หมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม จำเป็นไหม คุณแม่ต้องมีหรือเปล่า?

คุณแม่มือใหม่กับการเอาลูกน้อยเข้าเต้า ให้นมทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง ฟังดูไม่ใช่เรื่องง่ายเลยใช่ไหมคะ เพราะการที่แขนของคุณแม่ต้องแบกรับน้ำหนักลูกและต้องก้มตัวให้นมลูกน้อยบ่อย ๆ อาจจะทำให้คุณแม่ปวดไหล่ ปวดหลัง ปวดแขน หรือ เมื่อยล้าได้สะสมจนส่งผลต่อสุขภาพระยะยาวได้ เพราะเห็นถึงปัญหาของคุณแม่หลังคลอด หมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม จึงถูกออกแบบมาเพื่อคุณแม่ให้นมโดยเฉพาะเลยค่ะ หมอนออกแบบตามสรีระศาสตร์ทารก ช่วยประคองคอและหลังของลูกน้อย พร้อมช่วยลดอาการปวดเมื่อยของคุณพ่อคุณแม่เวลาอุ้มทารกได้ด้วยค่ะ

หมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม จำเป็นต้องมีไหม?

คุณแม่ที่เชี่ยวชาญในการอุ้มทารกเป็นอย่างดี อุ้มลูกน้อยได้สบายหายห่วง เบาะอุ้มให้นมอาจจะดูไม่จำเป็นเท่าไหร่ค่ะ แต่สำหรับคุณแม่มือใหม่ที่เวลาให้นมลูกยังต้องเกร็งแขน จนต้องใช้วิธีเอาหมอนหนุนมาวางซ้อนกันหลาย ๆ ใบ เพื่อรองรับลูกน้อย ยกลูกให้ถึงเต้านม หมอนรองให้นมก็ถือว่าจำเป็นต้องมีค่ะ เพราะจะช่วยให้ลูกน้อยอยู่ในระดับที่ให้นมได้สะดวกมากขึ้น ลดอาการปวดเมื่อยของคุณแม่ และที่สำคัญหมอนทั่วไปไม่เหมาะกับการให้ทารกนอนระหว่างให้นม เพราะหมอนไม่ได้โค้งกระชับรองรับสรีระทารกค่ะ

วิธีเลือกซื้อหมอนรองให้นม

1. เลือกจากรูปทรง
หมอนรองให้นมมีหลายรูปแบบ เช่น รูปตัวยู, เบาะตามสรีระทารก เป็นต้น คุณแม่ควรจะเลือกแบบที่ตัวเองถนัด ที่สำคัญคุณสมบัติหลักควรจะกระชับรองรับสรีระทารกได้เป็นอย่างดี

2. กระชับแนบตัวลูก หรือ ตัวคุณแม่
หมอนรองให้นมควรจะแนบกระชับตัวลูกน้อย รองรับตามสรีระเด็กทารก เพื่อให้คุณแม่อุ้มได้ถูกท่า หากเป็นแบบหมอนรูปตัวยู ควรจะปรับสายได้เพื่อให้แนบกระชับกับเอวคุณแม่ ไม่ให้หมอนเลื่อนหลุดง่าย ๆ ช่วยให้คุณแม่ให้นมลูกน้อยได้สบายขึ้น

3. วัสดุของหมอนให้นม
คุณแม่ควรเลือกวัสดุหมอนที่อ่อนโยน เพื่อไม่ผิวลูกเกิดอาการระคายเคือง ตัวหมอนหรือเบาะควรมีความนุ่ม ระบายอากาศได้ดี และทำความสะอาดได้ง่ายด้วย

4. องศาหมอนให้นมต้องเหมาะกับทารก
ตัวเบาะจะต้องออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์และกระดูกสันหลังของทารก ทำให้ทารกนอนในท่าที่ถูกต้อง

5. ราคาคุ้มกับคุณภาพ
ราคาขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือกซื้อของคุณแม่ ทั้งนี้ควรเลือกหมอนที่มีคุณภาพดี ออกแบบโดยคุณหมอหรือผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ไม่ควรเกินจากงบประมาณของคุณแม่

หมอนให้นมลูก มีข้อดีอะไรบ้าง?

หมอนให้นม รูปตัวยู

  1. หมอนสามารถโอบรอบเอวของคุณแม่ มีสายรัดที่สามารถปรับความยาวได้ ทำให้สามารถปรับให้กระชับได้ตามสรีระของคุณแม่ ทำให้ปลอดภัยและหมอนไม่เลื่อนหลุดเมื่อขยับตัวหรือทารกดิ้น
  2. มีแผ่นประคองหลัง (Back Support) ที่ช่วยทำให้คุณแม่นั่งในท่าที่เหมาะสม ช่วยป้องกันอาการปวดหลังและคอได้
  3.  มีที่พักแขนและข้อศอก ช่วยลดอาการปวดแขนและไหล่ เหมาะกับคุณแม่มือใหม่ที่ตั้งใจเลี้ยงด้วยนมแม่ โดยเฉพาะใน 3 เดือนแรก
  4. วัสดุด้านในทำมาจาก 100% Polyurethane Foam Pad ไม่เสียรูปทรงของหมอน
  5. ปลอกหมอนทำจากผ้าฝ้าย (Cotton 100%) ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวของทารก
  6. มีซิปที่สามารถเปิดออกและถอดปลอกหมอนไปทำความสะอาดได้ง่าย

เบาะอุ้มให้นม

  1. ตัวเบาะออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์และกระดูกสันหลังของทารก ทำให้ทารกนอนในท่าที่ถูกต้อง ให้ถูกหลักที่ 45 องศา
  2. ช่วยให้ลูกน้อยคอไม่พับ คอไม่เอียง หายใจสะดวกขณะกลืนนม กันการแหวะนม โดยไม่ต้องอุ้มเรอ
  3. อุ้มกล่อมลูกได้สะดวกหลังทานนม เพราะตัวเบาะมีน้ำหนักเบาและแข็งแรง
  4. ทุกคนในครอบครัวสามารถอุ้มเด็กได้ถูกหลัก
  5. ทำให้คุณแม่สามารถนั่งหลังตรงเวลาให้นม ลดปวดไหล่ ปวดหลัง และลดอาการเอ็นข้อมืออักเสบจากการอุ้มลูกเป็นเวลานาน
  6. ทำความสะอาดง่าย ตัวเบาะกันไรฝุ่น กับแบคทีเรีย

ท่าอุ้มให้นมลูก สำหรับคุณแม่มือใหม่

1. ท่าอุ้มนอนขวางบนตักแม่

      อุ้มลูกวางขวางไว้บนตัก ให้ท้ายทอยอยู่ที่แขนของคุณแม่ ปลายแขนของคุณแม่ช้อนไปที่ส่วนหลังและก้นของลูก ตะแคงตัวลูกเข้าหาเต้านมให้หน้าอกลูกและคุณแม่ชิดกัน มืออีกข้างพยุงเต้านม

      2. ท่าอุ้มนอนขวางบนตักแบบประยุกต์

      อุ้มลูกน้อยวางไว้บนตัก คล้ายท่าแรกแต่เปลี่ยนการวางมือของคุณแม่ โดยใช้มือด้านตรงข้ามกับเต้านมช้อนระหว่างท้ายทอยและคอของลูกแทนมืออีกข้างพยุงเต้านม

      3. ท่าอุ้มรักบี้

      วางหมอนหนา ๆ ไว้ข้างลำตัว จัดตำแหน่งลูกน้อยให้อยู่บนหมอนให้ลำตัวของลูกน้อยอยู่ใต้แขนของคุณแม่ ใช้มือประคองที่ท้ายทอยคอ และส่วนหลังของลูกน้อยเหมือนอุ้มลูกฟุตบอลที่เหน็บไว้ข้างลำตัว

      หมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม ช่วยลดอาการปวดเมื่อยและช่วยให้คุณแม่สะดวกในการอุ้มลูกน้อยมากขึ้น หากคุณพ่อคุณแม่สนใจซื้อหรืออยากสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สามารถแวะมาเลือกหมอนรองให้นม เบาะอุ้มให้นม เบาะอุ้มเด็ก ของใช้ทารกได้ที่ร้าน BabyGift 4 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ได้เลยนะคะ ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ

      สินค้าที่เกี่ยวข้อง

      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00
      คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

      สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

      7,700.00

      บทความแนะนำ

      “เพราะรถเข็นเด็กทุกคัน ไม่ได้เหมาะกับเด็กแรกเกิดทุกคัน” หลายคนยังเข้าใจผิดว่ารถเข็นเด็กแต่ละคัน ดูๆแล้วก็คล้ายๆกัน น่าจะใช้เหมือนๆ กันแต่ในความเป็นจริง แล้วเด็กแรกเกิดมีความบอบบางและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ รถเข็นเด็กสำหรับเด็กแรกเกิดจึงต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่นอกจากจะช่วยปกป้องสรีระของลูกน้อย  แล้วยังช่วยเสริมพัฒนาการรอบด้าน สร้างสุขอนามัยที่ดี และสร้างรอยยิ้มแห่งความสุขให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้อีกด้วย 1.ปรับให้นอนราบได้ 170 องศา สำหรับเด็กแรกเกิด รถเข็นเด็กแรกเกิด ที่ดีควรสามารถปรับให้นอนราบได้ 170 องศา ซึ่งเป็นระดับที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะกระดูกสันหลังเป็นเส้นตรง ยังไม่แข็งแรง จึงควรจัดให้เด็กนอนในท่านอนราบที่เป็นธรรมชาติ 2. เบาะรองนอนรูปนาฬิกาทราย จะช่วยรองรับสรีระได้อย่างเหมาะสม โดยมีพื้นที่วางแขนแบบ W-Shape และวางขาแบบ M-Shape เพื่อให้ขยับตัวได้ง่าย ซึ่งเป็นท่านอนที่เป็นธรรมชาติสำหรับเด็กวัยแรกเกิด 3. ชุดหมอนรองคอและสะโพก สำหรับทารกวัยแรกเกิดที่ยังไม่แข็งแรง เป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับทารกวัยแรกเกิด ที่คอยังโงนเงนไม่แข็งแรง Head Support ที่มีส่วนเว้าโค้งพอเหมาะจะช่วยสอดรับช่วงต้นคอและศีรษะ ป้องกันคอพับซึ่งอาจส่งผลต่อการปิดทับระบบทางเดินหายใจได้ Hip Support หรือหมอนรองสะโพก ช่วยประคองให้กระดูกสันหลังมั่นคงไม่โค้งหรือเอียง ช่วยจัดท่านั่งและนอนได้อย่างเป็นธรรมชาติ 4. เบาะรองนอนระบายอากาศได้ดี และช่วยรองรับสรีระได้อย่างนุ่มนวล ด้วยระบบปรับอุณหภูมิในร่างกายลูกน้อยที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ เด็กทารกจะมีความสามารถในการควบคุมอุณหภุมิต่ำกว่าผู้ใหญ่ จึงทำให้มีเหงื่อออกมากกว่า โดยเฉพาะในเวลานอนซึ่งเป็นช่วงที่ร่างกายเสริมสร้างพัฒนาการอย่างเต็มที่ ดังนั้นเบาะที่มีคุณสมบัติช่วยระบายอากาศได้ดีจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะช่วยลดความร้อน […]

      Baby Shower เป็นการจัดงานเลี้ยงฉลองเพื่อรับขวัญทารกที่ใกล้คลอด แขกที่มาร่วมงานส่วนใหญ่จะเป็นญาติและเพื่อนสนิท ซึ่งจะนำของขวัญมามอบให้คุณแม่ เพื่อต้อนรับเจ้าตัวน้อยของครอบครัวนั่นเอง เป็นการแบ่งปันความรักให้กับครอบครัวและเพื่อนๆ เป็นที่นิยมในต่างประเทศ และปัจจุบันคนไทยเริ่มนิยมธรรมเนียมนี้เพิ่มมากขึ้น เริ่มจากการตั้งงบประมาณ ดูจากจำนวนแขกที่เชิญ หาสถานที่ ที่เราและแขกเดินทางสะดวก หรือถ้าบ้านมีบริเวณรับแขกจำนวนเยอะได้ ก็จัดที่บ้านได้เลยค่ะ  เลือกธีมงาน ส่งคำเชิญแบบออนไลน์สะดวกที่สุดค่ะ เตรียมของตกแต่งในงาน เตรียมอาหารและเครื่องดื่ม ตามธรรมเนียมว่าที่คุณแม่ จะมี Registered list ว่าของที่อยากได้มีอะไรบ้าง  ก็จะทำให้คุณแม่ได้ของใช้เบบี๋ได้ตรงกับใจที่ต้องการ และลิสต์ของรับขวัญจะมีตามนี้นะคะ 1. เสื้อผ้าเด็กอ่อน รวมไปถึงถุงมือ ถุงเท้า หมวก ผ้าห่อตัว ผ้าห่ม จัดแบบยกเซตไปเลยรับรองว่าคุณแม่เป็นปลื้มแน่ๆ 2. เก้าอี้ทานข้าว บางคนอาจคิดว่า กว่าจะได้ใช้ต้องรอเด็กโตก่อน ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป แต่เอาจริงๆแล้ว แป๊บๆเองนะคะ ได้ใช้ยาวๆจนเด็กโต 3 – 4 ปีได้เลย นะคะ 3. เปลไกว ยิ่งเป็นแบบอัตโนมัติยิ่งดี จะได้ช่วยให้แม่ๆได้พักผ่อนไปพร้อมกับลูกๆ 4. เป้อุ้มเด็ก ไอเทมนี้ไม่ควรพลาด ตัวช่วยคุณแม่ที่คุณพ่อสามารถแบ่งเบาได้ด้วย พ่อใช้ก็ชิลๆ แม่ใช้ก็ชิคๆ […]

      พูดถึง “ตะคริว” แม้จะไม่ใช่คุณแม่ท้องยังต้องส่ายหน้าเพราะไม่อยากเป็น ก็เป็นตะคริวทีไรปวดขา ปวดน่องจนขยับไม่ได้และทรมานสุดใจจริงๆ  ยิ่งเป็นคุณแม่ตั้งครรภ์ที่แทบทุกคนจะต้องเผชิญอาการปวดตะคริวนี้ ยิ่งแสนทรมาน ไหนจะท้องใหญ่ขยับตัวลำบาก เคลื่อนไหวยาก มาเป็นตะคริวตอนกลางคืนหรือดึกๆ อีก ทำให้นอนไม่หลับ นอนไม่เต็มที่ ไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกอย่างไร ฉะนั้นถ้าคุณแม่ท้องรู้ทันและป้องกันตะคริวได้ล่วงหน้า เชื่อว่าแม่ๆ จะต้องแฮปปิ้ยิ้มร่าแน่นอน ทำไม? แม่ท้อง ต้องเป็นตะคริว  จริงๆ แล้วไม่ใช่แม่ท้องเท่านั้นที่เป็นตะคริว  เพราะคนทั่วๆ ไปก็มักจะเป็นได้ ยิ่งคนในวัยทำงาน เพราะอาการ “ตะคริว” หรืออาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ เกิดจากการขาดแคลเซียม และมีฟอสฟอรัสมากเกินไปในกระแสเลือด การยืน เดิน หรือต้องนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะเป็นเวลานานๆ ซึ่งจะทำให้เลือดเดินไม่สะดวก เกิดของเสียคั่งบริเวณน่อง เลือดไหลเวียนไปส่วนล่างได้ไม่สะดวก ทำให้กล้ามมเนื้อหดตัวจนเกิดตะคริวได้  ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์ทำไมถึงเป็นตะคริวบ่อยและเป็นเกือบทุกราย โดยมักจะมีอาการเป็นตะคริวเกิดขึ้นบ่อยในช่วง 2-3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ นั่นก็เพราะว่าในช่วงท้อง จะมีภาวะที่รวมเอาสาเหตุปัจจัยเกือบทุกอย่างที่ทำให้เป็นตะคริวไว้ด้วยกัน  ตั้งแต่น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งจะทำให้ขาทั้งสองข้างของคุณแม่แบกรับน้ำหนักตัวที่มากขึ้น ส่งผลให้ระบบหมุนเวียนโลหิตบริเวณขาตึงแน่นเกินไป เลือดเดินไม่สะดวกเกิดของเสียคั่งบริเวณน่อง อิริยาบถการยืน เดินหรือนั่งในท่าเดิมๆ นานๆ  และการได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดตะคริวได้นั่นเอง   4 เคล็ดลับ […]

      อวัยวะและระบบในร่างกายลูกน้อย ทั้ง 8 ที่ยังอ่อนแอและบอบบางใน เด็กแรกเกิดเช่น สมอง ศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ซึ่งเป็นส่วนลำคัญที่มีผลต่อการเจริญเติบของลูกสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่บอบบางและอ่อนแอมาก คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความสำคัญดูแลเป็นพิเศษ 8 พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กวัยแรกเกิด ที่ยังไม่สมบูรณ์ 3 พัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ของเด็กวัยแรกเกิด 1 ความมั่นใจของลูกน้อยสามารถเสริมสร้างได้ผ่านการสัมผัส เพราะความมั่นใจ คือ พื้นฐานของพัฒนาการของลูกน้อย การสัมผัสด้วยการกอดและการสบตาจากแม่หรือคนรอบข้าง คือ สิ่งมหัศจรรย์ที่ก่อให้เกิดความมั่นใจของลูกน้อย เมื่อแม่พยายามปลอบในเวลาที่ลูกร้อง การยิ้มตอบเมื่อแม่พูดคุยด้วย สิ่งเหล่านี้คือสายใยแห่งความผูกพันที่ทำให้ลูกรู้สึกอบอุ่น และไว้ใจซึ่งจะนำไปสู่การเสริมสร้างให้ลูกมีบุคลิกและการแสดงออกในเชิงบวกได้ 2 ความอยากรู้อยากเห็นเกิดขึ้นผ่านสัมผัสทั้ง 5 เด็กในวัยแรกเกิด ทุกอย่างรอบตัว คือ โลกใบใหม่ของเค้า เด็กในวัยแรกเกิด – 1 ปี จะพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยการนำเข้าปาก และเมื่อย่างเข้าสู่วัยขวบปีแรก เด็กจะสนใจอยากเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวด้วยการสัมผัสและการมอง ซึ่งความอยากรู้อยากเห็นนี้เองจะเป็นตัวกระตุ้น ให้เกิดการเรียนรู้และทักษะทางด้านร่างกาย การเรียนรู้โลกภายนอกด้วยการสัมผัสกับลมเบาๆและได้ยินเสียงจากธรรมชาติจะช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้อย่างดี 3 ทักษะในการสื่อสารและเข้าสังคมสามารถพัฒนาได้จากรอยยิ้มของคนรอบข้าง เมื่อย่างเข้าสู่เดือนที่ 2 เด็กจะเริ่มรู้จักการยิ้ม ซึ่งถือได้ว่าเป็นพัฒนาการแรกในการเข้าสังคม ด้วยการมีปฏิกริยาโต้ตอบและบอกความรู้สึกให้ผู้คนรอบข้างได้รับรู้ ความสามารถในการสื่อสารขั้นพื้นฐานนี้ จะได้รับการพัฒนาโดยเริ่มจากความสัมพันธ์ระหว่างแม่และลูกและจะค่อยๆ […]

      หลังจากที่ได้เห็นข่าวที่เกี่ยวกับลูกน้อย วัยกำลังเริ่มแสบซน เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเกี่ยวกับรถที่ผู้ปกครองขับ ไม่ว่าเค้าจะชนเรา หรือเราจะชนอะไรก็ตาม มีความเสี่ยงไปหมดดดดดด คาร์ซีท หรือเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก เป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กและทารก เพราะคาร์ซีทช่วยลดความเสี่ยงการเสียชีวิตและการบาดเจ็บร้ายแรงอื่น ๆ จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้ ความเสี่ยงในที่นี้ คือ เจ้าตัวน้อยของเราสามารถกระเด็น พุ่งหลุดออกจากอ้อมอกอ้อมกอดเราได้ทุกเมื่อ เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ทุกเวลา ต่อให้ระวังแค่ไหนก็เกิดขึ้นได้ หากเด็กไม่ได้อยู่ในระบบยึดเหนี่ยวภายในรถอย่างเหมาะสมและเหตุนี้หลากหลายประเทศถึงมีกฎหมายออกมาเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ที่เดินทางโดยใช้รถ จำเป็นต้องติดตั้งคาร์ซีท ก่อนจะได้ออกจากโรงพยาบาล อ้อมกอดของคุณจะปลอดภัยไปทุกครั้ง เพราะเด็กน้อย จำเป็นต้องมีคาร์ซีท การเลือกคาร์ซีทให้ลูกน้อย มีมาฝากเพียง 5 ข้อ คือ 1. มาตรฐานความปลอดภัย2. เข็มขัดนิรภัย 5 จุด3. ความใหม่ของผลิตภัณฑ์4. ราคา5. ความเหมาะสมกับรถยนต์ อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคาร์ซีทก็มีมากมาย หากไปดูหลายๆ เคสหรือหลายๆ ข่าว ก็จะมีให้เราผู้เป็นพ่อเป็นแม่เห็น ครั้งต่อไปจะมาเล่าเรื่องฝึกการนั่งคาร์ซีทให้กับลูกน้อยให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ได้ลองศึกษาดูนะคะ ขอขอบคุณบทความจาก : monkeykids

      หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าคาร์ซีทก็มีอายุการใช้งานไม่ต่างจากผลิตภัณฑ์ของใช้อื่น เพราะคาร์ซีททุกตัวมีโครงสร้างพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ความร้อนจะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ กรอบ แตกหักง่าย นอกจากนี้แสง UV ยังทำให้วัสดุรองรับแรงกระแทกและเบาะรองตัว หมอนรองศีรษะทารกที่เคยนุ่มกลับแข็งและขาดความยืดหยุ่นไม่สามารถใช้ปกป้องทารกได้ดีพอ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าคาร์ซีทที่เลือกใช้เพื่อช่วยปกป้องลูกน้อยให้ปลอดภัยจากอุบัติเหตุผลิตขึ้นเมื่อไร และหมดอายุแล้วหรือยัง??? ในหลายๆ ประเทศชั้นนำอย่าง USA, Canada, ญี่ปุ่น, Australia รวมถึงประเทศในกลุ่มEurope มีการกำหนดกฎหมายบังคับให้ผู้ผลิตคาร์ซีททุกรายต้องระบุวันที่ผลิตไว้อย่างชัดเจนเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบอายุของคาร์ซีทได้ โดยส่วนใหญ่จะแนะนำให้ใช้คาร์ซีทที่มีอายุไม่เกิน 7-10 ปี นับจากวันที่ผลิต แต่เนื่องจากคาร์ซีทแต่ละแบรนด์และแต่ละรุ่นมีจุดสังเกตุวันที่ผลิตต่างกัน จึงทำให้ยากต่อการตรวจสอบ วันนี้Baby Gift มีคำแนะนำที่ช่วยให้คุณพ่อคุณแม่สามารถตรวจสอบวันที่ผลิตได้ด้วยตัวเอง Aprica แบรนด์ผลิตภัณฑ์เด็กอ่อนระดับ premium ยอดนิยมอันดับ 1 จากญี่ปุ่น กับคาร์ซีทรุ่น Fladea Grow ที่สามารถปรับใช้ได้ถึง 3 รูปแบบสำหรับวัยแรกเกิด – 4 ปีนี้มีจะมีวันเดือนปีที่ผลิตฉีดขึ้นบล๊อกอยู่ที่ฐานพลาสติกของคาร์ซีทเป็นแนวตั้ง โดยจะใช้สัญญลักษณ์วงกลมพร้อมลูกศรอยู่ข้างในชี้ตามตัวเลขเรียงตามลำดับ คาร์ซีทสำหรับเด็กวัย 9 เดือน – 12 ปี รุ่น Air Groove STD , Air […]

      Menu
      All Categories
      All Brands
      All Ages
      Promotions
      Locations
      BabyGift Family
      BabyGift Care
      Parents Guide
      News & Event

      All Categories

      All Categories
      All Brands
      All Ages