คาร์ซีทแบบกระเช้า คืออะไร ? เลือกยังไงให้เหมาะกับลูกคุณ

การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด
ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ
คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้
คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ?
คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก ในบางรุ่นก็สามารถนำไปใส่กับรถเข็นเด็กได้ด้วย สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ในการพาลูกน้อยไปทำธุระนอกบ้าน เช่น พาไปหาหมอ พาไปหาคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย เป็นต้น
ข้อดี
- มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้ง่าย สามารถถอดออกมาเดินถือได้เลย
- มีที่นั่งกระชับ เหมาะสมกับสรีระของเด็ก ช่วยให้เด็กนอนในท่าทางที่สบายและอยู่ในท่าทางที่ถูกต้อง
- มีความสะดวกสบายในการใช้งาน สามารถใส่กับรถเข็นเด็กได้ในบางรุ่น หรือปรับเป็นเปลนอนได้
- มีความปลอดภัย สามารถติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ได้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีความปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด
ข้อเสีย
- มีความบอบบาง เพราะมีขนาดเล็ก ทั้งยังมีน้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างและชิ้นส่วนต่างๆ มีขนาดเล็กและบอบบางตามไปด้วย
- มีระยะการใช้งานสั้นๆ เนื่องจากกระเช้าคาร์ซีทมีขนาดเล็ก จึงใช้สำหรับเด็กแรกเกิด – 1 ปี เท่านั้น
- ไม่ทนทานเท่ากับคาร์ซีทประเภทอื่นๆ ด้วยเพราะมีน้ำหนักเบา มีโครงสร้างที่เล็กและไม่แข็งแรงเท่ากับคาร์ซีทประเภทอื่นๆ

คาร์ซีทแบบกระเช้า เหมาะกับการใช้งานแบบใด ?
- กระเช้าคาร์ซีท เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิดโดยเฉพาะ เพราะมีน้ำหนักเบา สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่าย น้ำหนักไม่มากจนเกินไป
- เหมาะสำหรับการเดินทางทั้งใกล้และไกล เพราะสามารถยกออกจากรถได้ในขณะที่เด็กหลับอยู่ โดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกมาจากคาร์ซีท สร้างความสะดวกสบายให้กับคุณพ่อคุณแม่ และสามารถนำไปติดตั้งในรถเข็นเด็กได้อีกด้วย
- เหมาะสำหรับการใช้งานช่วงสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี เพราะกระเช้าคาร์ซีทมีขนาดกะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก หากเด็กมีน้ำหนักมากขึ้นหรือมีความสูงเพิ่มขึ้น ก็อาจจะนั่งไม่สะดวกได้
เลือกคาร์ซีทแบบกระเช้าอย่างไรดี ?
ตอนนี้ก็ได้ทราบแล้วว่าคาร์ซีทแบบกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง และเหมาะกับการใช้งานในรูปแบบใด แล้วเราจะมีวิธีเลือกคาร์ซีทกระเช้าอย่างไรดีให้เหมาะกับลูกน้อยมากที่สุด มาดูวิธีเลือกกันเลยค่ะ
1. เลือกจากระบบการติดตั้ง
ปัจจุบันจะมีอยู่ 2 ระบบ ได้แก่ ระบบ Belt (ติดตั้งด้วยเข็มขัดนิรภัยของตัวรถยนต์) โดยสามารถติดตั้งคาร์ซีทได้กับรถยนต์ทุกรุ่น ทุกคัน และระบบ ISOFIX หรือระบบการติดตั้งตามมาตรฐานยุโรป โดยส่วนใหญ่จะมีในรถยนต์ที่ผลิตในปี 2014 ขึ้นไป หากยังไม่แน่ใจว่าควรเลือกคาร์ซีทแบบไหนที่เหมาะกับรถยนต์ของเรา อาจสอบถามผู้เชี่ยวชาญด้านรถยนต์เพิ่มเติม จะได้เลือกอย่างถูกต้องค่ะ
2. เลือกจากรูปแบบและขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
กระเช้าคาร์ซีทนั้นเหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด – 18 เดือนเท่านั้น หากลูกน้อยโตกว่านี้ อาจทำให้ลูกนั่งได้ไม่สบายและรู้สึกอึดอัดได้ ควรเลือกเป็นแบบที่ทำความสะอาดได้ง่าย ถอดซักได้ ระบายอากาศดี และซัพพอร์ตกับสรีระของเด็กเล็ก ทั้งนี้ ควรเลือกขนาดคาร์ซีทให้มีความเหมาะสมกับขนาดเบาะรถของเราด้วย เพื่อที่จะได้ติดตั้งได้อย่างพอดีและมีความมั่นคงแน่นหนา เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อยค่ะ

3. เลือกจากฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบโจทย์เรา
การเลือกคาร์ซีทนั้น ควรเลือกจากการตั้งคำถามที่ว่า สามารถนำมาประกอบเข้ากับรถเข็นได้หรือไม่ สามารถปรับให้เอนราบเพื่อทำเป็นเปลนอนได้หรือไม่ มีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ตรงกับความต้องการของเราหรือไม่ เช่น ระบบ Side impact ป้องกันการชนด้านข้าง ที่ช่วยลดแรงกระแทก และอื่นๆ
4. เลือกซื้อจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ
สิ่งที่สำคัญไม่แพ้คุณภาพ และวัตถุประสงค์การใช้งานของสินค้าแต่ละอย่างนั้น ก็คือการเลือกซื้อของจากร้านที่มีความน่าเชื่อถือ มีการรับประกันคุณภาพ และจัดจำหน่ายโดยตัวแทนนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฏหมาย หากมีการชำรุดก็สามารถส่งซ่อมกับศูนย์ได้ หรือสามารถเปลี่ยนใหม่ได้ในกรณีที่มีการชำรุดเสียหายรุนแรงจากการเกิดอุบัติเหตุในบางแบรนด์
5. เลือกที่มีสัญลักษณ์รับประกันความปลอดภัย
โดยเลือกคาร์ซีทที่มีตราสัญลักษณ์มาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐาน ECE R129 (i – Size) อันเป็นมาตรฐานใหม่ล่าสุดสำหรับคาร์ซีทของสหภาพยุโรปในการใช้ควบคุมการผลิตคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กให้มีความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้น และเบาะต้องนั่งสบายมากขึ้น เนื่องจากมีข้อบังคับให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 เดือน ต้องนั่งคาร์ซีทแบบหันหน้าเข้าหาเบาะ (Rear – Facing) ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่มีการประกาศใช้ตั้งแต่ปี 2556 และยังเป็นมาตรฐานที่มีการทดสอบความปลอดภัยของคาร์ซีทอย่างเข้มงวด และได้รับการยอมรับในระดับสากลว่ามีความปลอดภัยสูงสุดอีกด้วย
BabyGift แนะนำคาร์ซีทแบบกระเช้า สำหรับลูกน้อยของคุณ

1. KINDERKRAFT คาร์ซีทกระเช้า รุ่น MINK PRO
คาร์ซีทแบบกระเช้าที่เหมาะสำหรับเด็กแรกเกิด สามารถถอด และถือหิ้วเหมือนตะกร้าได้ มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวกสบาย โครงสร้างแข็งแรงทนทาน ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยยุโรป R129 (i – Size) มั่นใจได้ในเรื่องคุณภาพ
จุดเด่น
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับยุโรป R129 (i-Size) อันเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด
- สามารถติดตั้งกับรถเข็นเด็กที่มี Adapter ได้ เช่น รถเข็นเด็ก รุ่น Apino และ รถเข็นรุ่น NEA
- สามารถปรับพนักพิงศีรษะ และเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 5 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย
- น้ำหนักเบา 3.5 กิโลกรัม ถอดออก และถือหิ้วได้สะดวก
- มี Head Support เมมโมรี่โฟมหนา 3 ชั้น เสริมด้านในด้วย EPS โฟม ปกป้องศีรษะ และลำคอทารกแรกเกิดได้อย่างแน่นหนา
- มี Side Protect เสริมการ์ดป้องกันการกระแทกด้านข้าง เสริมความปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- มีเข็มขัดนิรภัย 3 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม สัมผัสสบาย มีความปลอดภัยสูง ให้เด็กนั่งได้ถูกต้องตามหลักสรีรศาสตร์
- มีหลังคาบังแดด ช่วยปกป้องสายตาทารกที่ยังบอบบางให้หลับสนิทมากขึ้น
- โครงคาร์ซีทแข็งแรง แตกหักยาก ดูดซับแรงกระแทกได้สูง
การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน ส่วนสูง 40 – 75 เซนติเมตร มีน้ำหนักระหว่าง 0 – 13 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ Belt
แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี

2. KINDERKRAFT คาร์ซีทกระเช้า รุ่น I-CARE
คาร์ซีทแบบกระเช้าสำหรับเด็กแรกเกิด มีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายได้สะดวก สามารถถอดและถือหิ้วเหมือนตระกร้าได้ มีการออกแบบเชิงโมดูลาร์ ดีไซน์ สามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้เพื่อรองรับสรีระเด็กได้ดีที่สุด พร้อมมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป R129 (i – Size) มั่นใจได้ในด้านคุณภาพการใช้งาน
จุดเด่น
- ได้มาตรฐานความปลอดภัยใหม่ระดับยุโรป R129 (i-Size) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด
- สามารถติดตั้งกับรถเข็นเด็กที่มี Adapter ได้ เช่น รถเข็นเด็ก รุ่น NEA
- สามารถปรับพนักพิงศีรษะ และเข็มขัดนิรภัยพร้อมกันได้ 4 ระดับ ตามสรีระลูกน้อย
- น้ำหนักเบา 4.2 กิโลกรัม
- มี Head Support เมมโมรี่โฟมหนานุ่มที่สุด ถึง 3 ชั้น ช่วยปกป้องศีรษะ และลำคอทารกแรกเกิดได้อย่างแน่นหนา
- มี Side Protect เสริมการ์ดป้องกันการกระแทกด้านข้าง ปลอดภัยตามมาตรฐานสากล
- มีเข็มขัดนิรภัย 5 จุด พร้อมนวมหุ้มสายเข็มขัดหนานุ่ม สัมผัสสบาย มีความปลอดภัยสูง
- มีหลังคาบังแดด ปกป้องสายตาทารกที่ยังบอบบางให้หลับสนิทมากขึ้น
- โครงคาร์ซีทแข็งแรง แตกหักยาก ดูดซับแรงกระแทกได้สูง
การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 15 เดือน ส่วนสูง 40 – 87 เซนติเมตร มีน้ำหนักระหว่าง 0 – 13 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ Belt และสามารถใช้ฐานติดตั้งระบบ ISOFIX ได้
แบรนด์ : ประเทศเยอรมนี

3. JOIE ตระกร้าคาร์ซีทเด็ก รุ่น Gemm
กระเช้าคาร์ซีทสำหรับเด็กอ่อนในรูปแบบตระกร้าหิ้ว ทำให้ลูกน้อยหลับสบายแม้ในขณะเคลื่อนย้าย เหมาะสำหรับเด็กวัยแรกแกิดโดยเฉพาะ มีการรับประกันความแข็งแรงของโครงสร้าง 3 ปี ผ่านการทดสอบ ECE R44/04 จากยุโรป มั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพ ได้มาตรฐานจากสากล
จุดเด่น
- ผ่านการทดสอบมาตรฐาน ECE R44/04 จากยุโรป
- น้ำหนักเบา เพียง 4.62 กิโลกรัม
- เบาะรองรับสรีระเด็กแรกเกิดได้ดี ระบายอากาศได้ดี และสามารถถอดซักได้
- หลังคาป้องกันแสง UV สามารถถอดออกได้ และหูหิ้วปรับระดับได้
- มีสายคาดนิรภัยแบบ 5 จุดตามมาตรฐานสากล สามารถปรับระดับได้
- การติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของลูกน้อย
- สามารถใช้ฐานเสริม Car Seat รุ่น I Base ในการติดตั้งด้วยระบบ ISOFIX หรือเข็มขัดนิรภัย เพียงนำตระกร้าหิ้วไปวานบน ฐานเสริม Car Seat รุ่น I Base ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นในการใช้งาน
- สามารถใช้กับรถเข็นรุ่น Litetrax4 DLX / Pact / Tourist / Muze LX / Versatrax / Finiti
การใช้งาน : เด็กแรกเกิด – 13 กิโลกรัม
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
แบรนด์ : ประเทศอังกฤษ
ปัจจุบันมีกฏหมายคาร์ซีทที่ระบุเอาไว้ว่า เด็กที่อายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร ต้องมีที่นั่งพิเศษสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) เพื่อป้องกันอันตรายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ซึ่งกำหนดใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 ดังนั้นแล้ว การเลือกคาร์ซีทให้กับลูกน้อย โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูก และช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุได้ หากคุณต้องการคาร์ซีทที่ได้มาตรฐาน มีคุณภาพดี BabyGift เป็นร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถพาลูกน้อยมาลองนั่งคาร์ซีทแบบกระเช้าได้ทุกรุ่น หรือ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
แพมเพิส หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูป เรียกว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเด็กเล็กที่จะใช้กันตั้งแต่แรกเกิด เพราะว่าช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น ประหยัดเวลาในการซักทำความสะอาด แถมเวลาออกจากบ้านก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเปื้อนเลอะ ซึ่งคุณแม่หลายๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่าจะให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ ให้ลูกเลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ชวนคุณแม่ทำความเข้าใจก่อนให้ลูกเลิกใช้แพมเพิส หนึ่งในคำถามยอดนิยมของเหล่าคุณแม่ก็หนีไม่พ้นเรื่องที่ว่าจะให้ลูกเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี เนื่องจากเรื่องของค่าใช้จ่าย ความกังวลที่ว่าลูกจะติดแพมเพิส ความสะดวกสบายในการสวมใส่ของเด็ก ฯลฯ อีกมากมาย สำหรับเรื่องของช่วงเวลาของการเลิกแพมเพิสนั้นจะเป็นยังไงบ้าง เรามาดูรายละเอียดกันเลยค่ะ เลิกแพมเพิสกี่ขวบดี ? ถ้าจะถามว่าควรเลิกใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปเมื่อไหร่ดี จริงๆ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวค่ะ อยากให้ดูจากความพร้อมของลูก และคุณพ่อ คุณแม่ มากกว่า เด็กบางคน 8 เดือนก็เลิกได้แล้ว บางคนก็มาเลิกได้ตอนช่วงก่อนเข้าโรงเรียนในช่วง 3 – 4 ขวบ ดังนั้น BabyGift จึงพูดได้ว่าไม่ได้มีกำหนดเวลาตายตัวจริงๆ และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ควรไปกดดันน้องๆ ให้ลูกของเรามีความพร้อมจะดีที่สุดค่ะ ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องอดทนและให้กำลังใจเด็ก เพราะว่าการฝึกขับถ่ายเป็นก้าวสำคัญของพัฒนาการ และแต่ละคนมีจังหวะที่แตกต่างกัน ไม่ควรกดดันหรือเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น และหากว่าคุณแม่มีข้อกังวลอื่นๆ อาจปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่า ลูกของเราพร้อมที่จะเลิกแพมเพิส ? สิ่งสำคัญของเรื่องนี้คือ ให้ลูกสบายใจ […]
เพราะแม่แต่ละคนมีความเป็นตัวของตัวเองที่แตกต่าง Aprica จึงสรรสร้างนวัตกรรมที่รองรับทุกความต้องการด้วยรถเข็นเด็กหลากหลายรุ่นเพื่อตอบโจทย์ที่ไม่เหมือนกัน แล้วรถเข็นเด็ก Aprica รุ่นไหน เหมาะกับคุณไปดูกันเลย แม่ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุ่มเททุกความสุขเพื่อลูกและคนในครอบครัวเป็นสำคัญ ถ้าคำว่า “ที่สุด” คือนิยามของรถเข็นเด็กที่ดีที่สุดสำหรับลูก คือคำตอบเดียวที่คุณต้องการ รถเข็นเด็ก Aprica โดดเด่นในเรื่องนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมอบความสบาย นุ่มนวล ปกป้องลูกน้อยแบบ 360 องศา ใส่ใจในสุขภาพและเสริมสร้างพัฒนาการ เพื่อเทวดานางฟ้าตัวน้อย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Optia รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Soraria Magic basket คุณแม่ทรงพลัง คล่องแคล่ว ขี้เล่น ถ้าคุณและลูกน้อยต้องการความคล่องตัว พร้อมทุกสถานการณ์ รถเข็นเด็กน้ำหนักเบาแต่ครบทุกฟังชันท์ที่เหนือกว่า พร้อมเติมความคล่องตัวด้วยการใช้รถเข็นสลับกับเป้อุ้มเด็กได้ง่าย เป็นตัวช่วยที่ดี ไม่ว่าสถานการณ์ไหนๆ คุณแม่ก็พร้อม รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna CTS รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Luxuna Light คุณแม่เด็กแนว กิ๊บเก๋ทันสมัย ไม่ชอบตามใคร สนใจทางเลือกใหม่ๆ รักอิสระและความแปลกใหม่ รถเข็นเด็ก แบบ 3 ล้อเท่ห์ๆ ไม่เหมือนใครที่ผสมผสานทุกฟังก์ชั่นอย่างลงตัว และที่โดนใจยิ่งกว่าคือ ความแข็งแรง ทนทาน ไม่ว่าจะไปไหนก็พร้อมลุยทุกสภาพพื้นผิว ใช้ง่ายพับกางสะดวกและขนาดกระทัดรัด […]
Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 1 และ Kurutto R The First 2 เป็นคาร์ซีทเด็กแรกเกิดที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ที่มีนวัตกรรมความปลอดภัยล้ำสมัย ช่วยให้การเดินทางของลูกน้อยทั้งปลอดภัยและสะดวกสบาย และทั้ง 2 รุ่น มีคุณสมบัติที่เด่นและแตกต่างกัน ซึ่งสามารถตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย เราจะพาคุณพ่อคุณแม่มาทำความรู้จักกับความแตกต่างเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่เลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมกับความต้องการของครอบครัวได้ค่ะ เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท Ailebebe รุ่น Kurutto R ได้อย่างเหมาะสมกับลูกน้อยมากที่สุด มาเริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมรุ่นนี้ถึงเป็นที่นิยมและมีจุดเด่นอะไรบ้างนะคะ ทำไมต้องเลือก Ailebebe รุ่น Kurutto R ? 1. มาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงสุด : ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากสหภาพยุโรป R129 (i-Size) 2. การทดสอบที่แม่นยำ : ใช้เซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกสูงสุดถึง 32 จุดบนหุ่นจำลอง และหุ่นไม่ได้รับการบาดเจ็บ 3. ทดสอบการชนที่เข้มงวด : ทดสอบการชนที่ความเร็ว 70-100 กม./ชม. เพื่อความปลอดภัยสูงสุด […]
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะปวดหัวไม่น้อย ว่าลูกน้อยของเราควรจะหนุน หมอนทารก นอนหรือไม่ แล้ว หมอนหัวทุย จำเป็นไหม กดมือถือหาข้อมูลทีไรก็หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันค่า หมอนทารก ทารกควรหนุนหรือไม่ คำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกล่าวว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยสำหรับทารกที่สุดก็คือ การนอนหงายโดยไม่หนุนอะไรทั้งสิ้น เพราะสรีระของกะโหลกศีรษะของทารก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ทำให้พอดีในการนอนแล้วถึงแม้จะนอนหงาย และนอกจากนี้จะต้องไม่มีสิ่งของอื่นๆ เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา ของเล่น ฯลฯ อยู่บนเตียงขณะลูกน้อยนอนหลับ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการนอน หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กๆ มากมายทั่วโลก และโรคนี้มักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือนมากที่สุด โดยที่เด็กยังแข็งแรงดีอีกด้วย แม้ปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตคือการที่มีผ้า วัตถุนุ่มๆ หรือการใช้ที่นอนที่อ่อนยวบเกินไป ไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูก จากการที่ลูกเกิดพลิกตัวนอนคว่ำ หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเด็กยังเล็กเกินไปที่จะชันคอหรือพลิกตัวกลับได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทารกจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้หมอนหนุนนอนจนกว่าจะเข้าสู่วัยเตาะแตะหรือ 18 เดือนขึ้นไป หรือช้ากว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ กลัวลูกหัวแบน ทำไงดี อีกหนึ่งความกังวลใหญ่ของบรรดาแม่ๆ คือ กลัวลูกหัวแบน เพราะต้องนอนหงายตลอดเวลา ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตคิดค้นหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันหัวแบน และลูกน้อยยังคงนอนหงายได้ด้วย แต่ทั้งนี้คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่แนะนำให้ใช้หมอนหนุนมากนัก เพราะหากใช้หมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ […]
BabyGift Grand Opening ฉลองเปิดสาขาใหม่ “ปิ่นเกล้า-ราชพฤกษ์” สาขาที่ 7 อย่างเป็นทางการตอกย้ำความเป็นผู้นำร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็ก BabyGift พร้อมที่จะส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคุณพ่อ-คุณแม่และลูกน้อยในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด ” The Best Gift for your Baby ” ขอขอบคุณ แบรนด์ Partner ผู้บริหาร และคณะกรรมการทุกท่านเป็นอย่างมาก ที่มาร่วมงาน และคอยสนับสนุนเบบี้กิ๊ฟอย่างดีตลอดมาค่ะ Attitude Mom Thailand : เครื่องปั๊มนม 5 โหมด อัจฉริยะ กรวยซิลิโคนแท้ Spectra Thailand เครื่องปั้มนม Iflin baby PUR Thailand Mellow for Kids ผ้ารองกันน้ำ100% เมลโล่ Bambies Thailand Baby Natura Beaba Thailand Luxury Baby […]
น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้ สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]

ร้านสินค้าแม่และเด็กที่คัดสรรนวัตกรรมของใช้แม่และเด็กที่มี
คุณภาพให้คำปรึกษาและบริการ อย่างผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องง่าย ปลอดภัย และมีความสุข
Online Shopping
สาขา ปิ่นเกล้า ราชพฤกษ์
สาขา Mega บางนา
สาขา Central World
สาขา The Crystal รามอินทรา
สาขา BTS วงเวียนใหญ่ (Outlet)
Copyright 2024 © Baby Gift (Retail) Co., Ltd.