หมอนทารก เลือกยังไง ? หมอนหัวทุยจำเป็นกับลูกมั้ย ? เลือกหมอนใบแรกให้ลูกยังไงดี ?

ในช่วงแรกของการเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ “ทำไมต้องใช้หมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุย” แท้จริงแล้วหมอนเหล่านี้มีประโยชน์มากมายสำหรับเจ้าตัวน้อย เนื่องจากช่วยป้องกันปัญหาหัวแบน กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว ช่วยเพิ่มความสบายในการนอนหลับ ระบายอากาศได้ดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนมาเรียนรู้เหตุผลสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนไม่ควรมองข้ามในการเลือกหมอนสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อเตรียมห้องนอนเด็กอ่อนให้พร้อมก่อนคลอดกันค่ะ
เลือกหมอนทารกใบแรกให้ลูก ต้องเลือกยังไง ? หมอนหัวทุยจำเป็นหรือเปล่า ?
หมอนสำหรับทารกถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลเจ้าตัวน้อย แม้จะดูเป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แต่การเลือกหมอนที่เหมาะกับทารกจะส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกหมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุยยังไงดี ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ

หมอนทารก คืออะไร ?
หมอนสำหรับทารก เป็นหมอนขนาดเล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทารก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้
- รองรับศีรษะ และคอของทารก ช่วยป้องกันปัญหากระดูกสันหลังบิดงอ เนื่องจากทารกยังไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวศีรษะได้ดี หมอนจะช่วยรองรับและทำให้ศีรษะอยู่ในท่าที่ถูกต้อง
- เพิ่มความสบาย เมื่อทารกนอนหงายหรือตะแคงข้าง หมอนจะช่วยรองรับส่วนท้ายทอยให้สบายขึ้น ลดอาการปวดบริเวณคอและหลัง
- ช่วยระบายอากาศ ซึ่งหมอนสำหรับทารกมักทำจากวัสดุนุ่มนวลและระบายอากาศได้ดี เช่น คอตตอน ช่วยไม่ให้ทารกร้อน และถ่ายเทอากาศได้สะดวก
- ป้องกันภาวะกะโหลกบิดเบี้ยว หรือหัวแบน โดยช่วยให้ศีรษะของทารกอยู่ในท่าที่ถูกต้องขณะนอน ลดความเสี่ยงต่อการบิดเบี้ยวของกะโหลก

ควรใช้หมอนทารก เมื่อไหร่ ?
ตามคำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้มีการสรุปว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก คือการนอนหงายบนพื้นผิวแบนราบโดยไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่บนเตียงนอน เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา หมอน เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือน การใช้หมอนอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจของทารก เมื่อทารกพลิกตัว หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้หมอนสำหรับทารกแรกเกิดจนกว่าจะมีอายุประมาณ 18 เดือนขึ้นไป เพื่อความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
กังวลว่าลูกจะหัวแบน ต้องทำยังไงดี ?
หนึ่งในความกังวลของคุณแม่มือใหม่ คือกลัวลูกน้อยจะหัวแบน เนื่องจากต้องนอนหงายตามคำแนะนำเพื่อความปลอดภัย ดังนั้นจึงมีการผลิตหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันปัญหานี้ แต่หากบ้านไหนยังมีความกังวลเรื่องการใช้หมอนทารกอยู่ BabyGift ก็มีเคล็ดลับที่ช่วยป้องกันหัวแบน และให้ทารกนอนสบายปลอดภัยมาฝากกันค่ะ
- สลับเปลี่ยนท่านอนบ่อยๆ ระหว่างนอนตะแคงซ้าย-ขวา เพื่อไม่ให้กะโหลกถูกกดทับจุดเดิมนานเกินไป
- อุ้มลูกบ่อยๆ เพื่อลดการนอนท่าเดียวนานเกินไป เพราะการอุ้มทารกบ่อยๆ จะช่วยให้ทารกไม่ต้องนอนท่าเดิมติดต่อกันนานเกินไป ซึ่งจะช่วยลดแรงกดบนกะโหลก และการอุ้มยังช่วยฝึกกล้ามเนื้อคอ และหลังของทารกอีกด้วย
- ให้ลูกนอนคว่ำบนพื้นราบบ่อยๆ โดยที่มีผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะช่วยฝึกกล้ามเนื้อคอและแขนของทารกให้แข็งแรงขึ้นทำให้ทารกสามารถควบคุมศีรษะและเคลื่อนไหวได้ดี ลดปัญหากะโหลกแบนได้เช่นกัน
- เปลี่ยนตำแหน่งวางของเล่นบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ลูกหันมองทิศทางใหม่ จะเป็นการช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อคอ และช่วยป้องกันไม่ให้ทารกนอนหันหน้าไปทิศทางเดิมนานเกินไปได้อีกทางหนึ่ง
- สลับข้างการให้นมบ่อยๆ เพื่อไม่ให้ลูกอยู่ท่าเดิมนานเกินไปซึ่งจะช่วยลดการเกิดภาวะหัวแบนได้

หมอนทารก มีแบบไหนบ้าง ?
การทำตามเคล็ดลับข้างต้นอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันภาวะหัวแบนในทารกได้อย่างปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องใช้หมอนนอน พร้อมทั้งยังฝึกกล้ามเนื้อและพัฒนาการของทารกไปพร้อมกันด้วย แต่หากบ้านไหนไม่ได้สะดวกที่จะอยู่กับลูกตลอดขนาดนั้น การเลือกหมอนสำหรับทารก คุณภาพดี ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับเด็กทารกก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจค่ะ ลองมาดูประเภทของหมอนทารกกันก่อนนะคะ
- หมอนหลุม : หมอนหลุม หรือที่รู้จักกันในชื่อว่า หมอนหัวทุย เป็นหมอนที่มีหลุม หรือช่องวางตรงกลางเพื่อรองรับ และประคองศีรษะของทารก ช่วยให้ศีรษะทารกอยู่ในท่าที่ไม่ทำให้หัวแบนเมื่อต้องนอนหงาย บางแบบมีการออกแบบพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้ทารกนอนแล้วพลิกคว่ำด้วย ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี ทำให้ทารกไม่ร้อน หายใจสะดวก
- หมอนป้องกันกรดไหลย้อน : หมอนที่มีลักษณะลาดเอียงเพื่อให้ทารกนอนในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ช่วยป้องกันอาการกรดไหลย้อน และแหวะนมในทารก
- หมอนงู : หมอนที่มีรูปร่างยาวคล้ายงู สามารถนำมาดัดแปลงเป็นรูปทรงต่างๆ ได้ เช่น ใช้เป็นหมอนข้าง หรือทำรั้วกันตกจากเตียงสำหรับทารกซึ่งสามารถใช้ได้ยาวนานจนถึงวัยเตาะแตะ

เลือกหมอนทารก ยังไงดี ?
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนก็คงอยากรู้แล้วใช่มั้ยคะว่า เราจะเลือกหมอนทารกยังไงดี ซึ่งการเลือกหมอนที่เหมาะสมสำหรับทารกนั้นมีปัจจัยหลายประการที่ต้องใส่ใจ มาดูรายละเอียดกันต่อค่ะ
- วัตถุประสงค์การใช้งาน : หากต้องการประคองศีรษะเพื่อป้องกันหัวแบน ควรเลือกหมอนหลุม หรือหมอนหัวทุย หากมีปัญหากรดไหลย้อน ควรใช้หมอนลาดเอียงสำหรับนอนกึ่งนั่ง และหากต้องการความยืดหยุ่น สามารถเลือกหมอนงูที่ปรับรูปร่างได้ เป็นต้น
- อายุและขนาดของทารก : หมอนต้องมีขนาดพอเหมาะกับทารก ไม่เล็กหรือใหญ่เกินไป ซึ่งบางประเภทอาจไม่เหมาะกับทารกแรกเกิด จึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกซื้อ
- คุณภาพ และความปลอดภัย : เลือกหมอนที่ทำจากวัสดุคุณภาพดี นุ่ม ระบายอากาศได้ดี ไร้สารพิษ มีการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยสำหรับทารก
- การดูแลรักษา : เลือกหมอนที่สามารถถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย หากซื้อหมอนที่ไม่สามารถซักได้ แนะนำให้เปลี่ยนปลอกหมอนบ่อยๆ และเปลี่ยนหมอนใบใหม่เป็นประจำเพื่อสุขอนามัย
- ความคุ้มค่า : หมอนที่ใช้ได้นานอาจมีราคาแพง แต่คุ้มค่ามากกว่า จึงอาจลองพิจารณาสินค้า คุณภาพ และงบประมาณที่มี
BabyGift แนะนำ หมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี ?
หมอนทารกแต่ละประเภทจะมีรูปแบบ และคุณสมบัติเฉพาะเพื่อตอบสนองวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นประคองศีรษะ จัดท่านอน ป้องกันอาการผิดปกติ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย ดังนั้นคุณพ่อ คุณแม่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับลูกของเราได้ค่ะ สำหรับหมอนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ หมอนหลุม หรือที่เราเรียกติดปากกันว่าหมอนหัวทุยนั่นเอง อ่านมาถึงตรงนี้ผู้ปกครองหลายท่านคงอยากรู้แล้วว่าจะเลือกซื้อหมอนสำหรับทารก หมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี BabyGift พร้อมแนะนำแล้วค่ะ

1. BalanceOn หมอนเด็กรังผึ้ง Baby Pillow
หมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อแรกที่อยากแนะนำก็คือ BalanceOn ค่ะ นี่คือหมอนรังผึ้งที่ระบายความร้อนได้ดีกว่าหมอนทั่วไปถึง 2 เท่า ใช้วัสดุ Vetagel™ มีความยืดหยุ่นสูง โค้งรับกับทุกสรีระได้อย่างอ่อนโยน ช่วยลดแรงกดทับศีรษะของเด็กทารก ทำให้หัวไม่แบน ด้วยเทคโนโลยีรังผึ้ง 2 ชั้น โครงสร้าง Honeycomb + Air cell ที่จดสิทธิบัตรเฉพาะ BalanceOn เท่านั้น ซึ่งช่วยกระจายน้ำหนักในทุกจุด ทำให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น เมื่อทารกขยับตัว รังผึ้งก็จะมีแรงดันไล่ความร้อนที่สะสมอยู่ออกไป และดูดอากาศเย็นกลับเข้าไปแทน ทำให้นอนสบาย แถมใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 ขวบเลยทีเดียว
จุดเด่น
- หมอน Vetagel™ ระบายความร้อนได้ดีกว่าหมอนทั่วไป 2 เท่า
- มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี ป้องกันศีรษะแบนในเด็กทารก
- วัสดุ Vetagel Premium 2 ชั้น ทรง C- curve ช่วยลดแรงกดทับบริเวณกลางศีรษะทารกได้ดี
- ปรับนอนราบได้ สูงเพียง 5 มิลลิเมตร ทารกแรกเกิดสามารถนอนหงายหายใจได้สะดวก ป้องกันโรค SIDS หรือ ภาวะไหลตายในเด็ก
- เทคโนโลยีรังผึ้ง 2 ชั้น ช่วยกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล จดสิทธิบัตรเฉพาะ BalanceOn เท่านั้น
- นวัตกรรมหมุนเวียนอากาศ Air-pumping System ระบายอากาศได้ดี ทำให้ไม่รู้สึกร้อน
- วัสดุ Vetagel™ มีประสิทธิภาพสูง ต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial) 99 เปอร์เซ็นต์
- วัสดุปราศจากสารเคมี ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ในทารก ผ่านการรับรองจากสถาบัน KC ประเทศเกาหลี
- มีความทนทาน ทนความร้อนได้ถึง 70 องศาเซลเซียสโดยไม่เสียรูปทรง

2. IFlIN หมอนใย Tencel เด็กแรกเกิด
หมอน และปลอกหมอนที่ทอจากเส้นใย Tencel 100% หายใจผ่านได้ โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี ตัวไส้หมอนผลิตจากเส้นใยชนิดพิเศษ ไม่กองรวมกัน มีความนุ่ม นิ่ม มีความเด้งนิดๆ ไม่เละ ไม่แบนยวบ ไม่แข็งขึ้นตามอุณหภูมิที่เย็นลง ระบายความชื้นได้ดี ไม่ก่อให้เกิดเชื้อราหรือแบคทีเรีย ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และมีน้ำหนักเบา ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ
จุดเด่น
- ทอจากเส้นใย Tencel 100% ทำให้เนื้อผ้าสวย เนียนละเอียด นิ่ม ลื่น พริ้ว กึ่งเงากึ่งด้าน สัมผัสแล้วเย็นสบาย
- ไม่ใช้สารเคมีในการผลิต ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง และปลอดภัยต่อลูกน้อย
- ระบายความชื้นได้ดี ไม่ก่อให้เกิดเชื้อรา หรือแบคทีเรีย ไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลือง และมีน้ำหนักเบา
- ไส้หมอนไม่ใช่ Memory Foam หรือฟองน้ำ แต่เป็นเส้นใยชนิดพิเศษมีความนุ่ม เด้งนิดๆ ไม่เละ ไม่แบนยวบ และไม่แข็งขึ้นตามอุณหภูมิที่เย็นลง
- ลักษณะของหมอนจะแบนๆ เรียบๆ มีความสูงระดับพอดีกับการนอนของทารก และขนาดของหมอนค่อนข้างยาว มีขนาด 10 x 22 นิ้ว รองรับการกลิ้งตกหมอน
- ไส้หมอนสามารถซักมือได้
- มีปลอกหมอนมาให้ สามารถถอดซักได้ เนื้อผ้านุ่มสบาย

3. IFLIN หมอนใยไผ่ My Sweet Dreams Bamboo Pillow
หมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี อีกแบบหนึ่งที่อยากแนะนำเป็นของยี่ห้อ IFIIN อีกแล้วค่ะ ตัวนี้เป็นหมอนหนุนที่ตัวไส้หมอนผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ชนิดพิเศษ ส่วนปลอกหมอนใช้เส้นใยไผ่ ระบายอากาศได้ดี ระบายความชื้นได้ดี ไม่ก่อให้เกิดเชื้อราหรือแบคทีเรีย ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ขวบ
จุดเด่น
- นวัตกรรมโครงสร้างพิเศษของเส้นใยทั้งโพลีเอสเตอร์ และใยไผ่ ทำให้หมอนมีความนุ่ม ระบายอากาศได้ดี
- หายใจผ่านได้ โปร่งสบาย ระบายอากาศได้ดี ระบายความชื้นได้ดี ไม่ก่อให้เกิดเชื้อราหรือแบคทีเรีย
- หมอนมีความแบนกำลังพอดี รูปทรงยาว ขนาด 10 x 22 นิ้ว ทำให้ลูกน้อยไม่ตกหมอน
- ใช้แล้วไม่มีกลิ่น และไม่เปลี่ยนเป็นสีเหลืองเหมือน Memory Foam
- ตัวปลอกหมอนทำจากผ้าใยไผ่ นุ่ม นิ่ม เย็นสบาย ระบายอากาศได้ดี
- สามารถซักทำความสะอาดหมอนหนุนใยไผ่ได้ทั้งใบ โดยไม่จับตัวเป็นก้อน คงรูปทรงแบบเดิมเมื่อใช้งาน
- ตัวหมอนสามารถพับได้ พกพาสะดวก

4. ICHI FIRST CARE หมอนใบแรกสำหรับทารก
ICHI FIRST CARE เคลมว่าเป็นหมอนทารกใบแรกของลูก เพราะว่าผลิตจากผ้าออแกนิค และเนื้อผ้า Tencel ที่ระบายอากาศได้ดี ตัวหมอนออกแบบมาให้ช่วยปกป้องศรีษะ เจ้าตัวเล็ก ด้วยลักษณะพิเศษมีหลุมตรงกลาง จะทำให้หัวทุยสวย เรียกว่า เป็นหมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี ที่อยากแนะนำ นอกจากนี้ตัวหมอนยังมาพร้อมหมอนข้างสองฝั่ง ที่เปรียบเสมือนอ้อมกอดแม่ อบอุ่น หลับสบาย ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบ
จุดเด่น
- ผลิตจากวัสดุผ้าออแกนิค ปลอดภัย ไม่ต้องกังวลเรื่องสารเคมี
- เนื้อผ้าเป็นใย Tencel ที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ร้อน นอนหลับสบาย
- เป็นหมอน Anatomy รองรับสรีระของทารก เป็นหมอนหัวทุยที่มีหลุมตรงกลาง ทำให้หัวลูกไม่แบน
- ตัวหมอนออกแบบให้มีทั้งหมอนและหมอนข้าง 2 ฝั่ง เหมือนอ้อมกอดของแม่ ที่ทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัย
- มีปุ่มหมอนเล็กๆ ด้านข้างหมอนข้างทั้งสองข้าง ให้ลูกน้อยได้จับเป็นการฝึกพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก
- ตัวหมอนสามารถทำความสะอาดโดยการซักมือ, ซักเครื่อง และเข้าตู้อบได้

5. OXY BABY Pillow หมอนหัวทุย
หมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี ใบต่อมาที่เราอยากแนะนำก็คือ OXY BABY Pillow ค่ะ ใบนี้ออกแบบอย่างประณีตโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทารกหมุนพลิกศีรษะได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพลิกตัว กระจายแรงกดทับได้อย่างมีประสิทธิภาพ หายใจผ่านได้ ระบายความชื้นและความร้อนได้อย่างดี นอนแล้วหัวไม่เปียก
จุดเด่น
- ใช้วัสดุ Tencel 3D Air Mesh นอนนุ่มสบายด้วยโครงสร้างรูปตัว X
- ออกแบบโดยผู้เชี่ยวชาญ เป็นหมอนสำหรับทารกที่ให้ทารกได้หมุนพลิกศีรษะได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพลิกตัว
- ภายในตัวหมอนมีชั้นรองรับซ้อนกันถึง 7 ชั้น ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย เพราะทำให้รองรับศีรษะได้อย่างมั่นคง
- ตัวหมอนรับน้ำหนักได้ดี สามารถหายใจผ่านได้ และกระจายแรงกดทับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- นอนสบาย เพราะระบายความชื้น และความร้อนได้อย่างดี นอนแล้วหัวไม่เปียก
- สามารถซักล้างทำความสะอาดได้โดยไม่เสียรูปทรงทั้งซักมือ หรือ ซักเครื่อง (ใส่ถุงซัก)

6. AIRY หมอนระบายอากาศสำหรับเด็ก
หมอนระบายอากาศที่ปลอกด้านใน ทำมาจากผ้า 3 มิติ ที่มีช่องให้อากาศไหลเวียนผ่านได้ ช่วยลดการเหงื่อแตก ส่วนตัวไส้ในหมอนนั้นเป็นแผ่นใยสังเคราะห์ความหนากำลังดี สำหรับปลอกหมอนด้านนอก ทำมาจากผ้ามัสลิน นุ่มสบาย หายใจผ่านได้ เป็นหมอนทารกที่เหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป
จุดเด่น
- ไส้ในหมอน ใช้เป็นแผ่นใยสังเคราะห์ เกรดคุณภาพเยี่ยม มีความหนากำลังพอดี
- ตัวปลอกด้านใน ทำมาจากผ้า 3 มิติ ที่มีช่องให้อากาศไหลเวียนผ่านได้ดี ทำให้ไม่ร้อน ลดการเหงื่อแตก
- ปลอกหมอนด้านนอก ทำมาจากผ้ามัสลิน นุ่มสบาย
- น้ำหนักเบาเพียง 150 กรัม

7. John N Tree หมอนออแกนิค ลายรูปลูกสุนัขด้านข้าง NATURAL BIEGE
หมอนหัวทุย ยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อสุดท้ายที่ BabyGift อยากแนะนำก็คือ หมอนออแกนิคหน้าตาน่ารัก ยี่ห้อนี้เค้าผลิตจากผ้าฝ้ายออเเกนิค 100% ปลอดภัยต่อลูกน้อย ออกแบบตามสรีระของทารก ไม่ต้องกังวลเรื่องหัวแบน แถมมีให้เลือกด้วยกัน 7 แบบ ถูกใจลูกน้อยแน่นอน
จุดเด่น
- ผลิตจากผ้าฝ้ายออเเกนิค 100% ผ้าที่นุ่มโดยธรรมชาติทั้งหมด เเละใช้เฉพาะผ้าฝ้ายออเเกนิคที่ได้ผ่านการรับรองว่าปลูกโดยใช้วิธีปฏิบัติการทางเกษตรอย่างยั่งยืน เเละที่ได้รักษาความอุดมสมบูรณ์ของดินโดยไม่ได้ใช้สารกำจัดศัตรูพืชเเละปุ๋ยที่เป็นพิษ เเละเป็นมิตรต่อสิ่งเเวดล้อม
- ผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการรับรองคุณภาพจากสหภาพ Control Union Certifications (formerly SKAL) ซึ่งเป็นบริษัทตัวแทนที่ได้การรับรองจาก USDA ได้รับรองผลิตภัณฑ์ของเราทั้งหมด เเละได้ผ่านการรองรับว่าไม่ทำลายสิ่งเเวดล้อม
- มีแบบให้เลือกถึง 7 แบบ เป็นลายสัตว์น่ารัก ถูกใจลูกน้อย
ตามคำแนะนำของกุมารแพทย์ สรุปไว้ว่าควรใช้หมอนทารกในทารกอายุ 18 เดือนขึ้นไป ซึ่งคุณพ่อ คุณแม่ สามารถทำตามคำแนะนำข้างต้นเพื่อป้องกันทารกหัวแบนได้ สำหรับผู้ปกครองที่ไม่สะดวกตามคำแนะนำข้างต้น การเลือกหมอนให้ทารก ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะช่วยให้เลี้ยงลูกได้อยากปลอดภัยค่ะ หากใครสนใจผลิตภัณฑ์หมอนสำหรับทารก หรือสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ด้วยคุณค่าน้ำนมแม่ที่มีสารอาหารมากมายกว่า 200 ชนิด แถมด้วยสารสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง เชื่อว่าคุณแม่ทุกท่านตั้งใจมั่นที่จะให้นมจากเต้าแก่ลูกน้อยให้นานที่สุด แต่ด้วยปัจจุบันคุณแม่หลายๆ ท่านเป็นเวิร์กกิ้งมัม ที่ต้องกลับไปทำงานหลังจากต้องลาคลอด และลางานเพื่อเลี้ยงลูก ทำให้ไม่สามารถให้นมลูกได้ด้วยตัวเอง เครื่องปั๊มนม จึงเป็นอุปกรณ์คู่ใจ ที่จะทำให้คุณแม่ยังคงให้นมแม่แก่ลูกได้ไปยาวนาน แต่เมื่อถึงเวลาต้องไปทำงาน หรือออกนอกบ้าน ก็มีเงื่อนไขมากมายที่อาจทำให้คุณแม่ใช้งานเครื่องปั๊มนมบางชนิดได้ไม่สะดวก ดังนั้นเพื่อให้คุณแม่ทำงานนอกบ้านได้เต็มที่ พร้อมกับมีน้ำนมให้ลูกได้เพียงพอ คุณแม่จึงควรต้องรู้เทคนิคในการเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะสำหรับเวิร์กกิ้งมัม ที่จะช่วยให้ปั๊มนมเก็บไว้ให้ลูกน้อยได้สะดวกเสมอ เทคนิค Working Mom เลือก เครื่องปั๊มนม 1. มีแรงในการปั๊มนมและรอบดูดที่มีคุณภาพ มีแรงดูดและปั๊มที่ดีมีประสิทธิภาพ สามารถปรับได้หลายระดับ เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือต้องเร่งรีบ โดยเครื่องปั๊มนม ที่ใช้งานได้ดี ควรจะมีจังหวะการปั๊มนมและรอบดูดที่เลียนแบบการดูดของลูกน้อยทารก นั่นคือ ควรมีแรงดูดหรือปั๊มไม่น้อยกว่า 200 mmHg.และรอบการดูดอย่างน้อย 40-60 รอบต่อนาที ซึ่งคุณแม่ที่น้ำนมออกดีอาจใช้เครื่องปั๊มนมที่มีรอบการดูดต่ำกว่า 40 นาทีได้ แต่เพื่อการใช้งานได้ยาวนาน และส่วนใหญ่คุณแม่ทำงานมักจะปั๊มนมและเก็บนมแม่ให้ลูกนานกว่า 4 เดือนขึ้นไป จึงควรเลือกใช้เครื่องปั๊มนมที่มีรอบการดูดมากกว่า 40 ครั้งต่อนาทีขึ้นไป จะช่วยทำให้ปั๊มนมแต่ละครั้งออกมาได้มากและรวดเร็วกว่านั่นเอง 2. เครื่องปั๊มนม มีฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ทั้งการนวดกระตุ้นน้ำนม การปั๊มนม การดูดน้ำนมหลายจังหวะ จะช่วยให้คุณแม่ใช้เครื่องปั๊มเป็นผู้ช่วยในการกระตุ้นน้ำนมได้ไปในตัว […]
คุณแม่ยุคใหม่หลายๆ ท่านอาจจะรู้จัก วิธีการให้อาหารเสริมลูกน้อยแบบ Baby Led Weaning หรือการ กินแบบ BLW กันบ้างแล้ว เพราะเป็นวิธีการที่หลายบ้านเริ่มนิยมใช้ เนื่องจากเป็นการฝึกลูกกินอาหารเสริมด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก ในแบบที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องป้อน และไม่ต้องบดหรือปั่นอาหารให้ลูกน้อย ที่สำคัญคือการให้ลูกกินอาหารเสริมด้วยวิธีนี้ ยังมีข้อดีหลายอย่าง เพราะเป็นการฝึกให้ลูกได้ใช้พัฒนาการทั้งด้านกล้ามเนื้อ สายตา ได้เรียนรู้รสชาติอาหารที่แตกต่าง และเป็นการฝึกพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเองเพื่อพัฒนาให้ลูกสามารถทำอะไรได้เองเก่งขึ้นในอนาคต กินแบบ BLW มีขั้นตอนอย่างไร? วิธีการ กินแบบ BLW มีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ ซึ่งการให้ลูกกินด้วยวิธีการแบบนี้ จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกรักมีความสุขกับมื้ออาหารของลูกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเหนื่อยเดินป้อนข้าวลูก ลูกน้อยเองก็รู้สึกสนุก เพลิดเพลินกับการได้หยิบจับอาหารเข้าปาก ทำให้การ กินแบบ BLW เป็นที่นิยมกันในครอบครัวต่างประเทศ และนิยมในเมืองไทยบ้านเรามากขึ้น แต่การจะเริ่มให้ลูกกิน BLW จะต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนให้มื้อแรก และคุณแม่ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดและข้อควรระวังหลายๆ อย่าง ดังนั้นไปดูกันว่ามีอะไรที่คุณแม่ต้องพิถีพิถันใส่ใจบ้าง แม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เมื่อเริ่มให้ลูก กินแบบ BLW แม้จะดูเหมือนการให้อาหารเสริมลูกด้วยวิธีการ BLW นี้ จะไม่ได้ยุ่งยากนัก แต่ก็มีเรื่องสำคัญต่างๆ ที่คุณแม่จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือกให้ลูกน้อย เพื่อความปลอดภัย และให้อาหารลูกในแบบ BLW ได้สำเร็จ […]
โดยปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่ที่ซื้อคาร์ซีท รถเข็นเด็กไป จะไม่ค่อยได้คำนึงถึงว่าใช้งานไปนานเท่าไหร่แล้ว แล้วเมื่อไหร่ถึงจะต้องซักทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค คาร์ซีท รถเข็นเด็ก จนกระทั้งเกิดความสกปรกขึ้น เช่น ฝุ่นควัน นม อาหาร หรือขนมต่างๆ หกใส่เบาะ คราบน้ำลาย คราบอาเจียน ที่ไม่สามารถเช็ดออกได้ เป็นคราบสกปรกเห็นได้ชัด ถึงจะทำความสะอาด แต่รู้ไหมว่ายิ่งทิ้งคราบแบบนั้นไว้นานเท่าไหร่ พวกเชื้อแบคทีเรียต่างๆที่เกิดขึ้นจากการหมักหม่น ก็จะเกิดการสะสมมากขึ้น ส่งผลร้ายต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีความบอบบาง แพ้ง่าย ทำให้เกิดโรคต่างๆได้ แนะนำการซักทำความสะอาดคาร์ซีท รถเข็นเด็ก เพื่อยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น ควรซักทำความสะอาดทุกๆ 3-6 เดือน ตามการใช้งาน เพื่อช่วยให้คาร์ซีท รถเข็นเด็ก ของลูกสะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย สำหรับการซักทำความสะอาด ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่สามารถส่งซักทำความสะอาดได้จากร้านที่ซื้อสินค้ามา เช่น ร้าน BabyGift ที่รับบริการถึง 3 สาขา ใกล้บ้าน แต่ในช่วงวิกฤตโควิดแบบนี้ ทางเราจึงมีเทคนิคการซักทำความสะอาดด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ วิธีทำความสะอาด คาร์ซีท รถเข็นเด็ก แยกการทำความสะอาดออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือผ้าหุ้มเบาะ […]
พูดถึง “ตะคริว” แม้จะไม่ใช่คุณแม่ท้องยังต้องส่ายหน้าเพราะไม่อยากเป็น ก็เป็นตะคริวทีไรปวดขา ปวดน่องจนขยับไม่ได้และทรมานสุดใจจริงๆ ยิ่งเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ที่แทบทุกคนจะต้องเผชิญอาการปวดตะคริวนี้ ยิ่งแสนทรมาน ไหนจะท้องใหญ่ขยับตัวลำบาก เคลื่อนไหวยาก มาเป็นตะคริวตอนกลางคืนหรือดึกๆ อีก ทำให้นอนไม่หลับ นอนไม่เต็มที่ ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไร ฉะนั้นถ้าคุณแม่ท้องรู้ทันและป้องกันตะคริวได้ล่วงหน้า เชื่อว่าแม่ๆ จะต้องแฮปปิ้ยิ้มร่าแน่นอน ทำไม? แม่ท้อง ต้องเป็นตะคริว จริงๆ แล้วไม่ใช่แม่ท้องเท่านั้นที่เป็นตะคริว เพราะคนทั่วๆ ไปก็มักจะเป็นได้ ยิ่งคนในวัยทำงาน เพราะอาการ “ตะคริว” หรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เกิดจากการขาดแคลเซียม และมีฟอสฟอรัสมากเกินไปในกระแสเลือด การยืน เดิน หรือต้องนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้เลือดเดินไม่สะดวก เกิดของเสียคั่งบริเวณน่อง เลือดไหลเวียนไปส่วนล่างได้ไม่สะดวก ทำให้กล้ามมเนื้อหดตัวจนเกิดตะคริวได้ ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์ทำไมถึงเป็นตะคริวบ่อยและเป็นเกือบทุกราย โดยมักจะมีอาการเป็นตะคริวเกิดขึ้นบ่อยในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ นั่นก็เพราะว่าในช่วงท้อง จะมีภาวะที่รวมเอาสาเหตุปัจจัยเกือบทุกอย่างที่ทำให้เป็นตะคริวไว้ด้วยกัน ตั้งแต่น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งจะทำให้ขาทั้งสองข้างของคุณแม่แบกรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ส่งผลให้ระบบหมุนเวียนโลหิตบริเวณขาตึงแน่นเกินไป เลือดเดินไม่สะดวกเกิดของเสียคั่งบริเวณน่อง อิริยาบถการยืน เดินหรือนั่งในท่าเดิมๆ นานๆ และการได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดตะคริวได้นั่นเอง 4 เคล็ดลับ […]
มือบวม-เท้าบวมเกิดจากอะไร? สำหรับคุณแม่หลายๆ ท่าน ไหนจะต้องรับมือกับท้องอันหนักอึ้งแล้ว ยังต่อเผชิญกับปัญหามือบวม-เท้าบวมอีกด้วย อาการบวมเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพราะว่าคุณแม่อ้วนขึ้นหรือน้ำหนักขึ้นหรอกนะคะ แต่เป็นเพราะระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโพรเจสเตอโรนในร่างกายที่ไม่ยอมหยุดนิ่ง เอาแต่ขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอดต่างหาก จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การทำงานของหลอดเลือดและหลอดน้ำเหลืองผิดปกติ นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมากดทับที่เส้นเลือดดำ เลือดก็เลยไหลเวียนลำบาก ทำให้มีการกักของเหลวไว้ในร่างกายเพิ่มขึ้น นำไปสู่อาการมือบวม-เท้าบวมนั่นเองค่ะ อาการที่มักจะมาด้วยกัน อาการมือบวม-เท้าบวมส่วนใหญ่แล้วจะไม่ได้มาเดี่ยวๆ นะ เพราะอาการนี้มักจะมาร่วมกับอาการชา ใช่แล้วค่ะ! สาเหตุก็เพราะเส้นเลือดของคุณแม่ถูกกดทับอยู่นั่นแหละ คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึกปวดเมื่อย และยิ่งจะมีอาการแย่ลงถ้าคุณแม่โหมงาน หรือยืนนานเกินไป คำเตือนก่อนจะเจอกับอาการมือบวม-เท้าบวม คุณแม่ที่สวมเครื่องประดับโดยเฉพาะแหวน ขอแนะนำให้ถอดเก็บไว้ก่อนนะคะ เพราะถ้าคุณแม่มีอาการมือบวมแล้วอาจจะถอดแหวนลำบาก หรืออาจถึงขั้นถอดไม่ได้เลย และที่สำคัญ ตอนคุณแม่จะคลอดน้องแล้วเนี่ย ต้องถอดเครื่องประดับทุกชิ้นเลยค่ะ เพราะงั้น ถ้าคุณแม่ไม่ถอดเตรียมไว้ก่อน อาจจะต้องใช้เครื่องตัดออกแทน เสียดายแย่เลย อย่าเพิ่งท้อใจ ยังมีวิธีรับมือ จริงอยู่ว่าไม่ใช่คุณแม่ทุกคนจะเจอกับอาการนี้ แต่คุณแม่ที่ต้องเจอกับการมือบวม-เท้าบวม ก็อย่าเพิ่งน้อยใจไปค่ะ วิธีรับมือกับอาการนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมาก ส่วนใหญ่ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เดาๆ กันได้อยู่แล้ว ลองไปดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า 1. ไม่ยืน หรือฝืนยืนเป็นเวลานานๆ การยืนเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้อาการบวมนั้นแย่ยิ่งขึ้นนะคะ เพราะการยืนนานๆ จะทำให้คุณแม่ทิ้งน้ำหนักลงที่ขาข้างใดข้างหนึ่งโดยไม่รู้ตัว ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่เต็มที่ 2. […]
คาร์ซีทออร์แกนิค เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่คุณพ่อคุณแม่ต้องให้ความสำคัญ เพราะนอกจากระบบความปลอดภัยและฟังก์ชันต่างๆ ที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อคาร์ซีทแล้ว เนื้อผ้าของคาร์ซีทก็เป็นอีกปัจจัยที่คุณพ่อ คุณแม่ต้องใส่ใจมากเป็นพิเศษ ว่าทำมาจากวัสดุชนิดใด เนื่องจากผิวลูกน้อยบอบบางกว่าผิวผู้ใหญ่ถึงหลายเท่า มีโอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ ระคายเคือง หรือติดเชื้อได้ง่าย เพราะยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอ คุณพ่อคุณแม่ จึงต้องใส่ใจและพิจารณาวัสดุที่จะมาสัมผัสกับผิวลูกน้อยเป็นอย่างดี ผ้าฝ้าย Organic หรือผ้าที่ทำจากฝ้าย Organic 100% เป็นผ้าที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี ซึ่งจะทำให้ผ้าฝ้ายที่ได้มานั้น ปลอดจากสารพิษ และยาฆ่าแมลง ที่เป็นตัวการสำคัญที่จะทำร้ายสุขภาพของลูกน้อย ซึ่งองค์กรผู้บริโภคสินค้าออร์แกนิค (The Organic Consumers Association) ยังแนะนำให้ใช้เสื้อผ้าที่ผลิตจากผ้าออร์แกนิคคอตตอน หรือผ้าฝ้าย Organic 100% เป็นทางเลือกแรกอีกด้วย คาร์ซีทออร์แกนิค มีข้อดีอย่างไรบ้าง 1. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ จากข้อมูลในรัฐแคลิฟอเนียร์ สหรัฐอเมริกา ระบุว่าในการปลูกฝ้ายด้วยวิธีธรรมดาทั่วไปจะมีการใช้ยาฆ่าแมลง โดยเฉลี่ยต่อปีจะมีการมูลค่ากว่า 2.6 พันล้านเหรียญ และผลการทดสอบยาฆ่าแมลงจำนวน 5 […]






