รีวิวพาลูกเที่ยวเมืองนอกได้อะไรมากกว่าที่คิด ไปกับรถเข็นเด็ก Aprica Magicalair Plus Highseat

หนาวนี้แม่ๆ มีแพลนพาลูกๆ ไปเที่ยวที่ไหนกันคะ…
สำหรับบ้านนี้ เราจะไปญี่ปุ่นกันค่ะ เราแพลนและจองตั๋วกันไว้ตั้งแต่ พ.ย. ที่แล้ว เลือกไปช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จุดหมายคือ อยากพาลูกสาว น้องเจเปค ไปดูภูเขาไฟภูจิและเดินเที่ยวในโตเกียว อยากให้เค้าเห็นการใช้ชีวิตที่เป็นระเบียบมากๆ ของคนญี่ปุ่นค่ะ (เพราะอยู่บ้านนางจะกรี๊ดกร๊าดหน่อยๆ)

ควรพาลูกเที่ยวตอนอายุเท่าไหร่…
เป็นคำถามที่แม่ๆ กังวล กลัวนู้นนี่ รวมถึงเสียงจากรอบข้างว่าน้องยังเล็ก เที่ยวไปก็จำอะไรไม่ได้ แต่บ้างบ้านก็อยากใช้สิทธิ์ค่าตั๋วราคาพิเศษสำหรับเด็ก 7 วัน – ไม่เกิน 2 ปี ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละสายการบิน สำหรับน้องเจเปค ครั้งนี้เป็นการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2
ขอเล่าย้อนหลังนิดนึงค่ะ ครั้งแรกของน้องไปตอน 1 ขวบ 1 เดือน เป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีที่โอซาก้า อย่างที่บอกไปตอนต้น ว่าเสียงรอบ ๆ ตัวที่บอกว่าน้องยังเล็กไป พาไปก็ไม่รู้เรื่องหรอก จำอะไรไม่ได้หรอก แต่หลังจากกลับมาจากรอบแรก หลายครั้งที่น้องเจออะไรเกี่ยวกับที่ตัวเองเคยทำที่นู่น ไม่ว่าจะเป็นขึ้นรถไฟ โหนรถไฟ ใบไม้แดง อาหารญี่ปุ่น น้องจำได้เยอะจนทุกคนงงไปเหมือนกัน เราพ่อแม่ก็แฮปปี้สิคะ

จริงๆแล้วลูกสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ แต่อาจจะจำได้ไม่ละเอียดเหมือนผู้ใหญ่ เด็กวัย 1-3 ปี เป็นวัยทองแห่งการเรียนรู้ ความเฉลียวฉลาด และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ต้องได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนจากพ่อแม่ เพื่อให้สมองเติบโตมีพัฒนาการเต็มศักยภาพ เราเลยตั้งใจว่าจะพยายามพาลูกไปเก็บประสบการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
รอบนี้เลยตั้งใจใช้ช่วงเวลาปิดเทอมพาน้องไปเที่ยว โดยทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมดเป็นผู้ใหญ่ 5 คน เด็ก 1 คน โดยทริปนี้ เราไปกับแบบแพลนหลวม ๆ แล้วไปปรับเอาตามสภาพอากาศและ ความพร้อมของเด็กน้อย ซึ่งคราวนี้อะไรๆก็อาจจะไม่ง่ายเหมือนคราวที่แล้วนะคะ เพราะไปคราวที่แล้วนางยังเดินไม่ได้และพูดไม่ได้ แต่คราวนี้สิคะคุณขา ทั้งซน ทั้งแสบ ทั้งวิ่ง ทั้งพูดเยอะ โอยไม่อยากจะคิดเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ พ่อกับแม่เลยต้องเตรียมตัวทั้งสุขภาพกายและสุภาพใจให้พร้อมกันพอสมควร และนอกจากนี้อุปกรณ์ของใช้สำหรับเด็กก็ควรจะเตรียมให้พร้อมไว้ก่อนเพื่อความสะดวกในการเดินทางค่ะ

เริ่มจัดกระเป๋ากันค่ะ
- เสื้อผ้า เนื่องจากช่วงที่ไป เชคอุณหภูมิอยู่ที่ประมาณ 8-20 องศา ซึ่งก็ถือว่าเย็นพอสมควรสำหรับเด็กค่ะ แถมยังมีฝนในบางวันอีกด้วย สำหรับเสื้อผ้ากันหนาวเด็กที่เราเลือกดูคือ Uniqlo ค่ะ เพราะค่อนข้างครบ และสะดวกสำหรับที่บ้านเรา ได้เสื้อกันลมและกันหนาวมา 1 ตัว พร้อมเสื้อฮีทเทคคอเต่า 1 ตัว เสื้อ extra warm ฮีทเทค 1 ตัว และกางเกงฮีทเทคอีก 2 ตัว ค่ะ ส่วนเสื้อผ้าอื่น ๆ ก็เน้นที่ใส่สบายตัว ไม่อึดอัด เอาตามแบบที่น้องชอบเลยค่ะ เสื้อกันหนาวน้องแบบนี้เลยค่ะ ด้านในมีฮีทเทคทั้งกางเกงและเสื้อ สบายค่า
- อุปกรณ์กันหนาวอื่นๆ เราเตรียม ถุงมือกันหนาว หมวกไหมพรหม ผ้าพันคอ ถุงเท้า และรองเท้าผ้าใบที่น้องใส่สบายค่ะ

- ของใช้ส่วนตัว ก็จะเตรียมแพมเพิสไว้สำหรับการเดินทางบนเครื่องบินและรถไฟ ซึ่งเป็นตัวช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ลดความวุ่นวายระหว่างเดินทางได้ดีเลยค่ะ นอกจากนี้ก็จะมีเจลล้างมือสำหรับเด็ก ทิชชูเปียก และยา ที่จะติดกระเป๋าแม่อยู่ตลอดเวลาค่ะ
- ยา ที่เตรียมไปหลัก ๆ ก็จะมี ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก (Zyrtec) ยาลดไข้ (Tempra) ยาแก้ไอ vic แผ่นแปะลดใข้ ยาแก้ท้องเสีย
- รถเข็นเด็ก เรื่องใหญ่สำหรับการพาเด็กเล็กเที่ยวต่างประเทศกันเลยค่ะ สำหรับเด็ก 4 ขวบ รถเข็นยังเด็กเป็นสิ่งจำเป็นมากในการท่องเที่ยวแบบนี้อยู่นะคะ เพราะน้องยังไม่สามารถเดินไกล ๆ แบบผู้ใหญ่ได้ หากเหนื่อยหรืองอแงขึ้นมา คุณพ่อคุณแม่คงต้องอุ้มด้วยแล้วเดินกันไปด้วยวันเป็นสิบกิโล คงไม่ไหวค่ะ หมดสนุกแน่นอน

แต่ด้วยความที่มีประสบการณ์จากครั้งแรกตอนขวบนึงมาแล้ว ครั้งนั้นใช้รถเข็นคันใหญ่ น้ำหนักเยอะ พับยาก ไม่คล่องในการเดินทางเอาซะเลยค่ะ บางสถานีรถไฟในญี่ปุ่นไม่มีลิฟท์ ทำให้ต้องยกรถกันเหนื่อยเลย

ไปครั้งนี้เราเลยเลือกรถเข็นเด็กกันพอสมควรค่ะ ดูกันหลายแบรนด์ ทั้งที่พับได้เล็กมาก ๆ พับไม่เล็ก แต่เบากว่า ซึ่งสุดท้ายเราเลือกรุ่นที่มีน้ำหนักเบาที่สุด แข็งแรง ล้อใหญ่ และสามารถพับง่ายได้ด้วยมือเดียว ซึ่งน่าจะสะดวกกับการเดินทางของเรามากที่สุด นั่นคือตัว Aprica Magical Air Plus High Seat โดยมีน้ำหนักแค่ประมาณ 3 กิโลกรัมนิดๆเองค่ะ แข็งแรงไว้ใจได้ ปรับนอนได้อย่างสบาย และในบางจังหวะคุณแม่สายสตรองอย่างเราสามารถหิ้วรถเข็นมือนึง และอุ้มลูกอีกมือนึง ได้สบายๆเลยล่ะค่ะ

ฝนตกก็บ่ยั่น ลุยลงพื้นขรุขระก็สบายค่ะ

พื้นถนนขรุขระ พื้นอิฐตัวหนอนก็เข็นได้ สบายๆเลย

นอนดูฟูจิเพลินไปเลย
รถเข็นเด็กเอาขึ้นเครื่องบินยังไง
เราสามารถเข็นรถไปแจ้งที่เค้าเตอร์เชคอินของสายการบินได้เลย ว่าเราต้องการเข็นรถเข็นน้องเข้าไปในเกตได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่ก็จะติด Tag ที่รถเข็นให้ หลังจากนั้นเราก็เข็นน้องเข้าไปได้จนถึงประตูเครื่องบินเลยค่ะ อันนี้สะดวกมากๆ ไม่ต้องอุ้มให้เปลืองพลังงาน สบายไปแปดอย่างเลยค่ะ พอถึงปลายทาง เดินออกจากเครื่อง รถเข็นก็จะมารอ พร้อมลุยกันได้เลย

เรื่องความกังวลในการเดินทางบนเครื่องบิน
อันนี้ยอมรับว่าแม่กังวลมากเลยค่ะ จากคราวที่แล้วที่พาขึ้นเครื่องตอนน้องอายุ 1ขวบ1เดือน น้องยังพูดไม่คล่อง ยังเดินไม่ได้ ใช้เบาะนอนสำหรับเด็กบ้าง การหลอกล่อเด็กน้อยจึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทริปนี้ด้วยความที่น้องโตขึ้น และมีความแสบสัน ระดับ 8 มีความพูดเยอะระดับ10 การเดินทางยาว 6 ชม. ในเครื่องบินของนางจึงเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวต่อการรักษาความสงบภายในห้องผู้โดยสารเป็นอย่างมาก

ทางเรานั้นคิดวิธีต่างๆนาๆ ที่จะทำให้นางนิ่ง ซนน้อยๆ พูดเบาๆ สิ่งที่บ้านเราเตรียมไว้สำหรับ final choice คือ โหลดการ์ตูนที่น้องชอบมาเผื่อไว้แบบเต็มพิกัดกันไปเลยค่ะ เอาแบบอยากดูอะไรเต็มที่ไปเลยให้โอกาสแค่ 6 ชม.นี้เท่านั้น ฮ่าๆๆ แต่พอถึงเวลาจริง พอเครื่องเริ่มเทคออฟ เจ้าแสบน้อยกลับมาเกาะแขนป่ะป๊า กลัวเสียงดังของเครื่องบิน แล้วก็หลับไปเฉยเลย ตื่นอีกทีหลังจากบินไปแล้วครึ่งทาง โอ้ว..โลกสงบสุขกว่าที่คิดไว้เยอะเลยค่ะ เวลาที่เหลือก็หลอกล่อด้วย ขนมบ้าง ของเล่นบ้าง การ์ตูนบ้าง สลับวนๆไปค่ะ สรุปว่าการรักษาความสงบภายในเครื่องบินของเราครั้งนี้ดีเกินคาด คลายความกังวลไปเลยค่ะ เกาะแขนแน่นเลย

แล้วนางก็ตีตั๋วนอนค่ะ ป่ะป๊าก็ลุกเดินวนไป

เรื่องสำคัญของพวกเรา “อาหารการกิน”
ในช่วงก่อนเดินทาง เราคุยกับน้องทุกวันว่าอยู่นู่นเราต้องกินง่ายๆ อยู่ง่ายๆนะคะ จะได้ไปเที่ยวกันสนุก ๆ กินอะไรก็ได้ กินที่ไหนก็ได้ ซึ่งตอนแรกก็ห่วงกันว่าจะต้องกินข้าวเปล่ากับไข่ต้มกันยาว ๆ รึเปล่า แต่สุดท้ายความกังวลทุกอย่างก็หมดไป น้องกินแหลกมากค่ะ ซูชิ อุด้งราเมน ข้าวปั้นจิ้มไข่กุ้งกับไข่แซลมอน (ซื้อไข่เป็นกล่องตาม supermarket) ปลาดิบ กุ้งหวาน ข้าวหน้าปลาไหล ไอติม ผลไม้สด บางวันก่อนนอนยังร้องกินโอเด้ง 7 อุ่น ๆ ปิดท้ายวัน สายแหลกมากๆ ไม่ต้องเดาเลยว่าลูกใคร ฮ่าๆๆๆๆ

มื้อแรกที่โตเกียว หน้าตาง่วงมาก แต่ก็ซดหมด
ร้องกินติมจ้า แถมยังบอกอีกว่า ดีเนอะแม่ ไอติมไม่ละลาย

ข้าวหน้าปลาไหลครึ่งชาม และ กินมาม่าครั้งแรก ก็ที่นี่ล่ะค่า






มีรูปครอบครัวแล้ว
น้องเจเปค สาวน้อยวัย 4 ขวบ จะพาเที่ยวญี่ปุ่นฤดูใบไม้เปลี่ยนสี ที่กำลังงามสะพรั่ง แนะนำการเตรียมตัวพาลูกเที่ยว ตั้งแต่จัดกระเป๋า อุปกรณ์กันหนาว และรถเข็นเด็กคู่ใจ ตามรีวิวนี้ได้ที่ https://pantip.com/topic/37072412 และฝากติดตามเพจพาลูกเที่ยว https://www.facebook.com/goaroundkid/
ขอบคุณรีวิวน้องเจเปคกับรถเข็นเด็ก Aprica รุ่น Magical Air Plus Highseat ที่ช่วยให้การเดินทางทริปนี้สะดวกสบาย และคล่องตัวมากๆค่ะ
…ข้อแนะนำ…
รถเข็นเด็กเป็นสิ่งจำเป็นมาก เมื่อต้องไปต่างประเทศ ควรเลือกแบบที่พับกางง่าย เพื่อความคล่องตัวในการเดินทาง นอกจากนี้ความสบายของเด็กๆ ก็สำคัญเช่นกัน ต้องเป็นผ้าระบายอากาศ ไม่ร้อน ปรับเอนนอนได้ ถ้าเด็กๆ สบายตัว ไม่อึดอัด เขาก็จะสนุก มีความสุข ไม่งอแง ปิดเทอมนี้จัดทริปเลยค่ะ สนุกแน่นอน
#รถเข็นเด็กยอดขายอันดับ1ในญี่ปุ่น
#Aprica70ปีที่ใส่ใจคุณและลูกน้อย
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
รวมสุดยอดวิธี เลือกเป้อุ้มทารก เพราะเป้อุ้มเด็ก เป็นเครื่องทุ่นแรงที่สำคัญยิ่งสำหรับคุณแม่ ที่เรียกได้ว่าคืออุปกรณ์คู่กายคู่ใจที่พาคุณแม่และลูกน้อยไปทำกิจวัตรด้วยกันได้เสมอ เป้อุ้มลูกนี้จึงเป็นหนึ่งในสิ่งอำนวยความสะดวกประจำบ้านที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน ยิ่งเป็นครอบครัวเล็กที่คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีคนมาช่วยเลี้ยงลูก ในช่วงเวลาที่คุณพ่อไปทำงานนอกบ้าน ยิ่งถือเป็นของใช้ที่จะช่วยให้คุณแม่ทำงานและกิจกรรมอื่นๆได้ พร้อมเลี้ยงลูกได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งในยุคสมัยที่การหาเงินได้ฝืดเคือง และข้าวของใช้ราคาสูงเช่นนี้ การเลือกซื้อเป้อุ้มลูกทั้งที เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่จะต้องพิจารณาอย่างถ้วนถี่ และเลือกใช้ให้คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย แต่จะรู้ได้อย่างไร? ว่าเป้อุ้มเด็กแบบไหนดี ทนทานปลอดภัย ใช้งานได้นานจนลูกโต ลองมาอ่านเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันเลย 1 ตอบโจทย์การใช้งาน การเลี้ยงลูกของครอบครัว นั่นคือการเลือกให้ตรงกับสไตล์การเลี้ยงลูกของครอบครัว การทำงานของคุณพ่อคุณแม่และการเดินทางของคนในบ้าน ซึ่งต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ขนาดของครอบครัวและคนช่วยเลี้ยงลูก เพราะหากเป็นครอบครัวเล็ก คุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว คุณพ่อไปทำงาน จำเป็นต้องใช้เป้อุ้มลูก สำหรับเวลาทำงานบ้าน ทำธุระหรือจำเป็นต้องออกไปซื้อของนอกบ้าน แม้แต่เป็นครอบครัวใหญ่ อาจจะได้ใช้เวลาคุณแม่ต้องทำธุระ ผลัดกันใช้เวลาเดินทางไปข้างนอก สิ่งของที่ใช้กับลูก เวลาที่ต้องพาลูกออกนอกบ้าน เพราะหากคุณพ่อคุณแม่มีข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่ต้องพกไปมาก การใช้เป้อุ้มเด็กก็จะทำให้สะดวก พ่อแม่ถือของใช้ และซื้อของได้สบาย ไม่ต้องใช้มืออุ้มหรือเข็นลูก หรือหากเวลาไปไหนที่ต้องใช้พื้นที่จำกัดการใช้เป้อุ้มเด็กก็จะไม่ต้องเปลืองพื้นที่เพราะพับเก็บได้ พกพาง่ายกว่ารถเข็น การเดินทางของครอบครัว หมายถึงสังเกตการใช้ชีวิตของครอบครัวว่า ต้องออกไปต่างจังหวัด หรือไปเยี่ยมญาติบ่อยหรือเปล่า ใช้เวลาพาลูกออกนอกบ้านนานแค่ไหน หากต้องไปที่ไหนไม่นานนัก การใช้เป้อุ้มเด็กจะมีความคล่องตัวสะดวกกว่ารถเข็น […]
ว่าที่คุณแม่มือใหม่หลายคนคงจะปวดหัวไม่น้อย ว่าลูกน้อยของเราควรจะหนุน หมอนทารก นอนหรือไม่ แล้ว หมอนหัวทุย จำเป็นไหม กดมือถือหาข้อมูลทีไรก็หาข้อสรุปไม่ได้เสียที ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันค่า หมอนทารก ทารกควรหนุนหรือไม่ คำแนะนำจากกุมารแพทย์ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยกล่าวว่า ท่านอนที่ดีและปลอดภัยสำหรับทารกที่สุดก็คือ การนอนหงายโดยไม่หนุนอะไรทั้งสิ้น เพราะสรีระของกะโหลกศีรษะของทารก ซึ่งจะมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับลำตัว ทำให้พอดีในการนอนแล้วถึงแม้จะนอนหงาย และนอกจากนี้จะต้องไม่มีสิ่งของอื่นๆ เช่น ผ้าห่ม ตุ๊กตา ของเล่น ฯลฯ อยู่บนเตียงขณะลูกน้อยนอนหลับ เพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจากการนอน หรือโรคไหลตายในทารก (SIDS) ซึ่งเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตเด็กๆ มากมายทั่วโลก และโรคนี้มักจะเกิดกับเด็กอายุไม่เกิน 4 เดือนมากที่สุด โดยที่เด็กยังแข็งแรงดีอีกด้วย แม้ปัจจุบันจะยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่หนึ่งในปัจจัยที่ชัดเจนและกระตุ้นให้เกิดการเสียชีวิตคือการที่มีผ้า วัตถุนุ่มๆ หรือการใช้ที่นอนที่อ่อนยวบเกินไป ไปอุดกั้นทางเดินหายใจของลูก จากการที่ลูกเกิดพลิกตัวนอนคว่ำ หรือคว้าวัตถุเหล่านั้นมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเด็กยังเล็กเกินไปที่จะชันคอหรือพลิกตัวกลับได้ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ทารกจึงยังไม่จำเป็นต้องใช้หมอนหนุนนอนจนกว่าจะเข้าสู่วัยเตาะแตะหรือ 18 เดือนขึ้นไป หรือช้ากว่านั้นได้ยิ่งดีค่ะ กลัวลูกหัวแบน ทำไงดี อีกหนึ่งความกังวลใหญ่ของบรรดาแม่ๆ คือ กลัวลูกหัวแบน เพราะต้องนอนหงายตลอดเวลา ปัจจุบันจึงได้มีการผลิตคิดค้นหมอนหนุนสำหรับทารกเพื่อป้องกันหัวแบน และลูกน้อยยังคงนอนหงายได้ด้วย แต่ทั้งนี้คุณหมอและผู้เชี่ยวชาญก็ยังไม่แนะนำให้ใช้หมอนหนุนมากนัก เพราะหากใช้หมอนที่ไม่ได้มาตรฐาน ไม่มีคุณภาพ […]
เรื่อง : สิริพร ความปลอดภัยของลูกน้อยในวัยเบบี้เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกค่ะ คุณพ่อคุณแม่จึงจำเป็นต้องใส่ใจและดูแลเจ้าตัวเล็กอย่างใกล้ชิดในทุก ๆ เรื่องแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ก็ไม่ควรมองข้ามนะคะ อยากจะชวนคุณพ่อคุณแม่มากันดูค่ะว่ามีเรื่องไหนที่เราเคยทำ แล้วเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเจ้าตัวเล็กกันบ้าง มีถุงพลาสติก หรือลูกโป่งอยู่ใกล้ตัวเบบี้ ? อย่ามองข้ามถุงพลาสติกที่คุณแม่ใส่ของหิ้วเข้าบ้านนะคะ เพราะหากเอาของออกแล้ว ไม่ทันเก็บให้ดี เจ้าตัวเล็กที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ อาจเผลอหยิบเล่นเข้าปาก หรือครอบหัวจนหายใจไม่ออก ส่วนลูกโป่งหากแตก เศษลูกโป่งก็อาจกระเด็นเข้าตา หรือดีดใส่หน้าจนได้รับอันตรายได้ Safety for baby : เจ้า ตัวเล็กอยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นอยากสำรวจสิ่งใกล้ตัว ฉะนั้นความสะอาด และความปลอดภัยของสิ่งของที่ลูกจะคว้าจับได้จึงสำคัญ คุณแม่จึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ เช่น หากมีลูกโป่ง หรือของที่ลูกสามารถบีบแตกได้อยู่ในบริเวณที่ลูกคว้าจับได้ง่าย คุณแม่ต้องรีบเก็บให้ห่างจากมือลูกโดยเร็ว แต่หากลูกอยากเล่นของเล่นลูกกลม ๆ ก็ลองหาลูกบอลที่เป็นผ้านุ่มนิ่ม ที่ไม่อันตรายจะดีกว่าค่ คุณพ่อสูบบุหรี่ตอนเบบี้ไม่อยู่บ้าน ? ควันบุหรี่ที่ถูกพ่อออกมาเป็นสารพิษชนิดเดียวกันกับที่สูบเข้าไปค่ะ ถึงคุณพ่อจะสูบตอนที่ลูกเบบี้ไม่อยู่บ้าน หรือไม่อยู่บริเวณนั้นขณะสูบ สารพิษนี้ก็คงยังล่องลอยอยู่ในอากาศ ทำให้บรรยากาศและคนในบ้านแย่ตามไปด้วย Safety for baby : หากอยากจะให้เจ้าตัวเล็กของเราห่างไกลจากควันบุหรี่ คุณพ่อไม่ควรสูบบุหรี่ที่บ้านเลยดีที่สุดค่ะ และพยายามจัดบรรยากาศทั้งในและนอกบ้านให้ปลอดโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกอยู่ เสมอ เช่น มีการกำจัดฝุ่นตามโต๊ะ ตู้ พื้นห้องทุกวัน […]
เชื่อว่าอาการปวดหลังหรืออาการปวดเมื่อยตามร่างกายนั้น ต้องเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเคยสัมผัสมาก่อน โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องนั่งหรืออยู่ในท่าทางเดิมเป็นเวลานาน ๆ และก็อาจจะมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอย่างเบาะยางพาราและเบาะเมมโมรี่โฟมเพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อย เนื่องจากวัสดุดังกล่าวให้ความรู้สึกที่นุ่มสบายและช่วยคลายความปวดได้ แต่ทราบหรือไม่คะว่า ปัจจุบันนี้มีสิ่งที่เรียกว่า Vetagel (เวทาเจล) ซึ่งเป็นวัสดุเจลประเภทหนึ่งที่มีความยืดหยุ่นสูง คืนตัวได้เร็ว และลดแรงกดทับได้ดีกว่ามาก ทั้งยังเป็นที่นิยมในประเทศเกาหลีอีกด้วย vetagel คืออะไร มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง มีประโยชน์ทางด้านสุขภาพของเราอย่างไร ไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ Vetagel คือ อะไร ? ชวนรู้จักเจลชนิดพิเศษเพื่อสุขภาพ นำเข้าจากเกาหลีใต้ vetagel คือวัสดุเจลชนิดหนึ่ง เป็นเจลใสสีเขียวชนิดพิเศษ ผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ เนื้อเจลจะมีคุณสมบัติเหนียว แข็งแรง มีความยืดหยุ่นสูงมาก แม้มีแรงกดทับหนัก ๆ ก็ไม่เสียรูปทรงง่าย สามารถกระจายแรงกดทับได้ดีและคืนตัวได้เร็ว เมื่อเรากดลงไปในเนื้อเจล เนื้อเจลจะเด้งดึ๋งคืนตัวทันที (Fast Recovery Property) ทำให้เกิดแรงกดทับได้น้อยมาก ๆ ซึ่งแตกต่างจากวัสดุชนิดอื่น ๆ เช่น เมมโมรี่โฟมหรือยางพาราที่เมื่อเราใช้มือกดลงไป วัสดุจะค่อย ๆ คืนตัวช้า ๆ […]
การเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณทำไมถึงต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยจึงจำเป็นต่อคุณและลูกน้อยล่ะ? หลายประเทศได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของคาร์ซีท carseat สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ เนื่องจากคุณจะต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกน้อยจากอันตราย หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้โดยสารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฏจราจร และหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกน้อย โดยที่คุณจะต้องอุ้มลูกไว้ที่ตัก ก็อาจจะมีโอกาสที่คุณไม่สามารถที่จะอุ้มลูกได้อย่างมั่นคงและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นลูกของคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสูงค่ะ ดังนั้นการมีคาร์ซีท ที่ปลอดภัยในรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดการบาดเจ็บของลูกน้อยได้ ทั้งนี้พึงระวังไว้ว่าการใช้คาร์ชีทที่ไม่ถูกต้อง อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่เด็กมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณควรต้องเลือกใช้คาร์ซีท carseat ให้ถูกต้องพร้อมกับศึกษาการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะค่ะ หากไม่มีคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแล้ว อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั่งบนรถยนต์ที่ปราศจากคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยและประสบอุบัติเหตุ อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่าการนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยถึง 4 เท่า***ข้อควรระวัง เมื่อใช้งานคาร์ซีท carseat ไม่ถูกวิธี จากผลสำรวจเมื่อปี 2008 โดยองค์การทางรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ( Japan Automobile Federation :JAF) เกี่ยวกับการใช้งาน คาร์ซีท carseat พบว่า 32.7 % ของคาร์ซีท carseat ที่ใช้งานนั้นติดตั้งอย่างไม่แน่นหนา ขณะที่อีก 67.3 % นั้นถูกพบว่ายังใช้งานได้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าจะเป็นการรัดสะโพกที่หลวมเกินไป หรือ การใช้งานที่หัวเข็มขัดที่ใช้ยึดที่นั่งไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกใช้คาร์ซีท carseat ที่ถูกต้องแล้ว แต่หากการใช้งานไม่ถูกวิธีก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก เพื่อลดปัญหาดังกล่าว เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคาร์ซีทให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคาร์ซีท คุณควรศึกษาข้อมูลว่า คาร์ซีท […]
หลากหลายฟังก์ชั่น ช่วงอายุการใช้งานยาวนาน รองรับเด็กมีความสูง 76 ถึง 150 ซมผ่านมาตรฐานความปลอดภัย I-size R 129 และการรับรองจากสภาบันชั้นนำ เบาะกว้าง นั่งสบาย นุ่มกว่าที่เคยสัมผัสรองรับเด็กน้ำหนัก 15 ถึง 36 กิโลกรัมผ่านมาตรฐาน ECE R44-04และการทดสอบจากสถาบันชั้นนำในยุโรป พกพาสะดวก ติดตั้งง่ายรองรับเด็กน้ำหนัก 15 ถึง 36 กิโลกรัมผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ECE R44-04






