แม่ท้องกินนมมาก ลูกอาจเสี่ยงแพ้นมวัวจริงหรือ?

ในความคิดหรือความเชื่อของคุณแม่ตั้งครรภ์หลายๆ ท่าน ยังมีความคิดและดูจากโฆษณาต่างๆ จนทำให้เชื่อว่า ตอนท้องแม่ต้องดื่มนมมากๆ  เพื่อบำรุงให้แม่และลูกแข็งแรง  ซึ่งความจริงแล้วข้อมูลนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดค่ะ เพราะเรื่องของการกินอาหารและกินนมของแม่ท้องนั้น วิธีที่ดีและถูกต้องที่สุดคือกินอย่างเหมาะสม หลากหลายไม่ซ้ำและกินมากจนเกินไป

โดยเฉพาะเรื่องการกินนมในแม่ท้อง ยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะมีข้อมูลออกมาบอกว่า การที่คุณแม่ตั้งครรภ์ดื่มนมวัวมากเกินไป จะเป็นสาเหตุให้ลูกแพ้นมวัวได้ตั้งแต่แรกเกิด  เราจึงขอนำความรู้ดีๆ เกี่ยวกับโภชนาการและการกินนมวัวมาอธิบายให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้เข้าใจ เพื่อให้กินอาหารและดื่มเครื่องดื่มต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมมาฝากค่ะ

แม่ท้องกินนมวัวมาก ลูกอาจแพ้ได้จริงหรือ?

ข้อมูลนี้เป็นความจริงค่ะ เพราะการที่ร่างกายคุณแม่ได้รับสารอาหารอะไรมากจนเกินไป จะสามารถกระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้อาหารชนิดนั้นๆ ได้ตั้งแต่หลังคลอด  นั่นคือนมวัวที่กินมากไปนั้น จะไปทำให้เกิดการสะสมของแคลเซียมและโปรตีนนมวัว  เป็นหนึ่งในสารก่อภูมิแพ้ที่ส่งผลกับลูกน้อยในครรภ์ ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ จนกระตุ้นให้เกิดการแพ้  โดยจะมีอาการแสดงของการแพ้นมวัวได้แก่

  • อาการทางผิวหนัง เป็นผื่น ลมพิษ ผื่นแพ้บริเวณผิวหนัง
  • อาการทางระบบทางเดินอาหาร ปวดท้อง อาเจียน ท้องเสียเรื้อรัง ถ่ายเป็นมูกเลือด ขับถ่ายผิดปกติ
  • อาการทางระบบหายใจ เช่น หายใจมีเสียงดังวี้ด หายใจไม่ออก มีเสมหะเรื้อรัง

ซึ่งปกติแล้วการที่ลูกน้อยจะแพ้นมวัว แพ้อาหาร หรือเป็นภูมิแพ้ได้นั้น สาเหตุใหญ่หลักๆ คือ

  1. จากพันธุกรรม คือการที่ครอบครัวมีประวัติเป็นภูมิแพ้ หรือแพ้อาหาร มีคุณพ่อคุณแม่ป่วยเป็นภูมิแพ้ แพ้อาหารต่างๆ เป็นหอบหืด รวมถึงประวัติของพี่น้องและญาติ
  2. การกระตุ้นจากสิ่งแวดล้อม เช่น ได้รับควันบุหรี่ ควันพิษ สารพิษ ละอองเกสร ขนสัตว์ แมลง และอื่นๆ กรณีนี้จะสังเกตได้ในผู้ใหญาบางคนที่ไม่เคยเป็นภูมิแพ้เลยตั้งแต่เด็ก และมาเป็นตอนทำงาน ตอนเรียน ที่ต้องเจอกับสิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่มีสารกระตุ้นให้ร่างกายเกิดอาการแพ้ได้
  3. การที่ลูกได้รับนมวัวตั้งแต่แรกเกิด หรือคุณแม่ดื่มนมวัวปริมาณมากทุกวันในช่วงที่ให้นมแม่กับลูก เพราะโปรตีนที่ลูกได้รับจากนมวัวที่คุณแม่กินเข้าไปมากๆ จะสามารถผ่านไปทางน้ำนม กระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้นมวัวได้ด้วย
  4. ลูกน้อยได้รับการกระตุ้นจากการรับประทานอาหารของคุณแม่ขณะตั้งครรภ์ เช่น จากความคิดของคุณแม่หลายๆ ท่านที่เชื่อว่าในช่วงท้อง ยิ่งต้องบำรุงด้วยนมวัวมากๆ คือจากที่ปกติก่อนตั้งครรภ์เคยดื่มสัปดาห์ละ 2 แก้ว หรือวันละ 1 แก้ว แต่พอท้องกลับดื่มนมวันละเป็นลิตร  ซึ่งการดื่มนมมากเกินกว่าปกติที่เคยกิน จะส่งผลกระตุ้นให้ลูกน้อยเกิดอาการแพ้นมวัวได้นั่นเอง

นอกจากนี้ยังไม่รวมกับโปรตีนในนมวัวที่คุณแม่ได้รับจากอาหารอื่นๆ ที่แฝงไปด้วยนมอีก เช่น เบเกอรี่ ไอศกรีม เนย ชีส  ยิ่งทำให้คุณแม่ได้รับโปรตีนจากนมวัวมากเกินไป ทำให้ลูกน้อยแพ้นมวัวได้ตั้งแต่หลังคลอด

นมอะไรที่คุณแม่ท้องดื่มได้บ้าง

  • นมวัว   ยังคงเป็นนมที่คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถดื่มได้ เพราะมีโปรตีนและแคลเซียมที่สำคัญและจำเป็นสำหรับสุขภาพคุณแม่ตั้งครรภ์และลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ควรดื่มในปริมาณมากเกินไป ควรดื่มแค่ปริมาณที่เคยดื่มก่อนตั้งครรภ์ หรือน้อยกว่านั้นก็ได้ พร้อมกับเลือกดื่มนมอื่นๆ สลับไปด้วย

โดยนมวัวที่คุณแม่ดื่มได้ในปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ซึ่งนมสำหรับแม่ท้องที่แนะนำคือ นมนมสดพาสเจอไรส์ชนิดพร่องมันเนย เพราะได้คุณค่าสารอาหารที่ต้องการโดยที่ตัวแม่ตั้งครรภ์ไม่ต้องรับไขมันมากเกินไป แต่ข้อเสียคือนมชนิดนี้อายุสั้น เก็บไว้ได้ไม่นาน  กรณีที่คุณแม่ดื่มนมชนิดนี้ไม่ได้ก็อาจเลือกนมชนิดอื่นแทน เช่น นมสดยูเอชที นมสดพร่องมันเนย นมสดสเตอริไรซ์ สลับกับโยเกิร์ต โดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงอันดับแรกคือ เลือกพิจารณาถึงปริมาณสารอาหาร โดยเฉพาะแคลเซียม(ข้างกล่อง) เพื่อให้คุณแม่ตั้งครรภ์ได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอมากที่สุดค่ะ

  • นมแพะ  นมแกะ  หากคุณแม่สามารถดื่มได้ ก็เป็นนมที่แม่ท้องกินได้เหมือนนมวัว แต่ข้อควรระวังจะเหมือนกันคือ ไม่ดื่มในปริมาณมากเกินไป กินซ้ำๆ ทุกวันเป็นประจำ เพราะนมแพะ นมแกะ ก็มีโปรตีนที่เหมือนกับนมวัว และสามารถกระตุ้นให้ลูกน้อยมีอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน 
  • นมจากถั่วเหลือง เป็นนมที่คุณแม่สามารถกินได้ เพราะมีแคลเซียมสูง พร้อมโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุ  แต่มีคุณแม่หลายท่าน กลัวลูกแพ้นมวัวจนไม่กล้ากินนมวัว และถามว่ากินนมถั่วเหลืองมากๆ แทนได้ไหม? ตอบว่าก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะลูกก็ยังมีโอกาสแพ้ถั่วเหลืองได้เช่นเดียวกับนมวัว  ดังนั้นเวลาคุณแม่ดื่มนมถั่วเหลือง ก็ไม่ควรดื่มมากเป็นประจำ ควรกินสลับกับนมอื่นๆ บ้างในบางครั้งเท่านั้นก็เพียงพอ
  • นมทางเลือกอื่นๆ  ไม่ว่าจะเป็น นมถั่วชนิดต่างๆ  นมอัลมอนด์ นมวอลนัต น้ำนมข้าว นมข้างโพด นมธัญพืช ก็เป็นนมที่คุณแม่สามารถดื่มได้เช่นกัน แต่ก็ควรจะสลับกันดื่มให้หลากหลาย ไม่กินซ้ำๆ ทุกวัน หรือกินครั้งละมากๆ

หากแม่ไม่แพ้ ไม่ต้องงด

* คุณแม่ไม่จำเป็นต้องงดอาการกลุ่มเสี่ยงต่อการแพ้ต่างๆ ในระหว่างตั้งครรภ์ ไม่ว่าจะเป็น ไข่ ถั่วเหลือง แป้งสาลี ถั่วลิสง หรืออาหารทะเล เพียงเพราะกลัวว่าลูกจะแพ้  ยกเว้นกรณีคุณแม่แพ้อาหารเหล่านั้นจึงควรงด  ฉะนั้นหากแม่กินได้ไม่แพ้ ก็สามารถทานอาหารต่างๆ ต่อไป  เพราะหากคุณแม่งดกินอาหารเหล่านี้ อาจทำให้ร่างกายของแม่และลูกน้อยขาดสารอาหารสำคัญบางชนิด จนส่งผลเสียต่อสุขภาพลูกน้อยในอนาคต

กินนมแค่ไหน ดีต่อสุขภาพแม่และลูกเบบี๋ในท้อง

โภชนาการที่ดีและเหมาะสมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สุด คือ การกินอาหารให้หลากหลายครบถ้วน 5 หมู่ ไม่จำเจ ไม่ซ้ำซาก ดังนั้นคุณแม่จึงไม่จำเป็นต้องดื่มนมทุกวัน หรือตั้งเป็นกฎว่าต้องกินวันละ 1 กล่อง เพราะโปรตีน แคลเซียมและสารอาหารสำคัญมีอยู่ในอาหารอื่นๆ ทั้งเนื้อสัตสว์ และผัก ผลไม้มากมาย รวมถึงในอาหารอื่นๆ ที่แฝงผลิตภัณฑ์จากนมวัวไว้ในปริมาณมากอย่างที่คุณแม่คาดไม่ถึง เช่น  ไอศครีม 1 แกลลอน ทำจากนม 6 แกลลอน ส่วนชีส 1 กิโลกรัมนั้นทำจากนมถึง 10 ลิตร

โดยอาหารที่แนะนำสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ 3 เดือนแรก เพื่อลดความเสี่ยงความผิดปกติของสมองและไขสันหลังให้ลูกน้อย คืออาหารที่มีโฟลิค เช่น ตับ ไข่แดง ผักสีเขียว ถั่วเมล็ดแห้ง หรือ โฟลิคเม็ดที่ได้จากคุณหมอ ฉะนั้นช่วงนี้ยังไม่ต้องการแคลอรี่และแคลเซียมเพิ่มขึ้นมากนัก จึงอาจไม่ต้องกินนมให้มาก  พอตั้งครรภ์ 6 เดือนหลัง ร่างกายคุณแม่จะต้องการแคลอรี่เพิ่มขึ้นจาก 2,000 เป็น 2,500 กิโลแคลอรี่/วัน(แคลอรี่เพิ่มขึ้น 500 กิโลแคลอรี่ ก็เทียบเท่ากับก๋วยเตี๋ยว หรือ อาหารจานเดียวเพิ่มขึ้นอีก 1 ชาม/วันเท่านั้น)  ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้นจาก 1,000 เป็น 1,200 มก./วัน

ฉะนั้นคุณแม่จะกินนมวัวนม หรือนมถั่วเหลือง แค่สัปดาห์ละ 2-3 แก้วก็ได้ หรือจะสลับดื่มนมต่างๆ ไม่เกินวันละ 2 แก้วก็ได้  ไม่ต้องเน้นกินอาหารอย่างใดอย่างหนึ่งมากจนเกินไป กินแคลเซียมธรรมชาติจากผักใบเขียว ปลาเล็กปลาน้อย เต้าหู้ ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดพืช ให้หลากหลาย หรืองาดำแทน รวมถึงแคลเซียมเม็ดที่คุณหมอสูติให้ก็เพียงพอแล้ว  แต่ถ้าคุณแม่กินอาหารอื่นๆเพิ่มเข้าไปอีก ก็จะได้แคลอรี่ส่วนเกิน ปัญหาที่ตามมาคือ น้ำหนักคุณแม่จะขึ้นมากเกินไป ควบคุมไม่ได้ และหากกินนมวัวมากเกินไป นอกจากน้ำหนักที่เพิ่มมากไป ยังเป็นสาเหตุให้ลูกแพ้นมวัวหลังคลอดได้อีกด้วย

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่าน คงเริ่มรู้จักกับคาร์ซีทกันบ้างแล้ว ว่าเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยในขณะเดินทาง แต่รู้หรือไม่ว่า คาร์ซีทที่ติดตั้งในรถยนต์แต่ละประเภทนั้น จะต้องติดตั้งตำแหน่งที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาคำตอบกันว่า วิธีติดตั้งคาร์ซีท ตำแหน่งไหนปลอดภัยมากที่สุด วิธีติดตั้งคาร์ซีท มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี  ตำแหน่งที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุด สำหรับประเทศไทย ตำแหน่งในรถยนต์ที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุดก็คือ “เบาะหลังฝั่งคนนั่ง” ด้วยเหตุผลดังนี้…  รถยนต์ SUV หรือ รถตู้ ติดตั้งคาร์ซีทเบาะไหนดี  ติดตั้งคาร์ซีทที่รถตู้ ส่วนใหญ่แล้วรถที่มีนั่งมากกว่า 2 ตอน ควรจะติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะแถวสุดท้ายของตัวรถ แต่ก็จะมีข้อควรระวังในเรื่องของการติดตั้ง เช่น ควรจะขยับเบาะให้ห่างจากประตูหลัง เพื่อให้มีระยะห่างกับประตูพอสมควร เพื่อเป็นการเซฟตี้ลูกน้อยให้ปลอดภัยมากที่สุด  Alphard ติดตั้งคาร์ซีทได้ไหม ติดตั้งเบาะไหนดี  ติดตั้งคาร์ซีทที่รถ Toyota Alphard ควรจะติดตั้งที่เบาะแถวแรก หรือ แถวตอนสุดท้ายของตัวรถ ไม่ควรติดตั้งที่เบาะด้านหน้า เนื่องจากมีถุงลมนิรภัย (Airbag) และคาร์ซีทบางรุ่นอาจมีขนาดใหญ่ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองของคนขับลดน้อยลง และสำหรับคาร์ซีทที่มีฟังก์ชั่นหมุนได้ เมื่อติดตั้งไปแล้วจะทำให้หมุนยากหรือหมุนไม่ได้เลย เนื่องจากเบาะรถมีขนาดพอดีตัว พื้นที่จำกัด ทำให้เวลาหมุนแล้วตัวคาร์ซีทจะไปติดที่ข้างเบาะ […]

สอนดูแลลูกตั้งแต่แรกเกิดแบบจับมือทำ โดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เพราะการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย..#BabyGift เข้าใจและมองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ร่วมกับ พี่กัลนมแม่ กลุ่มแม่และเด็ก คลินิกนมแม่ สรุปเทคนิคดูแลทารกแรกเกิด โดยผู้เชี่ยวชาญ #พี่กัลนมแม่ จากในงาน 𝐌𝐨𝐦𝐦𝐲’𝐬 𝐋𝐨𝐯𝐞 𝐌𝐚𝐠𝐢𝐜 จะมีอะไรบ้าง ? ตามมาดูกันเลยค่ะ 1. ดูแลการกินของทารก #นมแม่ดีที่สุด ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลดความเสี่ยงติดเชื้อต่างๆ ได้ ถ้าลูกไม่ยอมดูดเต้าให้แม่ใช้เครื่องปั๊มนม และขวดนมแรกเกิดป้อนนมแม่ให้กับลูกน้อยแทน 2. หมั่นสังเกตการเจริญเติบโตลูกน้อย ปกติแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ น้ำหนักลูกน้อยจะเพิ่มขึ้น วันละ 30 กรัม หากน้ำหนักเพิ่มน้อยกว่านี้ ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ 3. สังเกตการขับถ่ายของลูก อุจจาระแต่ละสีบอกสุขภาพลูกได้ หากมีสีขาวหรือแดงเข้ม หรือหากมีปัสสาวะขุ่น มีตะกอน อาจมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที 4. การนอนของทารก ท่านอนที่ดีที่สุดของทารก คือ การนอนหงาย เด็กแรกเกิดควรนอน 16-18 ชั่วโมง/วัน เพื่อให้ Growth Hormone […]

1.การรู้จักใช้เงิน 2.การรู้จักนับถือความรู้ 3.การมีเสรีภาพ 4.การคิดก่อนพูด 5.ความพอเพียง 6.คนดี 7.ความสามัคคี 8.คนเราต้องรับและจะต้องให้ 9.พูดจริงทำจริง 10.ความซื่อสัตย์

หนาวนี้แม่ๆ มีแพลนพาลูกๆ ไปเที่ยวที่ไหนกันคะ… สำหรับบ้านนี้ เราจะไปญี่ปุ่นกันค่ะ เราแพลนและจองตั๋วกันไว้ตั้งแต่ พ.ย. ที่แล้ว เลือกไปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จุดหมายคือ อยากพาลูกสาว น้องเจเปค ไปดูภูเขาไฟภูจิและเดินเที่ยวในโตเกียว อยากให้เค้าเห็นการใช้ชีวิตที่เป็นระเบียบมากๆ ของคนญี่ปุ่นค่ะ (เพราะอยู่บ้านนางจะกรี๊ดกร๊าดหน่อยๆ) ควรพาลูกเที่ยวตอนอายุเท่าไหร่… เป็นคำถามที่แม่ๆ กังวล กลัวนู้นนี่ รวมถึงเสียงจากรอบข้างว่าน้องยังเล็ก เที่ยวไปก็จำอะไรไม่ได้ แต่บ้างบ้านก็อยากใช้สิทธิ์ค่าตั๋วราคาพิเศษสำหรับเด็ก 7 วัน – ไม่เกิน 2 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน สำหรับน้องเจเปค ครั้งนี้เป็นการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ขอเล่าย้อนหลังนิดนึงค่ะ  ครั้งแรกของน้องไปตอน 1 ขวบ 1 เดือน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่โอซาก้า  อย่างที่บอกไปตอนต้น ว่าเสียงรอบ ๆ ตัวที่บอกว่าน้องยังเล็กไป พาไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก จำอะไรไม่ได้หรอก  แต่หลังจากกลับมาจากรอบแรก หลายครั้งที่น้องเจออะไรเกี่ยวกับที่ตัวเองเคยทำที่นู่น ไม่ว่าจะเป็นขึ้นรถไฟ โหนรถไฟ ใบไม้แดง อาหารญี่ปุ่น น้องจำได้เยอะจนทุกคนงงไปเหมือนกัน เราพ่อแม่ก็แฮปปี้สิคะ จริงๆแล้วลูกสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ แต่อาจจะจำได้ไม่ละเอียดเหมือนผู้ใหญ่  เด็กวัย […]

BabyGift Grand Opening ฉลองเปิดสาขาใหม่ “ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์” สาขาที่ 7 อย่างเป็นทางการตอกย้ำความเป็นผู้นำร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก BabyGift พร้อมที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณพ่อ-คุณแม่และลูกน้อยในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ” The Best Gift for your Baby ” ​ ขอขอบคุณ แบรนด์ Partner ผู้บริหาร และคณะกรรมการทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่มาร่วมงาน และคอยสนับสนุนเบบี้กิ๊ฟอย่างดีตลอดมาค่ะ Attitude Mom Thailand : เครื่องปั๊มนม 5 โหมด อัจฉริยะ กรวยซิลิโคนแท้ Spectra Thailand เครื่องปั้มนม Iflin baby PUR Thailand Mellow for Kids ผ้ารองกันน้ำ100% เมลโล่ Bambies Thailand Baby Natura Beaba Thailand Luxury Baby […]

แผ่นรองคลาน ถือเป็นอีกหนึ่งไอเท็มจำเป็นที่ต้องมีในบ้าน ถึงแม้จะไม่อยู่ในลิสของใช้ลูกที่ต้องเตรียมไว้ก่อนคลอด แต่ก็ต้องทำความรู้จักกันไว้ล่วงหน้าซักนิด เพราะแผ่นรองคลาน ถือเป็นอีกอุปกรณ์หนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการลูกน้อย ในวันที่เขาเริ่มคว่ำตัว และเริ่มที่อยากจะคลาน ซึ่งอยู่ในช่วงวัย 4 – 5 เดือน เป็นต้นไป แล้วแผ่นรองคลานแบบไหนที่ดีต่อลูกน้อยที่สุด วันนี้ Babygift เตรียมคำตอบไว้ให้คุณพ่อคุณแม่แล้วค่ะ แผ่นรองคลานที่ทำจากโฟม EVA วัสดุประเภทโฟม EVA นั้น จะมีน้ำหนักเบา และสามารถตัดเป็นชิ้นได้ง่าย แผ่นรองคลานประเภทนี้ จึงมักจะทำมาในรูปแบบของตัวต่อจิ๊กซอว์ แบบแยกชิ้นส่วน ทั้งแบบตัวเลข หรือตัวอักษรภาษาอังกฤษ เพื่อให้ลูกฝึกต่อเล่น เสริมสร้างพัฒนาการได้ เมื่อถอดเป็นชิ้น ๆ สามารถใส่กระเป๋าพกพาได้ง่าย และมีราคาถูกที่สุดในบรรดาแผ่นรองคลานทุกชนิด แต่เนื่องจากน้ำหนักที่เบาเกินไป ทำให้แผ่นรองคลานไม่ยึดติดกับพื้นบ้าน เมื่อลูกฝึกเดินอาจทำให้ลื่นติดกับเท้า อาจทำให้ลื่นล้มได้ / วัสดุมีกลิ่น และมีสี ที่อาจเป็นอันตรายหากลูกสัมผัสและนำมือเข้าปาก / วัสดุเป็นโฟม จึงไม่ทนทานต่อการขีดข่วน เมื่อเด็กเล็กที่มีเล็บยาว ข่วน หรือจิกเวลาที่พยุงตัว ก็อาจจะทำให้ฉีกขาดได้ง่าย จึงใช้งานได้เพียงระยะสั้น / แผ่นที่แยกกันทำให้อาจเกิดร่อง ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรค และวัสดุชนิดนี้ไม่สามารถกันน้ำได้ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages