เคล็ดลับ เลือกซื้อ ขวดนม เตรียมคลอด

หนึ่งอุปกรณ์สำคัญเพื่อการเลี้ยงลูกที่คุณแม่ขาดไม่ได้คือ ขวดนม ที่คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านอาจมองข้าม เพราะคิดและตั้งใจไว้แล้วว่าจะให้นมแม่ล้วนหลังคลอด ซึ่งอาจลืมไปว่าแม้จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่ขวดนมก็ยังมีความสำคัญและเป็นผู้ช่วยชั้นดีของการให้นมแม่ได้แน่นอน

» ขวดนมจำเป็นแค่ไหน ?

  • ช่วยให้คุณแม่ที่ปั๊มนมแช่เก็บไว้ให้ลูก สามารถให้นมแม่กับลูกได้สะดวกเวลาที่คุณแม่ไม่อยู่หรือติดธุระ
  • อำนวยความสะดวก ผ่อนแรงคุณแม่ในยามเหนื่อยล้า ในช่วงเวลาที่ไม่สะดวกให้นมจากเต้า ก็นำนมแม่ออกมาใส่ขวดให้ลูกกินได้ตลอดเวลา
  • ลูกน้อยได้รับคุณค่านมแม่เต็มที่ตลอดเวลา ในเวลาที่คุณแม่ต้องไปทำงาน
  • เป็นอุปกรณ์สำคัญช่วยให้ลูกได้กินนมผสมในช่วงของการเปลี่ยนนมตามวัย หรือเมื่อถึงช่วงเวลาหย่านมแม่
  • ลูกกินนมแม่ได้ยาวนาน ช่วยให้ลูกไม่สับสนในการกินนม เพราะกินทั้งนมแม่จากเต้าและกินนมแม่จากขวดได้
  • ฝึกการกินน้ำ กินนมกล่องหรือน้ำผลไม้ ในกรณีที่ลูกโตขึ้นแต่ยังดูดจากหลอดไม่เป็น
  • ให้พี่เลี้ยง คุณพ่อหรือคุณตาคุณยายได้ใกล้ชิด ให้ความอบอุ่น รับหน้าที่ป้อนนมแม่ให้ลูกแทนคุณแม่ได้

» ขวดนม มีกี่แบบ ?

ปัจจุบันขวดนมสำหรับเด็กผลิตขึ้นจากวัสดุที่หลากหลาย มีหลายประเภทและหลายรูปทรงให้เลือก

วัสดุของขวดนม

ขวดนมสำหรับเด็ก มีทั้งขวดแก้ว ขวดพลาสติก และขวดที่ใช้แล้วทิ้ง(Disposable Liners)ที่ใส่ลงในขวดนมอีกที  แต่ปัจจุบันขวดนมส่วนใหญ่ที่นิยมใช้มักผลิตจากพลาสติกเพราะน้ำหนักเบา ตกไมแตก ทนความร้อนและหาซื้อง่าบ โดยมีทั้งขวดพลาสติกใส ขวดพลาสติกขาวขุ่น และขวดสีชา ที่ผลิตจากพลาสติกที่ต่างชนิดกัน

1. ขวดนม PP

วัสดุ POLYPROPYLENE เป็นขวดนมที่มีสีโปร่งใส หรือสีขาวขุ่น มีน้ำหนักเบา ทนทาน โดยทนอุณหภูมิได้ตั้งแต่ -20 –110˚c มีอายุการใช้งานประมาณ 6 เดือน และอาจเหลือน้อยลงหากผ่านความร้อนจากการต้มหรือนึ่งบ่อยๆ

2. ขวดนม PES

วัสดุ POLYETHERSULFONE เป็นขวดพลาสติกสีชาหรือน้ำผึ้ง สามารถทนอุณหภูมิได้ที่ -50–180˚c มีอายุการใช้งานยาวนานประมาณ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานในการผ่านความร้อนบ่อยแค่ไหน และการดูแลรักษา

3. ขวดนม PPSU

วัสดุ POLYPHENYLSULFONE ลักษณะเป็นขวดพลาสติกสีน้ำตาลอ่อน ทนอุณหภูมิได้สูงประมาณ -50–180˚c มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน 8 เดือน ถึง 2 ปี ขึ้นกับความถี่ในการต้ม หรือนึ่งฆ่าเชื้อ

รูปทรงขวดนม

ยุคนี้มีขวดนมให้คุณแม่เลือกมากมายหลายรูปทรง ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกรูปทรงที่ชอบ เหมาะกับการใช้งานและความสวยงามได้ตามใจชอบทั้ง ขวดนมทรงตรงฐานกว้าง ทรงกลม ทรงโค้ง ขวดนมทรงเอวคอด ขวดนมทรงถั่ว ขวดนมทรงงอ ขวดนมทรงมะละกอมีรูตรงกลางให้จับ ตลอดจนขวดนมมาพร้อมมือจับ

» ขวดนมคอกว้าง – ขวดนมคอแคบ เลือกใช้แบบไหนดี?

เดี่ยวนี้มีขวดนม 2 ลักษณะใหญ่ให้คุณแม่เลือกใช้นั่นคือ ขวดนมคอกว้างและขวดนมคอแคบ  ซึ่งมีคุณสมบัติรวมถึงข้อดีข้อเสียที่แตกต่าง โดยคุณแม่ควรพิจารณาเลือกใช้ให้เหมาะตามต้องการ นั่นคือ

ขวดนมคอกว้าง 

ข้อดี : ฐานจุกนมกว้างคล้ายนมแม่  เหมาะกับคุณแม่ที่ให้นมจากเต้าสลับกับให้นมแม่ที่เก็บไว้ใส่ขวด ช่วยให้ลูกน้อยไม่สับสน  ลดปัญหาลูกปฏิเสธนมขวด และลดปัญหาลูกปฏิเสธเต้าในเวลาที่คุณแม่ฝึกลูกกินนมแม่จากขวด  นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างยังล้างง่าย แห้งเร็ว เพราะฐานคอขวดกว้าง

นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างในปัจจุบัน มักมีดีไซน์ที่ช่วยไม่ให้ลูกดูดลมเข้าท้อง ป้องกันอาการแน่นท้อง ท้องอืด นอกจากนี้ขวดนมคอกว้างเริ่มเป็นที่นิยมใช้และหาซื้อได้ง่ายกว่าแต่ก่อน

ข้อเสีย : ขวดนมมีขนาดกว้างอาจทำให้คุณแม่ถือลำบากและทำให้ลูกน้อยถือไม่ถนัด ขวดชนิดนี้ต้องใช้พื้นที่ในการเก็บ  และราคามักสูงกว่าขวดนมแบบคอแคบ

ขวดนมคอแคบ

ข้อดี : เป็นขวดนมแบบมาตรฐานที่มีใช้มายาวนาน และยังเป็นขวดนมที่มีจุกนมสำหรับเด็กที่มีความต้องการพิเศษ เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ หรือจุกนมยาว มักหาซื้อง่ายมีให้เลือกเยอะ และราคาถูกกว่าจุกและขวดนมคอกว้าง

ข้อเสีย : หากคุณแม่ให้นมแม่จากเต้าแล้วต้องการสลับให้ลูกกินนมแม่จากขวด อาจทำให้ลูกสับสนไม่เอาขวดนมหรือกินนมจากขวดได้ เพราะขวดนมคอแคบจะใช้จุกนมแคบ ที่มีลักษณะไม่เหมือนกับการดูดนมจากเต้าแม่ ทำให้ลูกปฏิเสธกินนมได้ รวมถึงขวดนมคอแคบและจุกนมจะมีขนาดเล็กทำให้ล้างได้ยาก อาจทำความสะอาดไม่ทั่วถึง เป็นที่สะสมของเชื้อโรคได้

» ควรซื้อ ขวดนม ให้ลูก มากแค่ไหน ?

  • พิจารณาจากการใช้งาน และปัจจัยอื่นๆ ในการเลี้ยงลูก เช่น หากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ คุณแม่เลี้ยงลูกเต็มเวลา อาจใช้ขวดนมน้อยเริ่มต้นที่ 2-3 ขวด แต่หากแม่ต้องไปทำงานนอกบ้าน ให้นมแม่จากสต๊อกที่เก็บไว้ และต้องให้ขวดนมสลับนมแม่จากเต้า  รวมถึงลูกน้อยถึงวัยเริ่มให้อาหารเสริมหรือเปลี่ยนมาให้นมผสม คุณแม่อาจต้องใช้ขวดนมเพิ่มขึ้นเป็น 4-6  ขวด
  • ความจำเป็นที่ต้องใช้ กรณีไม่สามารถเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ อาจต้องมีขวดนมจำนวนมากประมาณ  6-8 ขวด เพื่อให้เพียงพอต่อการให้นมลูกน้อยหลายมื้อต่อวัน
  • จำนวนลูกน้อย หรือการวางแผนมีลูกในอนาคต เพราะหากคุณแม่มีลูกแฝด หรือวางผนจะมีลูกอีกคนเร็วๆ นี้ ก็สามารถซื้อขวดนมเพิ่มมากขึ้นตามจำนวนที่ต้องใช้จริง เช่น 6-10 ขวด

Tips ขนาดของขวดนมที่ใช้ แนะนำว่าหากเลี้ยงลูกน้อยในช่วง 3 เดือนแรก อาจจะใช้ขวดนมขนาดเล็กไม่เกิน 2 ออนซ์ หรือ 4 ออนซ์  แต่เมื่อลูกโตขึ้นอาจเพิ่มขนาดเป็นขวดนม 8 ออนซ์ ขึ้นไปได้

» ข้อควรสังเกตในการซื้อ ขวดนม

ควรเลือกขวดนม BPA Free โดยสังเกตคำว่า BPA Free เนื่องจากหากขวดนมมีสารนี้ สาร BPA ที่ปนเปื้อนมากับพลาสติกอาจหลุดไปสะสมปะปนกับนมและอาหารที่อยู่ในขวดนมของลูก ส่งผลเสียต่ออวัยวะต่างๆ การสร้างเซลล์สมอง ระบบประสาท ความทรงจำและการเรียนรู้ของลูกน้อยจนก่อโรคร้ายเป็นอันตรายได้ แต่คุณแม่ไม่ต้องกังวลใจเนื่องจากขวดนมรุ่นใหม่มักไม่มี BPA ต่างจากขวดนมรุ่นเก่าที่ผลิตจากวัสดุ PC (Polycarnonate)

อย่างไรก็ตามก่อนเลือกซื้อขวดนม คุณแม่ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์พิจารณาวัสดุที่ผลิตทุกครั้งก่อนเสมอ

» เคล็ดลับเลือกขวดนม ให้พร้อมก่อนคลอด

  • เลือกแบบที่ต้องการใช้ เช่น คิดไว้ว่าจะให้นมแม่ แล้วต้องสลับกับให้นมแม่สต๊อกจากขวดนม จึงควรเลือกขวดนมแบบคอกว้างเพื่อป้องกันไม่ให้ลูกสับสนระหว่างดูดนมแม่กับนมขวด เนื่องจากขวดนมคอกว้างจะใช้จุกนมฐานกว้างคล้ายนมแม่
  • ซื้อในปริมาณที่คิดว่าจะได้ใช้จริงหลังคลอด เช่น หลังคลอดสามารถลาคลอดได้ 3 เดือน อาจไม่ต้องซื้อมาก เพราะมีเวลาให้นมแม่เต็มที่ เป็นต้น
  • เช็คดูคุณสมบัติเพิ่มเติม เช่น เลือกขวดนมที่ช่วยลดอาการโคลิก ไม่ให้ดูดลมเข้าไป ป้องกันลูกทารกท้องอืดแน่นท้อง
  • ดูงบประมาณที่เหมาะสม เพราะคุณแม่ต้องซื้อของใช้จำเป็นอื่นๆ อีกหลายอย่าง ฉะนั้นอาจเลือกซื้อขวดนมราคากำลังดี ไม่แพงมากเกินไป เพื่อให้แหมาะกับเศรษฐกิจของครอบครัว
  • เลือกขวดนมที่มีคุณภาพดี มีความทนทาน ใช้ได้คุ้มค่า เป็นแบรนด์ที่เชื่อถือได้หรือได้รับความนิยม และควรเลือกซื้อจากร้านค้าที่ไว้วางใจได้

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

การเตรียมความพร้อมให้กับลูกน้อยนั้นมีสิ่งที่จำเป็นอยู่หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ก่อนคลอดไปจนถึงการเลี้ยงดูลูกตามช่วงวัยต่าง ๆ และสิ่งที่จำเป็นอย่างหนึ่งก็คือ คาร์ซีทสำหรับลูกน้อย อย่างคาร์ซีทเด็กแรกเกิด ที่จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับเด็ก ๆ ขณะนั่งรถยนต์ เพื่อช่วยลดโอกาสในการบาดเจ็บรุนแรงแก่เด็ก ๆ หากเกิดอุบัติที่ไม่คาดคิด  ซึ่งปัจุบันมีคาร์ซีทหลากหลายรูปแบบมากมาย ทั้ง คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 2 ปี คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กโตอายุ 4 – 12 ปี รวมถึง คาร์ซีทแบบกระเช้า ที่นิยมใช้กันมากขึ้น คาร์ซีทกระเช้าคืออะไร เป็นแบบไหน เหมาะกับเด็กช่วงวัยใด ควรเลือกซื้ออย่างไรบ้าง มารู้จักให้มากขึ้นผ่านบทความนี้กันค่ะ  คาร์ซีทแบบกระเช้า เลือกยังไง ให้เหมาะกับลูกน้อย หาคำตอบได้ในบทความนี้  คาร์ซีทกระเช้า คืออะไร ?  คาร์ซีทแบบกระเช้า (Infant Car Seat) หรือคาร์ซีทแบบ Newborn Only เป็นคาร์ซีทที่ใช้สำหรับเด็กแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 24 เดือน เหมาะสำหรับการติดตั้งหันหน้าเข้าหาเบาะรถยนต์ มีลักษณะรูปร่างคล้ายกับตะกร้า และมีที่สำหรับจับถือหิ้ว สามารถวางไว้ในรถได้ และยกออกได้เลยโดยที่ไม่ต้องอุ้มเด็กออกจากคาร์ซีท ทำให้ไม่รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยรวมถึงเคลื่อนย้ายได้ง่ายไม่ยุ่งยาก […]

ในช่วงแรกของการเป็นคุณพ่อ คุณแม่มือใหม่ คำถามที่มักจะเกิดขึ้นก็คือ “ทำไมต้องใช้หมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุย” แท้จริงแล้วหมอนเหล่านี้มีประโยชน์มากมายสำหรับเจ้าตัวน้อย เนื่องจากช่วยป้องกันปัญหาหัวแบน กระดูกสันหลังบิดเบี้ยว ช่วยเพิ่มความสบายในการนอนหลับ ระบายอากาศได้ดี ดังนั้นในบทความนี้ BabyGift จะชวนมาเรียนรู้เหตุผลสำคัญที่คุณพ่อ คุณแม่ทุกคนไม่ควรมองข้ามในการเลือกหมอนสำหรับทารกแรกเกิด เพื่อเตรียมห้องนอนเด็กอ่อนให้พร้อมก่อนคลอดกันค่ะ  เลือกหมอนทารกใบแรกให้ลูก ต้องเลือกยังไง ? หมอนหัวทุยจำเป็นหรือเปล่า ?  หมอนสำหรับทารกถือเป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลเจ้าตัวน้อย แม้จะดูเป็นสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ แต่การเลือกหมอนที่เหมาะกับทารกจะส่งผลต่อสุขภาพและความปลอดภัยของลูกน้อยอย่างมาก คุณพ่อ คุณแม่คนไหนที่กำลังสงสัยว่าจะเลือกหมอนสำหรับทารก หรือหมอนหัวทุยยังไงดี ไปหาคำตอบพร้อมกันในบทความนี้พร้อมๆ กันเลยค่ะ  หมอนทารก คืออะไร ?  หมอนสำหรับทารก เป็นหมอนขนาดเล็กที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับทารก ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้   ควรใช้หมอนทารก เมื่อไหร่ ?  ตามคำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้มีการสรุปว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยที่สุดสำหรับทารก คือการนอนหงายบนพื้นผิวแบนราบโดยไม่มีสิ่งของใดๆ อยู่บนเตียงนอน เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา หมอน เป็นต้น เนื่องจากอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุ หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตในเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือน การใช้หมอนอาจเพิ่มความเสี่ยงจากการอุดกั้นทางเดินหายใจของทารก เมื่อทารกพลิกตัว หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว […]

คุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับเกียรติเชิญให้เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่บุคลลากรทางการศึกษา จำนวน 70 ท่าน ภายใต้ชื่อ “ความจำเป็นของคาร์ซีทและการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างไรให้ถูกวิธี” ณ โรงเรียนเลิศหล้า ทั้งนี้ความรู้เกี่ยวกับการเลือกใช้คาร์ซีทอย่างถูกวิธี เพื่อให้บุคลลากรทางการศึกษาได้มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความจำเป็นของคาร์ซีท และสามารถนำมาปรับใช้กับนักเรียนในโรงเรียนได้ เพื่อให้สอดคล้องกับการบังคับใช้คาร์ซีทสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี ตาม พ.ร.บ. จราจรทางบก ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 กันยายน 2565 นี้

คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังมองหา โรงเรียนอนุบาลในฝัน ที่เหมาะสมให้กับลูกน้อยอยู่ เราเลยมีตัวเลือกโรงเรียนต่าง ๆ ที่อยู่ในกรุงเทพและปริมณฑลมาฝากกัน หลักสูตรจะน่าสนใจแค่ไหน และโดนใจคุณแม่กันบ้างหรือเปล่า มาดูกันเลยค่ะ โรงเรียนอนุบาลในฝัน มีที่ไหนที่น่าสนใจบ้าง มาดูกันเลย 1. โรงเรียนรุ่งอรุณ โรงเรียนตั้งอยู่บนพื้นที่สีเขียวประมาณ 50 ไร่ โดดเด่นด้านให้นักเรียนเรียนรู้อย่างเป็นองค์รวม เน้นความเป็นธรรมชาติเป็นพื้นฐาน เพื่อพัฒนาเด็ก ๆ ในแบบองค์รวมทั้งกาย ใจ สติปัญญา และสังคม เน้นลงมือทำจนเข้าถึงคุณค่าที่แท้จริงของทุกสิ่งที่เรียนรู้ สามารถนำความรู้มาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์  มีจินตนาการ และโรงเรียนนี้ยังไม่มียูนิฟอร์ม เด็ก ๆ สามารถแต่งกายไปเรียนได้ตามความเหมาะสม ยกเว้นในวันกิจกรรมต่าง ๆ โรงเรียนรุ่งอรุณ เริ่มรับเข้าเรียน : ภาคเรียนที่ 2  เปิดเรียน เดือนกันยายน – ธันวาคม  และภาคเรียนที่ 3  เปิดเรียน เดือนมกราคม – เมษายน ข้อมูลติดต่อ : https://www.roong-aroon.ac.th  เบอร์โทรศัพท์  : 0 2870 7512 […]

รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก เพราะเป้อุ้มเด็ก  เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่  ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน  ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย 1 ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ  ได้แก่  ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน   แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก  สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น    การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น  […]

น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้  สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages