เด็กขึ้นเครื่องบิน พ่อแม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง ? รวมเรื่องต้องรู้ก่อนพาลูกขึ้นเครื่องบิน

โดยส่วนใหญ่แล้ว หากต้องการพาทารก ขึ้นเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยคุณพ่อคุณแม่ควรพาไปเมื่อทารกอายุ 4-8 สัปดาห์ขึ้นไปค่ะ เนื่องจากว่าทารกมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อจากการเดินทางได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของทารกยังไม่แข็งแรงมากพอ อีกทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ บนเครื่องบินยังทำให้ทารกเกิดความเครียดได้ง่าย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในหลายๆ สายการบินมีการอนุญาติให้ขึ้นได้ตั้งแต่อายุ 7 วัน และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปทำความเข้าใจเรื่องราวของการพาเด็ก ขึ้นเครื่องบินอย่างปลอดภัย พร้อมคำแนะนำต่างๆ ก่อนการพาลูกขึ้นเครื่องบินีกันค่ะ
ชวนเตรียมพร้อมก่อนพา เด็ก ขึ้นเครื่องบิน ต้องเตรียมอะไร ? ต้องรู้อะไรบ้าง ?
ในแต่ละสายการบินมักจะมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันในการพาทารก ขึ้นเครื่องบินค่ะ บางที่ก็อนุญาติให้โดยสารได้ตั้งแต่ 7 วัน แต่บางที่ก็ต้องอายุ 14 วันก่อนถึงจะอนุญาติให้เดินทางได้ ซึ่งเอกสารที่ใช้สำหรับการเดินทางหลักๆ ก็จะเป็นใบสูติบัตร กับพาสปอร์ตนั่นเองค่ะ ซึ่งหากมีเด็กโดยสารไปด้วย ผู้ปกครองจำเป็นต้องติดต่อสายการบิน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมในการดูแลในวันเดินทางได้นั่นเอง ซึ่ง BabyGift ได้เช็กข้อมูลกับสายการบินที่อนุญาติให้ทารกเดินทางมาให้ประมาณ 3 สายการบิน พร้อมคำแนะนำต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูล เป็นไอเดียให้คุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการพาเจ้าตัวจิ๋วขึ้นเครื่องบิน ดังนี้ค่ะ

พาเด็ก ขึ้นเครื่องบิน การบินไทย
การบินไทยอนุญาติให้ทารก ขึ้นเครื่องบินได้ตั้งแต่อายุ 7 วันขึ้นไป และไม่เกิน 2 ปี ค่ะ ซึ่งหากต้องการเปลสำหรับเด็กทารกจะต้องซื้อที่นั่งแถวหน้าเพิ่ม (Preferred Seat) ซึ่งจะมีค่าบริการเพิ่มเติม และต้องแจ้งกับเจ้าหน้าที่สำรองที่นั่งว่าต้องการ Baby Bassinnet ซึ่งทารกที่จะสามารถขอติดเปลได้จะต้องมีอายุไม่เกิน 6 เดือน และมีน้ำหนักน้อยกว่า 10 กิโลกรัม และสูงไม่เกิน 67 เซนติเมตรค่ะ และหากสนใจจะติดเปลเพิ่ม ผู้ปกครองต้องแจ้งข้อมูลรหัสการจอง, หมายเลขบัตรโดยสาร, น้ำหนักส่วนสูงของทารก และวันเดือนปีเกิดของทารกเพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการซื้อที่นั่งด้านหน้าหรือ Preferred Seat ให้ได้ค่ะ โดยค่าตั๋วเครื่องบินทารกจะคิดอยู่ที่ 25% ของราคาตั๋วผู้ใหญ่ สำหรับรถเข็นเด็กจะไม่สามารถหิ้วขึ้นเครื่องได้ ต้องโหลดใต้ท้องเครื่องเท่านั้น และไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับรถเข็น 1 คัน ผู้ปกครองที่สนใจสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ตอนเช็กอินได้เลยค่ะ
พาทารก ขึ้นเครื่องบิน บางกอกแอร์เวย์ส
สำหรับการพาเด็ก ขึ้นเครื่องบินกับสายการบินบางกอก แอร์เวย์สนั้น กรณีผู้โดยสารอายุต่ำกว่า 2 ปี จะเป็นการนั่งตักผู้ปกครอง ซึ่งมีค่าตั๋วโดยสารคิดเป็น 25% ของราคาตั๋วผู้ใหญ่ การขอใช้เปลเด็กจะไม่ได้มีการคิดค่าบริการ สามารถขอจากเจ้าหน้าที่ได้ แต่ต้องแจ้งขอรับบริการล่วงหน้า 24 ชั่วโมงก่อนเวลาออกเดินทาง ซึ่งการให้บริการเปลเด็กจะให้บริการโดย PG บนเครื่องบิน A319 และ A320 ในเส้นทางระหว่างประเทศ (เวลาบินมากกว่า 2.5ชั่วโมง) เท่านั้น และ รับน้ำหนักเด็กได้สูงสุด 11 กิโลกรัม และส่วนสูงได้สูงสุด 70 เซนติเมตร ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเครื่องบิน PG ทุกลำจะมีให้บริการในส่วนของเปล ยังไงก็ตาม แนะนำว่าให้คุณพ่อคุณแม่สอบถามกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งก่อนทำการจองได้เลยค่ะ
สำหรับส่วนของรถเข็นเด็กนั้นจะต้องเป็นแบบพับได้ โดยหากมีผู้โดยสารเด็กร่วมเดินทางด้วยผู้โดยสารสามารถนำไปได้ฟรี โดยไม่รวมกับน้ำหนักสัมภาระ โดยในกรณีถือขึ้นเครื่องจะต้องสามารถพับจัดเก็บในช่องใส่สัมภาระภายในห้องผู้โดยสารได้โดยขนาดจะต้องไม่เกิน สัมภาระถือขึ้นเครื่อง ซึ่งเครื่องบินของ Bangkok Airways ที่ให้บริการจะมี 2 ประเภทคือ ATR เครื่องบินใบพัด และ AIRBUS ลองมาดูขนาดที่สายการบินระบุกันต่อค่ะ
- ขนาดสำหรับถือขึ้นเครื่อง : ATR: 50 x 36 x 23 เซนติเมตร | AIRBUS: 56 x 36 x 23 เซนติเมตร
- ขนาดสำหรับโหลดใต้เครื่อง : ATR: 50 x 100 x 50 เซนติเมตร | AIRBUS: 145 x 160 x 110 เซนติเมตร
แต่หากเกิดกรณีที่ช่องใส่สัมภาระภายในห้องผู้โดยสารไม่สามารถจัดเก็บรถเข็นเด็กได้ เจ้าหน้าที่จะจัดเก็บรถเข็นเด็กในบริเวณช่องเก็บสัมภาระใต้เครื่อง ทั้งนี้เมื่อถึงปลายทางผู้โดยสารสามารถแจ้งพนักงานเพื่อขอรับรถเข็นเด็กได้ที่บริเวณหน้าประตูเครื่อง ซึ่งในกรณีโหลดรถเข็นจะต้องไม่มีแบตเตอรี่ในตัว ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่ภาคพื้นที่จะพิจารณาดำเนินการเพื่อความเหมาะสมอีกครั้งค่ะ ยังไงก็แนะนำว่าให้สอบถามเพื่อความชัวร์กับเจ้าหน้าที่อีกครั้งก่อนเดินทางค่ะ
พาเด็ก ขึ้นเครื่องบิน แอร์เอเชีย
สำหรับรายละเอียดการให้บริการสำหรับทารก ขึ้นเครื่องบิน ของ Air Asia นั้น หากเป็นเด็กที่มีอายุ 9 วัน – 24 เดือนจะถือว่าเป็นทารก ซึ่งจะอนุญาตให้เดินทางได้สำหรับผู้ใหญ่ 1 คนต่อทารก 1 คนเท่านั้น ซึ่งทารกจะต้องนั่งบนตักของผู้ใหญ่ ส่วนเด็กที่มีอายุมากกว่านั้นจะต้องซื้อบัตรโดยสารในราคาเด็กเพื่อเดินทางค่ะ สำหรับรายละเอียดค่าโดยสารสำหรับเด็กนั้นสามารถดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บของสายการบิน หรือติดต่อสอบถามได้โดยตรงค่ะ
ในส่วนของการใช้รถเข็นเด็กนั้น ผู้โดยสารสามารถใช้รถเข็นเด็กได้จนถึงประตูขึ้นเครื่อง จากนั้นต้องนำไปโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่อง ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถใช้รถเข็นเด็กได้ที่บันไดขั้นสุดท้าย ภายนอกประตูเครื่องบิน หรือบริเวณสายพานลำเลียงกระเป๋าได้ โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของสนามบินปลายทางในแต่ละเที่ยวบิน
สำหรับการนำรถเข็นเด็กขึ้นเครื่องนั้นต้องเป็นแบบพับได้ โดยต้องมีน้ำหนักไม่เกินที่กำหนดซึ่งก็คือต้องไม่เกิน 56 ซม. x 36 ซม. x 23 ซม รวมถึงที่จับ, ล้อและกระเป๋าด้านข้าง โดยจะต้องสามารถใส่ในช่องเหนือศีรษะในห้องโดยสารเครื่องบินได้เหมือนกับสัมภาระปกตินั่นเองค่ะ ซึ่งผู้โดยสารที่เดินทางมากับทารกและเด็กเป็นครอบครัวทางแอร์เอเชียจะให้สิทธิ์ขึ้นเครื่องก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อให้มีเวลามากขึ้นในการจัดเก็บสัมภาระ และดูแลให้เด็กให้พร้อมสำหรับการเดินทางนั่นเองค่ะ

Checklist ต้องรู้ก่อนพาเด็ก ขึ้นเครื่องบิน
- เช็กข้อมูลกับสายการบินที่เดินทางว่ากฎระเบียบในการพาทารก ขึ้นเครื่องบินมีอะไรบ้าง
- เตรียมเอกสารใบสูติบัตร และพาสปอร์ตเพื่อจองตั๋วโดยสาร
- เลือกที่นั่งที่มีบริเวณกว้าง สะดวก กับการดูแลเด็ก (ซึ่งสามารถปรึกษากับเจ้าหน้าที่ที่ทำการจองให้เราได้เลยค่ะ)
- เตรียมอุปกรณ์ ของใช้ที่จำเป็นสำหรับลูกน้อยของเรา เช่น รถเข็นเด็ก, เป้อุ้มเด็ก, ทิชชู่เปียก, ผ้าอ้อม, อุปกรณ์การกิน และอื่นๆ ที่จำเป็นกับลูกของเรา
- แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเรามีเด็กทารกมาด้วย และสอบถามสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น เปลเด็กบนเครื่องบิน เป็นต้น
BabyGift แนะนำ ตัวช่วยสำคัญให้คุณพ่อคุณแม่ดูแลเด็ก ขึ้นเครื่องบิน ได้สะดวกขึ้น!

1. รถเข็นเด็กพับได้ KINDERKRAFT รุ่น NUBI 2
รถเข็นเด็กแรกเกิด Kinderkraft รุ่น NUBI 2 เป็นแบรน์คุณภาพจากประเทศเยอรมันนี สามารถปรับเอนนอนราบได้ พับ-กาง ได้ง่าย เข็นลื่นคล่องตัวทุกการเดินทาง มาพร้อมหลังคาขนาดใหญ่ ป้องกัน UPF50+ และกันน้ำได้ มี Head Room ช่วยป้องกันแสงแดดได้แบบรอบด้าน มีมุ้งกันยุง กันแมลง ในกระเป๋าใต้ที่วางเท้า สามารถพับเก็บและกางออกได้ ใช้งานสะดวก สามารถถือขึ้น-ลงบันได ขึ้นรถได้สะดวก เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด ถึง 4 ปี หรือ น้ำหนักไม่เกิน 22 กิโลกรัม
จุดเด่น
- โครงสร้าง Aluminium เสริม Nylon แข็งเเรงมั่นคง ช่วยรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย
- ปรับนอนราบได้ 165 องศา ทารกแรกเกิดนอนสบาย หายใจสะดวก รถเข็นพับ-กางได้ง่าย วางตั้งได้
- มีล้อด้านหน้าหมุนได้ 360 องศา ทำให้เข็นได้คล่องตัว เลี้ยวง่ายในที่แคบ
- Kinderkraft Select เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์แนะนำ ที่ออกแบบดีเยี่ยม มีมาตรฐานความปลอดภัยสูง
- มีเบรกขั้นตอนเดียว เสมือนระบบรักษาความปลอดภัย มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ปลอดภัยสูง ลดความเสี่ยงในการตกจากเบาะ มีบาร์กันตกถอดออกได้ พาลูกน้อยเข้า-ออกจากรถเข็นได้สะดวก พร้อม ที่วางขาปรับระดับได้ ตามท่านั่งและสรีระของลูกน้อย

2. รถเข็นเด็กแรกเกิด APRICA รุ่น Optia Cushion Grace
รุ่นนี้เป็นรถเข็นเด็กที่คิดค้นวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น ค่ะ ออกแบบถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ รองรับการเจริญเติบโตในแต่ละวัย นอนสบาย ปลอดภัยสูงสุด ตัวเบาะนั่งถักถอพิเศษแบบ 3D ป้องกันการลื่นไถล มีโครงสร้างพิเศษ ออกแบบลดรอยต่อ แข็งเเรงมั่นคง ช่วยรองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย พับแล้ววางตั้งได้ พับกางง่ายด้วยมือเดียว ไม่ต้องใช้แรงเยอะ เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด จนถึง น้ำหนัก 18 กิโลกรัม
จุดเด่น
- Ergonomic Design เบาะรองรับการเจริญเติบโตเด็กแต่ละวัย ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์ พร้อมเสริมนวมปลายเท้า กันกระแทกรอบด้าน 360 องศา ทารกนอนสบาย อบอุ่น และปลอดภัยมากขึ้น ด้วยผ้า Mesh เทคโนโลยี Silky Air ถักถอพิเศษมากขึ้น สัมผัสนุ่มสบาย ระบายความร้อนได้รวดเร็วกว่า
