ปลอดภัยขึ้น! คาร์ซีทในประเทศไทย ใช้มาตรฐานใหม่ECE R129 (i-Size)

ปัจจุบัน คาร์ซีท (Car Seat) หรือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ทั้ง คาร์ซีทแรกเกิด คาร์ซีทเด็กโต บูสเตอร์ซีท มีเกณฑ์การทดสอบความปลอดภัยต่างกันและผ่านมาตรฐานมาจากหลายประเทศ แต่ทราบหรือไม่ว่า คาร์ซีทในประเทศไทย มีประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มาแล้ว ว่าคาร์ซีทจะต้องผลิตหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยของยุโรปเท่านั้น 

ทั้งนี้ ยังมีประกาศเพิ่มข้อบังคับให้คาร์ซีทต้องผ่านการทดสอบการชนจากด้านข้างด้วย ซึ่งตรงกับข้อบังคับของ มาตรฐานคาร์ซีท R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด 

ก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดของ มาตรฐาน ECE R129 (i-Size) มาก่อน ว่าเพิ่มความปลอดภัยจุดไหนบ้าง เราจะพาไปทำความเข้าใจกันเลย 

คาร์ซีทในประเทศไทย ใช้มาตรฐานใหม่ ECE R129 (i-Size) 

จากเดิม ประกาศมาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standards) ของคาร์ซีท จากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จะเริ่มบังคับใช้ภายในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการที่ทำหรือนำเข้าคาร์ซีท ต้องทำหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล ECE R44/04 (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก 

ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) สั่ง สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) คุมเพิ่ม เรื่องมาตรฐานความปลอดภัยที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (Car Seat) และระบบติดตั้งแบบ Isofix ให้ได้ภายในปลายปี 2567 โดยคาร์ซีทต้องผ่านการทดสอบการชนด้านข้างด้วย (จากมาตรฐานเดิม ECE R44/04 ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องทดสอบการชนด้านข้าง) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความปลอดภัยล่าสุดของยุโรป ECE R129 (i-Size) โดยมีจุดประสงค์เพื่อความปลอดภัยที่สูงขึ้น 

มาตรฐานคาร์ซีท R129 (i-Size)คืออะไร 

มาตรฐาน ECE R129 หรือ i-Size คือ มาตรฐานหรือกฎระเบียบด้านความปลอดภัยฉบับใหม่ของยุโรป ที่ใช้ควบคุมการผลิตคาร์ซีทสำหรับเด็ก ให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น พร้อมเบาะต้องนั่งสบายมากขึ้นเนื่องจากมีข้อบังคับให้เด็กอายุ 15 เดือน ต้องนั่งหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ ซึ่งมาตรฐานฉบับใหม่นี้ได้ประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2556 และยังเป็นมาตรฐานที่มีการทดสอบความปลอดภัยคาร์ซีทอย่างเข้มงวด พร้อมได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย 

ป้ายกำกับ มาตรฐาน ECE R129 (i-Size)

มาตรฐานความปลอดภัยคาร์ซีทแบบใหม่ ECE R129 (i-Size) มีระเบียบข้อบังคับกำหนดไว้ ดังนี้ 

  1. การทดสอบการชน

– การชนด้านหน้า ด้วยความเร็ว 50 กม./ชม. 

– การชนด้านหลัง ด้วยความเร็ว 30 กม./ชม. 

– การชนด้านข้าง ด้วยความเร็ว 24 กม./ชม. 

(มาตรฐานเดิม ECE R44/04 ไม่มีข้อกำหนดว่าต้องทดสอบการชนด้านข้าง)

  1. การติดเซ็นเซอร์บนหุ่นจำลอง เพื่อทดสอบการกระแทก

การใช้เซ็นเซอร์ติดหุ่นจำลองที่สรีระเหมือนเด็ก จำนวน 32 จุด เพื่ออ่านค่าความรุนแรงจากการกระแทก และจะรายงานผลออกมาเป็นความเสียหายตามจุดต่าง ๆ ของร่างกาย และต้องไม่เกินเกณฑ์ที่มาตรฐานกำหนดไว้ 

(มาตรฐานเดิม ECE R44/04 ติดเซ็นเซอร์เพียง 4 จุด)

  1. ข้อบังคับทิศทางการติดตั้ง

มีข้อบังคับให้เด็กอายุต่ำกว่า 15 เดือน ต้องหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ (Rear-Facing) เท่านั้น

(มาตรฐานเดิม ECE R44/04 มีข้อบังคับ 9 เดือน)

  1. ระบบการติดตั้ง

จากเดิมครอบคลุมคาร์ซีทที่ติดตั้งด้วย ระบบไอโซฟิก (ISOFIX) เท่านั้น ล่าสุดปรับเปลี่ยนให้ เข็มขัดนิรภัยรถยนต์ (Belt) สามารถผ่านการทดสอบได้ พร้อมข้อบังคับต้องมี ตะขอเกี่ยวเบาะรถยนต์ (Top Tether) หรือ ขำค้ำยัน (Support Leg) เสริมความปลอดภัยด้วย

  1. การใช้งาน

แบ่งตามอายุและส่วนสูง เช่น 

แรกเกิด – 15 เดือน ส่วนสูง 40-83 cm.

แรกเกิด – 4 ปี ส่วนสูง 70 – 105 cm.

15 เดือน – 12 ปี ส่วนสูง 70 – 150 cm.

3.5 ปี – 12 ปี ส่วนสูง 100 – 150 cm. 

(มาตรฐานเดิม ECE R44/04 แบ่งการใช้งานตามอายุและน้ำหนัก) 

มาตรฐานคาร์ซีท ECE R44/04 และ ECE R129 (i-SIZE) แตกต่างกันจุดไหนบ้าง เราสรุปในตารางเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังนี้ 

เลือกใช้คาร์ซีทมาตรฐาน ECE R129 (i-Size) มีข้อดีอย่างไร 

  1. ปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากคาร์ซีท R129 ผ่านการทดสอบการชนด้านข้างด้วย
  2. กรณีเกิดอุบัติเหตุไม่คาดคิด จะทำให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากเกินไป เนื่องจากใช้เซ็นเซอร์ติดหุ่นจำลองแบบทั่วตัว 32 จุด และผ่านการทดสอบหุ่นจำลองไม่ได้รับความเสียหายเป็นไปตามมาตรฐานกำหนดไว้
  3. ติดตั้งง่ายและรวดเร็วขึ้น ด้วยระบบ ISOFIX (คาร์ซีท R129 ส่วนใหญ่จะเป็นระบบ Isofix)
  4. คาร์ซีทได้รับการออกแบบให้เบาะนั่งสบายมากขึ้น เนื่องจากต้องส่งเสริมให้ทารกอายุต่ำกว่า 15 เดือน ต้องนั่งคาร์ซีทหันหน้าเข้าเบาะรถยนต์ (Rear-Facing) เท่านั้น
  5. เลือกคาร์ซีทได้ง่ายขึ้น เหมาะกับสรีระเด็กมากขึ้น ด้วยการวัดส่วนสูงแทนการใช้น้ำหนัก

แนะนำ คาร์ซีท R129 (i-Size) จาก ร้านเบบี้กิ๊ฟ

1.Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาที่สุด 100 mm. 
  • ผ้า AG Pure ต้านแบคทีเรีย 99%
  • ช่องระบายอากาศด้านหลัง 1,695 ช่อง
  • หมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว หมุนลื่น 
  • หลังคา 98 cm. คลุมถึงปลายเท้า 
  • เทคโนโลยีความปลอดภัย Baby Catch Technology หรือ ระบบพนักพิงยุบตัวอัตโนมัติ 
  • made in Japan 

2. Ailebebe รุ่น Kurutto R Grance 

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาที่สุด 100 mm. 
  • ช่องระบายอากาศด้านหลัง 1,695 ช่อง
  • หมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว หมุนลื่น 
  • ขาค้ำยัน มีระบบ Sensor เสียงแจ้งเตือน 
  • เทคโนโลยีความปลอดภัย Baby Catch Technology หรือ ระบบพนักพิงยุบตัวอัตโนมัติ 
  • made in Japan 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0- 4 ปี

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX 

3. Aprica รุ่น Fladea Grow 360 Premium

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ปรับคาร์ซีทให้นอนราบได้ ถึง 170 องศา 
  • เด็กคลอดก่อนกำหนดใช้ได้อย่างปลอดภัย 
  • หมุนได้ 360 องศา พาลูกขึ้น-ลงรถสะดวก  
  • มี Support สำหรับเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ

การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0 – 4 ปี  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX

4. Renolux รุ่น Gaia

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมัน และ TCS สวิตเซอร์แลนด์  
  • เทคโนโลยี Softness Cushion ทำให้เบาะนุ่มพิเศษ นั่งสบายเหมือนโซฟา  
  • ปรับเลื่อนระดับเพิ่มพื้นที่วางขาได้ นั่งหันหน้าเขาเบาะได้จนส่วนสูง 105 cm.  
  • หมุนง่ายได้ถึง 360°
  • มี Side Protection ป้องกันการชนด้านข้าง

การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-105 cm. หรือ อายุ 0 – 4 ปี  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX

5. คาร์ซีทเด็กโต Kinderkraft รุ่น Comfort Up

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • น้ำหนักเบา 6 kg. ติดตั้งง่าย เคลื่อนย้ายสะดวก  
  • ผ้า MESH เรียบนุ่ม เย็นสบาย 
  • ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ 100 องศา 
  • Head Support หนา 3 ชั้น 

การใช้งาน : เด็กอายุ 15 เดือน – 12 ปี หรือ ส่วนสูง 76 – 150 cm.  

การติดตั้ง : ระบบ Belt 

6.คาร์ซีทกระเช้า Kinderkraft รุ่น I-Care

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งกับรถเข็นเด็ก ที่มี Adapter ได้ 
  • หนักเบา 4.2  kg ถอดและถือหิ้วได้สะดวกมาก  
  • เข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม 
  • พนักพิงแข็งแรง หนา 3 ชั้น
  • Side Protect ป้องกันการกระแทกด้านข้าง 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน หรือ ส่วนสูง 40 – 87 cm. 

การติดตั้ง : ระบบ Belt (ฐาน Isofix จำหน่ายแยก) 

7. คาร์ซีทกระเช้า Kinderkraft รุ่น Mink Pro

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งกับรถเข็นเด็ก ที่มี Adapter ได้ 
  • ปรับพนักพิงศีรษะและเข็มขัดนิรภัย ได้ 5 ระดับ  
  • น้ำหนักเบา 3.5 kg. ถอดและถือหิ้วได้สะดวก 
  • Head Support หนา 3 ชั้น เสริม EPS โฟม รองรับแรงกระแทกได้ดี 
  • Side Protect ป้องกันการกระแทกด้านข้าง

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน หรือ ส่วนสูง 40-87 cm.  

การติดตั้ง : ระบบ Belt 

8. คาร์ซีทแรกเกิด Kinderkraft รุ่น I-Grow

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งปลอดภัยสูง ด้วยระบบ ISOFIX และ TOP TETHER 
  • คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา
  • ปรับเอนนอนได้ 5 ระดับ 
  • ปรับความสูงพนักพิงศีรษะได้ 12 ระดับ 

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 12 ปี หรือ ความสูง 40 – 150 cm.  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX

9. คาร์ซีทแรกเกิด Kinderkraft รุ่น I-360

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size) 
  • ติดตั้งง่ายด้วยระบบ ISOFIX และ Support leg 
  • คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา
  • Head Support หนา 3 ชั้น 
  • Side Protect ป้องกันการกระแทกได้อย่างปลอดภัย  
  • ปรับเอนนอนได้ 5 ระดับ จนถึงส่วนสูง 150 cm.

การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 12 ปี หรือ ความสูง 40 – 150 cm.  

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX 

10. คาร์ซีทเด็กโต Renolux รุ่น Olymp

  • ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)  
  • เบาะนั่งสบายเหมือนโซฟา ด้วยเทคโนโลยี Softness Cushion  
  • ผ่านการทดสอบความปลอดภัยจาก ADAC เยอรมัน และ TCS สวิตเซอร์แลนด์  
  • Side Protection รองรับแรงกระแทกจากด้านข้าง   
  • ปรับเอนนอนได้ในตัว 108°   
  • ปรับพนักพิงได้ตามความสูงของเด็ก (ความสูงถึง 150 cm.)   
  • Made in France  

การใช้งาน : เด็กตั้งแต่ความสูง 76-150 cm. หรือ อายุ 15 เดือน – 12 ปี 

การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX

ปัจจุบันคาร์ซีทในประเทศไทย ยังมีมาตรฐานความปลอดภัยของคาร์ซีทหลากหลายประเทศ ก่อนจะซื้อคาร์ซีทให้ลูกน้อย อย่าลืมตรวจสอบมาตรฐาน หรือ ฟังก์ชั่นความปลอดภัย เพื่อให้ได้คาร์ซีทที่มีความปลอดภัยสูงสุด ที่จะช่วยปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยตลอดการเดินทาง 

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

รถเข็นเด็กยี่ห้อไหน ที่หมอเด็กเลือกให้ลูกตัวเอง โดยหมอวิน เพจ เลี้ยงลูกตามใจหมอ #รถเข็นเด็ก และ #สิ่งพึงกระทำ#อุปกรณ์ยังชีพสำหรับแม่สายชิล บอกก่อนเลยว่า รถเข็นเด็ก นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ไม่ได้จำเป็นครับ หากมองในแง่ของการเลี้ยงดูและความปลอดภัย ไม่เหมือนคาร์ซีท ที่จำเป็นมาก ๆ ๆ (ไม้ยมก … ล้านตัว) แต่ “รถเข็นเด็ก” ก็เป็น gadget ที่ยากจะปฏิเสธ เพราะมันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นเยอะมากครับ แต่ถ้าใครเป็นสายอุ้ม … อุ้มโลดจ้ะ แต่มันก็จะเมื่อยถึงเมื่อยมาก จริง ๆ… ดังนั้นเลือกรถเข็นเด็กที่เหมาะกับเงินในกระเป๋า และความสบายตัวของลูกละกันครับ รถเข็นเด็ก …ประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม … มีการรายงานว่า สามารถเกิดอุบัติเหตุได้หากใช้รถเข็นเด็กแบบไม่เหมาะสมครับ มีหลายเคสที่มาด้วยรถคว่ำหรือไหลจากที่สูงจนคว่ำทำให้หัวลูกกระแทกพื้นได้ครับ … จน AAP หรือสมาคมกุมารเวชศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกาต้องออกมาแนะนำรถเข็นเด็ก ว่าสิ่งที่พ่อแม่พึงกระทำยามใช้รถเข็นเด็กครับ……นั่นคือ และทิ้งท้ายครับ ปัจจุบันพ่อแม่หลายคนนิยม รถเข็นเด็กแบบพับเล็ก ๆ ที่จับเป็นแบบก้าน ซึ่งดีในแง่การเดินทางและเอาขึ้นเครื่องเนอะ แต่หมอขอแนะนำแบบนี้ครับ รถเข็นเด็กพับเล็กไม่เหมาะกับเด็กแรกเกิดครับ เพราะไม่มีที่รองคอ และที่นั่งมักทำให้เด็ก fix กับที่ไม่ค่อยได้ครับ รอโตกว่านี้ตอนจะไปเที่ยวต่างประเทศค่อยว่ากันครับ แต่หากลูกยังเล็กแนะนำอันที่แข็งแรงมีที่รองคอดีกว่าเนอะ … ร้าน Baby Gift ตัวแทนจำหน่ายรถเข็นเด็ก Aprica แบรนด์ดังจากญี่ปุ่นที่เหมาะกับคนเอเชียอย่างเรา ๆ […]

เนื่องในเดือนแห่งวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโรงเรียนทอสีได้จัดสัมนาเรื่อง“เลี้ยงลูกแบบสมเด็จย่า” โดยคุณหญิงพวงร้อย ดิศกุล ณ อยุธยา อดีตข้าหลวงในพระองค์มาร่วมเล่าประสบการณ์และแบ่งปันคำสอนของสมเด็จพระศรีนครินทราพระบรมราชชนนีหรือสมเด็จย่าของปวงชนชาวไทยเมื่อฟังแล้วรู้สึกอยากจะบอกต่อ ถึงวิธีการเลี้ยงดูลูกของพระองค์ ที่มีทั้งความปราดเปรื่องหลักแหลมและมีเป้าหมายที่ชัดเจนสมควรใช้เป็นแบบอย่างเป็นอย่างยิ่ง ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น : คำพังเพยที่เราได้ยินบ่อยๆ แต่น้อยครั้งนักจะทำความเข้าใจอย่างจริงจังในขณะที่ตัวอย่างมีให้เห็นทั้งในทางที่ดีและทางที่ไม่ดีในเรื่องของการเลี้ยงดูบุตร สมเด็จย่าทรงเริ่มจากการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก ทำเป็นต้นแบบในเรื่องของการมีวินัย การรักการค้นคว้าศึกษาหาความรู้ การประพฤติตัวที่ถูกต้องตามธรรมนองคลองธรรม ทั้งหมดนี้คือการตั้งตนเป็นต้นแบบให้กับลูกเพราะเด็กเล็กจะมีพฤติกรรมเลียนแบบจากคนใกล้ชิดเพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องลองตั้งคำถามกลับมาที่ตัวเองว่าทุกวันนี้ที่เราอยากให้ลูกเป็นแบบนั้นแบบนี้แล้วเราล่ะเป็นแล้วหรือยัง ตั้งเป้าหมายในการเลี้ยงลูก: สมเด็จย่าทรงเป็นพระมารดาที่มีเป้าหมายในการเลี้ยงลูกอย่างชัดเจนคือทรงตั้งใจอบรมพัฒนาลูกๆ ให้ดีในทุกๆ ด้านเพื่อให้เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง ทรงไม่คิดถึงประโยชน์ของพระองค์เอง ประโยชน์ของพระโอรส หรือพระธิดา แต่ทรงมองถึงประโยชน์ส่วนรวมเป็นสำคัญ ในปัจจุบันหลายครั้งที่เราเห็นพ่อแม่ส่งลูกเรียนพิเศษในทุกวิชาโดยที่ไม่ได้ถามลูกว่าลูกอยากเรียนอะไร หรือพ่อแม่ที่คาดหวังเรื่องผลการเรียนสูงๆ จากลูกเหล่านั้นคือการตั้งเป้าหมายกับลูกซึ่งเป็นการเอาความคาดหวังของตัวเองไปให้กับลูก เราจึงต้องมองย้อนกลับมาดูใหม่ว่าเป้าหมายที่เราตั้งไว้หรือความคาดหวังนั้นเป็นไปเพื่อใคร เพื่อลูก เพื่อตัวเราเอง หรือเพื่อคนอื่นๆ ด้วย ถ้าพ่อแม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการเลี้ยงลูกก็จะทำให้เราสามารถพัฒนาประสิทธิภาพของเด็กๆ ได้สูงยิ่งขึ้น จัดแบบแผนและสร้างระเบียบวินัยตั้งแต่ลูกยังเล็ก: สมเด็จย่าทรงวางแผนการดำเนินชีวิตให้กับพระโอรสพระธิดาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เนื่องจากต้องทรงเป็นทั้ง “พ่อ” และ “แม่” ในเวลาเดียวกันทรงจัดการทุกอย่างเป็นเวลา โดยมีผู้ช่วยคือพระพี่เลี้ยงเพียงหนึ่งคนเท่านั้นเนื่องจากในเวลาที่เด็กยังเล็กเขาไม่มีความรู้เรื่องขอบเขตของเวลา พ่อแม่จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องจัดเวลาให้กับพวกเขาเช่นนอน รับประทานอาหาร เล่น ไปโรงเรียน อาบน้ำ ออกกำลังกาย เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะสร้างวินัยให้กับลูกซึ่งสมเด็จย่าทรงเน้นเรื่องวินัยในการดำเนินชีวิตพระองค์รับสั่งถึงคำว่า “ระเบียบวินัยอย่างมีหลักการ” คือการกำหนดขอบเขตของเวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสมดุลให้กับชีวิตซึ่งจะเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเติบโตของเด็กๆ ต่อไป เล่นอย่างถูกวิธี : เมื่อถึงเวลาเล่นจะทรงปล่อยให้พระโอรสและพระธิดาเล่นอย่างอิสระ โดยจะทรงให้เล่นกับธรรมชาติ ต้นไม้ น้ำทรงเน้นให้เล่นกับสิ่งที่มีในธรรมชาติมากกว่าของเล่น ทรงอนุญาตให้พระโอรสเล่นจุดไฟแต่จะทรงบอกวิธีในการเล่นที่ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ผลจากการที่พระโอรสและพระธิดาได้ทรงเล่นคลุกดินคลุกทรายหรือได้ทำการทดลองกับธรรมชาติเหล่านี้ส่งผลให้ทั้งสามพระองค์ได้พัฒนาความคิดและความสามารถโดยที่ไม่ทรงรู้ตัว ตัวอย่างเช่น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสร้างหลุมที่เกิดจากการปลูกต้นไม้ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ทดลองขุดดิน ใส่น้ำ ปลูกต้นไม้ จะสามารถสร้างแอ่งน้ำขึ้นมาได้ด้วยพระองค์เอง […]

การตัดสินใจมีลูกสักคน นับเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว เพราะการมีลูกนั้นมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแล้ว และหันมาคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ การคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ BABYGIFT จะพาไปดูกันว่าหากใช้ สิทธิประกันสังคมคนท้อง คุณแม่เบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลย สิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561ให้กับผู้ประกันตนสำหรับคนท้องอีก 1,000 บาท ผู้ใช้สิทธิต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่ใช้สิทธิ โดยจ่ายตามอายุครรภ์ ดังนี้ คุณแม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน แล้วนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์มาเบิกจ่ายทีหลังได้เลยที่ประกันสังคมทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตรก่อน สิทธิเบิกจ่ายค่าคลอดบุตร คุณแม่ท้องสามารถใช้สิทธิประกันสังคม เบิกค่าคลอดบุตรได้ในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้งเช่น ค่าทำคลอด ค่าห้องพัก ค่ายา หรือค่าบริการอื่นๆ โดยสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า หากคุณแม่คลอดบุตรคนที่ 3คุณแม่จะไม่สามารถเบิก ค่าคลอดบุตรได้อีก ยกเว้นถ้าคุณพ่อก็เป็นผู้ประกันตนด้วย ก็สามารถใช้สิทธิของคุณพ่อกับบุตรคนที่ 3 […]

การนับอายุครรภ์คือหนึ่งในเรื่องที่สร้างความสับสนให้คุณแม่มือใหม่หลายคน และมักจะถูกถามบ่อย ๆ ว่า “ตอนนี้ท้องกี่เดือนแล้ว?” “อายุครรภ์เท่าไหร่?” ซึ่งบางครั้งคุณแม่เองก็อาจจะยังไม่แน่ใจนัก การทราบอายุครรภ์ที่แม่นยำจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะไม่ใช่แค่เพื่อตอบคำถาม แต่ยังเพื่อความปลอดภัยและพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง วันนี้ BabyGift จะพาคุณแม่มาไขข้อสงสัยและเรียนรู้วิธีการนับอายุครรภ์ให้ได้ผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุดกัน การนับอายุครรภ์สำคัญอย่างไร การนับอายุครรภ์ที่ถูกต้องและแม่นยำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลสุขภาพทั้งของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ เพราะจะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินพัฒนาการของทารกได้อย่างเหมาะสมในแต่ละสัปดาห์ รวมถึงวางแผนการตรวจครรภ์และติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดการตั้งครรภ์ ซึ่งจะนำไปสู่การดูแลที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด ประโยชน์ของการนับอายุครรภ์ การนับอายุครรภ์มีประโยชน์หลายอย่างที่คุณแม่ควรรู้ ประการแรกคือช่วยให้แพทย์ประเมินพัฒนาการของทารกในครรภ์ได้ตรงตามช่วงอายุจริง เช่น ขนาดของทารก หรือการเต้นของหัวใจ ประการที่สองคือช่วยกำหนดวันคลอดที่คาดการณ์ไว้ (EDC) ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญในการเตรียมความพร้อมเรื่องของใช้ต่าง ๆ เช่น ของเตรียมคลอด ของใช้ลูกแรกเกิด อุปกรณ์แม่และเด็กมีอะไรบ้าง หรือการวางแผนการลาคลอด ประการที่สามคือใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจทางการแพทย์ เช่น การให้ยา หรือการทำหัตถการต่าง ๆ อย่างปลอดภัย 6 วิธีนับอายุครรภ์ที่ทำได้ด้วยตัวเอง การนับอายุครรภ์ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด คุณแม่สามารถเริ่มต้นคำนวณได้ด้วยตัวเองหลากหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไป 1. นับอายุครรภ์ที่นับตามวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย วิธีนี้เป็นวิธีพื้นฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับคุณแม่ที่จำวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้แม่นยำ โดยสูตินรีแพทย์จะเริ่มนับอายุครรภ์จากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่มา (LMP) และใช้เป็นจุดเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ ซึ่งปกติแล้วการตั้งครรภ์จะครบกำหนดที่ 40 สัปดาห์ หรือ 280 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย และสามารถนำไปคำนวณวันคลอดที่คาดไว้ได้อย่างแม่นยำ […]

อาหารที่จะช่วยบำรุงสายตาให้กับลูกน้อย >>>ขอบคุณข้อมูล : Mother&Care

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages