เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ? ชวนพ่อแม่ส่งเสริมพัฒนาการเด็กด้วยการหัดให้ลูกนั่ง (พร้อมแนะนำเก้าอี้นั่งเด็กคุณภาพดี !)

การฝึกเด็กทารกให้นั่งมีผลต่อพัฒนาการของเด็กน้อยค่ะ แต่ว่าจะให้เด็กเริ่มหัดใช้เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนดี จะฝึกเด็กน้อยของเราให้นั่งยังไง จะเริ่มให้เด็กหัดนั่งตอนไหนถึงจะดี ในบทความนี้ BabyGift มีเคล็ดไม่ลับมาฝากคุณพ่อคุณแม่กันค่ะ 

เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ? แนะนำเคล็ดลับพร้อมตอบคำถาม และแนะนำยี่ห้อเก้าอี้เด็กน่าใช้ !

เก้าอี้หัดนั่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยเด็กทารกฝึกนั่งอย่างปลอดภัย มีโครงสร้างที่มั่นคง และปลอดภัย ช่วยพยุงตัวเด็ก ใช้วัสดุที่นุ่มสบาย มีสายรัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัย ซึ่งบางรุ่นก็ออกแบบมาให้มีถาดวางของด้านหน้าให้ด้วย เก้าอี้หัดนั่งจะช่วยให้เด็กได้ฝึกทรงตัว ฝึกกล้ามเนื้อ เตรียมความพร้อมสำหรับการนั่งด้วยตัวเอง สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการหัดนั่งจะเป็นยังไงบ้างนั้น ตามมาเรียนรู้เพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันค่ะ

พัฒนาการของเด็ก

ก่อนจะไปดูว่าเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน เราลองมาทำความรู้จักกับตัวอย่างพัฒนาการของเด็กกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งพัฒนาการของเด็กแต่ละคนอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยต่างๆ ซึ่งถ้ามีข้อสงสัย หรือกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของเด็ก ควรปรึกษากับแพทย์นะคะ

  • แรกเกิด – 3 เดือน : เริ่มควบคุมศีรษะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เริ่มยิ้มตอบสนองต่อใบหน้าคนที่คุ้นเคย ส่งเสียงอ้อแอ้ และทำเสียงในลำคอ มองตามวัตถุที่เคลื่อนไหว เริ่มสนใจมือของตัวเอง ตอบสนองต่อเสียงดังโดยการสะดุ้งหรือร้องไห้
  • 4-6 เดือน : เริ่มพลิกตัวได้ เริ่มนั่งได้เมื่อมีคนช่วยพยุง เริ่มหยิบจับของและนำเข้าปาก สามารถแยกแยะสีได้บ้าง ตอบสนองต่อชื่อตัวเอง เริ่มแสดงอารมณ์ชัดเจน เช่น ดีใจ โกรธ
  • 7-9 เดือน : นั่งได้โดยไม่ต้องพิงนานขึ้น อาจเริ่มคลานหรือถัดก้น ยืนเกาะเฟอร์นิเจอร์ได้ เล่นจ๊ะเอ๋และเกมง่ายๆ ได้ เริ่มเข้าใจคำว่า “ไม่” ใช้นิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือหยิบของชิ้นเล็กๆ เลียนแบบเสียง และท่าทางง่ายๆ ได้
  • 10-12 เดือน : เริ่มยืนได้เองโดยไม่ต้องเกาะ อาจก้าวเดินได้สองสามก้าว เข้าใจคำสั่งง่ายๆ เช่น “มานี่” “ให้หน่อย” เริ่มพูดเป็นคำๆ ได้ (นอกจาก มามา ปาปา)  ชอบเล่นโยนของ แสดงความรักโดยการกอดหรือจูบ เริ่มช่วยเหลือตัวเองในการแต่งตัวบ้าง เช่น ยกแขนเวลาใส่เสื้อ

สำหรับผู้ปกครองที่สนใจเรื่องพัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ อีก ลองอ่านเพิ่มเติมได้อีกนะคะ BabyGift เคยเขียนไว้ในเว็บไซต์แล้วค่ะ

เก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือน ?

โดยทั่วไป เด็กจะพร้อมหัดนั่งเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน ซึ่งในช่วงนี้ กล้ามเนื้อคอและหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้นค่ะ แต่ถึงแม้ว่าพัฒนาการของเด็กในช่วง 4-6 เดือนนั้น จะเริ่มควบคุมศีรษะได้ดี และอาจเริ่มพลิกตัวได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการนั่ง แต่ก็ยังไม่ใช่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดในการฝึกนั่ง ซึ่งการเริ่มฝึกหัดนั่งในเด็กอายุ 6-8 เดือนนั้น ให้เริ่มจากการช่วยพยุงให้เด็กนั่งในช่วงเวลาสั้นๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มระยะเวลา และลดการช่วยเหลือลงตามความสามารถของเด็ก ทั้งนี้บางคนอาจพร้อมนั่งได้เร็วกว่า 6 เดือน และเด็กบางคนอาจต้องใช้เวลาถึง 8-9 เดือนกว่าจะนั่งได้มั่นคง ซึ่งทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของเด็กค่ะ ดังนั้นจึงไม่เร่งพัฒนาการ ไม่ควรบังคับให้เด็กนั่งก่อนที่กล้ามเนื้อจะพร้อม ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปให้สอดคล้องกับความพร้อมของเด็ก ซึ่งหากไม่แน่ใจ หรือมีคำถามว่าลูกของเรามีพัฒนาการล่าช้า หรือผิดปกติหรือไม่ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำค่ะ 

คำแนะนำในการฝึกให้เด็กหัดนั่ง

สิ่งที่สำคัญของการฝึกให้เด็กหัดนั่ง คือต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของเด็กเป็นอันดับแรกค่ะ ให้เริ่มด้วยการฝึกที่ผ่อนคลายๆ สร้างความสนุกสนาน ไม่กดดัน ส่วนรายละเอียดจะมีอะไรบ้าง มาดูกันต่อค่ะ

  1. รอให้เด็กพร้อมโดยทั่วไปให้เริ่มฝึกเมื่อเด็กอายุประมาณ 6-8 เดือน โดยสังเกตว่ากล้ามเนื้อคอ และหลังของเด็กจะแข็งแรงพอที่จะรองรับการนั่งได้ดีขึ้น
  2. เตรียมพื้นที่ปลอดภัย โดยเตรียมพื้นนุ่มๆ เช่น พรมหนาหรือเบาะ วางหมอนรอบๆ ตัวเด็กเพื่อรองรับหากเด็กเอนตัวล้ม
  3. ให้พยุงเด็กนั่งบนพื้น และอุ้มเด็กนั่งระหว่างขาของคุณ ใช้มือประคองลำตัวเด็กเบาๆ
  4. ค่อยๆ ลดการช่วยเหลือเมื่อเด็กเริ่มทรงตัวได้ดีขึ้นแล้ว ให้ค่อยๆ ลดการพยุงลงโดยคุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองควรอยู่ใกล้ๆ เพื่อซัพพอร์ตหากเด็กเสียหลักล้ม
  5. ใช้ของเล่นกระตุ้น โดยวางของเล่นที่เด็กชอบไว้ด้านหน้าเพื่อให้เด็กสนใจและพยายามนั่งให้ตรง
  6. 6.ให้ฝึกสั้นๆ แต่บ่อยครั้ง โดยฝึกครั้งละประมาณ 5-10 นาที และทำซ้ำหลายครั้งต่อวันตามความสนใจของเด็ก
  7. ฝึกสร้างความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อของเด็กโดยให้เล่นเกมง่ายๆ เช่น โยกตัวเด็กเบาๆ ให้เด็กพยายามทรงตัว
  8. ไม่บังคับ หากว่าเด็กหงุดหงิด หรือเหนื่อย ให้หยุดพัก และเปลี่ยนไปทำกิจกรรมอื่นแทน แล้วค่อยลองใหม่อีกครั้งหลังจากนั้น
  9. ผู้ปกครองควรให้เวลา และมีความอดทน เนื่องจากเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการไม่เท่ากัน เด็กบางคนอาจใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะนั่งได้มั่นคง ดังนั้นผู้ปกครองควรเข้าใจ และไม่หงุดหงิดนะคะ
  10. ระวังในการใช้อุปกรณ์ หากใช้เก้าอี้หัดนั่ง ควรใช้ในเวลาสั้นๆ และภายใต้การดูแล ไม่ควรพึ่งพาอุปกรณ์มากเกินไป 

BabyGift แนะนำสินค้าอุปกรณ์ช่วยเด็กหัดนั่ง

1. เก้าอี้หัดนั่ง รุ่น JoyNest​ – PRINCE & PRINCESS

เก้าอี้หัดนั่ง Baby Dining Chair & learning รุ่น JoyNest​ จาก PRINCE & PRINCESS น่ารักน่าใช้ด้วยสีสันที่สบายตาทั้งหมด 4 สี มาพร้อม 5 ฟังก์ชั่นใช้งานได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น เก้าอี้ลากจูง, เก้าอี้กินข้าว, เก้าอี้อาบน้ำ, เก้าอี้ MUSIC และใช้ต่อบนเก้าอี้ปกติของผู้ใหญ่ก็ได้ วัสดุเป็น PU สัมผัสนุ่มสบาย รองรับการนั่งเป็นเวลานาน​ มีที่กันตกสัมผัสนุ่ม ลดการเสียดสี ไม่รัดต้นขา​ มีรูระบายอากาศใต้เบาะ ไม่อับชื้น และไม่สะสมความร้อน​ เหมาะสำหรับเด็กตั้งแต่อายุ 3 เดือน – 3 ปี รองรับน้ำหนักได้ถึง 30 กิโลกรัม

จุดเด่น

  • เบาะซัพพอร์ตหนานุ่ม ทำจากผ้า Cotton 100% ไส้ในเป็น Polyester Fiber​ วัสดุล้อ TPE ลื่น หมุนได้ 360 องศา ไม่ขีดข่วนพื้น ยึดเกาะพื้นมั่นคง​
  • มีฐานและที่พักเท้า แข็งแรง รองรับน้ำหนักได้เยอะ​ มาพร้อมเข็มขัดนิรภัย ป้องกันการพลัดตกจากเก้าอี้ ​
  • เปิดเพลงเสริมพัฒนาการได้ เชื่อมต่อ Joynest​ ด้วย SD card หรือ Bluetooth 
  • สามารถทำความสะอาดได้ โดยหมอนและเบาะนั่ง แนะนำให้ซักทำความสะอาดด้วยมือ​ ส่วนเก้าอี้แนะนำให้ถอดฐานล้อออก แล้วล้างทำความสะอาด หรือใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดได้​

2. Nai-B Inflatable Baby Chair เก้าอี้หัดนั่งเป่าลม

Nai-B Inflatable Baby Chair เป็นเก้าอี้หัดนั่ง เป่าลม ที่มีให้เลือก 2 สี มาพร้อมอุปกรณ์เติมลมที่ติดตั้งมาพร้อมไม่ต้องเป่าเอง น้ำหนักเบา พกพาสะดวก ช่วยให้เด็กทารกที่ยังนั่งได้ไม่แข็งแรง นั่งได้ด้วยท่านั่งเอนหลังได้ 15 องศา ใช้งานง่าย ใช้ได้จนถึงอายุ 2 ปี ปลอดภัยต่อลูกน้อย

จุดเด่น 

  • Ergonomic design Nai-B baby chair การออกแบบ เพื่อการใช้งานจริง สามารถเติมน้ำเข้าบริเวณด้านล่างของเก้าอี้เพื่อถ่วงน้ำหนัก หรือป้องกันการล้มขณะที่ลูกน้อยนั่งได้
  • ช่วยพยุงศรีษะเด็กในขณะที่นั่ง ช่วยให้เด็กทารกที่ยังนั่งได้ไม่แข็งแรง นั่งได้ด้วยท่านั่งเอนหลังได้ 15 องศา อย่างสะดวกสบาย
  • Nai-B baby chair ผ่านการตรวจสอบจาก SGS และ KATRI ใช้งานง่าย เปิดฝาและปั๊มลมเข้า ใช้เวลา 1-2 นาทีในการปั๊มลมเข้า (ประมาณ 70 ครั้ง)

3. GEKO คอกกั้นเด็ก ไซซ์ 6 ฟุต หนัง PU

คอกกั้นเด็กปลอดสาร จากแบรนด์ GEKO THAILAND ที่ผนังแต่ละแผ่นเชื่อมด้วยซิป YKK สำหรับเด็ก ไม่บาดผิว ไม่มีการใช้กาวสารระเหย, ตะปู, น็อต หรือชิ้นส่วนโลหะที่อาจก่อให้เกิดอันตราย รองรับน้ำหนักได้กว่า 120 กิโลกรัม ประหยัดพื้นที่ เพราะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ ตั้งแต่เริ่มคลาน ตั้งไข่ เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับฝึกนั่ง ฝึกเดิน 

จุดเด่น

  • วัสดุผลิตจากหนังพียู ปลอดสารอันตราย โดยได้รับการการันตีมาตรฐาน EN71-3 และมี Certifications จาก SGS ยืนยัน  ว่าปราศจากสารเคมีอันตราย (BPA, Phthalates, DMF, PVC, Formadehyde)
  • ออกแบบโดยวิศวกรสามารถมั่นใจในความแข็งแรงและปลอดภัยได้ 
  • ช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บด้วยฟังก์ชันถอดแยกได้จึงสามารถปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงให้เหมาะสมตามรูปแบบการใช้งานได้ตามต้องการ

4. เก้าอี้ทานข้าวพกพา Portable Booster รุ่น Li’l Pengyu​ – PRINCE & PRINCESS

จุดเด่น

เก้าอี้เด็กพกพา เป็นอีกไอเท็มคู่ใจเจ้าตัวเล็ก ที่คุณพ่อคุณแม่สามารถหยิบใส่กระเป๋าไปใช้ที่ร้านอาหารได้อย่างคล่องตัว มีกระเป๋าใส่พกพาสะดวก ใช้งานง่าย นั่งได้ตั้งแต่ลูกน้อยวัย 6 เดือน – 3 ขวบ แข็งแรงปลอดภัยต่อลูกน้อย

  • พับได้เล็ก พกพาง่าย น้ำหนักเบาเพียง 2.1 kg. มีกระเป๋าใส่พกพาสะดวกสบาย
  • ฐานโค้ง ช่วยให้ติดตั้งกับเก้าอี้ได้ทุกรูปแบบ มาพร้อมโครงอลูมิเนียมแข็งแรง ปลอดภัย ผ่านการรับรองความปลอดภัยระดับสากล
  • ลูกนั่งสบาย ปรับได้หลายระดับ ตามสรีระเด็ก และยังสามารถปรับถาดอาหารเลื่อนได้ ช่วยให้ลูกมีพื้นที่นั่งสบายไม่อึดอัด

เด็กหัดนั่งกี่เดือนถึงจะดี ตอนนี้คุณพ่อคุณแม่ก็คงได้คำตอบกันแล้วนะคะ เก้าอี้หัดนั่งเป็นเพียงเครื่องมือเสริมพัฒนาการของเด็ก สิ่งสำคัญที่สุดคือการสังเกตและตอบสนองต่อความพร้อมของลูกน้อย และฝึกให้การนั่งเป็นไปตามธรรมชาติบนพื้นที่ปลอดภัยภายใต้การดูแลของผู้ปกครองอย่างใกล้ชิดค่ะ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังฝึกลูกให้นั่งกระโถนก่อนเข้าโรงเรียนอ่านคำแนะนำเพิ่มเติมได้อีกนะคะ และหากใครสนใจผลิตภัณฑ์เก้าอี้หัดนั่ง อุปกรณ์เสริมเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกน้อย อยากขอคำแนะนำเรื่องเก้าอี้หัดนั่ง ใช้ตอนกี่เดือนเพิ่มเติม หรือสนใจสินค้าแม่ และเด็กอื่นๆ ก็สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี คุณพ่อคุณแม่สามารถมาเยี่ยมชมสินค้าได้ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟ ทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือ สอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

คุณแม่รู้ไหม? เรื่องนอนของลูกน้อยทารกสำคัญมากพอๆ กับเรื่องการกินที่ดีเลยทีเดียว  เพราะการนอน มีผลทั้งต่อสุขภาพร่างกาย พัฒนาการ อารมณ์จิตใจ และการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ในอนาคตของลูกน้อย เพราะการให้ลูกน้อยได้นอนหลับเต็มที่ หลับสนิทและยาวนาน จะทำให้ Growth Hormone ในร่างกายลูกน้อยหลั่งออกมาได้ดี ส่งผลช่วยให้ลูกมีการเจริญเติบโตที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง  นอกจากนี้การที่ลูกน้อยได้นอนหลับสนิทเต็มที่ ยังทำให้สมองพัฒนาได้ดี ทำให้ลูกตื่นมาอารมณ์ดี เป็นเด็กที่สดใสและเลี้ยงง่ายอีกด้วย ดังนั้นคุณแม่จึงต้องใส่ใจเรื่องการนอนของลูกน้อย ด้วยการให้ลูกได้นอนหลับสบายเต็มที่ยาวนาน ไม่มีสิ่งต่างๆ มารบกวน  โดยเฉพาะการเลือกเครื่องนอนหรือเปลนอนให้ลูก ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยต้องเลือกเปลที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม ปลอดภัย ลูกน้อยหลับได้ยาวนาน  และยิ่งเป็นเปลที่ทำให้เบบี๋นอนหลับได้ง่าย เคลื่อนย้ายได้ แถมคุณแม่ไม่ต้องอุ้มเดินกล่อมลูกนอนให้ยุ่งยากต่อไป …นี่แหล่ะเปลนอนในดวงใจของทั้งคุณแม่และคุณลูก เปลนอนทารกมีกี่แบบ? 1. เปลหิ้ว หรือเปลตะกร้า เปลที่คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนอนแล้วหิ้วเดิน หรือหิ้วไปใส่ในคาร์ซีทหรือรถเข็นได้ มีน้ำหนักเบา มีหูจับหิ้วสะดวก พกพาง่าย แต่ส่วนใหญ่มักจะมีขนาดเล็กซึ่งเหมาะสำหรับลูกน้อยวัยทารกแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้ไม่ยาวนานนัก 2. เปลไกว เปลไกว คือเปลนอนสำหรับเด็กที่สามารถแกว่งโยกไปมาได้ เป็นการเคลื่อนไหวคล้ายขณะที่ลูกทารกยังอยู่ในท้องแม่  เพื่อช่วยคุณแม่ไกวเปลกล่อมลูกนอน โดยไม่ต้องอุ้มโยกกล่อมลูกน้อย ซึ่งเปลไกวมีการพัฒนาหลายแบบ ทั้งเปลไกวตั้งพื้นขนาดเล็กเฉพาะตัวลูก เปลไกวแบบลูกกรง […]

เพราะความสวย หุ่นดี เป็นสิ่งที่คู่ควรกับผู้หญิงอย่างเราอยู่เสมอ… การเป็นคุณแม่ นอกจากต้องเสียสละ ความเป็นส่วนตัวไปแล้ว ยังต้องเสียสละการมีหุ่นที่สวยเป๊ะ เหมือนสาววัยแรกแย้มอีก เพราะต้องยอมรับก่อนเลยว่าการตั้งครรภ์นี่หุ่นของคุณแม่จะพังแน่นอน และยิ่งขณะตั้งครรภ์ไม่ดูแลรูปร่างตัวเอง น้ำหนักขึ้นมาเยอะอีกหล่ะก็ไม่ต้องพูดถึง หลังคลอดคุณแม่ต้องมานั่งกลุ้มใจเรื่องหุ่นแน่ๆ แต่สุดท้ายแล้วทุกปัญหามีทางออก ถ้าคุณแม่ให้ลูกกินนมแม่น้ำหนักก็จะลดเร็ว และยิ่งได้อยู่ไฟหลังคลอด ตามคำบอกเล่าโบราณอีก ก็พอทำให้หุ่นคุณแม่กลับมาเป๊ะเหมือนเดิมแน่นอน แถมบางคนยังมีผิวพรรณสดใสกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์อีก…งานนี้แม่ๆ อยากจะรู้จักวิธีการอยู่ไฟแล้วใช่ไหม มันดียังไงกันนะ??? “อยู่ไฟ” หลังคลอด คงเป็นคำที่คุณแม่ทั้งหลายครุ่นคิดอยู่ในสมองว่า เราควรจะอยู่ไฟหลังคลอดดีไหม อยู่แล้วดีอย่างไร และควรทำที่ไหน วันนี้เราจะมาไขคำตอบคุณแม่ให้หายสงสัยกัน เพราะร่างกายของคุณแม่หลังคลอดจะเกิดการเปลี่ยนแปลงแทบจะทุกระบบ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่ว่าจะเป็นผมร่วง เกิดจากฮอร์โมนในร่างกายลดลงอย่างรวดเร็ว หน้าอกขยายขึ้น เพราะมีการสร้างน้ำนมขึ้นมา ไปจนถึงมดลูกขยายตัวมาก ซึ่งเป็นปัญหาหลักของคุณแม่หลังคลอด การอยู่ไฟ เป็นการฟื้นฟูสุขภาพอีกรูปแบบหนึ่งสำหรับแม่หลังคลอด ซึ่งในสมัยก่อนยังไม่มียาปฏิชีวนะ ไม่มียาหยุดเลือด ไม่มียากระตุ้นน้ำนม การอยู่ไฟสมัยก่อนจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเหนื่อยล้าให้กลับคืนสภาพปกติ แต่ในปัจจุบัน การอยู่ไฟถูกลดบทบาทลง ถ้าไม่อยู่ไฟในปัจจุบัน ถือว่าไม่อันตรายเพราะมียาครบครันกว่าสมัยก่อน ดังนั้นการอยู่ไฟจำเป็นต้องได้รับการปฏิบัติอย่างถูกต้องและเหมาะสม จึงจะช่วยฟื้นฟูสุขภาพหลังคลอดให้กลับคืนสู่สภาวะปกติได้โดยเร็ว ประโยชน์ที่ได้จากการอยู่ไฟ คือร่างกายคุณแม่จะฟื้นตัวเร็ว รูปร่างจะกลับมาดีขึ้น, น้ำหนักตัวลดลง, น้ำนมไหลดีขึ้น, เลือดไหลเวียนดี มีเลือดฝาด, ผิวพรรณผ่องใส, มดลูกเข้าอู่เร็ว, […]

การตัดสินใจมีลูกสักคน นับเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว เพราะการมีลูกนั้นมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแล้ว และหันมาคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ การคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ BABYGIFT จะพาไปดูกันว่าหากใช้ สิทธิประกันสังคมคนท้อง คุณแม่เบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลย สิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561ให้กับผู้ประกันตนสำหรับคนท้องอีก 1,000 บาท ผู้ใช้สิทธิต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่ใช้สิทธิ โดยจ่ายตามอายุครรภ์ ดังนี้ คุณแม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน แล้วนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์มาเบิกจ่ายทีหลังได้เลยที่ประกันสังคมทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตรก่อน สิทธิเบิกจ่ายค่าคลอดบุตร คุณแม่ท้องสามารถใช้สิทธิประกันสังคม เบิกค่าคลอดบุตรได้ในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้งเช่น ค่าทำคลอด ค่าห้องพัก ค่ายา หรือค่าบริการอื่นๆ โดยสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า หากคุณแม่คลอดบุตรคนที่ 3คุณแม่จะไม่สามารถเบิก ค่าคลอดบุตรได้อีก ยกเว้นถ้าคุณพ่อก็เป็นผู้ประกันตนด้วย ก็สามารถใช้สิทธิของคุณพ่อกับบุตรคนที่ 3 […]

คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ ท่าน คงเริ่มรู้จักกับคาร์ซีทกันบ้างแล้ว ว่าเป็นอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยสำหรับลูกน้อยในขณะเดินทาง แต่รู้หรือไม่ว่า คาร์ซีทที่ติดตั้งในรถยนต์แต่ละประเภทนั้น จะต้องติดตั้งตำแหน่งที่แตกต่างกัน เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย บทความนี้จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปหาคำตอบกันว่า วิธีติดตั้งคาร์ซีท ตำแหน่งไหนปลอดภัยมากที่สุด วิธีติดตั้งคาร์ซีท มีอยู่ด้วยกัน 2 วิธี  ตำแหน่งที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุด สำหรับประเทศไทย ตำแหน่งในรถยนต์ที่ควรติดตั้งคาร์ซีทมากที่สุดก็คือ “เบาะหลังฝั่งคนนั่ง” ด้วยเหตุผลดังนี้…  รถยนต์ SUV หรือ รถตู้ ติดตั้งคาร์ซีทเบาะไหนดี  ติดตั้งคาร์ซีทที่รถตู้ ส่วนใหญ่แล้วรถที่มีนั่งมากกว่า 2 ตอน ควรจะติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะแถวสุดท้ายของตัวรถ แต่ก็จะมีข้อควรระวังในเรื่องของการติดตั้ง เช่น ควรจะขยับเบาะให้ห่างจากประตูหลัง เพื่อให้มีระยะห่างกับประตูพอสมควร เพื่อเป็นการเซฟตี้ลูกน้อยให้ปลอดภัยมากที่สุด  Alphard ติดตั้งคาร์ซีทได้ไหม ติดตั้งเบาะไหนดี  ติดตั้งคาร์ซีทที่รถ Toyota Alphard ควรจะติดตั้งที่เบาะแถวแรก หรือ แถวตอนสุดท้ายของตัวรถ ไม่ควรติดตั้งที่เบาะด้านหน้า เนื่องจากมีถุงลมนิรภัย (Airbag) และคาร์ซีทบางรุ่นอาจมีขนาดใหญ่ ทำให้ทัศนวิสัยในการมองของคนขับลดน้อยลง และสำหรับคาร์ซีทที่มีฟังก์ชั่นหมุนได้ เมื่อติดตั้งไปแล้วจะทำให้หมุนยากหรือหมุนไม่ได้เลย เนื่องจากเบาะรถมีขนาดพอดีตัว พื้นที่จำกัด ทำให้เวลาหมุนแล้วตัวคาร์ซีทจะไปติดที่ข้างเบาะ […]

คุณแม่ทั้งหลายรู้สึกถึงลูกดิ้นกันรึยังจ้ะ ที่เค้าว่ากันว่าเวลาลูกดิ้นเป็นช่วงที่แฮปปี้สุดๆ นั้นไม่ใช่เรื่องโม้นะ เพราะว่ามันเป็นความมหัศจรรย์ที่น่าตื่นเต้น เหมือนโลกหยุดหมุนเลยล่ะ คุณแม่ๆ มือใหม่ทั้งหลายก็คงกำลังรอช่วงเวลานี้อย่างใจจดใจจ่ออยู่ใช่มั้ยคะ เรามาลองดูกันดีกว่าว่าลูกของคุณแม่ๆ ทั้งหลายจะเริ่มดิ้นกันตอนไหน ท้องเริ่มใหญ่แล้วแต่ลูกไม่เห็นดิ้นซักที… จริงๆ แล้วขนาดท้องก็ไม่ได้บ่งบอกถึงขนาดตัวลูกในท้องของคุณแม่นะ คุณแม่จะรู้สึกถึงการดิ้นของลูกเร็วหรือช้านั้นจะขึ้นอยู่กับผนังหน้าท้องของคุณแม่ต่างหากล่ะ คุณแม่ท่านไหนที่ดั้งเดิมเป็นคนตัวเล็ก ผนังหน้าท้องบาง ก็จะรู้สึกได้เร็วกว่าคุณแม่ที่มีผนังหน้าท้องที่หนาค่ะ ในช่วงท้องอ่อนๆ ขนาดตัวของลูกจะยังเล็กมาก ต่อให้ดิ้นเป็นวงกลมม้วนสิบตลบก็ไม่มีทางมาชนกับผนังหน้าท้องให้คุณแม่รู้สึกได้ค่ะ สำหรับคุณแม่ท้องแรกจะรู้สึกถึงลูกดิ้นตอนประมาณสัปดาห์ที่ 18-25 ส่วนคุณแม่ที่เคยตั้งท้องมาแล้วจะรู้สึกตอนประมาณสัปดาห์ที่ 13-14 ค่ะ ความรู้สึกแรกคือคุณแม่จะรู้สึกเหมือนโดนปลาตอดที่หน้าท้องเบาๆ อาจจะรู้สึกจั๊กจี้นิดนึง แต่มีความสุขสุดๆ ไปเลย ลูกดิ้นตอนไหนบ้างนะ? ลูกน้อยของเรามักจะหลับซะเยอะค่ะ แต่มักจะชอบตื่นมาแดนซ์ตอนช่วงดึกๆ ตั้งแต่ 3 ทุ่มจนเข้าตี 1 ตี 2 ราวกับจะเปิดผับในท้องของเราอย่างนั้นแหละ เอาจริงๆ แล้วลูกน้อยในท้องจะยังตื่นไม่เป็นเวลา เพราะเค้ายังไม่รู้จักกลางวันกลางคืน ส่วนใหญ่ลูกจะดิ้นหลังอาหารทั้งสามมื้อ เวลาคุณแม่ทานอะไรหวานๆ เวลาที่คุณแม่ได้ออกกำลังกายเบาๆ หรือแม้แต่เวลาที่คุณแม่หิวก็อาจจะทำให้ลูกดิ้น เพราะว่าเสียงท้องร้องของคุณแม่อาจจะกำลังกวนเค้าอยู่ พอคุณแม่เริ่มท้องแก่สักประมาณ 36 สัปดาห์ ความรู้สึกถึงการดิ้นของลูกอาจจะเปลี่ยนไปค่ะ จะช้าๆ เนิบๆ เพราะเค้าตัวใหญ่ขึ้นทำให้มีพื้นที่ในมดลูกแคบลง จะมาขยับปุปปับเหมือนเดิมก็คงไม่ได้ละ ลูกดิ้นสำคัญอย่างไร ในช่วงท้องอ่อนๆ จะเป็นช่วงที่คุณแม่กังวลมากว่าลูกยังอยู่กับเรารึเปล่าเพราะเราไม่รู้สึกถึงการขยับของเค้าเลย แต่พอเรารู้สึกว่าเค้าดิ้น เราจะอุ่นใจมากๆ ค่ะ เพราะการดิ้นของลูกน้อยทำให้เรารู้ว่าเค้ายังแข็งแรงดีอยู่นั่นเอง การนับลูกดิ้น คุณแม่มือใหม่บางท่านอาจจะเคยได้ยินเรื่องการนับลูกดิ้น แต่ก็อาจจะยังคงงงๆ ว่าจะนับยังไง การนับลูกดิ้นจริงๆ แล้วก็มีหลายวิธีนะ […]

เคยมีคนบอกว่า แต่งงานแล้วอย่าเพิ่งมีลูกนะ เดี๋ยวไม่มีเวลาได้ไปท่องเที่ยว เพราะถ้ามีลูกน้อยจะเดินทางแต่ครั้ง ต้องเตรียมสัมภาระของลูก 1 กระเป๋าใหญ่ ต้องรับมือกับลูกที่อาจร้องงอแง เพราะพักผ่อนไม่เต็มที่ ถึงเวลานอนแล้วไม่ได้นอน งอแงต้อให้อุ้มตลอดเวลา ก็คงเที่ยวไม่สนุก แล้วก็จะเข็ดไม่อยากไปไหนอีกเลย แต่รู้ไหมว่าไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับลูกน้อยเลย เพราะเด็กในช่วงวัยนึง เป็นช่วงวัยที่ต้องการการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆจากสิ่งแวดล้อมภายนอก ช่วยส่งเสริมให้พัฒนาการของลูกน้อยเป็นไปอย่างดีเยี่ยม …แต่ถ้าไม่ได้พาลูกออกนอกบ้านเลย แล้วจะเรียนรู้ได้อย่างไรหล่ะ??? แต่สำหรับครอบครัวพ่อเพชรจ้า-แม่นิวเคลียร์ สามารถพาน้องไทก้าเที่ยวได้ทุกที่ได้อย่างคล่องตัว พาออกนอกบ้านตั้งแต่น้องยังเล็กๆอยู่เลยค่ะ ก็เพราะมีตัวช่วยอย่าง รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon เป็นรถเข็นเด็กที่เบาที่สุดในโลกก็ว่าได้ เพราะเบาเพียง 3.6 kg. TRIP KOREA รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon กับทริปแรกของน้องไทก้า ในวัยประมาณ 6 เดือน เดินทางไปไกลถึงแดนกิมจิ ประเทศเกาหลี ด้วยน้ำหนักที่เบาเพียง 3.6 kg. ช่วยให้นำรถเข็นขึ้นเครื่องได้อย่างสบาย รถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Karoon ปรับเข็นได้ 2 ทิศทาง ช่วยให้พ่อเพชรจ้าดูแลน้องไทก้าได้อย่างใกล้ชิด แบบ face to face […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages