วิธีการเลือกคาร์ซีท

การเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณทำไมถึงต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยจึงจำเป็นต่อคุณและลูกน้อยล่ะ?

หลายประเทศได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของคาร์ซีท carseat สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ เนื่องจากคุณจะต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกน้อยจากอันตราย หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้โดยสารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฏจราจร และหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกน้อย โดยที่คุณจะต้องอุ้มลูกไว้ที่ตัก ก็อาจจะมีโอกาสที่คุณไม่สามารถที่จะอุ้มลูกได้อย่างมั่นคงและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นลูกของคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสูงค่ะ ดังนั้นการมีคาร์ซีท ที่ปลอดภัยในรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดการบาดเจ็บของลูกน้อยได้ ทั้งนี้พึงระวังไว้ว่าการใช้คาร์ชีทที่ไม่ถูกต้อง อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่เด็กมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณควรต้องเลือกใช้คาร์ซีท carseat ให้ถูกต้องพร้อมกับศึกษาการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะค่ะ

หากไม่มีคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแล้ว อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั่งบนรถยนต์ที่ปราศจากคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยและประสบอุบัติเหตุ อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่าการนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยถึง 4 เท่า
***ข้อควรระวัง เมื่อใช้งานคาร์ซีท carseat ไม่ถูกวิธี

จากผลสำรวจเมื่อปี 2008 โดยองค์การทางรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ( Japan Automobile Federation :JAF) เกี่ยวกับการใช้งาน

คาร์ซีท carseat พบว่า 32.7 % ของคาร์ซีท carseat ที่ใช้งานนั้นติดตั้งอย่างไม่แน่นหนา ขณะที่อีก 67.3 % นั้นถูกพบว่ายังใช้งานได้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าจะเป็นการรัดสะโพกที่หลวมเกินไป หรือ การใช้งานที่หัวเข็มขัดที่ใช้ยึดที่นั่งไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกใช้คาร์ซีท carseat ที่ถูกต้องแล้ว แต่หากการใช้งานไม่ถูกวิธีก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก เพื่อลดปัญหาดังกล่าว เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคาร์ซีทให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคาร์ซีท

คุณควรศึกษาข้อมูลว่า คาร์ซีท carseat รุ่นใดที่เหมาะสมกับรถของคุณ และ การใช้งานที่ถูกต้องเป็นอย่างไร โดยการปรึกษากับพนักงานขาย จุดสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือสำหรับการใช้งานในแต่ละครั้ง คุณต้องไม่ลืมตรวจสอบว่าที่นั่งมีจุดบกพร่องหรือติดตั้งอย่างปลอดภัยหรือไม่

ปัจจุบันมีคาร์ซีท carseat อยู่ 3 ประเภท ที่สามารถเริ่มใช้กับทารกตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งเด็กโตค่ะ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับลักษณะการปรับผนักพิงของคาร์ซีท carseat ให้เหมาะสมกับวัยและน้ำหนักตัวเด็ก

จุดสำคัญในการเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแก่ลูกน้อย

  1. เลือกคาร์ซีทcarseat ให้เหมาะสมกับสรีระของลูกน้อย

เนื่องจากอวัยวะต่างๆของเด็กยังไม่พัฒนาอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นศีรษะ คอ กระดูกสันหลัง ระบบการนอนหรือการปรับอุณหภูมิของร่างกาย จนกว่าเด็กจะสามารถนั่งได้ด้วยตัวเอง คุณแม่ควรใส่ใจเลือกคาร์ซีทที่เหมาะสมที่จะต้องสามารถประคองเด็กโดยไม่ก่อให้เกิดแรงกดบนตัวเด็กและมีเบาะที่ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป

  1. ตรวจสอบดูว่าคาร์ซีทcarseat นั้นติดตั้งบนรถของคุณได้อย่างถูกต้องหรือไม่

บางครั้งคาร์ซีท carseat ที่คุณชอบนั้นอาจจะไม่สามารถติดตั้งที่รถของคุณได้ หรือยากแก่การที่จะติดตั้งให้ถูกต้อง ดังนั้นควรตรวจสอบจุดนี้ไม่ดีก่อนตัดสินใจซื้อ

  1. เลือกคาร์ซีทcarseat ที่ได้มาตรฐานระดับสากล

คุณย่อมต้องการที่จะให้ลูกน้อยได้รับความปลอดภัยสูงสุดใช่ไหม ดังนั้นมาตราฐานระดับสากลก็เป็นการรับประกันคุณภาพของคาร์ซีท ว่าปลอดภัยกับลูกน้อยของคุณ

เช่น คาร์ซีท carseat ที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1ตุลาคม 2006 ที่ประเทศญี่ปุ่นได้มีการประกาศใช้กฎหมายเกี่ยวกับคาร์ซีท เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานของสหภาพยุโรป ( EC standard: ECE-R44/04) นอกจากนี้มาตรฐานดังกล่าวยังถูกบังคับใช้กับคาร์ซีททุกประเภทของประเทศญี่ปุ่น ที่ผลิตหลังเดือนกรกฎาคม 2012 ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์จากประเทศญี่ปุ่นมีมาตราฐาและคุณภาพที่สูง


สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง

หรือช่องทางออนไลน์ :

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

น้ำนมของแม่นั้นเป็นอาหารที่เปี่ยมคุณค่ามากที่สุดสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งจะต้องกินนมจากแม่เป็นหลัก สำหรับคุณแม่ที่อยู่บ้านเลี้ยงลูกเต็มเวลาก็อาจจะไม่ได้มีปัญหากับการสต็อกน้ำนมเอาไว้ เพราะเน้นการเอาลูกเข้าเต้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องออกไปทำงานนอกบ้าน การทำสต็อกน้ำนมเอาไว้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะได้มีน้ำนมเอาไว้ให้ลูกน้อยอย่างเพียงพอ ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดี ๆ เกี่ยวกับการเก็บรักษา นมแม่ มาฝากกันค่ะ จะเก็บน้ำนมอย่างไรให้ไม่เหม็นหืน ไม่บูด และคงคุณค่าทางอาหารเอาไว้ได้มากที่สุด มาดูกันเลยค่ะ ทำไมนมของแม่มีกลิ่นเหม็นหืน ? มีวิธีการเก็บรักษา นมแม่อย่างไรไม่ให้มีกลิ่นและคงคุณค่าได้นาน คุณแม่บางคนอาจพบว่านมที่ตนเองทำการสต็อกไว้นั้นมีกลิ่นเหม็นหืน ซึ่งมักจะเกิดกับนมที่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ เนื่องจากในช่วงที่ระบบละลายน้ำแข็งทำงาน นมที่แช่แข็งเอาไว้ก็จะละลายไปด้วย และเมื่อช่องแช่แข็งกลับมาเย็นจัดใหม่ ก็ทำให้น้ำนมแข็งตัวอีกครั้ง กระบวนการนี้หากเกิดขึ้นซ้ำหลาย ๆ ครั้งก็จะทำให้ไขมันในน้ำนมมีการเปลี่ยนแปลงและทำให้นมมีกลิ่นเหม็นหืนได้นั่นเองค่ะ ดังนั้นแล้วการเก็บรักษานมแม่ ในตู้เย็นที่มีระบบละลายน้ำแข็งอัตโนมัติแบบนี้ ก็เสี่ยงจะทำให้น้ำนมที่เก็บเอาไว้มีกลิ่นเหม็นหืนได้  สาเหตุที่นมแช่แข็งละลายมาเป็นน้ำนมแล้วมีกลิ่นเหม็นหืน ก็เพราะว่าในน้ำนมของแม่มีเอ็นไซม์ไลเปส ที่จะช่วยย่อยไขมันในน้ำนมของแม่ให้แตกตัวเป็นโมเลกุลเล็กๆ เพื่อผสมกับโปรตีนเวย์ในน้ำนมได้ดี ทำให้ร่างกายของลูกน้อยดูดซึมวิตามิน A และวิตามิน D ได้มากขึ้น ถ้าในน้ำนมของแม่มีไลเปสมากก็จะย่อยไขมันได้มาก ทำให้น้ำนมมีกลิ่นหืนนั่นเองค่ะ ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีกลิ่นหืนก็ไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อยแต่อย่างใด ยังสามารถกินได้ แต่ในเด็กบางคนอาจไม่ยอมกินนมที่มีกลิ่นหืน สามารถแก้ไขได้โดยการนำน้ำนมที่ปั๊มมาใหม่ๆ ผสมกับนมที่มีกลิ่น ก็จะช่วยเจือจางกลิ่นและลดความเหม็นหืนไปได้ […]

คุณแม่มือใหม่กำลังคิดว่าจำเป็นต้องมีเครื่องปั๊มนมไว้ใช้หรือไม่? หรือกำลังสงสัยว่าควรเลือกแบบไหนดี? วันนี้เรามาตอบทุกคำถามเกี่ยวกับเครื่องปั๊มนมกันอย่างครบถ้วน เพื่อให้คุณแม่เตรียมตัวได้อย่างมั่นใจและเลือกซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง ประโยชน์ของเครื่องปั๊มนม เครื่องปั๊มนมเป็นผู้ช่วยสำคัญที่ช่วยให้คุณแม่สามารถเก็บนมแม่ไว้ล่วงหน้าได้ ช่วยแก้ปัญหาเมื่อต้องออกไปทำงานหรือมีธุระนอกบ้าน ลดความกังวลเรื่องลูกหิวนม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการผลิตนมแม่ให้ต่อเนื่อง และบรรเทาอาการเต้านมตึงเมื่อมีนมมากเกินไป เครื่องปั๊มนมมีกี่ประเภท เครื่องปั๊มนมมีให้เลือกหลากหลายประเภทตามความต้องการ แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง เครื่องปั๊มนมแบบใช้มือ ที่ปั๊มนมแบบใช้มือเป็นตัวเลือกพื้นฐานที่เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ไม่ได้ปั๊มนมบ่อย ใช้งานได้ทุกที่โดยไม่ต้องพึ่งกระแสไฟฟ้า ราคาไม่แพง และเก็บรักษาง่าย แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าและอาจเมื่อยมือในการใช้งาน เครื่องปั๊มนมแบบไฟฟ้าเดี่ยว เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบเดี่ยวใช้ปั๊มทีละข้าง ทำงานอัตโนมัติช่วยประหยัดแรงคุณแม่ เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นครั้งคราว สะดวกกว่าแบบใช้มือและมีราคาที่เหมาะสม แต่ใช้เวลานานกว่าแบบปั๊มคู่เมื่อต้องปั๊มทั้งสองข้าง เครื่องปั๊มนมแบบไฟฟ้าคู่ เครื่องปั๊มนมไฟฟ้าแบบคู่สามารถปั๊มทั้งสองข้างพร้อมกัน ประหยัดเวลาได้มาก เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องปั๊มนมเป็นประจำหรือต้องทำงานนอกบ้าน ช่วยกระตุ้นการผลิตนมได้ดีกว่า แต่ราคาสูงกว่าและต้องใช้พลังงานไฟฟ้า เครื่องปั๊มนมสำหรับใช้ในโรงพยาบาล เครื่องปั๊มนมระดับโรงพยาบาลมีขนาดใหญ่และประสิทธิภาพสูง เหมาะสำหรับกรณีที่ลูกต้องเข้ารับการดูแลพิเศษในไอซียู หรือคุณแม่ที่มีปัญหาเรื่องการให้นม สามารถใช้ร่วมกันได้หลายคนโดยมีอุปกรณ์ส่วนตัวแยกกัน วิธีการใช้เครื่องปั๊มนมที่ถูกต้อง การใช้เครื่องปั๊มนมอย่างถูกต้องจะช่วยให้ได้นมมากขึ้นและปลอดภัย มีขั้นตอนดังนี้ เทคนิคการเลือกซื้อเครื่องปั๊มนมสำหรับมือใหม่ การเลือกเครื่องปั๊มนมที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และความต้องการของแต่ละคน วิธีทำความสะอาดเครื่องปั๊มนม การดูแลรักษาเครื่องปั๊มนมให้สะอาดเป็นเรื่องสำคัญมาก 3 เครื่องปั๊มนมที่คุณแม่เลือกใช้ เรามาดูเครื่องปั๊มนมยอดนิยม 3 รุ่นที่คุณแม่หลายคนให้ความไว้วางใจ แต่ละรุ่นมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ช่วยตอบโจทย์ความต้องการหลากหลายของคุณแม่ยุคใหม่ 1. ATTITUDE MOM เครื่องปั๊มนมไร้สาย […]

