Shaken Baby Syndrome ภัยใกล้ตัวลูกน้อยที่คุณแม่คาดไม่ถึง

มาทำความรู้จักกับโรค Shaken Baby Syndrome
สำหรับพ่อแม่คนไทยอาจไม่คุ้นหูกับโรคนี้ แต่ในต่างประเทศโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายๆ กับคุณแม่มือใหม่ มิหนำซ้ำความรุนแรงยังอันตรายถึงชีวิตของลูกน้อย

โรค Shaken Baby Syndrome คือโรคที่มักพบในเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปี เกิดจากการที่พ่อแม่จับลูกเขย่าแรงๆ อาจจะด้วยความตั้งใจหรือไม่นั้น แรงเขย่าจะทำให้เนื้อสมองกระแทกกับกะโหลกศีรษะ จนสมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดออก เพราะเส้นเลือดในสมองของเด็กเล็กๆยังไม่แข็งแรง โอกาสที่มีการฉีกขาดจึงมีมากกว่าผู้ใหญ่

สาเหตุที่ทำให้ทารกเป็น Shaken Baby Syndrome จนทำให้พิการ หรือถึงขั้นเสียชีวิต
เพราะการเขย่ารุนแรงจนมีภาวะเสี่ยงเป็นโรค Shaken Baby Syndrome นี้ มักจะไม่ทิ้งร่องรอยที่ร่างกายภายนอก ทารกจึงไม่ได้รับการรักษา เมื่อปล่อยทิ้งไว้นานก็อาจมีปัญหาด้านการเรียนรู้ สติปัญญา อาจเกิดอาการเป็นลมชัก ตาบอด หรือร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้

วิธีสังเกตอาการภาวะเสี่ยงเป็น Shaken Baby Syndrome
– อาการอาเจียน หรือหายใจลำบาก ซึ่งอาจดูไม่รุนแรง คล้ายภาวะปวดท้อง ช่วง 3 เดือนแรก(Baby Colic) เมื่อพาลูกน้อยไปพบแพทย์ ต้องบอกด้วยว่าเด็กโดนเขย่าอย่างรุนแรง หากเกิดภาวะเสี่ยงเป็น Shaken Baby Syndrome จะได้รับการรักษาได้ทันเวลา มีผลอันตรายต่อสมองเด็ก หรือเลือดออกในสมองได้
– อาการไม่รู้สึกตัว ช็อก ชัก หรือหยุดหายใจ ในบางรายอาจโคม่าขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เลือดออกด้วย ต้องรีบรักษา มิฉะนั้นอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อเด็ก จนอาจไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กได้ทัน


หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง ได้ที่

หรือช่องทางออนไลน์ :

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คุณแม่ยุคใหม่หลายๆ ท่านอาจจะรู้จัก วิธีการให้อาหารเสริมลูกน้อยแบบ Baby Led Weaning หรือการ กินแบบ BLW กันบ้างแล้ว  เพราะเป็นวิธีการที่หลายบ้านเริ่มนิยมใช้ เนื่องจากเป็นการฝึกลูกกินอาหารเสริมด้วยตัวเองตั้งแต่มื้อแรก  ในแบบที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องป้อน และไม่ต้องบดหรือปั่นอาหารให้ลูกน้อย ที่สำคัญคือการให้ลูกกินอาหารเสริมด้วยวิธีนี้ ยังมีข้อดีหลายอย่าง เพราะเป็นการฝึกให้ลูกได้ใช้พัฒนาการทั้งด้านกล้ามเนื้อ สายตา ได้เรียนรู้รสชาติอาหารที่แตกต่าง และเป็นการฝึกพื้นฐานการช่วยเหลือตัวเองเพื่อพัฒนาให้ลูกสามารถทำอะไรได้เองเก่งขึ้นในอนาคต กินแบบ BLW มีขั้นตอนอย่างไร? วิธีการ กินแบบ BLW มีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้ ซึ่งการให้ลูกกินด้วยวิธีการแบบนี้ จะช่วยให้ทั้งคุณแม่และคุณลูกรักมีความสุขกับมื้ออาหารของลูกมากขึ้น เพราะไม่ต้องเหนื่อยเดินป้อนข้าวลูก ลูกน้อยเองก็รู้สึกสนุก เพลิดเพลินกับการได้หยิบจับอาหารเข้าปาก ทำให้การ กินแบบ BLW เป็นที่นิยมกันในครอบครัวต่างประเทศ และนิยมในเมืองไทยบ้านเรามากขึ้น แต่การจะเริ่มให้ลูกกิน BLW จะต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนให้มื้อแรก และคุณแม่ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดและข้อควรระวังหลายๆ อย่าง ดังนั้นไปดูกันว่ามีอะไรที่คุณแม่ต้องพิถีพิถันใส่ใจบ้าง แม่ต้องเตรียมอะไรบ้าง? เมื่อเริ่มให้ลูก กินแบบ BLW แม้จะดูเหมือนการให้อาหารเสริมลูกด้วยวิธีการ BLW นี้ จะไม่ได้ยุ่งยากนัก แต่ก็มีเรื่องสำคัญต่างๆ ที่คุณแม่จะต้องใส่ใจและพิถีพิถันเลือกให้ลูกน้อย เพื่อความปลอดภัย และให้อาหารลูกในแบบ BLW ได้สำเร็จ […]

อาหารที่จะช่วยบำรุงสายตาให้กับลูกน้อย >>>ขอบคุณข้อมูล : Mother&Care

การเดินทางโดยรถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของหลาย ๆ ครอบครัว การเลือกใช้คาร์ซีทที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องความปลอดภัยของลูกน้อยในทุกการเดินทาง และหนึ่งในนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบันคือ คาร์ซีทหมุนได้ หรือ คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา ซึ่งมาพร้อมกับฟังก์ชันการหมุน ที่ช่วยให้การติดตั้งและการย้ายลูกน้อยเข้า-ออกจากคาร์ซีททำได้ง่ายยิ่งขึ้น   คาร์ซีทหมุนได้คืออะไร ?  คาร์ซีทหมุนได้ คือ คาร์ซีทที่สามารถหมุนตัวได้รอบทิศทาง 360 องศา ทำให้คุณพ่อคุณแม่สามารถหมุนคาร์ซีทไปทางด้านข้าง หรือ หันไปทางประตูรถได้อย่างสะดวกสบาย ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกในการติดตั้งคาร์ซีทและการย้ายลูกน้อยเข้า-ออกจากคาร์ซีทได้ง่ายขึ้นมาก  คาร์ซีทหมุนได้จำเป็นไหม ช่วยให้สะดวกขึ้นอย่างไรบ้าง ?  1. คาร์ซีทหมุนได้  เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน : การหมุนได้ 360 องศาช่วยให้อุ้มลูกน้อยเข้า-ออกจากคาร์ซีทได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องมุดตัวหรือเอี้ยวตัวในพื้นที่แคบ ๆ ของรถ ช่วยลดความเสี่ยงที่ศีรษะจะไปกระแทกกับขอบประตูหรือพาลูกน้อยหกล้มได้เป็นอย่างดี  2. คาร์ซีทหมุนได้  รองรับการใช้งานในระยะยาว : คาร์ซีทหมุนได้สามารถปรับเปลี่ยนตำแหน่งการนั่งจากหันไปข้างหลัง (Rear-facing) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยสำหรับเด็กเล็ก ไปจนถึงการหมุนหันไปข้างหน้า (Forward-facing) เมื่อเด็กโตขึ้นได้ โดยไม่ต้องติดตั้งใหม่  3. สะดวกในการดูแลลูก : การหมุนคาร์ซีทไปทางด้านข้างจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลลูกน้อยได้ง่ายขึ้น เช่น การเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือการปลอบโยนเมื่อลูกร้องไห้งอแงได้เลย  […]

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ คุณนานาอยากฝากไปถึงคุณพ่อคุณแม่ทุกท่าน ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้คาร์ซีท ในทุกครั้งที่เดินทาง ไม่ว่าใกล้หรือไกล ก็ต้องให้ลูกนั่งคาร์ซีทเสมอ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ขอปรบมือให้กับคุณนานาและคุณเวย์ ที่เป็นครอบครัวตัวอย่าง ฝึกให้น้องบีน่าและน้องบรู๊คลีน มีวินัยในการนั่งคาร์ซีททุกครั้งที่อยู่บนรถ คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยในรถยนต์สำหรับเด็ก ช่วยลดโอกาสการบาดเจ็บ หรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ การใช้ คาร์ซีท จะช่วยรองรับศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ที่ยังไม่แข็งแรงของเด็กเล็ก ช่วยไม่ให้สมองและไขสันหลังถูกทำลายจากการกระแทกในขณะเกิดอุบัติเหตุ และสิ่งสำคัญควรติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกต้อง ให้ลูกคาดเข็มขัดนิรภัยที่ตัวคาร์ซีทด้วยทุกครั้ง และปรับสายให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่ให้ลูกอึดอัดและไม่หลวมเกินไป เพราะถ้าหลวมเกินไป เมื่อเกิดอุบัติเหตุที่ร้ายแรงและไม่คาดฝัน ก็อาจทำให้เด็กหลุดออกจากคาร์ซีท และหลุดออกนอกตัวรถไปจนเป้นอันตรายถึงชีวิต ครอบครัวตัวอย่างเดินทางอย่างปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่คาดเบลล์ ลูกๆนั่งคาร์ซีท ว้าว เยี่ยมไปเลย !!! น้องบีน่าและน้องบรู๊คลิน เดินทางอย่างปลอดภัยและหลับสบ๊ายสบายด้วยค่ะ

หมอเด็กเค้าเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ลูกตัวเอง….อยากรู้ต้องคลิ๊ก ก่อนซื้อคาร์ซีทให้ลูก ถ้าไปอ่านหนังสือ ก็จะรู้ว่าคาร์ซีท (carseat) มี 4 แบบ (ซึ่งเอาเข้าจริงรู้จริงๆ ตอนมีลูก 55555 ก่อนนั้นรู้แต่ทฤษฎี) คือ แน่นอนในตลาด มี option มากมายไว้หลอกลวงพ่อแม่ขาช้อป 5555 ทั้งแบบตระกร้าที่ยกเข้าออกได้เลย หรือ ประกอบลง stroller (รถเข็น) ได้เลย…. เอาที่สบายใจ 555 เอาหลักในการเลือกของพ่อหมอเลยแล้วกัน 555 ไม่ว่าอะไรก็ตาม เน้นใช้ได้ยาวๆ เป็นหลัก แน่นอน convertible เป็นแบบที่เลือกแบบไม่ต้องคิดเลย เพราะใช้ได้นานดี อย่างน้อยๆ ก็สามสี่ปี อีแบบตระกร้าเนี่ยใช้ได้ปีเดียวก็ต้องเปลี่ยนละ ไม่ไหว พ่อไม่ค่อยมีตังค์ (ต้องเอาไปซื้อของไร้สาระอื่นๆ อีก 55555) ยังๆ ยังไม่จบ เลือกชนิดแล้ว ต้องมาเลือก options อีก ตัวเลือกเรามีดังนี้ เน้นหลัก 3 ข้อในการใช้คาร์ซีท carseat โดย […]

ว่าที่คุณแม่ทั้งหลาย พอรู้ข่าวดีว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์คงเกิดอาการดีใจอยู่ไม่น้อย แต่ในความดีใจของคุณแม่ก็เกิดคำถามและความกังวลในหัวอยู่มากมาย โดยเฉพาะการลุ้นพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์อยู่ตลอด หนึ่งในนั้นเชื่อว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย คงอยากรู้สินะว่า ลูกในครรภ์จะได้ยินเสียงเราตอนไหน และการได้ยินของลูกจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ และคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถสื่อสารในรูปแบบไหนได้บ้าง ที่จะช่วยการกระตุ้นให้ลูกน้อยได้รับรู้ เพราะคุณแม่ทั้งหลายต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าการพูดคุยกับลูกน้อยในครรภ์ เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีกับลูกได้ดีอีกอย่างหนึ่ง บางทีเราเองก็จะเห็นคุณแม่หลายๆคน เปิดเพลงคลาสสิกให้ลูกฟังสไตล์โมซาส เผื่อลูกจะได้อารมณ์ดี บ้างก็ร้องเพลง บ้างก็เล่านิทาน แต่จริงๆแล้วคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าลูกในครรภ์จะได้ยินเสียงตอนกี่เดือนกันแน่ พัฒนาการการได้ยินของลูกน้อยในครรภ์ เริ่มต้นอย่างไร คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการ การได้ยินของลูกน้อยอย่างไรได้บ้าง ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการการได้ยินของทารกในครรภ์ได้ เพราะจริงๆแล้ว ทารกจะได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่เดือนที่ 5 เป็นต้นไป และการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ โดยคุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการการได้ยินของทารกในครรภ์ อย่างมีประสิทธิภาพแบบง่ายๆ ได้ดังนี้ 1. พูดคุยกับลูกบ่อยๆ โดยการใช้น้ำเสียงปกติในชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่ รวมถึงคุณแม่อาจจะเพิ่มการร้องเพลง หรืออ่านหนังสือ เข้าไปด้วยก็เป็นการช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการได้ยินของทารกในครรภ์แล้ว 2. เปิดเพลงให้ลูกฟังบ่อยๆ โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะเป็นเพลงแนวไหน สามารถเปิดได้หมด ทั้ง โมสาร์ท คลาสสิก แจ๊ส ป๊อป ร็อค ลูกทุ่ง เพียงแค่ขอให้เป็นเพลงที่ฟังสบายๆ ไม่รุนแรงเกินไป ก็ช่วยให้ลูกได้รู้สึกถึงจังหวะมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นพัฒนาการการได้ยิน พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวเมื่อลูกได้ดิ้นและขยับตัวตามจังหวะดนตรีเพลง […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages