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาให้ลูกกินให้หมดภายใน 2-3 วัน เท่านั้น  แต่ส่วนใหญ่คุณแม่มักจะนำมาอุ่นหรือละลายให้ลูกกินในมื้อถัดไปภายในวันเดียว หรือ 24 ชั่วโมง วิธีละลายน้ำนมแม่ […]

สอนดูแลลูกตั้งแต่แรกเกิดแบบจับมือทำ โดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เพราะการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย..#BabyGift เข้าใจและมองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ร่วมกับ พี่กัลนมแม่ กลุ่มแม่และเด็ก คลินิกนมแม่ สรุปเทคนิคดูแลทารกแรกเกิด โดยผู้เชี่ยวชาญ #พี่กัลนมแม่ จากในงาน 𝐌𝐨𝐦𝐦𝐲’𝐬 𝐋𝐨𝐯𝐞 𝐌𝐚𝐠𝐢𝐜 จะมีอะไรบ้าง ? ตามมาดูกันเลยค่ะ 1. ดูแลการกินของทารก #นมแม่ดีที่สุด ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลดความเสี่ยงติดเชื้อต่างๆ ได้ ถ้าลูกไม่ยอมดูดเต้าให้แม่ใช้เครื่องปั๊มนม และขวดนมแรกเกิดป้อนนมแม่ให้กับลูกน้อยแทน 2. หมั่นสังเกตการเจริญเติบโตลูกน้อย ปกติแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ น้ำหนักลูกน้อยจะเพิ่มขึ้น วันละ 30 กรัม หากน้ำหนักเพิ่มน้อยกว่านี้ ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ 3. สังเกตการขับถ่ายของลูก อุจจาระแต่ละสีบอกสุขภาพลูกได้ หากมีสีขาวหรือแดงเข้ม หรือหากมีปัสสาวะขุ่น มีตะกอน อาจมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที 4. การนอนของทารก ท่านอนที่ดีที่สุดของทารก คือ การนอนหงาย เด็กแรกเกิดควรนอน 16-18 ชั่วโมง/วัน เพื่อให้ Growth Hormone […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages