ถอดซักทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรค คาร์ซีท รถเข็นเด็ก ได้เองง่ายๆที่บ้าน

โดยปกติแล้วคุณพ่อคุณแม่ที่ซื้อคาร์ซีท รถเข็นเด็กไป จะไม่ค่อยได้คำนึงถึงว่าใช้งานไปนานเท่าไหร่แล้ว แล้วเมื่อไหร่ถึงจะต้องซักทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค คาร์ซีท รถเข็นเด็ก จนกระทั้งเกิดความสกปรกขึ้น เช่น ฝุ่นควัน นม อาหาร หรือขนมต่างๆ หกใส่เบาะ คราบน้ำลาย คราบอาเจียน ที่ไม่สามารถเช็ดออกได้ เป็นคราบสกปรกเห็นได้ชัด ถึงจะทำความสะอาด
แต่รู้ไหมว่ายิ่งทิ้งคราบแบบนั้นไว้นานเท่าไหร่ พวกเชื้อแบคทีเรียต่างๆที่เกิดขึ้นจากการหมักหม่น ก็จะเกิดการสะสมมากขึ้น ส่งผลร้ายต่อเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีความบอบบาง แพ้ง่าย ทำให้เกิดโรคต่างๆได้

แนะนำการซักทำความสะอาดคาร์ซีท รถเข็นเด็ก เพื่อยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น ควรซักทำความสะอาดทุกๆ 3-6 เดือน ตามการใช้งาน เพื่อช่วยให้คาร์ซีท รถเข็นเด็ก ของลูกสะอาดพร้อมใช้งานอยู่เสมอ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย สำหรับการซักทำความสะอาด ปัจจุบันคุณพ่อคุณแม่สามารถส่งซักทำความสะอาดได้จากร้านที่ซื้อสินค้ามา เช่น ร้าน BabyGift ที่รับบริการถึง 3 สาขา ใกล้บ้าน แต่ในช่วงวิกฤตโควิดแบบนี้ ทางเราจึงมีเทคนิคการซักทำความสะอาดด้วยตัวเองมาฝากกันค่ะ
วิธีทำความสะอาด คาร์ซีท รถเข็นเด็ก แยกการทำความสะอาดออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือผ้าหุ้มเบาะ และตัวโครงสร้างของ คาร์ซีท รถเข็นเด็ก
1. ผ้าหุ้มเบาะ คาร์ซีท รถเข็นเด็ก
ถอดชิ้นส่วนที่สามารถซักได้ออก ซักด้วยเครื่องซักผ้าได้ โดยไม่ทำร้ายเนื้อผ้าให้เสียหาย ใช้น้ำยาซักผ้าเด็กและปรับผ้านุ่มสำหรับเด็กแบบออแกนิก และควรตากแดดจัดๆ หรือปั่นแห้ง ให้มั่นใจว่าแห้งสนิทแล้วจึงใส่กลับคืนที่โครงสร้าง คาร์ซีท รถเข็นเด็ก และพ่นฉีดด้วยสเปรย์ฆ่าเชื้อโรค ซ้ำอีกครั้ง เพื่อมั่นใจได้ว่าสะอาดและปราศจากเชื้อโรคที่สุด
>> วิธีถอดและใส่กลับผ้าหุ้มเบาะ คาร์ซีท รถเข็นเด็ก ดูได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://www.babygiftretail.com/manual/

2. โครงสร้าง คาร์ซีท รถเข็นเด็ก
ใช้ผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดของใช้เด็กแบบออแกนิค เพื่อป้องการการโดนผิวลูกแล้วอาจทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย และตากจนแห้งสนิท ใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยดูดสิ่งสกปรกเล็กน้อยที่อยู่ตามซอกเล็กๆ ออกด้วย

3. ชิ้นส่วนที่ไม่สามารถถอดออกได้ เช่น สายBelt หัวล็อคสาย
ใช้น้ำยาทำความสะอาดฆ่าเชื้อและใช้แปรงเล็กๆ แปรงทำความสะอาด และตากไว้ให้แห้งสนิท
และปัจจุบันด้วยสถานการณ์โควิด ผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคก็ผลิตออกมาให้เลือกมากมาย แต่คุณสมบัติหลักๆที่ควรเลือกใช้คือ ต้องฆ่าเชื้อโรคได้ถึง 99.9% และไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็กและทุกคนในครอบครัว ผลิตภัณฑ์สำหรับการฆ่าเชื้อโรคมีทั้งแบบสำเร็จรูป เป็นสเปรย์ฉีดพ่นได้ทันที หรือเป็นน้ำยาฆ่าเชื้อเข็มข้นแต่เมื่อต้องการใช้ต้องทำการละลายในน้ำปริมาณมากๆเพื่อป้องกันการแพ้

และเครื่องผลิตน้ำอิเล็กโทรไลต์ ที่เพียงแค่ใช้น้ำประปาและเกลือบริสุทธิ์ ก็สามารถผลิตน้ำที่มีกรด HOCl เป็นกรดอ่อนๆที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อรา ได้ถึง 99.9% เลยค่ะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
ในเด็กเล็กที่มักจะมีปัญหาสุขภาพาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ไม่ว่าจะด้วยปัญหาฝุ่นควัน เชื้อโรค ไวรัส เป็นหวัดคัดจมูก หรือเป็นโรคประจำตัวอย่างหอบหืด เป็นภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ การล้างจมูกจะช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยและช่วยขจัดเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่เด็กเล็กยังสั่งน้ำมูกไม่เป็น การล้างจมูกด้วยน้ำเกลือจะช่วยขจัดเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้เป็นอย่างดี ในบทความนี้ BabyGift จะมาแนะนำวิธีการล้างจมูกให้ลูกน้อย ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง มีขั้นตอนอย่างไร ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ แชร์วิธีการล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ขจัดสิ่งสกปรกและเชื้อโรค ให้ลูกน้อยหายใจโล่งขึ้น การล้างจมูกเป็นการทำความสะอาดโพรงจมูกด้วยการสวนล้างโดยใช้น้ำเกลือ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูกอย่างน้ำมูกหรือสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ให้หมดไป ซึ่งสามารถลดปัญหาน้ำมูกไหลลงคอ และอาการคัดจมูกได้ดี ทั้งยังช่วยให้โพรงจมูกมีความชุ่มชื้นมากขึ้นด้วย ทำให้หายใจได้โล่งขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้ การล้างจมูกไม่ได้ทำเฉพาะในเด็กที่มีอาการป่วย หรือเป็นภูมิแพ้เท่านั้น แต่การล้างจมูกเด็ก 1 ขวบที่มีสุขภาพแข็งแรงดีก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะในช่วงที่มีฝุ่นควันหรือมีการระบาดของโรคทางเดินหายใจ ผู้ปกครองบางคนอาจพาลูกไปข้างนอกโดยใช้เป้อุ้มเด็ก ซึ่งทำให้เด็กได้สัมผัสกับอากาศนอกบ้านดังนั้นการล้างจมูกเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากกลับมาบ้านแล้ว ก็จะช่วยขจัดเชื้อโรค และสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในโพรงจมูก ทำให้ลูกน้อยมีสุขภาวะที่ดีขึ้น จะทำได้อย่างไร มาดูวิธีกันเลยค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม ขั้นตอนวิธีล้างจมูกเด็ก 1 ขวบ ในกรณีที่เด็กไม่ให้ความร่วมมือ และสั่งน้ำมูกเองไม่ได้ สำหรับเด็ก 1 ขวบที่ให้ความร่วมมือ และสามารถสั่งน้ำมูกเองได้ […]
ฝึกลูกกินข้าวเอง หรือคำที่คุ้นหูกันในปัจจุบันอย่าง BLW (Baby Led Weaning) คือวิธีการที่ให้ลูกรู้จักหยิบอาหารกินเอง โดยอาหารจะไม่ใช่พวกอาหารปั่น อาหารบด แต่เป็นอาหารที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ มีความนุ่ม และหยิบจับได้ วิธีการนี้จะทำให้ลูกได้รู้จักและคุ้นเคยกับอาหารที่เป็นของแข็งมากยิ่งขึ้น โดยวิธีนี้เหมาะกับเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป และสามารถนั่งได้เอง โดยที่ไม่ต้องมีคนช่วย ฝึกลูกกินข้าวเอง มีประโยชน์อย่างไร การให้ลูกกินข้าวเองนั้น นอกจากจะช่วยให้ลูกรู้จักอาหารที่เป็นของแข็งมากขึ้นแล้ว ยังมีส่วนในการช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย และด้านความคิดอีกด้วย 1. สร้างทัศนคติที่ดีต่อการกินของลูก ฝึกให้ลูกกินข้าวเอง ช่วยให้ลูกมีความสุขกับการทานอาหารมากยิ่งขึ้น เพราะลูกได้สนุกกับการกิน สนุกกับการเลียนแบบท่าทางระหว่างการกินอาหาร ทำให้ไม่ต้องคอยหลอกล่อให้ลูกกินข้าว 2. ฝึกพัฒนาการการใช้กล้ามเนื้อมือ การให้ลูกได้หยิบจับอาหาร ทำให้ได้ฝึกการใช้แรงของมือ แรกๆอาหารอาจจะมีร่วงหล่นจากมือบ้าง หรืออาหารเละคามือบ้าง แต่ก็เป็นการให้ลูกได้ฝึกการควบคุมกล้ามเนื้อมือและน้ำหนักของมือ 3. ฝึกพัฒนาการการเคี้ยวและความคิด […]
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์ สิ่งแรกๆ ที่คุณแม่ส่วนใหญ่นึกถึงก็คือเรื่องของการคลอดใช่มั้ยล่ะคะ ส่วนวิธีการคลอดนั้น ก็อย่างที่คุณแม่ทราบกันดีว่ามีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี ก็คือการคลอดธรรมชาติกับการผ่าคลอดค่ะ เราลองเปรียบเทียบกันดูดีกว่าว่าสองวิธีนี้ต่างกันยังไงบ้าง การคลอดธรรมชาติคืออะไร มีอะไรที่ต้องกังวลบ้าง? การคลอดธรรมชาติก็คือการที่คุณแม่เบ่งลูกน้อยออกมาทางช่องคลอด ซึ่งการคลอดแบบนี้คุณแม่จะต้องรอให้มีน้ำเดินหรือเจ็บท้องคลอด รวมถึงปากมดลูกเปิดมากพอที่จะทำการคลอดได้นั่นเอง ส่วนใหญ่แล้ว คุณแม่จะเจ็บท้องคลอดกันที่ช่วง 37-40 สัปดาห์ค่ะ การคลอดธรรมชาติมักเป็นที่นิยมเพราะคุณแม่ส่วนใหญ่ก็อยากมีประสบการณ์ อยากรับรู้ถึงความเจ็บปวดในการเบ่งคลอด แถมยังมีราคาถูกกว่าผ่าคลอดอีกด้วยนะ แม้ว่าการคลอดธรรมชาติจะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แผลหายเร็ว และคุณแม่ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้นนาน แต่ก็มีหลายปัจจัยที่คุณแม่ควรทราบกันไว้ซักนิดนึงน้า ปัจจัยที่อาจทำให้การคลอดธรรมชาติไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเสมอไป 1. ลูกไม่กลับหัว ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่น่ากลัวที่สุดสำหรับการคลอดธรรมชาติ และมักจะจบลงด้วยการที่คุณหมอเปลี่ยนไปเป็นผ่าคลอดแทนค่ะ โดยปกติ เวลาที่จะคลอด ลูกน้อยจะต้องกลับหัวเพื่อใช้หัวดันออกมาจากช่องคลอด มีทารกบางรายที่ไม่ยอมกลับหัว หรืออาจจะกลับหัวผิดตำแหน่ง ทำให้คุณหมอไม่สามารถทำคลอดได้ 2. คุณแม่มีแรงเบ่งไม่พอ หรือเบ่งไม่เป็น แรงเบ่งนั้นมีความสำคัญกับการคลอดธรรมชาติมากๆ เลยล่ะค่ะ เพราะถ้าคุณแม่มีแรงเบ่งไม่พอ หรือเบ่งไม่เป็น ลูกน้อยก็จะไม่สามารถคลอดออกมาได้ แต่เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงนะ เพราะโรงพยาบาลส่วนใหญ่ที่คุณแม่ไปฝากครรภ์ เค้าจะมีการอบรม สอนวิธีการเบ่ง การหายใจ เพื่อให้คุณแม่สามารถเบ่งได้อย่างถูกวิธีค่ะ 3. คุณแม่มีโรคประจำตัว โรคประจำตัวก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่น โรคเบาหวาน […]
ของเล่นเด็ก เป็นไอเท็มที่มีส่วนช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการ ให้กับลูกน้อยได้เป็นอย่างดี โดยของเล่นแต่ละแบบจะมีวิธีการเล่น การกระตุ้นให้ลูกน้อยใช้กล้ามเนื้อ ร่างกาย ประสาทสัมผัสที่ไม่เหมือนกัน การเลือกซื้อ ของเล่นเด็ก ให้ลูกน้อยได้ถูกต้องสมวัย จะช่วยให้เล่นได้สนุก และยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการได้อย่างแท้จริง เบบี้กิ๊ฟ เข้าใจแม่ ในความสงสัย และสับสนว่า ควรเลือกซื้อของเล่นชิ้นไหนดี เพราะทุกวันนี้มีของเล่นในท้องตลาดมากมาย ทั้งราคาถูก ไปจนถึงราคาแพง แบบไหนถึงจะเหมาะกับลูกน้อยแต่ละวัย เบบี้กิ๊ฟ หาคำตอบมาให้แล้วในบทความนี้ ของเล่นเด็ก วัยแรกเกิด – 6 เดือน วัยนี้ลูกน้อยจะใช้เวลาไปกับการนอนมากเป็นพิเศษ สลับกับการตื่นมาทานนมทุกๆ 3 ชั่วโมง ในช่วงระหว่างที่ลูกน้อยตื่นนอน สามารถส่งเสริมพัฒนาการให้กับเด็กวัยนี้ได้ โดยเริ่มจาก การฝึกการมองเห็น ผ่านดวงตาโตใสแป๋ว โดยทารกวัยนี้มักจะชอบ มองสิ่งของที่ขยับไปมา เช่น โมบายหมุนได้ และดวงตาของทารกจะ มองเห็นสีที่ตัดกันชัดเจน เช่น สีดำ/ขาว เหลือง/แดง เพราะน้องๆจะยังไม่รู้จักสีพาสเทลเหมือนผู้ใหญ่ และการมองตัวเองแค่ในกระจก ก็เรียกเสียงหัวเราะจากน้องได้แล้วค่า โดยสามารถเลือกเป็น เพลเพน ที่มีโมบาย กระจก ตุ๊กตาห้อยให้ลูกน้อยนอนมองเล่นได้เพลินๆ ค่ะ ฉะนั้น การเลือกของเล่นที่มีสีสันฉูดฉาด บาดใจ จะเหมาะกับเด็กน้อยวันนี้มากๆ โดยวัสดุของเล่นนั้น ควรจะมีลักษณะเป็นผ้า อ่อนนุ่ม ซักทำความสะอาดได้ […]
พอรู้ว่าตั้งท้อง สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่มักอยากจะทราบเป็นอันดับแรกก็คือเพศของลูกในท้องใช่มั้ยล่ะคะ วันนี้เราตั้งใจจะมาพูดถึงวิธีสนุกๆ ที่ไม่ต้องพึ่งวิทยาศาสตร์ เป็นวิธีที่อิงความเชื่อล้วนๆ ฮิตกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ แม่นไม่แม่น ไม่รู้ แต่ก็สนุกดีค่ะ ถือว่าคลายเครียดกันเนอะ (เอ๊ะ หรือจะทำให้เครียดกว่าเดิม?) 9 วิธีสนุกๆ ทายเพศลูกน้อยตามแบบโบราณ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าวิธีเหล่านี้เป็นความเชื่อของคนสมัยโบราณที่ตอนนั้นวิทยาการก็ยังไม่ค่อยจะล้ำสมัยซักเท่าไหร่ ถือว่าทำเอาเล่นๆ ขำๆ ละกันนะคะ ถ้าคุณแม่อยากทราบเพศลูกที่ชัวร์ๆ ก็ลองปรึกษาขอ คุณหมอตรวจโครโมโซมหรือเจาะน้ำคร่ำดูก็ได้ค่ะ เพราะสองวิธีนี้ให้ผลแม่นยำถึง 99.4% เลยล่ะ แม่นยิ่งกว่าการบอกเพศจากการอัลตร้าซาวด์อีกนะ แต่ต่อให้ลูกจะคลอดออกมาเป็นเพศไหน เราก็มั่นใจว่าคุณแม่ทุกท่านจะรักลูกจนหมดหัวใจแน่นอน
การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้ คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ? คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]






