9 อาหารบำรุงครรภ์ที่คุณแม่ต้องห้ามพลาด

เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารการกิน ก็เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทานเข้าไปจะมีผลต่อลูกน้อยในท้องโดยตรงนี่เนอะ ของบางอย่างที่คุณแม่ทานเป็นปกติทุกวันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ส่วนของบางอย่างที่เจอทีไรก็ต้องเบ้ปากอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็ได้
อาหารการกินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะมีผลต่อน้ำหนักและความครบถ้วนสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงสมองของลูกน้อย แต่เราควรจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหนดีล่ะ แล้วขนาดไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ลองมาดูกัน!

1. โฟเลต
โฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วสาว ๆ บ้านไหนที่เตรียมตัวจะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็จะแนะนำให้ซื้อโฟเลตมาทานเพื่อเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่ท้องเลย เพราะเจ้าตัวโฟเลตนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำมาใช้ในการสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้ารับสารอาหารตัวนี้เข้าไปไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลให้ทารกมีความพิการทางสมองได้ค่ะ ส่วนคุณแม่บ้านไหนที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องก็ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงคุณหมอก็จะสั่งโฟเลตให้ทานทุกวันเพื่อบำรุงอยู่แล้ว บำรุงตอนท้องก็ไม่ได้สายเกินไปค่ะ อีกอย่างอาหารหลาย ๆ อย่างที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวันก็มีโฟเลตอยู่บ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ไข่แดง ตับ ฟักทอง แครอท ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณแม่ควรจะทานโฟเลตให้ได้วันละ 400-800 ไมโครกรัมกันนะคะ

2. เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
ส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับคนท้องจะเป็นจำพวกเนื้อแดงอย่าง “เนื้อวัว” เพราะว่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องโลหิตจางของคุณแม่ได้ แล้วก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อทารกเช่นกัน แต่เนื้อวัวที่คุณแม่ทานควรจะเป็นแบบไร้มัน หรือมันน้อยที่สุดนะคะ เพราะการที่คุณแม่ทานมันเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้คลื่นไส้หรือท้องอืดได้นะ เนื้อไก่นี่ก็เป็นอะไรที่แนะนำ เพราะมีโปรตีนสูงและจะช่วยเรื่องน้ำหนักของลูกน้อยด้วยค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ก่อนก็เป็นพวกอาหารทะเล เพราะมีการตรวจพบสารปรอทในสัตว์ทะเลที่จับมาจากบางที่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีเนื้อหมูที่ควรหลีกเลี่ยงเพราะถ้าปรุงไม่สุกแค่นิดเดียวก็อาจเป็นแหล่งของไวรัสและแบคทีเรียที่เป็นอันตราย อย่างเช่นเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus suis ซึ่งจะมีผลต่อทารกในครรภ์ของคุณแม่อย่างแน่นอน

3. นม
อันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะนมมีประโยชน์สำหรับคุณแม่ ๆ แน่นอนอยู่แล้ว นมเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยวิตามิน แคลเซียม โปรตีน แถมยังมีกรดโฟเลตอีก คุณแม่สามารถเลือกได้ว่าจะดื่มเป็นนมวัว นมถั่วเหลือง หรือนมที่ผลิตมาเฉพาะเพื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ก็ได้ค่ะ แล้วแต่ชอบเลยนะ แต่ที่คุณแม่ต้องห้ามลืมก็คือ อย่าดื่มนมมากเกินไป เพราะการที่คุณแม่ดื่มนมเยอะเกินไป อาจทำให้ลูกน้อยเสี่ยงต่อการแพ้นมได้ค่ะ ทางที่ดีควรจะดื่มซักวันละแก้ว หรืออย่าเกิน 2 แก้วต่อวันนะคะ

4. อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต
คาร์โบไฮเดรตเป็นสารอาหารที่หาได้ง่ายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากในพวกธัญพืช ข้าว เผือก ขนมปัง ข้าวโพด ฯลฯ อาหารพวกนี้จะมีส่วนช่วยในเรื่องของสมองของลูกน้อย รวมถึงการเจริญเติบโตของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายอีกด้วย แต่อาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตอาจมีโทษได้ถ้าคุณแม่รับประทานเยอะเกินไป เพราะมันอาจจะไปสะสมในร่างกายจนกลายเป็นไขมันส่วนเกิน ทำให้คุณแม่มีน้ำหนักเพิ่มมากกว่าที่ควร แถมยังอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งทำให้เสี่ยงเป็นเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์อีกด้วยค่ะ

5. เมนูไข่
ไข่เป็นของที่หาทานง่าย ราคาไม่แพง แถมยังทำเมนูอร่อย ๆ ได้มากมาย ยิ่งในช่วงสามเดือนแรกแล้ว ไข่เป็นอะไรที่สำคัญมากเลยล่ะค่ะ เพราะว่าไข่เป็นแหล่งรวมโปรตีนและแร่ธาตุ รวมถึงวิตามินที่สำคัญต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของเซลล์สมองและไขสันหลัง เราขอแนะนำให้คุณแม่ทานไข่กันวันละฟอง เพื่อความแข็งแรงของลูกน้อยและของคุณแม่เองนะคะ

6. ปลาแซลมอน
คุณแม่กำลังรอข้อนี้อยู่ใช่มั้ยล่ะ อ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งแอบยิ้มกริ่มตั้งท่าจะคว้ากระเป๋าไปทานซาชิมิกันนะ ปลาแซลมอนที่เราจะแนะนำนั้นจะเป็นปลาแซลมอนที่สุกแล้วนะคะ เพราะปลาแซลมอนที่ไม่สุกนี่เสี่ยงต่อการมีพยาธิมาก ๆ เลยล่ะค่ะ เราแนะนำให้คุณแม่ทานแซลมอนเพราะมีส่วนช่วยในเรื่องของความจำและสมองของลูกน้อย เพราะเป็นแหล่งสำคัญของโอเมกา 3 ช่วยให้ทารกมีการพัฒนาด้านความจำและด้านสมองเมื่อคลอดออกมา แต่ขอย้ำอีกครั้งนะ ทานแบบสุกนะคะ!

7. ตับ
ตับนอกจากจะอร่อยแล้วยังอุดมไปด้วยธาตุเหล็กที่เป็นตัวช่วยในเรื่องโลหิตจางด้วยค่ะ นอกจากนี้คุณแม่ยังสามารถพบวิตามิน A ได้ในตับอีกด้วยนะ วิตามิน A ตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตของตัวอ่อน แถมยังเป็นตัวช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวหลังคลอดได้เร็วอีกด้วย แต่ก็เหมือนกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์อื่น ๆ นะคะ คุณแม่ต้องทำให้สุกเสียก่อน เพราะถ้าไม่สุกแล้ว จากที่มีประโยชน์ก็อาจกลายเป็นโทษเนื่องจากมีพยาธิสูงได้น้า

8. อะเซทิลโคลีน
ชื่ออาจจะฟังดูไม่คุ้น แต่สารอาหารตัวนี้สามารถเจอได้ในพวกข้าวซ้อมมือหรือขนมปังที่เป็นโฮลวีตค่ะ อะเซทิลโคลีนจะเป็นตัวช่วยที่มาเสริมทำให้สมองและระบบประสาทของลูกน้อยทำงานด้วยกันได้อย่างราบรื่น ทำให้ลูกน้อยสามารถตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดี พัฒนาได้ตามอายุครรภ์ และคลอดออกมาเป็นเด็กที่แข็งแรง

9. ผักและผลไม้
จะขาดข้อนี้ไปไม่ได้เลย ผักและผลไม้เป็นอาหารที่เต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระค่ะ ซึ่งเจ้าสารตัวนี่เนี่ยจะช่วยป้องกันไม่ให้มีสิ่งแปลกปลอมมาทำร้ายเนื้อเยื่อบริเวณสมองของลูกน้อย แถมยังมีวิตามิน C สูง ช่วยต้านไข้หวัดอีกต่างหาก แต่อย่างไรก็ตามคุณแม่อย่าทานผักที่มีสีเข้มเกินไปนะคะ เพราะว่ายิ่งสีเข้มเท่าไหร่ สารต้านอนุมูลอิสระก็จะมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้ารับเข้าไปมากเกินไป มันก็ไม่ได้มีผลดีต่อคุณแม่ค่ะ
การเลือกรับประทานอาหารสำหรับคุณแม่นั้นดูเหมือนว่าจะต้องใช้ความพิถีพิถันไม่น้อย แถมยังมีข้อยกเว้นนู่นนี่เต็มไปหมด เราขอสรุปง่าย ๆ เพื่อไม่ให้คุณแม่กังวลเรื่องนี้จนเกินไป ก่อนจะทานอะไรให้คุณแม่พิจารณาถึงระดับน้ำตาล ระดับไขมัน และระดับคาร์โบไฮเดรตของอาหารดังกล่าวเสียก่อน เพราะหากได้รับสารต่าง ๆ เหล่านี้มากเกินไปแล้วล่ะก็ จะส่งผลเสียโดยตรงต่อคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ค่ะ ส่วนอาหารไหนที่ว่ามีประโยชน์ ก็ขอให้รับประทานอย่างพอเพียง เพราะหากรับประทานมากเกินไปแล้วอาจจะเกิดโทษแทนน้า
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ในช่วงแรกของการเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ “ทำไมต้องใช้หมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุย” แท้จริงแล้วหมอนเหล่านี้มีประโยชน์มากมายสำหรับเจ้าตัวน้อย เนื่องจากช่วยป้องกันปัญหาหัวแบน กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว ช่วยเพิ่มความสบายในการนอนหลับ ระบายอากาศได้ดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนมาเรียนรู้เหตุผลสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนไม่ควรมองข้ามในการเลือกหมอนสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อเตรียมห้องนอนเด็กอ่อนให้พร้อมก่อนคลอดกันค่ะ เลือกหมอนทารกใบแรกให้ลูก ต้องเลือกยังไง ? หมอนหัวทุยจำเป็นหรือเปล่า ? หมอนสำหรับทารกถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลเจ้าตัวน้อย แม้จะดูเป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แต่การเลือกหมอนที่เหมาะกับทารกจะส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกหมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุยยังไงดี ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ หมอนทารก คืออะไร ? หมอนสำหรับทารก เป็นหมอนขนาดเล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทารก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้ ควรใช้หมอนทารก เมื่อไหร่ ? ตามคำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้มีการสรุปว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก คือการนอนหงายบนพื้นผิวแบนราบโดยไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่บนเตียงนอน เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา หมอน เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือน การใช้หมอนอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจของทารก เมื่อทารกพลิกตัว หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว […]
…แต่ก็ไม่ง่ายเลย ให้คาร์ซีทเป็นเก้าอี้วิเศษของเด็กๆ ประสบการณ์จากคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่อยากแชร์ให้ทุกๆบ้านฝึกลูกนั่งคาร์ซีทเพื่อความปลอดภัยของลูกๆ วิธีนี้พิสูจน์แล้วได้ผลแน่นอนค่ะ แต่ช่วงแรกคุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็งหน่อยนะคะ อ่านจบแล้วนำไปฝึกกับลูกๆเราได้เลยค่ะ ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆ เรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ” คาร์ซีทของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย 1. สร้างความผูกพันกับคาร์ซีท อนุญาตให้ลูกเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งคาร์ซีทของตัวเองได้ เอาให้ถูกใจเลยเพราะต้องนั่งไปอีกนาน 2. มอบรางวัล บอกลูกว่า เราจะออกเดินทางได้ก็ต่อเมื่อล็อกสายรัดนิรภัยเรียบร้อย แล้วลูกจะรีบทำตัวน่ารักเพราะอยากไปเที่ยว แต่ถ้ากำลังพาไปหาหมอ อาจให้ขนมเป็นรางวัลได้ 3. เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าโยเยนัก ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่ลูกกำลังอินดีกว่า แค่นี้ก็เผลอจดจ่อกับการโม้เรื่องเจ้าหญิงกับฮีโร่ จนไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองถูกจับนั่งคาร์ซีทเรียบร้อยแล้ว (มุกนี้ไม่เหนื่อย แถมสนุกดีด้วย) 4. เตรียมของเล่นแก้เบื่อ ควรมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ในรถ แนะนำว่าควรเป็นของเบาๆ และไม่แข็ง เช่น หนังสือผ้า เพราะคุณอาจโดนลูกเอาของในมือปาใส่ขณะขับรถ […]
หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids
ใช้เครื่องปั๊มนม ดียังไงนะ? คุณแม่รู้ไหมว่า การปั๊มนมมีส่วนช่วยคุณแม่และลูกน้อยได้มากมายกว่าที่คิด แต่เชื่อว่าสำหรับคุณแม่มือใหม่ การปั๊มนมครั้งแรกอาจไม่ใช่เรื่องง่าย อาจมีความกังวลใจต่างๆ นาๆ ว่าจะเริ่มยังไง ต้องทำอะไรบ้าง เราจึงอยากจะมาแนะนำวิธีการปั๊มนมครั้งแรก พร้อมกับเทคนิคการปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า เพื่อให้คุณแม่ได้ ใช้เครื่องปั๊มนมได้เก่ง คุ้มค่าอย่างมืออาชีพ ลูกน้อยก็มีน้ำนมแม่กินอิ่มอยู่เสมอค่ะ สอนคุณแม่ ใช้เครื่องปั๊มนม แม้คุณแม่จะลองปั๊มนมแล้ว น้ำนมจะยังไม่มี ก็ไม่ควรเครียด หรือตกใจ คิดว่าตัวเองไม่มีน้ำนม เพราะการปั๊มนมช่วงนี้เป็นการปั๊มนมเพื่อกระตุ้น และฝึก ใช้เครื่องปั๊มนมให้คุ้นเคย เมื่อคุณแม่ได้ใช้เครื่องปั๊มนมร่วมกับให้ลูกดูดกระตุ้นบ่อยๆ น้ำนมแม่จะมาเร็วขึ้น เมื่อ ใช้เครื่องปั๊มนม ปั๊มนมแบบไหน? ให้เกลี้ยงเต้า การปั๊มนมให้เกลี้ยงเต้า คือการระบายน้ำนมให้หมดจากเต้านมคุณแม่ในครั้งนั้นๆ เพื่อให้เต้านมคุณแม่ได้มีพื้นที่สำหรับการผลิตน้ำนมขึ้นใหม่อยู่เสมอ เพราะน้ำนมแม่จะมีรอบของการผลิตใหม่ๆ ในเต้านมตลอดเวลา เมื่อน้ำนมผลิตจนเต็มเต้า เต็มพื้นที่เก็บน้ำนม จะทำให้เต้านมคุณแม่คัดตึง ต้องให้ลูกน้อยดูดหรือปั๊มนมระบายออกมา ซึ่งการปั๊มนมออกมานั้น ยิ่งระบายน้ำนมออกได้เกลี้ยงเต้ามากเท่าไร ก็จะยิ่งช่วยให้นมแม่ผลิตออกมาสม่ำเสมอได้มากขึ้นเท่านั้นค่ะ เทคนิคปั๊มเกลี้ยงเต้า คุณแม่จะรู้ได้ว้าน้ำนมที่ปั๊มนั้นเกลี้ยงเต้าแล้ว เมื่อรู้สึกได้ว่าเต้านมอ่อนนุ่มนิ่มลง อาการคัดตึงเต้านมก่อนที่จะปั๊มนม (เพราะมีน้ำนมอยู่เต็มเต้านม) ก็จะหายไปด้วย
ต้องบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่นั้นโชคดีมากมาย เพราะการเลี้ยงลูกสมัยนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ช่วยทุ่นแรง ช่วยประหยัดเวลา และช่วยทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ช่วยให้นมแม่ เรียกว่ามีสารพัดตั้งแต่ช่วยให้นม ทำความสะอาด ช่วยเตรียมอาหาร ครบถ้วนทั้งอุปกรณ์การนอน การกิน การอยู่สำหรับคุณแม่และลูกน้อย และสิ่งหนึ่งที่หลายๆ บ้านขาดไม่ได้ และคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังมองหา เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงกายในการอุ้มลูกน้อยวัยทารก นั่นคือ เป้อุ้มเด็ก เครื่องทุ่นแรงสำคัญที่มีประโยชน์มาก เพราะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มลูกน้อยด้วยมือตัวเองตลอดเวลา และไม่ต้องหาคนช่วยอุ้ม เพราะลูกเบบี๋ยังเดินไม่ได้ การกิจวัตรการดูแลลุกส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องอุ้มลูกไว้บ่อยๆ ทั้งการอุ้มไล่ลม อุ้มกล่อมนอน อุ้มปลอบโยน อุ้มเดินเล่น หลายชั่วดมงต่อวัน แถมยังต้องอุ้มลูกนานตั้งแต่แรกเกิดหรือวัยทารกไปจนถึงวัยประมาณเกือบ 2 ขวบ จนเมื่อลูกเดินได้เก่ง ฉะนั้นเพื่อตอกย้ำถึงประโยชน์และความคุ้มค่าในการใช้เป้อุ้มเด็ก ให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อเป้อุ้มให้ลูกดีหรือไม่ ได้เห็นถึงข้อดีว่ามีแค่ไหน…เชื่อว่าเมื่อรู้แล้วทุกท่านจะสามารถเลือกซื้อใช้กันได้มั่นใจยิ่งขึ้น 10 ข้อดี ที่ต้องมี เป้อุ้มเด็ก 1 ประหยัดแรงกาย ประหยัดแรงคน เพราะเป้อุ้มเด็ก จะช่วยทุ่นแรงคุณแม่ไม่ต้องเดินอุ้มลูก ใช้กำลังแขนกำลังมืออุ้มลูกบ่อยๆ ประหยัดแรงกาย ช่วยให้คุณแม่ไม่เมื่อยล้า แต่เป้จะช่วยรองรับน้ำหนักตัวของลูกน้อยด้วยเป้และสายรัดให้อยู่กับตัวคุณแม่ ประหยัดแรงคนไม่ต้องหาคนมาช่วยอุ้มลูกเวลาที่คุณแม่จะต้องทำงาน เดินซื้อของ หรือทำธุระอื่นๆ 2 ลูกปลอดภัย นั่งและนอนได้สบาย เมื่อลูกน้อยอยู่ในเป้อุ้มเด็กจะปลอดภัย เพราะตัวคุณแม่และเป้จะประคองลูกตลอดเวลา ซึ่งเป้อุ้มเด็กส่วนใหญ่จะผลิตจากวัสดุที่ทำด้วยผ้าหนานุ่ม […]
ใครๆ ก็รู้ว่าน้ำนมแม่สำคัญต่อพัฒนาการของลูกน้อยมากแค่ไหน แต่น้ำนมของคุณแม่แต่ละคนไม่ได้มีเยอะเท่ากันใช่มั้ยหล่ะคะ บางคนก็เยอะ บางคนก็น้อย บางคนก็ไม่มี ดังนั้นการกระตุ้นน้ำนมอย่างถูกวิธีมีความสำคัญอย่างมากต่อการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งเป็นวิธีการเลี้ยงดูที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วงแรกเกิด และในบทความนี้ BabyGift จะพาคุณแม่ไปรู้จักกับวิธีกระตุ้นน้ำนมกันค่ะว่าจะมีวิธีไหนบ้างที่จะช่วยแม่ๆ ที่มีปัญหาเรื่องน้ำนมได้บ้าง แชร์วิธีกระตุ้นน้ำนมแม่ ทำยังไงให้คุณแม่มีน้ำนมเพียงพอ ส่งต่อสุขภาพดีๆ ให้ลูก การกระตุ้นน้ำนมแม่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เพื่อกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมให้เพียงพอต่อความต้องการของทารก เพราะน้ำนมแม่เป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกในช่วง 6 เดือนแรก ซึ่งจะช่วยให้ทารกได้รับสารอาหารครบถ้วน เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยให้ร่างกายทารกเจริญเติบโตอย่างเต็มที่และแข็งแรง แถมยังเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์แม่ลูกให้แน่นแฟ้น เพราะในขณะที่แม่ให้นมลูก จะเกิดการหลั่งฮอร์โมนความรักและผูกพันกัน ช่วยเสริมสร้างความรู้สึกอบอุ่น ความปลอดภัยให้แก่ทารกค่ะ เอาหล่ะค่ะ แล้ววิธีกระตุ้นน้ำนมแม่มีอะไรบ้าง เรามาดูกันต่อเลยค่ะ วิธีกระตุ้นน้ำนมแม่ มีอะไรบ้าง ? มีหลายวิธีในการกระตุ้นการไหลของน้ำนมแม่ค่ะ เป็นวิธีง่ายๆ ที่ทำได้จริง ซึ่งการทำตามวิธีเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอและถูกวิธี จะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำนมได้อย่างเต็มที่ มาดูกันค่ะ 1. การดื่มน้ำ : และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ : วิธีง่ายๆ แต่ส่งผลต่อปริมาณและคุณภาพของน้ำนมแม่ คุณแม่ลองใส่ใจในการกินอาหารให้มากขึ้น เช่น ถั่วงอก ข้าวกล้อง น้ำผลไม้ กระเจี๊ยบเขียว […]