- ป้องกันทารกเกิดภาวะ Baby Shaken Syndrome ด้วย Omega Cushion สปริงรูปตัว M ใต้เบาะ ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 36 % ลดแรงกระแทกได้ดีกว่าเบาะรถเข็นเด็กทั่วไป แถมโช้คใต้เบาะ ยังดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 3 เท่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์รุ่น Optia
- ล้อหมุนอัตโนมัติ 360 องศา ทั้ง 4 ล้อ บังคับทิศทางได้ง่าย เลี้ยวง่ายในทางแคบ
- หมอนทารก Mamoru Support ประคองศีรษะและลำคอ ป้องกันเด็กคอพับ โค้งรับศีรษะให้หัวทุยได้ นอกจากนี้ยังมีหมอนรองสะโพก Mamoru Support ช่วยประคองสะโพก ให้กระดูกสันหลังตั้งตรง นอนอยู่ในท่าที่ถูกต้อง
- พนักพิงด้านหลังและด้านข้าง มีฉนวนสะท้อนความร้อนพร้อมช่องระบายอากาศ ป้องกันแสง ความร้อน ซึ่งจดสิทธิบัตรเฉพาะแบรนด์ APRICA เท่านั้น

3. รถเข็นเด็กแรกเกิด APRICA รุ่น Karoon Air Mesh สี Navy
อีกหนึ่งรถเข็นเด็กน้ำหนักเบาที่พับแล้ววางตั้งได้ พับกางง่ายด้วยมือเดียว ไม่ต้องใช้แรงเยอะ จาก APRICA ที่คิดค้นวิจัยโดยกุมารแพทย์ จากประเทศญี่ปุ่น ใช้ได้ตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงน้ำหนัก 18 กิโลกรัม High Seat เบาะนั่งสูงจากพื้น 51 เซนติเมตร ป้องกันฝุ่นและความร้อนจากพื้น ด้านหลังพนักพิงมีฉนวนสะท้อนความร้อนพร้อมช่องระบายอากาศ ป้องกันแสง ความร้อน ซึ่งจดสิทธิบัตรเฉพาะแบรนด์ APRICA เท่านั้น
จุดเด่น
- เบาะกว้าง เสริมนวมด้านข้างกันกระแทกรอบด้าน ทารกปลอดภัยมากขึ้น พร้อมปรับนอนราบได้ 170 องศา ทารกหายใจสะดวก ป้องกันโรค SIDS
- โครงสร้างพิเศษ ออกแบบลดรอยต่อ แข็งเเรงมั่นคง ช่วยรองรับน้ำหนักได้ปลอดภัย ล้อหน้าหมุนลื่น เข็นง่าย ลดการใช้แรง มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด ลดความเสี่ยงในการตกจากเบาะ
- มีหลังคากันแดดขนาดใหญ่ ปกป้องดวงตาทารก พร้อมช่องตาข่ายด้านบน มาพร้อมตะกร้าเก็บของเปิดด้านหน้า ใส่ของได้มากถึง 5 กิโลกรัม

4. รถเข็นเด็กแรกเกิด APRICA รุ่น Luxuna Cushion
รถเข็นเด็กพับได้อีกหนึ่งรุ่นจาก APRICA ที่ออกแบบโดยหมอเด็กจากประเทศญี่ปุ่นเช่นกัน รุ่นนี้ ป้องกันทารกเกิดภาวะ Baby Shaken Syndrome ด้วย Omega Cushion สปริงรูปตัว M ใต้เบาะ ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ถึง 36 % ลดแรงกระแทกได้ดีกว่าเบาะรถเข็นเด็กทั่วไป ปรับนอนราบได้ 165 องศา ทารกปลอดภัยหายใจสะดวก พับแล้ววางตั้งได้ พับกางง่ายด้วยมือเดียว ไม่ต้องใช้แรงเยอะ ใช่ได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึง น้ำหนัก 18 กิโลกรัม
จุดเด่น
- เบาะกว้าง เสริมนวมด้านข้าง กันกระแทกรอบด้าน ทารกปลอดภัยมากขึ้น เข็นบนทางขรุขระได้อย่างนิ่มนวล ด้วยโช้ค 4 ล้อ ลดแรงสั่นสะเทือนได้มากที่สุด
- ผ้า Mesh เทคโนโลยี Silky Air สัมผัสนุ่มสบาย ระบายความร้อนได้รวดเร็วกว่า พนักพิงด้านหลังมีช่องระบายอากาศ อากาศถ่ายเทดีขึ้น
- ล้อหมุนอัตโนมัติ 360 องศา ทั้ง 4 ล้อ บังคับทิศทางได้ง่าย เลี้ยวง่ายแม้ในทางแคบ ด้ามจับแบบหนัง สัมผัสนุ่ม กันลื่น เข็นได้อย่างปลอดภัย และปรับด้ามเข็น 2 ทิศทาง กลับด้านเข็นได้ โดยไม่ต้องยกเบาะนั่งออก

5. เป้อุ้ม Hugpapa รุ่น Dial-Fit Pro (3in1 Hip Seat Carrier)
เป้อุ้มทารกยี่ห้อไหนดี ? ที่มีเทคโนโลยีใหม่ BOA ปรับกระชับตัวง่ายขึ้น ง่าย สะดวก รวดเร็ว ปรับได้พอดีกับสรีระทุกคน เพียงแค่หมุน ต้อง Hugpapa รุ่นนี้เลยค่ะ รุ่นนี้เป็นแบบ 3 in 1 คือมี Hipseat ที่ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกินจนถึง 36 เดือน Carrier ใช้ได้ตั้งแต่ 2 – 36 เดือน และ Hipseat Carrier ที่ใช้ได้ตั้งแต่ 3-36 เดือน ซึ่งเป้อุ้มของ Hugpapa เค้าใส่ใจในรายละเอียดของกับทั้งคุณแม่ และคุณลูก ได้รับการรับรองจากสถาบัน IHDI ลูกนั่งสบายอย่างปลอดภัย ไม่ทำให้ขาโก่ง หลังงอ
จุดเด่น
- ฮิปซีทที่นั่งเอียง 23 องศา ช่วยให้ลูกนั่งสบายมากขึ้น
- ฮิปซีทเว้าโค้งช่วยให้เข่าและสะโพกเด็ก อยู่ในระดับเดียวกัน และโค้งรับหน้าท้องไม่กดแผลผ่าคลอด
- ฮิปซีท M-Shape ปกป้องข้อต่อสะโพกลูกให้ปลอดภัย
- มีหมวกกันแดด ผ้าเช็ดน้ำลาย แผ่นพยุงศีรษะ ช่องตาข่ายระบายอากาศ เปิดระบายเหงื่อและความร้อนให้กับลูกน้อย
- สำหรับคุณแม่ก็มีการออกแบบให้ปรับระดับสายรัดด้านหลังได้ หมดปัญหาสายไม่พอดีกับผู้อุ้ม ที่ติดด้านหลังเป็นแม่เหล็ก ติดได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้คนอื่นช่วย กระเป๋าด้านข้างขนาดใหญ่ ใส่โทรศัพท์ได้ หยิบใช้งานสะดวก

6. เป้อุ้มเด็ก HAENIM 9 Plus (Hipseat Carrier)
เป้อุ้มเด็กเพื่อสุขภาพ อุ้มสบายไม่ปวดหลัง ใช้ได้กับเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 36 เดือน มาพร้อมฐานนั่ง M-Shaped ซัพพอร์ตไหล้และหลัง รุ่นนี้มี Newborn support ออกแบบบตามสรีรศาสตร์ทารก อุ้มเด็กจิ๋วได้อย่างปลอดภัย แถมดีต่อสุขภาพคุณแม่ไม่ปวดหลัง เรียกว่าซัพพอร์ตทั้งแม่ และลูกได้อย่างดีเยี่ยมเลยหล่ะค่ะ
จุดเด่น
- เป้อุ้มเด็กมีฐานนั่ง M-Shaped ช้วยให้ลูกได้นั่งท่าถูกสรีระ ป้องกันข้อต่อสะโพกอักเสบ
- มีแผ่นพยุงศีรษะ ป้องกันลูกคอพับและกระดูกคอเคลื่อน มาพร้อมผ้าซับน้ำลาย Organic ไม่ระคายเคืองผิวลูก ถอดซักได้ หมวกคลุมศีรษะ ปกป้องแสงแดดให้ลูก ถอดได้ ตัวเป้ระบายอากาศดี ไม่ร้อนทั้งลูกน้อยและคนอุ้ม
- ซัพพอร์ตสุขภาพแม่ด้วยสายสะพายใหญ่ หนานุ่ม กระจายน้ำหนักได้ดี ไม่เมื่อยไหล่ มีสายคาดเอวขนาดใหญ่ ช่วยอุ้มลูกสบายขึ้น ไม่ปวดหลัง ส่วนฐานนั่ง Hipseat ก็โค้งรับกับช่วงท้อง สะพายแล้วไม่อึดอัด ไม่กดแผลผ่าคลอด
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่วางแผนกำลังจะพาทารก ขึ้นเครื่องบินก็คงจะได้ไอเดีย ได้คำตอบกันบ้างแล้วนะคะ หัวใจหลักของการพาเด็ก ขึ้นเครื่องบินก็คือการแจ้งเจ้าหน้าที่ตอนที่เราทำการจองตั๋วเครื่องบินเพื่อให้เค้าสามารถซัพพอร์ตเราได้อย่างเต็มที่ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์สำหรับซัพพอร์ตการเดินทาง อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า รถเข็นเด็ก ยี่ห้อไหนดี ? หรือว่าสนใจเป้อุ้มเด็ก หรือสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ในช่วงแรกของการเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ “ทำไมต้องใช้หมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุย” แท้จริงแล้วหมอนเหล่านี้มีประโยชน์มากมายสำหรับเจ้าตัวน้อย เนื่องจากช่วยป้องกันปัญหาหัวแบน กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว ช่วยเพิ่มความสบายในการนอนหลับ ระบายอากาศได้ดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนมาเรียนรู้เหตุผลสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนไม่ควรมองข้ามในการเลือกหมอนสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อเตรียมห้องนอนเด็กอ่อนให้พร้อมก่อนคลอดกันค่ะ เลือกหมอนทารกใบแรกให้ลูก ต้องเลือกยังไง ? หมอนหัวทุยจำเป็นหรือเปล่า ? หมอนสำหรับทารกถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลเจ้าตัวน้อย แม้จะดูเป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แต่การเลือกหมอนที่เหมาะกับทารกจะส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกหมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุยยังไงดี ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ หมอนทารก คืออะไร ? หมอนสำหรับทารก เป็นหมอนขนาดเล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทารก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้ ควรใช้หมอนทารก เมื่อไหร่ ? ตามคำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้มีการสรุปว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก คือการนอนหงายบนพื้นผิวแบนราบโดยไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่บนเตียงนอน เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา หมอน เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือน การใช้หมอนอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจของทารก เมื่อทารกพลิกตัว หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว […]
การเป็นแม่มือใหม่คือการเผชิญหน้ากับโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยการเรียนรู้และความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพของลูกน้อย เพราะสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตและพัฒนาการของเด็กๆ ในวัยเด็กแรกเกิด ถึงแม้จะเป็นเรื่องที่ดูยากในตอนเริ่มต้น แต่แม่มือใหม่สามารถเริ่มต้นด้วยเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้ลูกมีสุขภาพดีได้ มาดูกันว่า 10 เคล็ดลับที่จะช่วยเลี้ยงลูกให้สุขภาพดีมีอะไรบ้างค่ะ 1. ให้นมแม่เป็นหลัก การให้นมแม่เป็นการมอบสารอาหารที่ดีที่สุดแก่ลูกในช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต นมแม่มีทั้งสารอาหารที่ครบถ้วนและภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคติดเชื้อที่พบบ่อยในเด็ก เคล็ดลับ: 2. เริ่มอาหารเสริมเมื่อถึงเวลา เมื่อเด็กครบ 6 เดือน ควรเริ่มให้อาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโต การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยพัฒนาร่างกายและสมองของลูกได้อย่างดี เคล็ดลับ: 3. ส่งเสริมการนอนหลับที่เพียงพอ การนอนหลับที่เพียงพอช่วยส่งเสริมการเจริญเติบโตของเด็กและช่วยพัฒนาสมอง เด็กเล็กต้องการการนอนหลับมากในแต่ละวัน เคล็ดลับ: 4. ฉีดวัคซีนตามกำหนด การฉีดวัคซีนเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคร้ายแรง เช่น โรคหัด คอตีบ หรือบาดทะยัก ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่มือใหม่ไม่ควรมองข้าม เคล็ดลับ: 5. ให้ลูกได้รับการเคลื่อนไหว การเคลื่อนไหวเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพัฒนาการร่างกายและสมองของลูก การให้ลูกมีโอกาสเคลื่อนไหวตามวัย เช่น การคลาน การนั่ง หรือการยืน ช่วยเสริมพัฒนาการให้ดีขึ้น เคล็ดลับ: 6. รักษาความสะอาดและสุขอนามัย การรักษาความสะอาดทั้งร่างกายและสิ่งแวดล้อมช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น การติดเชื้อในช่องปากหรือผิวหนัง […]
เด็กบางคนจะมีเหงื่อออกมาก ทั้งบนศีรษะ หน้า หน้าอก แผ่นหลัง จนหมอน และชุดนอนเปียกชื้น โดยเฉพาะเด็กที่ปกติมีเหงื่อมาก เมื่อนอนไปได้สักระยะหนึ่งอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้มีเหงื่อออกจนคุณพ่อคุณแม่ตกใจเกรงลูกจะเป็นโรคร้าย เพราะมีคนกล่าวว่า เหงื่อออกมากเวลากลางคืนอาจจะเป็นอาการระยะเริ่มต้นของโรคต่างๆ ดังนี้ >>>ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็ปไซด์ maerakluke.com
คาร์ซีทนั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกน้อย และคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมพร้อมคาร์ซีทให้เรียบร้อยก่อนที่ลูกน้อยจะคลอด เพราะเมื่อออกจากโรงพยาบาลมาแล้วก็ต้องนั่งคาร์ซีทกลับบ้าน ทั้งเพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยเอง และเพื่อปฏิบัติตามกฏหโมายเรื่องการกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) ที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกคาร์ซีท เด็กแรกเกิดอย่างไรดี ควรเลือกแบบไหน คาร์ซีทสำหรับเด็กมีกี่ประเภท เลือกอย่างไร BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ มาฝากกันแล้วค่ะ เลือกคาร์ซีท เด็กแรกเกิด อย่างไรดี ? ต้องรู้อะไร ? เลือกยังไงดี หาคำตอบได้จากบทความนี้ ! คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด เป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องเตรียมไว้ให้กับลูกตั้งแต่ก่อนคลอด และควรที่จะให้ลูกได้ใช้ตั้งแต่วันแรกที่ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากร่างกายของเด็กทารกยังไม่แข็งแรง ยังไม่สามารถรับแรงกระแทกได้มากเท่าไหร่ อีกทั้งเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ จึงควรป้องกันไว้ก่อนและเตรียมความพร้อมในทุกสถานการณ์ คาร์ซีท เด็กแรกเกิด จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี ต้องเลือกแบบไหน คาร์ซีท มีกี่แบบ ต้องเลือกอย่างไร ? ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดลับดีๆ ในการเลือกซื้อคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดมาฝากกันค่ะ เรามารู้จักประเภทของคาร์ซีทกันก่อนเลย ซึ่งสามารถแบ่งประเภทของคาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดได้ดังนี้ 1. New Born Only : หรือคาร์ซีทแบบกระเช้า คาร์ซีทประเภทนี้จะมีขนาดเล็ก […]
สวัสดีค่ะ ^_^ อุปกรณ์คู่ใจของแม่ ๆ สุดสตรองทุกท่านก็คงหนีไม่พ้น “รถเข็นเด็ก” จริงไหมคะ..? ส่วนตัวมดเอง ลองใช้รถเข็นมาหลายยี่ห้อ แต่ตอนนี้บ้านเรากำลังจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันหลายวัน รถเข็นคันเดิมเริ่มไม่ตอบโจทย์เรื่องการพกพาอีกต่อไปแล้ว เพราะแค่ของใช้ก็เต็มรถแล้วค่ะ เราจึงมีโจทย์ในการหารถเข็นคันใหม่ว่า ต้องมีน้ำหนักเบา พับเก็บง่าย และแน่นอนว่าต้องเป็นแบรนด์ดังที่แม่ ๆ ไว้ใจ เหมือนสวรรค์มีตา 555 เพราะไม่กี่วันต่อมา เราก็ไปเจอใน IG คุณโอปอล์ว่า เพิ่งถอยรถเข็นใหม่ให้น้องอลิน อลันเหมือนกัน แถมยังเชียร์ว่ามันเบา ใช้งานสะดวกมากกก คุณแม่ขาช็อปอย่างเราก็ไม่รอช้าค่ะ ไปซื้อตามด่วน ๆ คุณโอปอล์ซื้อรถเข็นจากร้าน BABYGIFT ค่ะ มดเองไม่มีเวลาไปที่ร้าน เลยสั่งซื้อออนไลน์ กดสั่งปุ๊บ รอไม่นานก็มีน้องเสียงสวยโทรมานัดวันจัดส่งทันที 2 วันก็ได้ของค่ะ สะดวกมากก แล้วเราก็ได้รถเข็นที่ตอบโจทย์การใช้งานมา 1 คัน และนี่คือ “Aprica Magical Air Plus Highseat” รุ่นนี้มีจุดเด่นตรงที่ เล็ก และน้ำหนักเบา ที่สุด ตัวนี้เค้าแนะนำสำหรับเด็กไม่เกิน 15 โล แต่ลูกบ้านนี้หนัก 16 โลก็ยังนั่งสบาย ๆ เลยค่ะ ราคาอยู่ที่ 10,335 บาท อย่างที่ทราบกันดีว่า “ถ้ารถเข็นต้อง Aprica” ดังนั้นเค้าจึงมีความพิเศษค่ะรุ่นนี้น้ำหนักเบาเพียง 3.3 kg ถือมือเดียวได้สบาย ๆ และที่นั่งเป็นแบบ High Seat สูงจากพื้นดิน 52 cm. ซึ่งจะทำให้ฝุ่นละอองและความร้อนจากพื้นนั้นห่างจากลูกยิ่งขึ้น แถมยังสามารถพับเก็บได้แบบ One Step และล้อทั้ง 4 ก็จะติดกับพื้น ลากได้สบาย ๆ […]
1.เลือกจากประเภทการใช้งานให้เหมาะสมกับสรีระและน้ำหนักของเด็กค่ะโดยทั่วไปรถเข็นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ 2. วัสดุโครงสร้างของรถเข็นเด็กต้องแข็งแรงและที่สำคัญน้ำหนักต้องเบาเพราะว่าบางครั้งคุณแม่อาจจะต้องเดินทางโดยลำพังกับลูกน้อย นอกจากนี้เบาะที่สัมผัสของตัวน้องควรทำจากวัสดุที่นุ่มสบายเพื่อให้เด็กนั่งได้นาน อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีเนื่องจากอากาศที่เมืองไทยค่อนข้างร้อนและระบบปรับอุณหภูมิในเด็กเล็กนั้นยังทำงานได้ไม่ดีนักทำให้เด็กจะร้อนและเหงื่อออกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ 3. ล้อต้องเป็นล้อที่สามารถหมุนได้สะดวกและแข็งแรง เพราะจะทำให้การเคลื่อนตัวของรถเข็นคล่องตัวขึ้นแม้ว่าคุณแม่จะต้องเข็นรถในที่ที่แคบ 4. โครงสร้างของผลิตภัณฑ์ต้องออกแบบมาเพื่อรักษาให้ขาและข้อต่อสะโพกอยู่ในรูปทรงตามธรรมชาติโดยประคองขาและข้อต่อสะโพกในอยู่ในรูปทรงตัว“M” ซึ่งเป็นท่าที่จะทำให้ขาและสะโพกของลูกน้อยมั่นคงที่สุดรวมทั้งจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกทั้งสองส่วนให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 5. มีหลังคาที่สามารถปกป้องลูกน้อยจากแสงแดดและรังสียูวีเพราะผิวหนังของเด็กนั้นยังบอบบางโดยที่บังแดดควรจะปรับได้ตามทิศทางของแสงแดดที่ปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาในแต่ละวัน นอกจากนี้ที่บังแดดยังช่วยบังลมให้ลูกน้อยได้อีกด้วย 6. โครงสร้างของรถเข็นเด็ก ต้องออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบการหายใจในกรณีที่เด็กอาจจะเผลอหลับบนรถเข็น โดยมีเบาะที่จะทำให้ศีรษะเด็กไม่เคลื่อนที่และป้องกันการบิดของลำคอจึงช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากทางเดินหายใจอุดกั้น 7. ข้อสำคัญอีกประการก็คือหากคุณใช้รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรจะเลือกประเภทที่สามารถหันที่นั่งรถเอาหาตัวคุณแม่ได้ เนื่องจากเด็กเล็กต้องการความเอาใจใส่จากแม่เป็นพิเศษ เมื่อน้องออกไปข้างนอกเขาต้องการจะมองเห็นคุณแม่เพื่อความอุ่นใจค่ะ แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้ว เด็กจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวซึ่งในวัยนี้คุณแม่อาจจะปรับที่นั่งรถเข็นให้มองออกไปข้างนอกได้ค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.