ประโยชน์ของนมแม่ ดียังไง ? ทำไมลูกถึงต้องกินนมแม่ ?

ว่ากันว่า “น้ำนมของแม่นั้นดีที่สุด” มีคำแนะนำทางการแพทย์ว่าควรให้ทารกกินนมแม่ไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือนานกว่านั้น แม้ว่าลูกน้อยจะอายุ 6 เดือนขึ้นไปแล้ว ก็ควรกินน้ำนมของแม่ร่วมกับการกินอาหารอื่น ๆ เพื่อเสริมคุณค่าทางโภชนาการ เพราะในน้ำนมของแม่นั้นมีความสำคัญต่อลูกน้อยมาก ๆ ในน้ำนมมีสารอาหารที่ดีต่อลูกน้อยหลายอย่าง ทั้งยังมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยปกป้องลูกน้อยให้แข็งแรง นอกจากนี้ การให้ลูกกินน้ำนมของแม่ก็ยังมีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วยเช่นกัน ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลยค่ะ
ประโยชน์ นมแม่ อาหารเปี่ยมคุณค่าสำหรับลูกน้อย

นมแม่นั้นเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกแรกเกิด เพราะเต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ และช่วยเสริมภูมิต้านทานโรคให้กับลูก ประโยชน์ของนมแม่ช่วยลดความเสี่ยงในการเจ็บป่วย และในขณะที่ทารกกินน้ำนมจากเต้าของนั้น ก็เป็นการช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกด้วย ทั้งยังทำให้ทารกรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยนอกจากนี้ สำหรับคุณแม่เอง การให้ลูกกินนมก็ยังจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และเบาหวาน โดยองค์การอนามัยโลก และยูนิเซฟมีคำแนะนำเกี่ยวกับการให้นมของแม่เอาไว้ดังนี้ค่ะ
- ควรให้นมทันทีในช่วง 1 ชั่วโมงแรกหลังคลอด เพราะจะช่วยกระตุ้นให้เกิดความรัก ความผูกพันระหว่างแม่ลูก และช่วยให้น้ำนมมาเร็ว
- ควรให้เด็กกินน้ำนมของแม่เพียงอย่างเดียวในช่วง 6 เดือนแรกหลังคลอด ซึ่งในน้ำนมนั้นประกอบไปด้วยสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุมากมายอันจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย
- ควรให้นมอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับอาหารอื่นๆ ในช่วงที่ลูกอายุมากกว่า 6 เดือน และควรให้นมไปจนถึงอายุ 2 ขวบหรือมากกว่านั้น
ประโยชน์ของนมแม่ มีอะไรบ้าง ?

- มีคุณค่าทางโภชนาการ
ในน้ำนมนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับทารกหลายอย่าง ทั้งพลังงาน โปรตีน ไขมัน แคลเซียม วิตามินเอ วิตามินบี โฟเลต และวิตามินซี ทั้งยังมีฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับลูกน้อยอีกด้วย - ดีต่อระบบทางเดินอาหาร และระบบขับถ่ายของลูก
ในน้ำนมมีโพรไบโอติกส์ที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีต่อลำไส้ของทารก และยังมีสารนิวคลีโอไทด์ที่ช่วยให้เยื่อบุลำไส้ในทารกเจริญเติบโตได้เร็วเพื่อพร้อมรับการสัมผัสกับเชื้อประจำถิ่นได้ - ช่วยให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง ป้องกันการเกิดโรค
ประโยชน์ของนมแม่นั้นช่วยป้องกันการแพ้โปรตีน และป้องกันการเกิดโรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด ช่วยลดการติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ โรคอุจจาระร่วง ช่วยลดอัตราการตายของทารก และลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวานในอนาคตอีกด้วย - มีประโยชน์ต่อพัฒนาการทางสมองของทารก
ในนมแม่มีกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับทารกอย่าง DHA ซึ่งดีต่อพัฒนาการทางสมองและระบบประสาทของทารก มีการศึกษาพบว่า ทารกที่กินนมของแม่มีพัฒนาการทางสมองและเชาว์ปัญญา (IQ) ที่ดีกว่าทารกที่กินนมผสม - ช่วยส่งเสริมด้านอารมณ์ และจิตใจของเด็ก
ประโยชน์ของนมแม่นั้น นอกจากจะดีต่อร่างกายของลูกน้อยแล้ว การให้นมยังส่งผลต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจของลูกน้อยอีกด้วย เด็กที่กินนมจากเต้าคุณแม่จะได้รับความอบอุ่นทางใจ การที่แม่โอบกอดลูกน้อยระหว่างกินนมจะทำให้ลูกได้รับความอบอุ่น รับรู้ได้ถึงความรัก ความปลอดภัย รู้สึกสงบ ไม่ร้องไห้งอแง ส่งผลให้ลูกน้อยมีความสุขทางใจ ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี และมีการปรับตัวเข้ากับสังคมได้ดีเมื่อโตขึ้น
ชวนรู้ การให้นมลูกก็มีประโยชน์ต่อคุณแม่เองด้วย

ประโยชน์ของนมแม่ นอกจากจะดีต่อลูกน้อยแล้ว การที่คุณแม่ให้นมลูก ก็มีข้อดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย ดังนี้
- ช่วยให้มดลูกเข้าอู่ และกลับสู่สภาพเดิมได้เร็วขึ้น ในช่วงที่แม่ให้นมลูก จะมีการหลั่งฮอร์โมน Oxytoxin ซึ่งจะช่วยมดลูกหดรัดตัวได้ดี ทำให้มดลูกเข้าอู่ได้เร็วขึ้น
- ช่วยลดอาการซึมเศร้าหลังคลอดของคุณแม่ เพราะ Oxytocin หรือฮอร์โมนแห่งความรักจะช่วยให้คุณแม่เกิดความผ่อนคลาย ทำให้มีความสุขในขณะให้นมลูก ช่วยสร้างความรัก และความผูกพันธ์ระหว่างแม่กับลูก
- การให้นมลูกหลังคลอดจะช่วยลดโอกาสในการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่ แถมยังช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคความดัน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย
- ช่วยให้น้ำหนักของคุณแม่ลดลงอย่างรวดเร็ว เพราะมีการกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนที่ช่วยลดการสะสมของไขมัน ทำให้คุณแม่มีรูปร่างที่ดีขึ้น
Tips ในการให้นม สำหรับคุณแม่มือใหม่

เมื่อได้รู้ประโยชน์ของนมแม่กันแล้ว เชื่อว่าคุณแม่หลายๆ ท่านก็อยากจะให้ลูกน้อยของเราได้กินนมตั้งแต่แรกเกินไปจนถึงอายุ 2 – 3 ขวบ แต่ในบางคนก็ต้องกลับไปทำงานประจำหลังพ้นช่วงลาคลอด 3 เดือน ซึ่งไม่สามารถให้ลูกกินนมจากเต้าได้ตลอดเวลา แล้วจะมีวิธีการเก็บน้ำนมคุณแม่อย่างไรให้มีคุณภาพดี มีเคล็ดลับอะไรสำหรับคุณแม่บ้าง มาดูคำแนะนำกันค่ะ
- ใช้เครื่องปั๊มนม เพื่อสต๊อกน้ำนมไว้ให้ลูกน้อยขณะที่ไม่อยู่บ้าน คุณแม่บางคนอาจจะสงสัยว่า เครื่องปั๊มนม จำเป็นไหม ซึ่งประโยชน์ของเครื่องปั๊มนมนั้น จะช่วยกระตุ้นให้น้ำนมคุณแม่มีต่อเนื่อง และช่วยกระตุ้นการเพิ่มปริมาณน้ำนมให้เพียงพอต่อลูกน้อย หากคุณแม่ไม่ได้ให้ลูกดูดนม หรือปั๊มนมเพื่อกระตุ้นและระบายน้ำนมออกทุกๆ 2 – 3 ชั่วโมงอย่างสม่ำเสมอ น้ำนมของแม่ก็จะผลิตน้อยลงจนหายไป ลูกก็จะไม่ได้กินนมของคุณแม่อย่างเต็มที่นั่นเองค่ะ
- ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าอยู่เสมอ ในคุณแม่ที่ต้องไปทำงาน ก็ควรให้ลูกดูดนมจากเต้าเป็นประจำทุกวัน เช่น ช่วงเช้าก่อนไปทำงาน ช่วงเย็นหลังกลับจากที่ทำงาน และตอนกลางคืน เป็นต้น และวันหยุดควรเอาลูกเข้าเต้าทุกครั้ง เพราะการที่ลูกดูดนมจากเต้าของแม่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการด้านจิตใจและอารมณ์ทั้งคุณแม่และลูกน้อย และยังเป็นการกระตุ้นการสร้างน้ำนมแบบธรรมชาติอีกด้วย
- เก็บน้ำนมอย่างถูกต้อง หากคุณแม่ไม่รู้วิธีเก็บน้ำนมแม่อย่างถูกต้อง อาจทำให้น้ำนมเหม็นหืน หรือบูดเสีย ลูกกินไม่ได้ รวมถึงหากเช่เย็นเก็บหรือละลายในอุณหภูมิไม่เหมาะสม ก็ทำให้น้ำนมสูญเสียคุณค่าสารอาหารที่สำคัญ ดังนั้น ควรเก็บอย่างถูกต้อง ใส่ใจรายละเอียดเรื่องวันเวลาที่ปั๊มนม และระยะเวลาการเก็บนม เพื่อให้น้ำนมมีคุณภาพมากที่สุด
- อุ่นนมแม่ให้ถูก ลูกได้สารอาหารเต็มที่ เมื่อคุณแม่ปั๊มนมไว้ แล้วต้องอุ่นให้ลูกน้อยทาน วิธีการอุ่นนมจึงต้องทำให้เหมาะสม เพื่อรักษาคุณค่าน้ำนมให้ได้มากที่สุด เช่น นำนมแม่ไปแช่ไว้ในถ้วยที่ใส่น้ำอุณหภูมิห้อง หรือ เปิดน้ำผ่านให้น้ำนมละลาย ซึ่งปัจจุบันมีเครื่องอุ่นนมที่ช่วยอำนวยความสะดวกมากขึ้น ด้วยการตั้งอุณหภูมิได้ที่ 37 องศา แล้วรอเวลาให้ลูกน้อยทานได้เลย โดยไม่เสียคุณค่าน้ำนมแม่และยังช่วยประหยัดเวลาได้อีกด้วย
- จดบันทึกวันที่ และเวลาในการปั๊มนม เมื่อปั๊มนมเสร็จแล้วให้เขียนวันที่และเวลากำกับไว้ที่ถุงเก็บนมด้วย เพื่อที่จะได้นำน้ำนมออกมาใช้ตามลำดับวันที่ได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันนมบูดเสียจากการเก็บนานเกินไป
- ไม่เก็บน้ำนมบริเวณประตูตู้เย็น เพราะความเย็นจะไม่คงที่ ทำให้น้ำนมเสียได้ง่าย และควรนำนมสต๊อกออกมาให้ลูกกินภายใน 6 เดือน เพื่อป้องกันความเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อโรค และถ้ามีแม่ที่สต๊อกเก็บไว้เกิน 1 ปีแล้ว ต้องทิ้งให้หมด
BabyGift แนะนำตัวช่วยหรับคุณแม่ เพื่อการให้นมแม่อย่างมีคุณภาพ

1. เครื่องปั๊มนม HAENIM 7V
เครื่องปั๊มนมสำหรับคุณแม่ยุคใหม่ มีสัมผัสที่นุ่มนวล เสมือนทารกเข้าเต้า ไม่ทำให้เจ็บเต้าขณะปั๊มนม ผลิตและนำเข้าจากประเทศเกาหลี ผ่านการตรวจสอบเเละได้รับการรับรองมาตรฐาน อย. ไทย มั่นใจได้ว่าปลอดภัยกับเเม่เเละลูกน้อย สินค้ามีรับประกันหลังคลอด 1 ปี
จุดเด่น
กรวยเคลือบซิลิโคน NexusFit™ ที่ได้รับการจดสิทธิบัตรเจ้าเดียวในโลก ให้ความรู้สึกนุ่มถนอมหัวนม ไม่ทำให้เจ็บเต้า
โหมดการใช้งานปรับได้ทั้งความแรงและความเร็วรอบดูดในเครื่องเดียว เพิ่มทางเลือกให้ตรงใจแม่มากที่สุด ถึง 75 รูปแบบ
- มีโหมดจดจำ บันทึกเก็บไว้ใช้ครั้งต่อไปได้เลย ช่วยประหยัดเวลาแม่ในการปั๊มนม
- มีโคมไฟและหน้าจอมีแสงไฟ ปั๊มกลางคืนได้โดยไม่ต้องเปิดไฟห้อง ไม่รบกวนลูกน้อยและคนรอบข้าง
- เครื่องมีเสียงเบาขณะทำงาน ไม่รบกวนลูกน้อย
- ขนาดเล็ก พกง่าย น้ำหนักเบาเพียง 385 กรัม
- มีขวดนมมาให้ครบเซ็ท ปั๊มเสร็จเปลี่ยนเป็นจุกนมให้ลูกดื่มได้เลย

2. ถุงเก็บน้ำนม อลูมิเนียมฟอยล์ รุ่น Snowbear Series – Prince & Princess
ถุงเก็บน้ำนมเป็นตัวช่วยสำคัญสำหรับคุณแม่ที่ต้องสต๊อกนมไว้ให้ลูกน้อย ซึ่งถุงเก็บน้ำนมตัวนี้เป็นแบบอลูมิเนียมฟอยล์ มีความทึบแสง 100% แข็งแรงทนทาน ป้องกันกลิ่นเหม็นหืนได้ดี ทั้งยังคงคุณค่าสารอาหารในน้ำนมได้อย่างครบถ้วน ให้ลูกน้อยได้กินนมของคุณแม่อย่างมีคุณภาพ
จุดเด่น
- ถุงหนา 4 ชั้น ทำจากวัสดุ Aluminium foil เสริมด้วย Polyethylene, Polyamide และ Polyester แข็งแรงทนทานกว่าถุงเก็บน้ำนมพลาสติกใสทั่วไป
- เป็นถุงแบบทึบแสง 100% ช่วยคงคุณค่าสารอาหาร ลดกลิ่นหืน และยืดอายุในการเก็บน้ำนมแม่
- ผลิตด้วยเทคโนโลยีการปิดกั้นออกซิเจน ลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ป้องกันการเปลี่ยนสีของน้ำนม
- ซิปล็อค 2 ชั้น ซีลขอบข้าง 0.6 มิลลิเมตร เสริมความแข็งแรง ไม่แตกง่าย
- เก็บความเย็นได้นานกว่าถุงนมพลาสติกใสทั่วไป พร้อมทนอุณหภูมิต่ำได้มากถึง – 20 °องศาเซลเซียส
- ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อวิธีเดียวกับการฆ่าเชื้อในอาหาร สะอาด ปลอดภัย ไม่มีสารตกค้าง
- มีช่องเทน้ำนมแยก ฉีกง่าย เทง่าย ไม่ปนเปื้อน
- เป็นถุงทรงเตี้ย เทน้ำนมได้ง่าย ไม่นอนก้น ถุงตั้งได้ ไม่ล้ม สามารถจัดเก็บแบบตั้งในตู้เย็นได้สะดวก

3. เครื่องอุ่นนม Baby Bottle Warmer & Sterilizer – PRINCE & PRINCESS
อุ่นนมให้ลูกพร้อมทาน ไม่เสียคุณค่าน้ำนมแม่ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่เวลาน้อย ด้วยคุณสมบัต Warm โหมดทำงานอัจฉริยะ ตั้งอุณภูมิอุ่นน้ำนมได้
จุดเด่น
- Warm โหมดอุ่นนม อุ่นนมโดยไม่เสียคุณค่าค่า ตั้งอุณหภูมิได้ 37°C
- Defrost โหมดละลายน้ำแข็ง ละลายน้ำนมแช่แข็งและอุ่นนมให้ลูกพร้อมทาน
- Sterilize โหมดนึ่งฆ่าเชื้อขวดนม ด้วยไอน้ำความร้อนสูง 100°C พกง่าย ใส่ได้ 2 ขวด
- ประหยัดเวลาแม่ อุ่นนมให้ลูกพร้อมทาน พร้อมกันได้ถึง 2 ขวด
- BPA Free ปลอดภัย อุ่นนมให้ลูกอย่างมั่นใจ
- สั่งงานด้วยระบบ Touch Screen
- น้ำหนักเบา พกง่าย อุ่นนมให้ลูกได้ทุกที่
- อุ่นใจ มีบริการหลังการขาย มีรับประกันสินค้า

4. MOTHERY หมอนรองให้นม
อีกหนึ่งตัวช่วยสำหรับคุณแม่ที่ขาดไม่ได้ก็คือ หมอนรองให้นมลูก BabyGift ขอแนะนำ MOTHERY หมอนให้นมลูก 11 องศา ที่ให้ลูกเข้าเต้าด้วยองศาที่ดีที่สุด ด้วยดีไซน์แบบ U-curve และมี Back Support ช่วยลดอาการปวดเมื่อยได้ 5 จุด พัฒนาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้การเข้าเต้าเป็นเรื่องง่าย อีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญสำหรับคุณแม่ในการให้นมลูก เพื่อช่วงเวลาที่แสนอบอุ่นสำหรับคุณแม่และลูกน้อย
จุดเด่น
- หมอนเอียง 11องศา องศาที่ผ่านการวิจัยและคิดค้นโดยสูตินารีแพทย์ว่าเป็นองศาที่เหมาะสมที่สุดในการให้นม
- ช่วยลดอาการปวดข้อมือและแขนจากการเกร็งประคองหัวลูก
- ฟองน้ำทำจาก Polyurethane นุ่ม แน่น ไม่ยวบ สามารถคืนตัวได้ดี ไม่เสียทรง
- เนื้อผ้า cotton แท้ 100% นุ่ม เบาสบาย และด้านใต้ทำจากวัสดุ 3D Polyester ระบายอากาศได้ดี
- ช่วยถ่ายเทความร้อน ไม่อับชื้น ทำให้ลูกและแม่เย็นสบาย
- มีช่องเก็บของด้านข้าง สามารถใส่ผ้าอ้อมหรือทิชชู่เปียกได้
- มีที่เก็บสายรัดเอว ไม่เกะกะเวลาใช้งาน (กรณีที่ไม่ต้องการใช้ที่รัดเอว) และยังช่วยให้ติดตั้งสายรัดได้ง่ายขึ้น
ประโยชน์ของนมแม่ มีมากมาย นอกจากจะดีต่อตัวลูกน้อยเองแล้ว การให้นมลูกจากเต้ายังดีต่อตัวคุณแม่เองด้วย และถ้ามีตัวช่วยอย่างเครื่องปั๊มนม หรืออุปกรณ์ที่จำเป็นอื่น ๆ ก็จะช่วยซับพอร์ตคุณแม่ได้มากขึ้น ทั้งนี้ หากคุณแม่สนใจของใช้สำหรับแม่และเด็กก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าได้ที่ร้าน BabyGift ร้านจำหน่ายสินค้าแม่และเด็กระดับคุณภาพ มีประสบการณ์มากกว่า 15 ปี หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ร้านเบบี้กิ๊ฟทั้ง 5 สาขา ใกล้บ้าน หรือสอบถามผ่านช่องทาง Online ทีมงาน BabyGift ยินดีให้คำแนะนำค่ะ
อ้างอิงที่มาข้อมูลบางส่วนจาก : www.phyathai.com/th/article/2286-11_เหตุผลที่ลูกควรกินนมแ
www.unicef.org/thailand/th/stories/นมแม่แน่แค่หกเดือน-จริงหรือ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
บทความแนะนำ
SIDS หรืออาการภาวะไหลตาย เป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เด็กทารกแรกเกิดเสียชีวิต ถือเป็นอีกสิ่งที่คุณพ่อ และคุณแม่ควรให้ความใส่ใจ และหาทางป้องกันไม่ให้เกิดอาการดังกล่าว ทาง BABY GIFT EXPERT จึงอยากพาคุณพ่อ คุณแม่ทุกคน มาทำความเข้าใจกันว่า SIDS คืออะไร และสามารถป้องกันได้อย่างไร SIDS คืออะไร นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ ได้อธิบายถึงภาวะ SIDS (Sudden Infant Death Syndrome) หรือภาวะไหลตายไว้ว่า เป็นภาวะเสียชีวิตขณะนอนหลับ เกิดขึ้นได้แม้ในทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงดี พบบ่อยในช่วงอายุเด็กแรกเกิดถึง 1 ปี และพบบ่อยที่สุดในช่วงที่อายุ 2-4 เดือน โดยส่วนมากมักจะพบในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง สาเหตุของการเกิดภาวะ SIDS SIDS มีสาเหตุมาจากการกีดขวางการหายใจของทารกขณะนอนหลับ เช่น การจัดท่าให้ทารกนอนคว่ำ หรือนอนตะแคง การที่มีผ้าห่มหรือวัตถุนิ่มๆปิดหน้าทารกขณะนอนหลับ การถูกผู้ใหญ่นอนทับ เป็นต้น เนื่องจากทารกยังไม่สามารถเคลื่อนไหวศีรษะได้ดี ปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงของภาวะนี้ คือ ทารกเกิดก่อนกำหนด ควันบุหรี่ และอุณหภูมิห้องนอนที่ร้อน ซึ่งอุณหภูมิห้องนอนที่เหมาะสมของทารกคือ […]
เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์แล้วคุณแม่จะรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับอาหารการกิน ก็เพราะทุกอย่างที่คุณแม่ทานเข้าไปจะมีผลต่อลูกน้อยในท้องโดยตรงนี่เนอะ ของบางอย่างที่คุณแม่ทานเป็นปกติทุกวันอาจจะไม่ได้ปลอดภัยอีกต่อไป ส่วนของบางอย่างที่เจอทีไรก็ต้องเบ้ปากอาจจะมีประโยชน์มากกว่าก็ได้ อาหารการกินนั้นเป็นเรื่องสำคัญเพราะจะมีผลต่อน้ำหนักและความครบถ้วนสมบูรณ์ของร่างกาย รวมถึงสมองของลูกน้อย แต่เราควรจะเลือกรับประทานอาหารแบบไหนดีล่ะ แล้วขนาดไหนถึงจะเรียกว่าพอดี ลองมาดูกัน! 1. โฟเลตโฟเลตหรือกรดโฟลิกเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับคุณแม่มาก ๆ เลยล่ะค่ะ โดยปกติแล้วสาว ๆ บ้านไหนที่เตรียมตัวจะเป็นคุณแม่ คุณหมอก็จะแนะนำให้ซื้อโฟเลตมาทานเพื่อเตรียมตัวไว้ตั้งแต่ยังไม่ท้องเลย เพราะเจ้าตัวโฟเลตนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่ร่างกายจะนำมาใช้ในการสร้างระบบประสาท เซลล์สมอง และไขสันหลังของทารกในครรภ์ ถ้ารับสารอาหารตัวนี้เข้าไปไม่เพียงพอแล้วล่ะก็ อาจจะส่งผลให้ทารกมีความพิการทางสมองได้ค่ะ ส่วนคุณแม่บ้านไหนที่ไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่ก่อนท้องก็ไม่ต้องกลัวนะ ยังไงคุณหมอก็จะสั่งโฟเลตให้ทานทุกวันเพื่อบำรุงอยู่แล้ว บำรุงตอนท้องก็ไม่ได้สายเกินไปค่ะ อีกอย่างอาหารหลาย ๆ อย่างที่เรารับประทานกันในชีวิตประจำวันก็มีโฟเลตอยู่บ้างค่ะ ไม่ว่าจะเป็น ผักใบเขียวเข้มอย่างคะน้า ไข่แดง ตับ ฟักทอง แครอท ฯลฯ ที่สำคัญคือคุณแม่ควรจะทานโฟเลตให้ได้วันละ 400-800 ไมโครกรัมกันนะคะ 2. เนื้อสัตว์ต่าง ๆส่วนใหญ่แล้วเนื้อสัตว์ที่มีประโยชน์สำหรับคนท้องจะเป็นจำพวกเนื้อแดงอย่าง “เนื้อวัว” เพราะว่าอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก ช่วยเรื่องโลหิตจางของคุณแม่ได้ แล้วก็เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อทารกเช่นกัน แต่เนื้อวัวที่คุณแม่ทานควรจะเป็นแบบไร้มัน หรือมันน้อยที่สุดนะคะ เพราะการที่คุณแม่ทานมันเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้คลื่นไส้หรือท้องอืดได้นะ เนื้อไก่นี่ก็เป็นอะไรที่แนะนำ เพราะมีโปรตีนสูงและจะช่วยเรื่องน้ำหนักของลูกน้อยด้วยค่ะ ส่วนเนื้อสัตว์ที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ก่อนก็เป็นพวกอาหารทะเล เพราะมีการตรวจพบสารปรอทในสัตว์ทะเลที่จับมาจากบางที่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ […]
เปลนอนเด็กเล็กเป็นของใช้ที่จำเป็นมาก โดยเฉพาะคุณแม่ลูกอ่อนหรือคุณแม่ใกล้คลอด ก็อาจจะมองหาเปลนอนสำหรับทารกเตรียมเอาไว้ให้ลูกน้อย ซึ่งตามท้องตลาดก็มีเปลนอนอยู่หลายแบบหลายฟังก์ชั่นให้เลือกมากมาย จะเลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? เปลนอนสำหรับทารกมีกี่แบบ ควรเลือกอย่างไร ต้องคำนึงถึงสิ่งใดบ้าง ในบทความนี้ BabyGift มีคำแนะนำดีๆ มาฝากแล้วค่ะ เปลนอนลูกมีกี่แบบ ? เลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? ชวนคุณแม่มาดูกัน ! ในวัยแรกเกิดนั้น ทารกจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการนอนหลับพักผ่อน ดังนั้นแล้ว อุปกรณ์อย่างเปลนอนเด็กเล็ก (Baby Crib) จึงมีความสำคัญมาก ถ้าเลือกแบบมีคุณภาพดี มีความนุ่มสบาย ระบายอากาศได้ดี ก็จะทำให้ลูกน้อยนอนหลับได้อย่างสบายตัว ไม่ร้อน ไม่ปวดเมื่อย ยิ่งลูกน้อยได้นอนหลับพักผ่อนมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อพัฒนาการและการเจริญเติบโตของลูกน้อยมากเท่านั้น เครื่องนอนต่างๆ อย่างเช่น เปลนอน ฟูกนอน หมอน ผ้าห่ม จึงมีความสำคัญมากๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ความปลอดภัย และความแข็งแรงทนทานของเปล คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่า แล้วจะเลือกเปลนอนทารก แบบไหนดี ? เปลนอนเด็กเล็กก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน ดังนี้ค่ะ 1. เปลโยก เปลโยกสำหรับเด็กเล็กนั้น […]
สอนดูแลลูกตั้งแต่แรกเกิดแบบจับมือทำ โดยผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี เพราะการเลี้ยงลูกไม่ใช่เรื่องง่าย..#BabyGift เข้าใจและมองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ร่วมกับ พี่กัลนมแม่ กลุ่มแม่และเด็ก คลินิกนมแม่ สรุปเทคนิคดูแลทารกแรกเกิด โดยผู้เชี่ยวชาญ #พี่กัลนมแม่ จากในงาน 𝐌𝐨𝐦𝐦𝐲’𝐬 𝐋𝐨𝐯𝐞 𝐌𝐚𝐠𝐢𝐜 จะมีอะไรบ้าง ? ตามมาดูกันเลยค่ะ 1. ดูแลการกินของทารก #นมแม่ดีที่สุด ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทาน ลดความเสี่ยงติดเชื้อต่างๆ ได้ ถ้าลูกไม่ยอมดูดเต้าให้แม่ใช้เครื่องปั๊มนม และขวดนมแรกเกิดป้อนนมแม่ให้กับลูกน้อยแทน 2. หมั่นสังเกตการเจริญเติบโตลูกน้อย ปกติแล้วประมาณ 2 สัปดาห์ น้ำหนักลูกน้อยจะเพิ่มขึ้น วันละ 30 กรัม หากน้ำหนักเพิ่มน้อยกว่านี้ ควรรับคำแนะนำจากแพทย์ค่ะ 3. สังเกตการขับถ่ายของลูก อุจจาระแต่ละสีบอกสุขภาพลูกได้ หากมีสีขาวหรือแดงเข้ม หรือหากมีปัสสาวะขุ่น มีตะกอน อาจมีการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะได้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที 4. การนอนของทารก ท่านอนที่ดีที่สุดของทารก คือ การนอนหงาย เด็กแรกเกิดควรนอน 16-18 ชั่วโมง/วัน เพื่อให้ Growth Hormone […]
ว่าที่คุณแม่ทั้งหลาย พอรู้ข่าวดีว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์คงเกิดอาการดีใจอยู่ไม่น้อย แต่ในความดีใจของคุณแม่ก็เกิดคำถามและความกังวลในหัวอยู่มากมาย โดยเฉพาะการลุ้นพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์อยู่ตลอด หนึ่งในนั้นเชื่อว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ทั้งหลาย คงอยากรู้สินะว่า ลูกในครรภ์จะได้ยินเสียงเราตอนไหน และการได้ยินของลูกจะเริ่มต้นเมื่อไหร่ และคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถสื่อสารในรูปแบบไหนได้บ้าง ที่จะช่วยการกระตุ้นให้ลูกน้อยได้รับรู้ เพราะคุณแม่ทั้งหลายต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่าการพูดคุยกับลูกน้อยในครรภ์ เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีกับลูกได้ดีอีกอย่างหนึ่ง บางทีเราเองก็จะเห็นคุณแม่หลายๆคน เปิดเพลงคลาสสิกให้ลูกฟังสไตล์โมซาส เผื่อลูกจะได้อารมณ์ดี บ้างก็ร้องเพลง บ้างก็เล่านิทาน แต่จริงๆแล้วคุณแม่ทราบหรือไม่ว่าลูกในครรภ์จะได้ยินเสียงตอนกี่เดือนกันแน่ พัฒนาการการได้ยินของลูกน้อยในครรภ์ เริ่มต้นอย่างไร คุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการ การได้ยินของลูกน้อยอย่างไรได้บ้าง ดังนั้น คุณแม่ตั้งครรภ์ทุกคนสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการการได้ยินของทารกในครรภ์ได้ เพราะจริงๆแล้ว ทารกจะได้ยินเสียงได้ดีตั้งแต่เดือนที่ 5 เป็นต้นไป และการได้ยินของลูกมีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆ โดยคุณแม่สามารถกระตุ้นพัฒนาการการได้ยินของทารกในครรภ์ อย่างมีประสิทธิภาพแบบง่ายๆ ได้ดังนี้ 1. พูดคุยกับลูกบ่อยๆ โดยการใช้น้ำเสียงปกติในชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่ รวมถึงคุณแม่อาจจะเพิ่มการร้องเพลง หรืออ่านหนังสือ เข้าไปด้วยก็เป็นการช่วยเสริมสร้างพัฒนาการการได้ยินของทารกในครรภ์แล้ว 2. เปิดเพลงให้ลูกฟังบ่อยๆ โดยไม่มีข้อจำกัดว่าจะเป็นเพลงแนวไหน สามารถเปิดได้หมด ทั้ง โมสาร์ท คลาสสิก แจ๊ส ป๊อป ร็อค ลูกทุ่ง เพียงแค่ขอให้เป็นเพลงที่ฟังสบายๆ ไม่รุนแรงเกินไป ก็ช่วยให้ลูกได้รู้สึกถึงจังหวะมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การกระตุ้นพัฒนาการการได้ยิน พัฒนาการทางด้านอารมณ์ และพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวเมื่อลูกได้ดิ้นและขยับตัวตามจังหวะดนตรีเพลง […]
การตัดสินใจมีลูกสักคน นับเป็นเรื่องสำคัญของครอบครัว เพราะการมีลูกนั้นมักจะมาพร้อมกับความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้น ต้องปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแล้ว และหันมาคำนึงถึงค่าใช้จ่าย เริ่มตั้งแต่การฝากครรภ์ การคลอดบุตร การเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้ BABYGIFT จะพาไปดูกันว่าหากใช้ สิทธิประกันสังคมคนท้อง คุณแม่เบิกค่าใช้จ่ายอะไรได้บ้าง ไปดูพร้อมๆกันเลย สิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ประกันสังคมได้เพิ่มสิทธิเบิกจ่ายค่าฝากครรภ์ ค่าตรวจครรภ์ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2561ให้กับผู้ประกันตนสำหรับคนท้องอีก 1,000 บาท ผู้ใช้สิทธิต้องจ่ายเงินเข้าประกันสังคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนเดือนที่ใช้สิทธิ โดยจ่ายตามอายุครรภ์ ดังนี้ คุณแม่ต้องสำรองจ่ายเงินไปก่อน แล้วนำใบเสร็จกับใบรับรองแพทย์มาเบิกจ่ายทีหลังได้เลยที่ประกันสังคมทั่วประเทศ โดยไม่ต้องรอให้มีการคลอดบุตรก่อน สิทธิเบิกจ่ายค่าคลอดบุตร คุณแม่ท้องสามารถใช้สิทธิประกันสังคม เบิกค่าคลอดบุตรได้ในอัตราเหมาจ่าย 13,000 บาทต่อครั้งเช่น ค่าทำคลอด ค่าห้องพัก ค่ายา หรือค่าบริการอื่นๆ โดยสามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ไม่เกิน 2 ครั้ง ซึ่งหมายความว่า หากคุณแม่คลอดบุตรคนที่ 3คุณแม่จะไม่สามารถเบิก ค่าคลอดบุตรได้อีก ยกเว้นถ้าคุณพ่อก็เป็นผู้ประกันตนด้วย ก็สามารถใช้สิทธิของคุณพ่อกับบุตรคนที่ 3 […]






