ท้องตอนนี้ ฝากครรภ์ตอนไหนดี?

คุณแม่มือใหม่มักจะชอบถามว่า “ฝากท้องเมื่อไหร่ดี” คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ ตอนนี้เลยค่ะ! คุณแม่ควรรีบไปฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องนะคะ เนื่องจากระยะเวลาตลอด 40 สัปดาห์ที่ตั้งครรภ์นั้นถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะเวลาฝากครรภ์คุณแม่จะได้ยาบำรุงมาทานด้วย แถมยังได้รับการดูแลดีๆ จากคุณหมออีกต่างหาก เจอคุณหมอบ่อยๆ จะได้อุ่นใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาเกิดอาการแปลกๆ กับตัวเราด้วย

เวลาไปฝากครรภ์คุณหมอคุณพยาบาลจะถามอะไรบ้างนะ?

เวลาไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอและคุณพยาบาลจะถามคำถามเหล่านี้กับคุณแม่ค่ะ

  • ประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
  • เคยแท้งบุตรหรือไม่
  • เคยมีโรคหรืออาการผิดปกติใดๆหรือไม่
  • เคยมีประวัติการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุร้ายแรงหรือไม่
  • เคยมีอาการแพ้ยาหรือไม่ ในส่วนนี้หากคุณแม่กำลังใช้ยาที่คาดว่ามีผลต่อการตั้งครรภ์มาก่อนหน้านี้ก็ให้บอกคุณหมอให้ทราบด้วย
  • ก่อนการตั้งครรภ์ได้เคยคุมกำเนิดด้วยวิธีใดหรือไม่
  • คนในครอบครัวมีประวัติอาการเจ็บป่วยที่มีผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เช่น เบาหวาน โรคเลือด หรือแม้แต่การมีลูกแฝด เป็นต้น

ตื่นเต้นจัง จะต้องตรวจอะไรบ้างนะ?

  • ชั่งน้ำหนักและส่วนสูง เพื่อให้คุณหมอได้ประเมินน้ำหนักที่เหมาะสมของคุณแม่ขณะตั้้งครรภ์ การชั่งน้ำหนักแต่ละครั้งยังเป็นตัวชี้วัดว่าน้ำหนักของคุณแม่นั้นขึ้นอย่างเหมาะสมหรือไม่ บางทีคุณแม่น้ำหนักขึ้นเยอะไปก็เสี่ยงเป็นเบาหวาน ส่วนคุณแม่ที่น้ำหนักขึ้นน้อยก็อย่าเพิ่งดีใจไปค่ะ เพราะน้ำหนักขึ้นน้อยก็ไม่ดีเช่นกัน
  • วัดความดันโลหิต เพื่อตรวจสอบความดันเลือดขณะที่หัวใจบีบตัว ความดันปกตินั้นจะอยู่ที่ประมาณ 120/70 มิลลิเมตรปรอท หากคุณแม่มีความดันที่ 90/50 หรือน้อยกว่านี้ จะถือว่ามีความดันต่ำ และถ้าหากว่าวัดได้ 140/90 หรือสูงกว่านี้ ก็จะถือว่ามีความดันสูงค่ะ
  • วัดอุณหภูมิร่างกาย เพื่อดูว่าคุณแม่เป็นไข้หรือไม่ อุณหภูมิร่างกายปกติของคนเราจะอยู่ที่ 36.5-37.5 ค่ะ ถ้าสูงกว่านี้แสดงว่าคุณแม่กำลังมีไข้ การมีไข้ในระหว่างตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวนะ เราสามารถทานยาได้ แต่ต้องปรึกษาคุณหมอทุกครั้ง ห้ามซื้อยามาทานเองนะคะ

  • ตรวจเลือด การตรวจเลือดนี้จะเป็นการตรวจความเข้มข้นของเลือดและส่วนประกอบต่างๆ ในเลือด เพื่อ
    • ตรวจหาโรคที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ เช่น โรคธาลาสซีเมีย หรือไวรัสต่างๆเช่น หัดเยอรมัน เอดส์ เป็นต้น
    • ตรวจปัสสาวะ เพื่อตรวจเช็คระดับน้ำตาลในร่างกายของคุณแม่ค่ะ เพราะหากตรวจพบน้ำตาลในปัสสาวะแล้ว ก็อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าคุณแม่กำลังจะเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ได้ค่ะ นอกจากนี้ ยังเป็นการตรวจหาโปรตีนในปัสสาวะ เพราะโปรตีนที่พบในปัสสาวะจะบ่งชี้ว่าไตของคุณแม่ทำงานไม่ปกติ ซึ่งหากพบร่วมกับความดันโลหิตที่สูงด้วยแล้ว คุณแม่ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเจอกับภาวะครรภ์เป็นพิษได้ค่ะ
    • ตรวจหน้าท้อง การตรวจหน้าท้องนี้ก็เพื่อดูว่าทารกอยู่ท่าใด และหมุนตัวแบบใด ใช้ศีรษะเป็นส่วนนำเวลาหมุนตัวหรือไม่นั่นเองค่ะ
    • การตรวจอัลตร้าซาวด์ เพื่อตรวจสอบการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ความผิดปกติของร่างกาย รวมถึงความแข็งแรงและจังหวะการเต้นของหัวใจ ในการตรวจอัลตร้าซาวด์นี้คุณหมอก็จะวัดความยาวและประเมินน้ำหนักของลูกน้อยให้ด้วยค่ะ การตรวจอัลตร้าซาวด์ไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้งที่ไปตรวจครรภ์ แต่อาจทำทุกไตรมาสหรือแล้วแต่ตามที่คุณหมอนัด สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่อยากทราบเพศของลูก ก็สามารถลองถามคุณหมอตอนทำอัลตร้าซาวด์ได้เลยค่ะ
    • ตรวจหัวนม คุณแม่ที่มีลูกคนแรกมักจะมีปัญหาเรื่องหัวนมบอดหรือสั้นค่ะ ในครั้งแรกๆ ที่ไปฝากครรภ์ คุณหมออาจจะขอดูหัวนมว่ามีความยาวเพียงพอที่ลูกน้อยจะสามารถงับและดูดได้หรือไม่ หากพบว่าคุณแม่มีปัญหาเรื่องหัวนมแล้ว คุณหมอก็จะช่วยหาทางแก้ไข เช่น การใช้ปทุมแก้ว เป็นต้น

ประโยชน์ของการฝากครรภ์มีอะไรบ้างนะ?

  • ช่วยลดอัตราการแท้ง การคลอดก่อนกำหนด การเสียชีวิตของทารกในครรภ์ และการอักเสบติดเชื้อต่างๆ
  • ป้องกันหรือลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ
  • ตรวจสอบการตั้งครรภ์อย่างใกล้ชิด เมื่อพบความผิดปกติก็สามารถรักษาได้อย่างรวดเร็ว
  • ดูแลลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรง

นอกจากนี้ การพบคุณหมอทุกๆ เดือนก็จะทำให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจและได้รับการแนะนำว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละไตรมาสอีกด้วยค่ะ

เวลาไปฝากครรภ์จะเตรียมเงินไปเท่าไหร่ดี

ค่าใช้จ่ายนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลเลยค่ะ หากเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คุณแม่อาจใช้สิทธิ 30 บาทในการฝากครรภ์ได้ ส่วนถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน การฝากครรภ์แต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่าย มากน้อยขึ้นอยู่กับการตรวจรักษาในวันนั้นค่ะ หรือบางโรงพยาบาลอาจมีแพ็กเกจการฝากครรภ์แบบเหมาจ่ายด้วยนะ

ฝากครรภ์ที่ไหนดีนะ เลือกไม่ถูกเลย

คุณแม่สามารถไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกก็ได้นะ โดยโรงพยาบาลหรือคลินิกนี้ควรจะอยู่ใกล้บ้านหรือเดินทางได้สะดวก เพราะเมื่อคุณแม่เริ่มท้องแก่แล้วอาจมีปัญหาในการเดินทางได้ค่ะ สถานที่ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่คลอดไม่จำเป็นต้องเป็นที่่เดียวกันก็ได้นะคะ

การฝากครรภ์นั้นไม่มีคำว่าเร็วเกินไป แต่หากคุณแม่ประวิงเวลาไม่ยอมไปฝากครรภ์หรือไปไม่ตรงตามที่คุณหมอนัดแล้วล่ะก็ จะส่งผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์ได้แน่นอนเลยล่ะ

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium

สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)

7,700.00

บทความแนะนำ

ถึงเวลาเปลี่ยนคาร์ซีทกันแล้วหรือยังคะ ?  เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ก็คงจะมีประสบการณ์เลือกคาร์ซีทเด็กเล็กกันมาบ้างแล้ว ตอนนี้กำลังมองหาคาร์ซีทเด็กโตให้กับเจ้าตัวน้อยที่กำลังนั่งตัวเดิมแล้วดูอึดอัดกันอยู่ใช่หรือเปล่าคะ ? ในบทความนี้ BabyGift จะชวนคุณพ่อคุณแม่มาดู 10 รุ่นคุณภาพดี พร้อมกับแนะนำการเลือกคาร์ซีทสำหรับเด็กโตกัน ลองมาดูกันว่า เมื่อเจ้าตัวเล็กของเราเริ่มจะโตขึ้น เราต้องใส่ใจกับเรื่องอะไรบ้าง มีคาร์ซีทรุ่นไหนบ้างที่น่าสนใจ มาหาคำตอบกันได้จากบทความนี้ค่ะ   10 คาร์ซีทเด็กโตคุณภาพดี แนะนำรุ่นฮิต ถูกใจคุณพ่อคุณแม่ by babyGift !  การเลือกคาร์ซีทนั้น นอกจากจะเลือกตามอายุ น้ำหนัก หรือส่วนสูงของลูกน้อยแล้ว อายุการใช้งานของคาร์ซีทก็เป็นสิ่งที่เราควรจะพิจารณาเป็นพิเศษ ก่อนที่เราจะไปดูคาร์ซีทสำหรับเด็กโตทั้ง 10 รุ่นที่ BabyGift แนะนำ จะขอพาผู้อ่านทุกคนมาทำความเข้าใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสำคัญ และประเด็นต่างๆ ที่ควรจะพิจารณาก่อนเปลี่ยนคาร์ซีทกันก่อนค่ะ  คาร์ซีทเด็กโต จำเป็นไหม ? ทำไมเด็กโตถึงยังต้องใช้คาร์ซีท  สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เป็นยังเป็นเด็กเล็กก็คงจะไม่มีปัญหาเรื่องการฝึกลูกนั่งคาร์ซีท แต่สำหรับบ้านไหนที่เด็กๆ เริ่มโตแล้ว และจะต้องนั่งคาร์ซีทตามข้อกฏหมายอันมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. 2566 เป็นต้นมา ก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ การฝึกลูกนั่งคาร์ซีทไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป แต่ก็ยังมีคุณพ่อคุณแม่บางคนอาจจะเกิดคำถามในใจว่า คาร์ซีทสำหรับเด็กโต มีความจำเป็นไหม ? ซึ่งคาร์ซีทสำหรับเด็กโตนั้น  […]

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : เว็ปไซด์ theasianparent.com

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ ที่กำลังจัดเตรียมอุปกรณ์ของใช้ต่างๆ สำหรับลูกน้อย อาจได้รับคำแนะนำจากเพื่อนๆ หรือแพทย์ สำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์ ฆ่าเชื้อโรคของใช้ต่างๆ ให้พร้อมก่อนคลอด จากในอดีตหลายๆ บ้าน อาจคุ้นเคยกับการลวกด้วยน้ำร้อน 100 องศาขึ้นไป ในการฆ่าเชื้อขวดนม ภาชนะ ไปจนถึงเสื้อผ้า ปลอกหมอนผ้าปูที่นอน ของเด็กได้ แต่ด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิดในปัจจุบัน ทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายบ้านอดห่วงไม่ได้ว่าเชื้อไวรัสนั้นจะหลุดรอดเข้ามาถึงตัวลูกน้อยของเราได้จากของใช้อื่นๆ ที่ไม่สามารถฆ่าเชื้อด้วยการ ลวก หรือการนึ่งได้ และมีบทความทางการแพทย์มากมาย ระบุว่า การนำพลาสติกไปลวกด้วยความร้อนสูง จะก่อให้เกิดการตกค้าง ปนเปื้อนของ ไมโครพลาสติก ที่สามารถเข้าสู่ร่างกายของลูกน้อยก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ จึงมีการผลิตคิดค้น และนำเข้า เครื่องอบยูวี สำหรับใช้ในบ้าน ซึ่งเป็นการใช้พลังงานจากรังสี UV-C ในการฆ่าเชื้อโรคร้ายที่อาจติดอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้ของลูกน้อย และฆ่าเชื้อของใช้คุณพ่อคุณแม่ได้อีกด้วย ประโยชน์ของรังสี UV-C ส่วนประกอบสำคัญของ เครื่องอบ UV-C คือหลอด UV-C ซึ่งมีคุณสมบัติในการปล่อยรังสี UV-C มาใช้ในการฆ่าเชื้อโรคได้จริง แม้แต่เชื้อไวรัสโควิดก็ไม่รอด ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก และมีผลวิจัยต่างๆ จากหลากหลายสถาบันยืนยันแล้วว่า รังสี UV-C สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิดได้ 99.99% […]

เมื่อเริ่มตังครรภ์ มีเจ้าตัวเล็กเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย คุณแม่ทุกคนก็ต้องตื่นเต้นอยากเจอหน้าลูกและสงสัยว่า พัฒนาการทารกในครรภ์ ไปถึงไหนแล้วใช่ไหมคะ เราจึงนำพัฒนาการของลูกน้อยตลอดเก้าเดือนที่อยู่ในท้องของคุณแม่มาให้ชมกัน เบบี้กิ๊ฟขอแสดงความยินดีกับคุณแม่ทุกท่านด้วยนะคะ ลูกน้อยตัวโตแค่ไหนแล้ว เราลองเทียบกับผลไม้ให้ดูค่ะ พัฒนาการทารกในครรภ์ ที่คุณแม่มือใหม่ต้องรู้ พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 1 พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 1 คุณแม่ส่วนใหญ่จะรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ก็เข้าเดือนที่สองไปแล้ว เพราะว่าในเดือนแรกนี้จะเป็นช่วงที่ไข่กับอสุจิเข้าผสมกัน มีการแบ่งเซลล์แล้วก็ฝังตัวของเอ็มบริโอ ซึ่งในระยะนี้เจ้าหนูน้อยก็จะเล็กจิ๋วมาก ๆ เลยล่ะค่ะ มีขนาดไม่ถึงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้นเอง ส่วนการพัฒนาหลัก ๆ ก็จะเป็นการพัฒนาในส่วนของรก เพื่อเตรียมพร้อมรอรับสารอาหารจากคุณแม่ พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 2  พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 2 เดือนนี้แหละที่คุณแม่หลาย ๆ ท่านจะเริ่มรู้ตัว มีอาการแพ้ท้อง แล้วก็ไปหาคุณหมอเพื่อการฝากครรภ์กันแล้ว ในช่วงเดือนนี้ลูกน้อยจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ประมาณ 2-3 เซนติเมตร แต่ก็จะยังไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างอะไรมากมาย ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการพัฒนาของระบบประสาท เนื้อเยื่อเส้นใยประสาท แล้วก็ไขสันหลัง คุณแม่สามารถทำอัลตราซาวด์เพื่อฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยเต้นได้แล้วนะคะ พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 3 ทารกในครรภ์จะมีน้ำหนักประมาณ 28 กรัม และมีความยาวประมาณ 7.6 ซ.ม. แล้วค่ะ […]

คุณแม่รู้ไหม? เรื่องนอนของลูกน้อยทารกสำคัญมากพอๆ กับเรื่องการกินที่ดีเลยทีเดียว  เพราะการนอน มีผลทั้งต่อสุขภาพร่างกาย พัฒนาการ อารมณ์จิตใจ และการเจริญเติบโตที่สมบูรณ์ในอนาคตของลูกน้อย เพราะการให้ลูกน้อยได้นอนหลับเต็มที่ หลับสนิทและยาวนาน จะทำให้ Growth Hormone ในร่างกายลูกน้อยหลั่งออกมาได้ดี ส่งผลช่วยให้ลูกมีการเจริญเติบโตที่ดี มีสุขภาพแข็งแรง  นอกจากนี้การที่ลูกน้อยได้นอนหลับสนิทเต็มที่ ยังทำให้สมองพัฒนาได้ดี ทำให้ลูกตื่นมาอารมณ์ดี เป็นเด็กที่สดใสและเลี้ยงง่ายอีกด้วย ดังนั้นคุณแม่จึงต้องใส่ใจเรื่องการนอนของลูกน้อย ด้วยการให้ลูกได้นอนหลับสบายเต็มที่ยาวนาน ไม่มีสิ่งต่างๆ มารบกวน  โดยเฉพาะการเลือกเครื่องนอนหรือเปลนอนให้ลูก ต้องให้ความสำคัญอย่างมาก โดยต้องเลือกเปลที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม ปลอดภัย ลูกน้อยหลับได้ยาวนาน  และยิ่งเป็นเปลที่ทำให้เบบี๋นอนหลับได้ง่าย เคลื่อนย้ายได้ แถมคุณแม่ไม่ต้องอุ้มเดินกล่อมลูกนอนให้ยุ่งยากต่อไป …นี่แหล่ะเปลนอนในดวงใจของทั้งคุณแม่และคุณลูก เปลนอนทารกมีกี่แบบ? 1. เปลหิ้ว หรือเปลตะกร้า เปลที่คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกนอนแล้วหิ้วเดิน หรือหิ้วไปใส่ในคาร์ซีทหรือรถเข็นได้ มีน้ำหนักเบา มีหูจับหิ้วสะดวก พกพาง่าย แต่ส่วนใหญ่มักจะมีขนาดเล็กซึ่งเหมาะสำหรับลูกน้อยวัยทารกแรกเกิดจนถึงอายุไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น ทำให้ใช้งานได้ไม่ยาวนานนัก 2. เปลไกว เปลไกว คือเปลนอนสำหรับเด็กที่สามารถแกว่งโยกไปมาได้ เป็นการเคลื่อนไหวคล้ายขณะที่ลูกทารกยังอยู่ในท้องแม่  เพื่อช่วยคุณแม่ไกวเปลกล่อมลูกนอน โดยไม่ต้องอุ้มโยกกล่อมลูกน้อย ซึ่งเปลไกวมีการพัฒนาหลายแบบ ทั้งเปลไกวตั้งพื้นขนาดเล็กเฉพาะตัวลูก เปลไกวแบบลูกกรง […]

ถ้าคุณเป็นพ่อแม่มือใหม่ที่กำลังเตรียมพร้อมสำหรับการมาของลูกน้อย นอกจากจะต้องตระเตรียมของใช้จำเป็นต่าง ๆ แล้ว อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ละเลยไม่ได้เลยคือการแจ้งเกิดเพื่อขอสูติบัตร ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญทางกฎหมายที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางแรกของลูกในโลกใบนี้ วันนี้เราจะมาเจาะลึกทุกขั้นตอนการขอสูติบัตรแบบละเอียด เพื่อให้คุณแม่คุณพ่อหมดกังวล และพร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด ใบสูติบัตรคืออะไร ใบสูติบัตร หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ ใบเกิด คือเอกสารทางราชการที่ออกให้เพื่อรับรองการเกิดของบุคคล โดยถือเป็นเอกสารหลักฐานสำคัญที่ยืนยันสถานะความเป็นคนไทย และยังใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการขอเอกสารสำคัญอื่น ๆ เช่น บัตรประชาชน หรือหนังสือเดินทาง อีกทั้งยังเป็นการนำเข้าข้อมูลสู่ทะเบียนราษฎรอย่างเป็นทางการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับสิทธิต่าง ๆ ที่ลูกน้อยพึงได้รับตามกฎหมาย ทำไมต้องมีการแจ้งเกิด การแจ้งเกิดเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง เพราะถือเป็นการทำตามกฎหมาย และเป็นการสร้างตัวตนทางทะเบียนราษฎรให้กับลูกน้อยอย่างถูกต้องสมบูรณ์ การมี ใบสูติบัตรทำให้ลูกได้รับสิทธิ์และสวัสดิการต่าง ๆ จากรัฐ ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ในการรักษาพยาบาล สิทธิ์ในการศึกษา หรือสิทธิ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับอนาคตของเด็ก นอกจากนี้ สูติบัตรยังเป็นหลักฐานยืนยันความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อแม่ลูกอีกด้วย เอกสารสำคัญที่พ่อและแม่ต้องเตรียม ก่อนจะไปแจ้งเกิด คุณพ่อคุณแม่ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อม เพื่อความรวดเร็วและไม่เสียเวลาที่สำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ เอกสารสำคัญที่ต้องใช้มีดังนี้ ขั้นตอนการแจ้งเกิดมีอะไรบ้าง ขั้นตอนการแจ้งเกิดนั้นไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด แต่มีข้อปลีกย่อยที่แตกต่างกันไปตามแต่ละกรณี ซึ่งสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ดังนี้ กรณีเด็กเกิดในโรงพยาบาล ถือเป็นกรณีที่พบได้บ่อยและเป็นขั้นตอนที่ง่ายที่สุด เนื่องจากโรงพยาบาลจะออกหนังสือรับรองการเกิด (ท.ร. […]

Menu
All Categories
All Brands
All Ages
Promotions
Locations
BabyGift Family
BabyGift Care
Parents Guide
News & Event

All Categories

All Categories
All Brands
All Ages

Kid