ปัจจุบัน คาร์ซีท (Car Seat) หรือ เบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็ก ทั้ง คาร์ซีทแรกเกิด คาร์ซีทเด็กโต บูสเตอร์ซีท มีเกณฑ์การทดสอบความปลอดภัยต่างกันและผ่านมาตรฐานมาจากหลายประเทศ แต่ทราบหรือไม่ว่า คาร์ซีทในประเทศไทย มีประกาศจากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) มาแล้ว ว่าคาร์ซีทจะต้องผลิตหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยของยุโรปเท่านั้น  ทั้งนี้ ยังมีประกาศเพิ่มข้อบังคับให้คาร์ซีทต้องผ่านการทดสอบการชนจากด้านข้างด้วย ซึ่งตรงกับข้อบังคับของ มาตรฐานคาร์ซีท R129 (i-Size) เป็นมาตรฐานฉบับใหม่ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด  ก่อนคุณพ่อคุณแม่จะตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทให้ลูกรัก แต่ยังไม่ทราบรายละเอียดของ มาตรฐาน ECE R129 (i-Size) มาก่อน ว่าเพิ่มความปลอดภัยจุดไหนบ้าง เราจะพาไปทำความเข้าใจกันเลย  คาร์ซีทในประเทศไทย ใช้มาตรฐานใหม่ ECE R129 (i-Size)  จากเดิม ประกาศมาตรฐานความปลอดภัย (Safety Standards) ของคาร์ซีท จากกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จะเริ่มบังคับใช้ภายในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการที่ทำหรือนำเข้าคาร์ซีท ต้องทำหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยอ้างอิงมาจากมาตรฐานสากล ECE R44/04 (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก  ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) […]

ท้องมาสามเดือนแต่ยังไม่เห็นรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ท้องก็ยังไม่ใหญ่ ลูกก็ยังไม่ดิ้น แถมขึ้นบีทีเอสก็ยังไม่มีคนลุกให้นั่งอีกต่างหาก ถ้าคุณแม่กำลังคิดแบบนี้อยู่ ก็ขอให้เตรียมตัวเตรียมใจเข้าสู่เดือนที่สี่ ห้าและหกให้ดีๆ เลยจ้า บอกก่อนเลยว่าช่วงไตรมาสนี้ นอกจากอารมณ์คุณแม่ๆ จะแปรปรวนเดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงแล้ว เจ้าร่างกายก็น้อยหน้าซะที่ไหน เผลอๆ แปรปรวนหนักกว่าอารมณ์ซะอีก เราลองไปดูกันดีกว่า ว่าช่วงนี้คุณแม่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง ลูกได้ดูดนมไปสักพัก หัวนมคุณแม่ก็จะกลับมาเป็นสีชมพูเหมือนเดิม ช่วงก่อนคลอดนี่ร่างกายก็จะเตรียมพร้อมเพื่อลูกน้อย ท่อน้ำนมขยาย ลานนมกว้างขึ้น บางทีอาจจะเห็นน้ำใสๆ ไหลออกมาจากเต้า แต่อย่าได้ไปบีบหัวนมเลยเชียว เพราะอาจจะทำให้เสี่ยงคลอดก่อนกำหนดได้ ในช่วงไตรมาสนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้นเลยอาจจะทำให้เคลื่อนไหวช้าลงนิดหน่อย ช่วงนี้ร่างกายของคุณแม่จะต้องการพลังงานแค่ประมาณ 2,200 กิโลแคลอรีเท่านั้น คุณแม่บางคนอาจจะคิดว่าทานสำหรับสองคน ต้องเอาแคลมาบวกกันรึเปล่า…ไม่ต้องนะ เดี๋ยวน้ำหนักคุณแม่จะพุ่งทะลุเป้าเกินไปซะก่อน เราขอเน้นให้คุณแม่เลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เช่นพวกผักใบเขียว ปลาที่มีโอเมกา 3 โปรตีนจากไก่ อะไรพวกนี้ดีกว่า ส่วนพวกอาหารฟาสต์ฟู้ดทั้งหลายก็ควรจะงดไปก่อนเนอะ เพราะไขมันเยอะมากกกก แถมของทอดๆ ยังอาจจะทำให้คุณแม่รู้สึกคลื่นไส้อีกต่างหาก สิ่งสำคัญที่สุดคืออย่าลืมทานยาบำรุงที่คุณหมอให้มา โดยเฉพาะแคลเซียม เพราะลูกจะแย่งแคลเซียมจากเราไปเยอะมากๆ เพราะงั้นควรจะทานเสริมเข้าไปให้ได้อย่างน้อย 1,000 มิลลิกรัมต่อวันนะคะ

วัย 0-3 ปี คือช่วงเวลามหัศจรรย์ของเด็กทุกคน ช่วงวัยนี้จะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วทั้งด้านร่างกาย สมอง และความคิด Aprica วิจัยมากว่า 70 ปี โดยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่ดีเยี่ยม ให้คุณดูแลลูกน้อยได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขที่สุด ตามหลัก 8.3.8  ซึ่งประกอบด้วย 8 พัฒนาการทางด้านร่างกายของเด็กทารก จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ เพื่อนำไปสู่ 3 พัฒนาการทางด้านจิตใจและอารมณ์ #เพราะเด็กทารกพูดไม่ได้ พ่อแม่จึงต้องเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อพัฒนาการที่ดี ทั้งสมองและอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้แข็งแรงพร้อมเรียนรู้ในทุกๆ ด้าน จุดเริ่มต้นในการเคลื่อนไหวร่างกายของทารกในช่วงขวบปีแรกนั้น มาจาก กล้ามเนื้อคอ ไม่ว่าจะคว่ำ คลาน นั่ง ยืนไปจนกระทั่งเดินได้ในที่สุด และเพราะเด็กทารกในวัยแรกเกิดจะมีขนาดศีรษะเท่ากับ 1 ใน 4 ของร่างกาย ซึ่งถือได้ว่ามีน้ำหนักมากเมื่อเทียบกับ ขนาดของร่างกายโดยรวม จึงต้องใส่ใจดูแลต้นคอที่ต้องรับหนักศีรษะนี้เป็นพิเศษ เราควรจัดท่านอนให้ศีรษะและคอตั้งตรง และมีการประคองช่วงคอได้อย่างพอดี เพื่อพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่ดีของลูก ในทารกวัยแรกเกิดจะใช้ท้องเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งที่ช่วยในการหายใจ และเพราะหลอดลมยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ จึงอาจเกิดสภาวะหายใจติดขัด หายใจแรง หากบริเวณท้องงอตัวหรือถูกกดทับ จึงควรจัดให้ลูกนอนในท่านอนราบ ให้ช่องท้องเหยียบตรง หายใจได้ทั่วท้อง เพื่ออ๊อกซิเจนจะได้ไปเลี้ยงสมมองได้มากขึ้น เพราะกระดูสันหลังและข้อต่อบริเวณสะโพกของทารกที่เชื่อมต่อกันแบบหลวมๆ  […]

หมอเด็กเค้าเลือกคาร์ซีทแบบไหนให้ลูกตัวเอง….อยากรู้ต้องคลิ๊ก ก่อนซื้อคาร์ซีทให้ลูก ถ้าไปอ่านหนังสือ ก็จะรู้ว่าคาร์ซีท (carseat) มี 4 แบบ (ซึ่งเอาเข้าจริงรู้จริงๆ ตอนมีลูก 55555 ก่อนนั้นรู้แต่ทฤษฎี) คือ แน่นอนในตลาด มี option มากมายไว้หลอกลวงพ่อแม่ขาช้อป 5555 ทั้งแบบตระกร้าที่ยกเข้าออกได้เลย หรือ ประกอบลง stroller (รถเข็น) ได้เลย…. เอาที่สบายใจ 555 เอาหลักในการเลือกของพ่อหมอเลยแล้วกัน 555 ไม่ว่าอะไรก็ตาม เน้นใช้ได้ยาวๆ เป็นหลัก แน่นอน convertible เป็นแบบที่เลือกแบบไม่ต้องคิดเลย เพราะใช้ได้นานดี อย่างน้อยๆ ก็สามสี่ปี อีแบบตระกร้าเนี่ยใช้ได้ปีเดียวก็ต้องเปลี่ยนละ ไม่ไหว พ่อไม่ค่อยมีตังค์ (ต้องเอาไปซื้อของไร้สาระอื่นๆ อีก 55555) ยังๆ ยังไม่จบ เลือกชนิดแล้ว ต้องมาเลือก options อีก ตัวเลือกเรามีดังนี้ เน้นหลัก 3 ข้อในการใช้คาร์ซีท carseat โดย […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages