พวกเรารักคาร์ซีท!!!

ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว

ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆเรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ”  ของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย

  • สร้างความผูกพันกับเก้าอี้ อนุญาตให้ลูกเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งเก้าอี้ เอาให้ถูกใจเลยเพราะต้องนั่งไปอีกนาน
  • มอบรางวัล บอกลูกว่า เราจะออกเดินทางได้ก็ต่อเมื่อล็อกสายรัดนิรภัยเรียบร้อย แล้วลูกจะรีบทำตัวน่ารักเพราะอยากไปเที่ยว แต่ถ้ากำลังพาไปหาหมอ อาจให้ขนมเป็นรางวัลได้
  • เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าโยเยนัก ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่ลูกกำลังอินดีกว่า แค่นี้ก็เผลอจดจ่อกับการโม้เรื่องเจ้าหญิงกับฮีโร่ จนไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองถูกจับนั่งเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว (มุกนี้ไม่เหนื่อย แถมสนุกดีด้วย)
  • เตรียมของเล่นแก้เบื่อ ควรมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ในรถ แนะนำว่าควรเป็นของเบาๆ และไม่แข็ง เช่น หนังสือผ้า เพราะคุณอาจโดนลูกเอาของในมือปาใส่ขณะขับรถ หรือเลือกเปิดเพลงที่ลูกชอบแล้วร้องไปด้วยกันก็ได้
  • หยุดพักบ้าง หากต้องเดินทางไกลควรเลือกใช้เก้าอี้ปรับนอนเอนได้ และจอดพักสักครู่เพื่อให้ลูกได้ยืดเส้นยืดสาย

เคล็ดลับก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท

อายุประเภทของคาร์ซีทคำแนะนำทั่วไป
เด็กอ่อนคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนเด็กอายุน้อยกว่า 1 ปี และมีน้ำหนักน้อยกว่า 9 kg.
– ต้องนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ เพราะคอยังไม่แข็งพอรับแรงกระแทกขณะรถวิ่ง
เด็กก่อนวัยเรียนเก้าอี้แบบหันหน้าออกเด็กอายุ 1 ปี ขึ้นไป หรือหนัก 9 kg. ขึ้นไป
เด็กเล็กวัยเรียนเบาะรองนั่งเด็กควรสูงอย่างน้อย 120 cm.
และต้องมั่นใจว่าเข็มขัดนิรภัยพาดที่ไหล่และต้นขาของเด็กอย่างพอดี
เด็กโตเข็มขัดนิรภัยเด็กอายุ 13 ปีขึ้นไป และต้องสูงพอที่จะนั่งห้อยขาบนเบาะได้
– เข็มขัดนิรภัยต้องพาดอย่างพอดีโดยไม่รัดคอหรือติดที่พุง และต้องระวังไม่ให้เด็กเอามือ ออกมานอกสายนิรภัยด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก หนังสือ Real-Parenting

สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง

หรือช่องทางออนไลน์ :

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

Kids Item 2018-2019 ของเพจ Daddy’s day ได้แก่ แท่น แทน แท่น แท๊นนนนนน Aprica Nano smart คันนี้เลย หลายคนถามมาเรื่องรถเข็นเด็ก ว่าใช้รุ่นไหนยังไงดี ทาง Daddy’s Day ขอเลือกคันนี้เลย เอาจริงๆ รถเข็นที่บ้านมี 3 คัน ตั้งแต่ไฮเทคสุดแต่หนักมาก  ไม่ไฮเทค พับง่ายแต่น้ำหนักยังหนักอยู่ จนมาลงตัวกับ Nano smart ที่สุด ชอบมากสุด ใช้ดีต้องบอกต่อเลย บ้านเราได้ทดลองใช้พาไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วย เพราะต้องเดินเยอะ แถมทางที่ไปหลายที่ มีทั้งทางเรียบ ขรุขระ ขึ้นเขาลงห้วยสารพัด รถเข็นคันนี้เอาอยู่หมด ตอบโจทย์มาก #พับเล็กพร้อมเดินทาง แบบสุดๆ 1. ที่ชอบที่สุดคือน้ำหนักเบา พกพาสะดวก เพราะรถเข็นน้ำหนักแค่ 5.6 kg เท่านั้น แบกสบาย ( มีกระเป๋าใส่มาให้ด้วยนะคะ แต่ทางเราไม่ได้ใช้เพราะรีบ ต้องแบกของเยอะ ) Daddy แบกของคนเดียวสบายๆเลย […]

Q: ขวดนม อุปกรณ์ปั๊มนม ต้องต้ม หรือนึ่ง ให้ปราศจากเชื้อทุกวัน ? A: การนึ่ง หรือต้มฆ่าเชื้อขวดนมและจุกนมหลังใช้งานทุกวันจะทำให้ขวดนมพลาสติกและจุกนมเสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าปกติ และไม่ได้ช่วยป้องกันโรคให้ทารกเพิ่มขึ้นมากไปกว่าล้างด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ หรือล้างด้วยน้ำร้อนผสมน้ำยาล้างขวดนมหลังใช้งาน การขยันทำให้ปลอดเชื้อมากเกินไป (over-sterilize) ไม่มีประโยชน์กลับเป็นการสร้างสิ่งแวดล้อมให้เชื้อที่ทนความร้อน และสร้างสปอร์ได้เพิ่มมากขึ้น (เพราะคุณไม่ได้ใช้หม้อความดัน หรือฉายรังสี) และทารกจะอาจได้สารพวกโพลีเมอร์ หรือฟอร์มัลดีไฮด์ปนเปื้อนออกมาจากพลาสติกที่เสื่อมสภาพแทน  สมาคมกุมารแพทย์อเมริกัน และ USFDA แนะนำให้ต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม และอุปกรณ์ปั๊มนมเฉพาะครั้งแรกที่ใช้งานจากนั้นให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือน้ำยาล้างขวดนมผสมน้ำอุ่น ทุกครั้งหลังใช้งานก่อนผึ่งให้แห้ง โดยไม่ให้้ใช้ผ้าเช็ด กรณีที่ต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อทุกวันคือช่วงทารกป่วย เช่น ท้องร่วง หรือ เป็นฝ้าขาวในปาก คุณแม่ที่กังวลอาจนึ่งหรือต้ม ทุก 3-4 วัน สำหรับนมชง ทุก 1 สัปดาห์สำหรับนมแม่ทั้งนี้ จะต้องไม่มีการปล่อยให้นมบูดคาขวด (ถ้านมบูดคาขวดต้องต้มหรือนึ่งฆ่าเชื้อใหม่เสมอ) อย่างไรก็ตามไม่มีกฎตายตัว หากบ้านมีสภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด อยู่ใกล้แหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค อาจพิจารณาต้มหรือนึ่งให้บ่อยขึ้น สำหรับประเทศไทยที่มีภูมิอากาศร้อนชื้นมีโรคเขตร้อนที่เป็นโรคทางเดินอาหารมาก และประชากรมีสุขอนามัยไม่แน่นอน กุมารแพทย์ไทยหลายท่านอาจแนะนำให้คุณแม่ต้มหรือนึ่งขวดนมทุกวัน และกรณีที่ห้องครัวมีความสกปรกอับชื้นท่อน้ำไม่สะอาด หรือมีกระบะทรายแมวในห้องครัว (ซึ่งไม่ควรมี) คุณแม่อาจเลี่ยงไปตากขวดนม และจุกนมที่อื่นที่มีอากาศถ่ายเทคุณแม่ที่ปั๊มนมห้ามใช้สบู่เหลวในห้องน้ำที่ทำงานล้างขวดนม หรือ […]

“เวลาลูกสาววัย 5 เดือนดูดนมแม่ จะมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะที่ศีรษะจะเปียกตลอดเลยทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ ถือเป็นอาการผิดปกติหรือเปล่า”  เด็กต้องการพลังงานเทียบกับน้ำหนักตัวสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆจึงต้องการใช้พลังงานสูงมาก เช่น เพื่อการสร้างเซลสมอง การสร้างเซลกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้ใหญ่ต้องการพลังงานเพื่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อหัวใจในเด็กทารกเป็นเซลกล้ามเนื้อชนิดที่ล้าง่าย ต้องการพลังงานสูง ชีพจรของเด็กจึงเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ เด็กแรกเกิดชีพจรเต้น 140 ครั้งต่อนาที และลดลงเรื่อยๆเมื่อเด็กเติบโตขึ้น จนเป็น 60-80 ครั้งต่อนาทีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานก็ย่อมมีมาก การระบายความร้อนออกจากร่างกายทำได้โดยการขับออกเป็นเหงื่อ ดังนั้นการที่เห็นว่าทารกนอนดูดนมเฉยๆ ทำไมถึงมีเหงื่อเยอะจัง เพราะภายในร่างกายของเขามีการทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ผิดปกติค่ะ ขณะที่ผู้ใหญ่จะใช้พลังงานสูงเท่ากับที่เด็กทารกต้องการ ก็ต่อเมื่อมีการออกกำลัง จนชีพจรเต้นเร็วเท่ากับเด็กทารก ถึงเวลานั้นเราก็มีเหงื่อออกเต็มตัวเหมือนเด็กทารกเวลาดูดนมเช่นกัน อย่างไรก็ดีมีโรคบางอย่างที่ทำให้ทารกมีเหงื่อออกมากผิดปกติกว่าเด็กคนอื่น เช่น โรคหัวใจ โรคธัยรอยด์เป็นพิษ แต่ลูกควรมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เลี้ยงไม่โต ดูดนมแล้วดูเหนื่อยต้องหยุดเป็นพักๆ ตรวจร่างกายฟังได้ยินเสียงผิดปกติที่หัวใจ หากสงสัยว่าลูกเป็นโรคเหล่านี้ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ได้ค่ะ หากตรวจแล้วพบว่าลูกปกติดี การมีเหงื่อออกเวลาดูดนม นอกจากช่วยระบายความร้อนแล้วยังช่วยให้ต่อมเหงื่อทำงานขับของเสียออกทางผิวหนังอีกทางหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ให้ลูกตลอดเวลา เพียงใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่าย และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทจะดีกว่าค่ะ >>>ขอบคุณข้อมูล : สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

สวัสดีค่ะคุณแม่ทุกคนนะคะ สำหรับคุณแม่ทั้งหลายที่มีลูกน้อย คงจะเคยชินกับการล้างขวดนมเสร็จแล้ว ก็ฆ่าเชื้อขวดนมด้วยหม้อนึ่งความร้อนกันใช่ไม๊คะ วันนี้แม่อีฟ ขอแนะนำเครื่องมือชิ้นใหม่ ที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์คุณแม่สมัยใหม่อย่างเราๆ ที่ต้องการความสะดวกสบายและการฆ่าเชื้อ โรคได้มากที่สุดสำหรับลูกน้อย มาทำความรู้จักกับตู้อบแห้งฆ่าเชื้อ UV แบรนด์ Prince&Princess  สัญชาติเกาหลี เครื่องนี้เป็น Gen2 ที่มีการพัฒนาขึ้น ให้ใช้งานได้มีประสิทธิภาพดีขึ้น การใช้งาน ก็ง๊ายง่ายค่ะ ที่เครื่องจะมีแค่ 3 ปุ่ม เท่านั้น คือปุ่ม Auto, ปุ่ม UV และปุ่ม Dry ถ้าใช้สำหรับขวดนมหรือของใช้ที่ล้างมาเปียกๆ ก็ง่ายเลยค่ะ แค่กดปุ่ม Auto เพียงปุ่มเดียวแล้วรอแค่ 30 นาที ก็สามารถเอาขวดนมมาชงนมให้ลูกได้เลยค่ะ เริ่มน่าสนใจกันแล้วใช่ไหมหล่ะคะ และนี้ก็คือโฉมหน้าของเจ้าตู้อบฆ่าเชื้อ ด้วยUV ที่มีดีไซน์ แบบทันสมัย ใช้ง่าย และน้ำหนักเบาแค่ 5 kg. เองค่ะ คุณแม่ก็สามารถยกย้ายที่ใช้งานได้แบบง่ายๆเลยค่ะ ก่อนหน้าที่จะใช้เครื่องนี้ ก็เคยมีวิธีการทำความสะอาดของให้กับลูก โดยการล้างทำความสะอาด แล้วก็เอาไปนึ่งต่อต้องทำหลายขั้นตอน ตั้งแต่ตวงน้ำลงในถาด นึ่งเสร็จก็ต้องล้างหม้อนึ่งด้วย พอน้ำแห้งก็มักเป็นตะกรัน พอบ่อยๆ […]

การนับอายุครรภ์คือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความสับสนให้คุณแม่มือใหม่หลายคน และมักจะถูกถามบ่อย ๆ ว่า “ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้ว?” “อายุครรภ์เท่าไหร่?” ซึ่งบางครั้งคุณแม่เองก็อาจจะยังไม่แน่ใจนัก การทราบอายุครรภ์ที่แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เพื่อตอบคำถาม แต่ยังเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง วันนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาไขข้อสงสัยและเรียนรู้วิธีการนับอายุครรภ์ให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดกัน การนับอายุครรภ์สำคัญอย่างไร การนับอายุครรภ์ที่ถูกต้องและแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินพัฒนาการของทารกได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงวางแผนการตรวจครรภ์และติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ประโยชน์ของการนับอายุครรภ์ การนับอายุครรภ์มีประโยชน์หลายอย่างที่คุณแม่ควรรู้ ประการแรกคือช่วยให้แพทย์ประเมินพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ตรงตามช่วงอายุจริง เช่น ขนาดของทารก หรือการเต้นของหัวใจ ประการที่สองคือช่วยกำหนดวันคลอดที่คาดการณ์ไว้ (EDC) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเตรียมความพร้อมเรื่องของใช้ต่าง ๆ เช่น ของเตรียมคลอด ของใช้ลูกแรกเกิด อุปกรณ์แม่และเด็กมีอะไรบ้าง หรือการวางแผนการลาคลอด ประการที่สามคือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางการแพทย์ เช่น การให้ยา หรือการทำหัตถการต่าง ๆ อย่างปลอดภัย 6 วิธีนับอายุครรภ์ที่ทำได้ด้วยตัวเอง การนับอายุครรภ์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด คุณแม่สามารถเริ่มต้นคำนวณได้ด้วยตัวเองหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป 1. นับอายุครรภ์ที่นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคุณแม่ที่จำวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้แม่นยำ โดยสูตินรีแพทย์จะเริ่มนับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่มา (LMP) และใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งปกติแล้วการตั้งครรภ์จะครบกำหนดที่ 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย และสามารถนำไปคำนวณวันคลอดที่คาดไว้ได้อย่างแม่นยำ […]

เพราะลูกน้อยคือที่สุดของความรักจากใจแม่ไม่มีอะไรเทียบได้ คุณแม่ทุกท่านจึงต้องเลือกและหาสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกน้อยเสมอ และ “น้ำนมแม่” คือหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่ามากที่สุด และดีที่สุดต่อลูกน้อย เป็นอาหารที่ไม่ต้องไปซื้อหาที่ไหน  ด้วยเพราะน้ำนมนั้นกลั่นมาจากอกจากธรรมชาติในร่างกายแม่ที่มุ่งมั่นตั้งใจจะให้ลูกน้อยได้รับคุณค่าสารอาหารเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการอย่างครบถ้วน ซึ่งการให้นมแม่ได้ยาวนานที่สุด และเต็มที่ที่สุดแก่ลูกน้อย  นอกจากจะส่งผลดีเยี่ยมต่อพัฒนาการในทุกด้าน สร้างเสริมภูมิต้านทานทำให้ลูกกินนมแม่ไม่ป่วยง่าย ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากมาย รวมถึงการให้นมแม่ยังดีต่อสุขภาพแม่ในแง่มุมต่างๆ ทั้งการช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว มีส่วนช่วยคุมกำเนิดได้ในช่วงหนึ่ง  พร้อมกับทำให้สุขภาพและรูปร่างของคุณแม่กลับคืนมาหุ่นดีได้เร็วและง่ายขึ้นด้วย ดังนั้นเพื่อให้ลูกน้อยได้รับพลังคุณค่าสารอาหารจากน้ำนมนมแม่ให้ยาวนานเต็มที่ คุณแม่ทุกท่านจึงมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำสต๊อกน้ำนมสะสมไว้ให้ลูกมากๆ  และหลายๆ ท่านก็เป็นคุณแม่นักปั๊มได้สำเร็จ มีน้ำนมแม่ให้ลูกเต็มที่ เต็มตู้แช่  แต่ทว่าปัญหาที่คุณแม่กลับต้องพบเจอ คือ ลูกไม่กินนมสต๊อก ที่ทำไว้  จึงมีคำถามมากมายว่าทำไม? ลูกจึงไม่ยอมกิน เพราะเป็นนมแม่เหมือนกัน เราจึงชวนมาดูสาเหตุที่ลูกน้อยไม่ยอมกินนมสต๊อก พร้อมกับวิธีการฝึกลูกน้อยกินนมแม่จากสต๊อกว่าต้องทำอย่างไร เพื่อแก้ปัญหาให้สำเร็จ ให้ลูกน้อยกินนมได้แม่ยาวนาน ได้รับที่สุดของโภชนาการนมแม่นี้อย่างเต็มที่ไปจนโตค่ะ สาเหตุที่ ลูกไม่กินนมสต๊อก วิธีฝึกลูกน้อยกินนมสต๊อก เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาลูกน้อยไม่กินนมสต๊อก คุณแม่จะต้องเตรียมตัวหรือฝึกลูกน้อยให้กินนมแม่สต๊อกจากขวดล่วงหน้า และแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ ดังนี้ เมื่อคุณแม่รู้สาเหตุของการปฏิเสธนมสต๊อกของลูกแล้ว ก็สามารถแก้ไขและฝึกลูกได้ โดยขอเพียงหมั่นฝึกฝนตามวิธีการต่างๆ ที่แนะนำ พร้อมกับใช้ตัวช่วยต่างๆ เช่น เครื่องอุ่นนม จุกนมที่ดี  ร่วมกับการละลายนมสต๊อกที่ถูกต้อง และเทคนิคอื่นๆ โดยที่ไม่ให้ลูกกินนมอื่นๆ เด็ดขาด ก็มั่นใจได้ว่าลูกน้อยจะยอมกินนมแม่ที่สต๊อกไว้ได้ต่อเนื่อง  เติบโตแข็งแรงด้วยพลังคุณค่าจากน้ำนมแม่ยาวนานแน่นอนค่ะ

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages