คาร์ซีท Ailebebe นวัตกรรมสุดล้ำ ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุด
คาร์ซีท Ailebebe นวัตกรรมสุดล้ำ ปกป้องลูกน้อยได้ดีที่สุด
คาร์ซีท เป็นผลิตภัณฑ์จำเป็นสำหรับเด็กชนิดหนึ่ง ที่พ่อแม่ต้องมั่นใจเป็นอย่างมากก่อนการตัดสินใจ ว่าสินค้านี้จะปลอดภัยมากเพียงพอในการปกป้องดูแลลูกน้อยตลอดการเดินทาง แบรนด์ Ailebebe ผู้นำด้านการผลิตคาร์ซีทในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับมาตรฐานระดับอุตสาหกรรมการออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ ได้เข้าใจในเรื่องความปลอดภัยนี้ จนสามารถคิดค้นนวัตกรรมต่าง ๆ ที่เป็นเอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในคาร์ซีท Ailebebe แบรนด์นี้แตกต่างจากคาร์ซีททั่วไปอย่างไร มาทำความรู้จัก คาร์ซีทเอเลเบเบ ไปพร้อม ๆ กันเลย
คาร์ซีทเอเลเบเบ คืออะไร

Ailebebe (Ai-le-be-be) อ่านว่า เอ-เล-เบ-เบ คือแบรนด์คาร์ซีทที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น ออกแบบและผลิตโดยบริษัท Carmate จากเดิมเป็นผู้ออกแบบและพัฒนาชิ้นส่วนรถยนต์ที่มีความปลอดภัยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2509 จนถึงปัจจุบัน มากว่า 50 ปีแล้ว
และด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงได้ออกแบบเบาะนั่งในรถยนต์สำหรับเด็ก หรือ คาร์ซีท ด้วยการใช้ประสบการณ์ความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย รวมถึงคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้ผู้ใช้คาร์ซีทปลอดภัยมากขึ้น ภายใต้แนวคิด “Safety and Comfort ความปลอดภัยที่มาพร้อมกับความสบาย” จนเป็นแบรนด์ Ailebebe คาร์ซีทที่คุณพ่อคุณแม่วางใจใช้มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น

โดยความหมายของแบรนด์ Ailebebe มาจากภาษาฝรั่งเศส “Aile” แปลว่า ปีก และ “bebe” แปลว่าทารก รวมเป็น “ทารกมีปีก หรือว่า เทวดา นางฟ้า” สื่อความหมายว่าลูกน้อยเปรียบเสมือนเทวดานางฟ้าตัวน้อย ๆ ของคุณพ่อคุณแม่
Ailebebe แตกต่างจากแบรนด์อื่นอย่างไร
1. มีศูนย์ทดสอบความปลอดภัยของตัวเอง

เอเลเบเบ คือผู้นำด้านด้านความปลอดภัยอย่างแท้จริงในญี่ปุ่น เพราะมีห้องทดสอบการชนเป็นของตัวเอง พร้อมมีอุปกรณ์ทดสอบความปลอดภัยคุณภาพระดับเดียวกันกับมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UN standard) เช่น เครื่องทดสอบการชนแบบลดความเร็ว หุ่นจำลองสรีระเหมือนเด็กตั้งแต่อายุ 0- 10 ขวบ และเซ็นเซอร์วัดแรงกระแทกที่ใช้ติดหุ่นจำลองมากสุดถึง 32 จุด

รวมถึงห้องทดสอบการชนของ Ailebebe ยังได้รับอนุญาตให้เป็นศูนย์กลางในการทดสอบมาตรฐานความปลอดภัยของยุโรป (UN R44) ในอุตสาหกรรมคาร์ซีทระดับแนวหน้าของเอเชีย ด้านความเร็วในการทดสอบการชนจะใช้ระดับเดียวกันกับมาตรฐานยุโรป ตั้งแต่ความเร็ว 0 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง / 50 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง / 70 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง / 100 กิโลเมตร ต่อ ชั่วโมง
2. คาร์ซีทเอเลเบเบทุกรุ่น มีมาตรฐานระดับยุโรป

คาร์ซีทตั้งแต่แรกเกิดจนถึงเด็กโต ให้ความสำคัญกับการปกป้องศีรษะทารกเป็นอันดับหนึ่งง รวมถึงลำคอ กระดูกสันหลัง และป้องกันการกระแทกด้านข้างได้อย่างแน่นหนาเมื่อเกิดอุบัติเหตุ จึงได้รับมาตรฐานความปลอดภัยระดับสหภาพยุโรป R129 (i-Size) และ ECE R44/04 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูงสุด
รวมถึงในประเทศไทยก็ใช้มาตรฐานยุโรป เนื่องจากมีประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) จะเริ่มบังคับใช้ภายในปี 2566 ให้ผู้ประกอบการที่ทำหรือนำเข้าคาร์ซีท ต้องทำหรือนำเข้าเฉพาะคาร์ซีทที่ผ่านการทดสอบความปลอดภัยตามเกณฑ์มาตรฐาน มอก.3418-2565 โดยใช้มาตรฐานสากล UN R 44 (มาตรฐานยุโรป) ซึ่งเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศด้านความปลอดภัยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก
3. ซัพพอร์ตเด็กแรกเกิด หนาที่สุด 100 mm.

ศีรษะเด็กแรกเกิดจะมีขนาด 1 ใน 4 ของร่างกาย ถือว่ามีน้ำหนักมาก เมื่อเทียบกับขนาดของร่างกายโดยรวม ฉะนั้นคาร์ซีทเด็กแรกเกิด อย่าง รุ่น Kurutto R จึงให้ความสำคัญกับการปกป้องศรีษะทารกเป็นอันดับหนึ่ง Head Support ข้างศีรษะ จึงมีความหนานุ่มเป็นพิเศษ ถึง 100 mm. เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยฉบับใหม่ของยุโรป R129 (i-Size) ด้วย เพื่อช่วยป้องกันการกระแทกจากด้านข้างได้อย่างปลอดภัย
4. คาร์ซีท Kurutto คือ คาร์ซีททรงไข่อย่างแท้จริง

อวัยวะทุกส่วนของเด็กแรกเกิดยังบอบบางมาก การปกป้องอย่างรอบด้านจึงจำเป็นอย่างที่สุด รุ่น Kurutto จึงออกแบบให้เป็นคาร์ซีททรงไข่ Egg-Shell Protection มีหลังคาคลุมถึงปลายเท้า 98 cm. จึงช่วยโอบปกป้องร่างกายทารกได้อย่างรอบด้าน 360 องศา ไม่ให้มีอวัยวะใดของลูกยื่นออกมานอกคาร์ซีท
นอกจากนี้ หลังคาคลุมถึงปลายเท้า ยังกันความร้อน กันแดด กันแสงยูวีได้ 99% ปกป้องดวงตาของทารกให้นอนหลับสนิทมากขึ้น และการคลุมมิดชิดยังช่วยกันเศษกระจกที่จะกระเด็นใส่ลูกน้อยเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้อีกด้วย
5. Kurutto ช่องระบายอากาศ 1,695 ช่อง นั่งแล้วไม่ร้อน

เด็กแรกเกิดและเด็กเล็ก ยังควบคุมอุณหภูมิในร่างกายได้ไม่เต็มที่ จึงคลายความร้อนได้ช้า มีเหงื่อออกเยอะ ยิ่งถ้าหากอยู่ในคาร์ซีทที่ไม่มีช่องระบายอากาศเป็นเวลานาน ๆ ก็จะยิ่งสะสมความร้อน จนทำให้เป็นไข้ ไม่สบายตัว หรือ กลัวการนั่งคาร์ซีทได้เลย
รุ่น Kurutto จึงแก้ปัญหาด้วยการออกแบบให้ด้านหลังคาร์ซีทมีช่องระบายอากาศมากที่สุด ถึง 1,695 ช่อง เพราะเป็นจุดที่สะสมความร้อนและเหงื่อออกง่ายมากกว่าจุดอื่น ๆ ช่วยปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ระบายอากาศ ให้อากาศหมุนเวียน คาร์ซีทจึงนั่งเย็นสบาย นั่งนาน ๆ ได้โดยไม่รู้สึกร้อนเลย
6. ใช้งานสะดวกสบาย คาร์ซีทหมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว

Kurutto (คุรุตโตะ) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า หมุนได้ จึงเป็นที่มาของชื่อรุ่น Kurutto ด้วย และยังเป็นคาร์ซีทรุ่นเดียวในญี่ปุ่นที่หมุนง่ายด้วยมือเดียว หมุนแล้วไม่มีเสียงรบกวนลูกน้อยเลยแม้แต่นิดเดียว โดยฟังก์ชั่นการหมุนสำคัญมากสำหรับเด็กแรกเกิด เพราะเด็กแรกเกิดบอบบาง ต้องระมัดระวังในการพาเข้าหรือออกจากคาร์ซีท การหมุนหันมาหาแม่ได้ จะช่วยให้อุ้มลูกขึ้นลงรถได้สะดวก ไม่เสี่ยงหกล้ม แม้ที่จอดรถจะแคบ
นอกจากนี้ คาร์ซีทหมุนได้ ยังช่วยฝึกให้ลูกนั่งคาร์ซีทได้ง่ายขึ้น เพราะหากลูกร้องไห้ หรือ จังหวะรถจอดติดไฟแดง คุณแม่ก็สามารถหันคาร์ซีทมาสบตา เล่นกับลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม หรือให้นมได้อย่างสะดวก พร้อมติดตั้งครั้งเดียวจบ สามารถปรับใช้งานได้ ทั้งแบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) ได้เลย
7. โครงสร้างไฟเบอร์กลาส เสริมตารางวาฟเฟิล

“ไฟเบอร์กลาส (Fiberglass) หรือ เส้นใยแก้ว” มักจะถูกใช้เป็นวัสดุช่วยเสริมแรงให้กับพลาสติก เพราะมีความแข็งแรง ทนแรงกระแทกได้สูง ป้องกันความร้อน และสามารถดัดขึ้นรูปได้ ในอุตสาหกรรมของประเทศญี่ปุ่นจึงนิยมนำมาผลิต เช่น คอนโซลหน้ารถ ชิ้นส่วนเครื่องบินเล็ก ชิ้นส่วนรถแข่ง เป็นต้น
รวมถึงคาร์ซีทแรกเกิด Ailebebe ที่ Made in Japan ก็เลือกใช้ไฟเบอร์กลาสในการทำโครงคาร์ซีทด้วย เพราะต้องการความแข็งแรงเป็นพิเศษ และยังดัดรูปทรงให้รองรับสรีระทารกได้อย่างถูกต้อง โดยไม่ฉีกขาดหรือแตกหักง่าย ๆ พร้อมออกแบบบริเวณด้านหลังให้เป็นโครงสร้างคล้าย “ตารางวาฟเฟิล” ป้องกันการกระแทก เสริมความแข็งแรงอีกชั้น เพื่อให้มั่นใจว่าความแข็งแรงของไฟเบอร์กลาสรวมกับตารางวาฟเฟิล จะทนต่อแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี
คาร์ซีท Ailebebe แบ่งการใช้งานกี่รูปแบบ
เนื่องจากสรีระเด็กแรกเกิดและเด็กแต่ละช่วงวัยมีความแตกต่างกัน Ailebebe เข้าใจในความสำคัญเหล่านี้ จึงได้ออกแบบคาร์ซีทให้รองรับสรีระเด็กที่แตกต่างกันตามช่วงวัย ไม่เลือกออกแบบคาร์ซีทที่ใช้ได้ครอบคลุมหลายช่วงวัยเหมือนแบรนด์อื่น ๆ โดย Ailebebe ได้แบ่งการใช้งานคาร์ซีทออกเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้…
1. คาร์ซีทแบบ Convertible
- คาร์ซีทสำหรับเด็กแรกเกิด – 4 ปี
เป็นคาร์ซีทเฉพาะทางเพื่อเด็กแรกเกิดอย่างแท้จริง เหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวแรกให้ลูก สามารถปรับใช้งานได้ 2 รูปแบบ ทั้ง แบบหันหน้าเข้าหาเบาะรถ (Rear-Facing) และปรับหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing)
2. คาร์ซีทแบบ Forward – facing Seat
จะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ
- คาร์ซีทสำหรับเด็ก อายุ 1 – 7 ปี
คาร์ซีทเด็กโต เหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับลูก จะใช้งานแบบหันหน้าไปหน้ารถ (Forwardfacing) อย่างเดียว ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะที่เบาะกว้าง ปรับเอนนอนได้ในตัว พนักพิงใหญ่และสูง ปรับเป็น BoosterSeat ได้ - คาร์ซีทสำหรับเด็ก อายุ 1-10 ปี
คาร์ซีทเด็กโต มาตรฐานใหม่ จะเหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับลูก จะใช้งานแบบหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) อย่างเดียว ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะเบาะกว้าง ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ พนักพิงปรับขึ้นได้ตามความสูง และใช้เป็น Booster Seat แบบมีพนักพิงตามมาตรฐาน R129 เท่านั้น - คาร์ซีทสำหรับเด็ก อายุ 1-11 ปี
คาร์ซีทเด็กโต เหมาะใช้เป็นคาร์ซีทตัวที่ 2 ให้กับลูก จะใช้งานแบบหันหน้าไปหน้ารถ (Forward facing) อย่างเดียว ตัวคาร์ซีทจะมีลักษณะเบาะกว้าง ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ พนักพิงปรับขึ้นได้ตามความสูง ถอดพนักพิงออกเป็น Booster Seat พกพาได้
คาร์ซีทแรกเกิดเอเลเบเบ มีรุ่นอะไรบ้าง

1. Ailebebe รุ่น Kurutto R The First 2
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)
- ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาถึง 100 mm.
- ผ้า AG Pure ต้านแบคทีเรีย 99% อ่อนโยนต่อทารก
- ผ้าตาข่าย W Russell ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง 1,695 ช่อง
- หมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว ไร้เสียงรบกวน
- หลังคาคลุมถึงปลายเท้า 98 cm.
- เข็มขัดนิรภัย 5 จุด ระบบ Jumping Harness
- ขาค้ำยัน ระบบ Sensor เสียงแจ้งเตือน หากติดตั้งไม่ถูกต้อง
การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0- 4 ปี
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX

2. Ailebebe รุ่น Kurutto R Grance 2
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยใหม่ล่าสุดจากยุโรป ECE R129 (i-Size)
- ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาถึง 100 mm.
- ผ้าตาข่าย W Russell ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง 1,695 ช่อง
- หมุนได้ 360 องศา ด้วยมือเดียว ไร้เสียงรบกวน
- หลังคาคลุมได้ 79 cm.
- เข็มขัดนิรภัย 5 จุด ระบบ Jumping Harness
- ขาค้ำยัน ระบบ Sensor เสียงแจ้งเตือน หากติดตั้งไม่ถูกต้อง
การใช้งาน : เด็กแรกเกิดความสูง 40-100 cm. หรือ อายุ 0- 4 ปี
การติดตั้ง : ระบบ ISOFIX
คาร์ซีทเด็กโตเอเลเบเบ มีรุ่นอะไรบ้าง

1. Ailebebe รุ่น Papatto R
- มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดระดับยุโรป ECE R129 (i-Size)
- มี Top Tether ตะขอเกี่ยวเบาะหลัง ป้องกันคาร์ซีทคว่ำหน้า
- เข็มขัดนิรภัย 5 จุด ระบบ Jumping harness พาลูกเข้า-ออกคาร์ซีทง่ายขึ้น
- ซัพพอร์ตข้างศีรษะหนาขึ้น ด้วย EPP FOAM เสริม MEMORY FOAM
- เนื้อผ้าตาข่าย W Russell ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดีกว่าผ้าตาข่ายทั่วไป 2 เท่า
- เนื้อผ้า Ag Pure ต้านแบคทีเรีย 99% จดสิทธิบัตรเฉพาะแบรนด์ AILEBEBE
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง 864 ช่อง ระบายอากาศดี
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ ได้ 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีทแบบมีพนักพิงได้ (Booster Seat)
การใช้งาน : เด็กโต 1 – 10 ปี หรือ ส่วนสูง 76 – 135 cm.
การติดตั้ง : ระบบ Isofix

2. Ailebebe รุ่น Swing Moon Premium S Natural
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- มีหมอนรองศีรษะหนานุ่ม ปลอดภัยสูง
- มีหมอนรองสะโพก นอนสบายขึ้น
- ผ้าธรรมชาติ สัมผัสนุ่มสบาย
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง 120 cm.
- ปรับเอนนอนได้ในตัว ถึง 3 ระดับ 120 องศา นอนสบายกว่า
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กโต 1 – 7 ปี หรือ น้ำหนัก 9-25 กก.
การติดตั้ง : ระบบ Belt

3. Ailebebe รุ่น Saratto Premium
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ใช้ Impact Shield หรือ ที่กั้นหน้า ช่วยป้องกันการกระแทก เด็กไม่ต้องคาดเบลท์คาร์ซีท ไม่อึดอัด
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- ปรับพนักพิงปรับได้ตามความสูง ถึง 145 cm.
- ปรับเอนนอนได้ตามเบาะรถยนต์ 120 องศา
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้ หรือ จะถอดพนักพิงเป็นบูสเตอร์ซีทแบบพกพาได้
การใช้งาน : เด็กโต 1 – 11 ปี หรือ น้ำหนัก 9-36 กก.
การติดตั้ง : ระบบ Belt

4. Ailebebe รุ่น Swing Moon Standard
- ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจากยุโรป ECE R44/04
- ผ้า Mesh เรียบนุ่ม ตลอดช่วงตัว ระบายอากาศดี
- ช่องระบายอากาศด้านหลัง ระบายอากาศดี
- พนักพิงปรับได้ตามความสูง 120 cm.
- ปรับเอนนอนได้ในตัว ถึง 3 ระดับ 120 องศา นอนสบายกว่า
- ปรับเป็นบูสเตอร์ซีท (Booster Seat) ได้
การใช้งาน : เด็กโต 1 – 7 ปี หรือ น้ำหนัก 9-25 กก.
การติดตั้ง : ระบบ Belt
เปรียบเทียบคาร์ซีทเด็กโต Ailebebe

คาร์ซีท Ailebebe ร้านตัวแทนนำเข้า กับ ร้านมือสอง ต่างกันอย่างไร

การซื้อคาร์ซีท Ailebebe จากร้านตัวแทนนำเข้า จะมีความน่าเชื่อถือมากกว่า เนื่องจากจะมีโชว์รูมหรือหน้าร้านตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหลายสาขา ที่สามารถเข้าไปสอบถาม ดูสินค้าของจริงก่อนตัดสินใจซื้อ และยังได้รับบริการครบวงจร ตั้งแต่การรับประกันสินค้า บริการซ่อมบำรุงรักษา และอะไหล่แท้พร้อมให้บริการ จากผู้นำเข้าอย่างถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งเฉพาะตัวแทนนำเข้าจะได้รับสิทธิพิเศษเป็นไปตามข้อกำหนดของบริษัทผู้ผลิตในประเทศญี่ปุ่น พร้อมมีหนังสือรับรองการเป็นผู้จัดจำหน่ายคาร์ซีท Ailebebe ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

แตกต่างจากร้านหิ้วคาร์ซีท ที่ส่วนใหญ่จะจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์เป็นหลัก หรือมีเพียงสาขาเดียวนอกห้างสรรพสินค้า ซึ่งเป็นการนำเข้าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทผู้ผลิต และมักนำเข้ามาโดยการขนส่งที่ไม่ได้รับมาตรฐาน และมีความแออัดเนื่องจากต้องเน้นนำเข้าปริมาณมาก หากคาร์ซีทที่ถูกอัดแน่น หรือได้รับการกระทบกระเทือนขณะขนส่ง อาจทำให้เสื่อมประสิทธิภาพการป้องกันความปลอดภัยได้ และรวมถึงการไม่ได้รับการ Training วิธีดูแลซ่อมบำรุงจากบริษัทผู้ผลิต อาจทำให้การให้บริการขาดความเชี่ยวชาญได้
ด้วยการยกตัวอย่างมานั้น ทำให้ บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ ร้าน Baby Gift ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายคาร์ซีท Ailebebe อย่างถูกต้องตามกฎหมายในประเทศไทย มากว่า 15 ปี เป็นร้านที่มีความน่าเชื่อถือและให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง รวมถึงสามารถสื่อสารกับบริษัท Carmate ผู้ผลิตคาร์ซีท Ailebebe ที่ประเทศญี่ปุ่นได้โดยตรง พร้อมมีบริการทั้งก่อนและหลังการขายอย่างใส่ใจ รับประกันโครงสร้างคาร์ซีท 5 ปี รับประกันอุบัติเหตุ 7 ปี มีวิศวกรผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษาการซ่อมอย่างถูกต้องและมีอะไหล่แท้จากญี่ปุ่นให้เปลี่ยนอีกด้วย
หากมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเพิ่มเติม สามารถกดติดตามได้ที่ เพจ Baby Gift Retail หรือ Ailebebe Thailand หรือ แอดไลน์ได้ที่ Baby Gift เรายินดีให้บริการค่ะ
สินค้าที่เกี่ยวข้อง
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
คาร์ซีทเด็กโต AILEBEBE รุ่น Papatto Premium
สำหรับเด็กแรกเกิด – 7 ขวบ / 25kg (Group 0+/1/2)
บทความแนะนำ
ต้องบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่นั้นโชคดีมากมาย เพราะการเลี้ยงลูกสมัยนี้มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ช่วยทุ่นแรง ช่วยประหยัดเวลา และช่วยทำความสะอาดฆ่าเชื้อ ช่วยให้นมแม่ เรียกว่ามีสารพัดตั้งแต่ช่วยให้นม ทำความสะอาด ช่วยเตรียมอาหาร ครบถ้วนทั้งอุปกรณ์การนอน การกิน การอยู่สำหรับคุณแม่และลูกน้อย และสิ่งหนึ่งที่หลายๆ บ้านขาดไม่ได้ และคุณพ่อคุณแม่มือใหม่กำลังมองหา เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยทุ่นแรงกายในการอุ้มลูกน้อยวัยทารก นั่นคือ เป้อุ้มเด็ก เครื่องทุ่นแรงสำคัญที่มีประโยชน์มาก เพราะช่วยทำให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องอุ้มลูกน้อยด้วยมือตัวเองตลอดเวลา และไม่ต้องหาคนช่วยอุ้ม เพราะลูกเบบี๋ยังเดินไม่ได้ การกิจวัตรการดูแลลุกส่วนใหญ่ก็จำเป็นต้องอุ้มลูกไว้บ่อยๆ ทั้งการอุ้มไล่ลม อุ้มกล่อมนอน อุ้มปลอบโยน อุ้มเดินเล่น หลายชั่วดมงต่อวัน แถมยังต้องอุ้มลูกนานตั้งแต่แรกเกิดหรือวัยทารกไปจนถึงวัยประมาณเกือบ 2 ขวบ จนเมื่อลูกเดินได้เก่ง ฉะนั้นเพื่อตอกย้ำถึงประโยชน์และความคุ้มค่าในการใช้เป้อุ้มเด็ก ให้คุณพ่อคุณแม่ที่กำลังตัดสินใจว่าจะซื้อเป้อุ้มให้ลูกดีหรือไม่ ได้เห็นถึงข้อดีว่ามีแค่ไหน…เชื่อว่าเมื่อรู้แล้วทุกท่านจะสามารถเลือกซื้อใช้กันได้มั่นใจยิ่งขึ้น 10 ข้อดี ที่ต้องมี เป้อุ้มเด็ก 1 ประหยัดแรงกาย ประหยัดแรงคน เพราะเป้อุ้มเด็ก จะช่วยทุ่นแรงคุณแม่ไม่ต้องเดินอุ้มลูก ใช้กำลังแขนกำลังมืออุ้มลูกบ่อยๆ ประหยัดแรงกาย ช่วยให้คุณแม่ไม่เมื่อยล้า แต่เป้จะช่วยรองรับน้ำหนักตัวของลูกน้อยด้วยเป้และสายรัดให้อยู่กับตัวคุณแม่ ประหยัดแรงคนไม่ต้องหาคนมาช่วยอุ้มลูกเวลาที่คุณแม่จะต้องทำงาน เดินซื้อของ หรือทำธุระอื่นๆ 2 ลูกปลอดภัย นั่งและนอนได้สบาย เมื่อลูกน้อยอยู่ในเป้อุ้มเด็กจะปลอดภัย เพราะตัวคุณแม่และเป้จะประคองลูกตลอดเวลา ซึ่งเป้อุ้มเด็กส่วนใหญ่จะผลิตจากวัสดุที่ทำด้วยผ้าหนานุ่ม […]
การเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณทำไมถึงต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยจึงจำเป็นต่อคุณและลูกน้อยล่ะ? หลายประเทศได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของคาร์ซีท carseat สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ เนื่องจากคุณจะต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกน้อยจากอันตราย หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้โดยสารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฏจราจร และหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกน้อย โดยที่คุณจะต้องอุ้มลูกไว้ที่ตัก ก็อาจจะมีโอกาสที่คุณไม่สามารถที่จะอุ้มลูกได้อย่างมั่นคงและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นลูกของคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสูงค่ะ ดังนั้นการมีคาร์ซีท ที่ปลอดภัยในรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดการบาดเจ็บของลูกน้อยได้ ทั้งนี้พึงระวังไว้ว่าการใช้คาร์ชีทที่ไม่ถูกต้อง อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่เด็กมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณควรต้องเลือกใช้คาร์ซีท carseat ให้ถูกต้องพร้อมกับศึกษาการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะค่ะ หากไม่มีคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแล้ว อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั่งบนรถยนต์ที่ปราศจากคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยและประสบอุบัติเหตุ อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่าการนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยถึง 4 เท่า***ข้อควรระวัง เมื่อใช้งานคาร์ซีท carseat ไม่ถูกวิธี จากผลสำรวจเมื่อปี 2008 โดยองค์การทางรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ( Japan Automobile Federation :JAF) เกี่ยวกับการใช้งาน คาร์ซีท carseat พบว่า 32.7 % ของคาร์ซีท carseat ที่ใช้งานนั้นติดตั้งอย่างไม่แน่นหนา ขณะที่อีก 67.3 % นั้นถูกพบว่ายังใช้งานได้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าจะเป็นการรัดสะโพกที่หลวมเกินไป หรือ การใช้งานที่หัวเข็มขัดที่ใช้ยึดที่นั่งไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกใช้คาร์ซีท carseat ที่ถูกต้องแล้ว แต่หากการใช้งานไม่ถูกวิธีก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก เพื่อลดปัญหาดังกล่าว เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคาร์ซีทให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคาร์ซีท คุณควรศึกษาข้อมูลว่า คาร์ซีท […]
คุณแม่รู้ไหม? ในช่วงตั้งครรภ์นอกเหนือจากบทบาทว่าที่คุณแม่แล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่คุณแม่จะได้สวมบทบาทสนุกๆ อีก 10 อย่างเพื่อการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพและมีความสุข 1.นักออกกำลังกาย : สุขภาพ ที่แข็งแรงเป็นสิ่งสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ ซึ่งการออกกำลังกายอย่างปลอดภัยสามารถทำได้ตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2 โดยต้องเป็นกีฬา หรือกิจกรรมที่ไม่ใช้แรงหรือมีการกระแทก เช่น การว่ายน้ำ เดิน เต้นแอโรบิกเบาๆ บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ขี่จักรยาน อยู่กับที่ ควรหาโอกาสออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและไม่อ่อนแรงง่าย 2. นักสำรวจ : หมั่นสำรวจ และ สังเกตการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภายนอก อย่างผิวพรรณ เส้นผม เล็บ เพื่อบำรุงอย่างถูกวิธี รวมถึงการเปลี่ยนแปลงภายใน อาการหรือความผิดปกติต่างๆ การดิ้น ของลูก โรคประจำตัว จดบันทึกการเปลี่ยนแปลง เพื่อจะได้นำไปถามคุณหมอเมื่อนัดตรวจครรภ์ หรือถ้ามีความผิดปกติที่ร้ายแรงจะได้รักษาได้ทันค่ะ 3. นักโภชนาการ : การพิถี พิถันเรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องที่ทราบกันดี อยู่แล้ว ซึ่งการกินอาหารครบ 5หมู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณแม่และช่วยเสริมสร้างความสมบูรณ์ของร่าง กายให้กับลูกในท้อง รวมถึงต้องกินอาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ หลีกเลี่ยงอาหารค้างคืนหรืออาหารสำเร็จรูปเพราะคุณค่าทางอาหารจะลดลง หากอยากกินน้ำอัดลม ชา กาแฟ หรือขนมต่างๆ ก็สามารถกินได้ให้พอหายอยาก ไม่ควรกินมากเกินไปเพราะจะทำให้อ้วนและยังมีสารต่างๆ จากส่วนผสมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายค่ะ 4. นักกิจกรรม : วันว่างอย่าลืม ผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น การรดน้ำต้นไม้อยู่ที่บ้าน ไปเดินผ่อนคลายเปิดหูเปิดตานอกบ้าน ฟังการเสวนาหรือเข้าอบรมเกี่ยวกับการตั้งครรภ์จะช่วยให้ได้รับความรู้และพัก ผ่อนในวันหยุด 5. […]
คุณแม่มือใหม่มักจะชอบถามว่า “ฝากท้องเมื่อไหร่ดี” คำตอบง่ายๆ สั้นๆ ก็คือ ตอนนี้เลยค่ะ! คุณแม่ควรรีบไปฝากครรภ์ทันทีเมื่อทราบว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องนะคะ เนื่องจากระยะเวลาตลอด 40 สัปดาห์ที่ตั้งครรภ์นั้นถือว่ามีความสำคัญมากๆ เพราะเวลาฝากครรภ์คุณแม่จะได้ยาบำรุงมาทานด้วย แถมยังได้รับการดูแลดีๆ จากคุณหมออีกต่างหาก เจอคุณหมอบ่อยๆ จะได้อุ่นใจ ไม่ต้องมานั่งกังวลเวลาเกิดอาการแปลกๆ กับตัวเราด้วย เวลาไปฝากครรภ์คุณหมอคุณพยาบาลจะถามอะไรบ้างนะ? เวลาไปฝากครรภ์ครั้งแรก คุณหมอและคุณพยาบาลจะถามคำถามเหล่านี้กับคุณแม่ค่ะ ตื่นเต้นจัง จะต้องตรวจอะไรบ้างนะ? ประโยชน์ของการฝากครรภ์มีอะไรบ้างนะ? นอกจากนี้ การพบคุณหมอทุกๆ เดือนก็จะทำให้คุณแม่รู้สึกอุ่นใจและได้รับการแนะนำว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละไตรมาสอีกด้วยค่ะ เวลาไปฝากครรภ์จะเตรียมเงินไปเท่าไหร่ดี ค่าใช้จ่ายนี้ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลเลยค่ะ หากเป็นโรงพยาบาลรัฐบาล คุณแม่อาจใช้สิทธิ 30 บาทในการฝากครรภ์ได้ ส่วนถ้าเป็นโรงพยาบาลเอกชน การฝากครรภ์แต่ละครั้งจะมีค่าใช้จ่าย มากน้อยขึ้นอยู่กับการตรวจรักษาในวันนั้นค่ะ หรือบางโรงพยาบาลอาจมีแพ็กเกจการฝากครรภ์แบบเหมาจ่ายด้วยนะ ฝากครรภ์ที่ไหนดีนะ เลือกไม่ถูกเลย คุณแม่สามารถไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกก็ได้นะ โดยโรงพยาบาลหรือคลินิกนี้ควรจะอยู่ใกล้บ้านหรือเดินทางได้สะดวก เพราะเมื่อคุณแม่เริ่มท้องแก่แล้วอาจมีปัญหาในการเดินทางได้ค่ะ สถานที่ฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่คลอดไม่จำเป็นต้องเป็นที่่เดียวกันก็ได้นะคะ การฝากครรภ์นั้นไม่มีคำว่าเร็วเกินไป แต่หากคุณแม่ประวิงเวลาไม่ยอมไปฝากครรภ์หรือไปไม่ตรงตามที่คุณหมอนัดแล้วล่ะก็ จะส่งผลเสียต่อลูกน้อยในครรภ์ได้แน่นอนเลยล่ะ
เกิดมาเป็นคุณแม่ยุค New Normal แม้ชื่อจะดูเท่ แต่มันก็มาพร้อมกับความยากลำบากนิดๆ เพราะต้องใช้ชีวิตแบบอุปกรณ์เยอะ ไหนจะหน้ากาก ไหนจะเจลแอลกอฮอล์ แถมพิธีรีตองเยอะกว่าเดิม และโลกที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคที่เรามองไม่เห็นแบบนี้ ใช่ว่าเราจะเดินเข้าออกจากบ้านได้อย่างสบายใจเสียเมื่อไหร่ เรามาดูกันดีกว่าค่ะ ว่าคุณแม่ที่มีลูกน้อยในยุค New Normal แบบนี้จะต้องทำอะไรบ้างก่อนออกจากบ้าน และทำอะไรบ้างเมื่อกลับมา 4 ข้อควรทำก่อนก้าวเท้าออกจากบ้าน 1.เช็คอัพเดทติดตามยอดผู้ป่วยกันซักนิด ถึงแม้ว่าช่วงนี้สถานการณ์จะดูเบาลง แต่ก็ไม่ควรละเลยน้า ตอนนี้มีช่องทางมากมายให้คุณแม่ได้เช็คข่าวสาร ไม่ว่าจะเป็นข่าวสดจากทางโทรทัศน์ ที่คอยรายงานข่าวเกี่ยวกับยอดผู้ป่วยและสถานการณ์ COVID ในแต่ละวันอยู่ตลอด หรือจะเป็น Social Media ต่างๆ ที่สรุปข่าวมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน การติดตามสื่อเหล่านี้จะช่วยให้เราอัพเดทเรื่องราวข่าวสารเกี่ยวกับเจ้าโรคร้ายเป็นประจำ แถมยังทำให้เราทราบถึงพื้นที่ที่กำลังระบาด จะได้หลีกเลี่ยงได้ทันท่วงที อย่างไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณแม่ชื่นชอบที่จะติดตามข่าวสารจากทาง Social Media มากกว่าช่องทางอื่น คุณแม่อย่าลืมกรองข่าวให้ดี เพราะอย่าลืมว่า Social Media เป็นแหล่งรวมของข่าวลวงอันดับหนึ่งเลยนะ 2. พกหน้ากากให้เป็นนิสัย ก่อนหน้านี้ เวลาจะออกจากบ้านเราก็มักจะส่องกระจกดูว่าแต่งตัวแต่งหน้าเรียบร้อยรึยัง แต่ตอนนี้ ก่อนออกจากบ้าน คุณแม่จะต้องส่องกระจกเพื่อเช็คดูว่าใส่หน้ากากพร้อมลุยแล้วหรือยังแทน คุณแม่ควรจะมีหน้ากากอย่าน้อยสองอันพกติดตัวไว้ เผื่อทำหายระหว่างทาง แล้วก็นอกจากจะเช็คหน้ากากของตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมดูของลูกน้อยด้วยล่ะ! ตอนนี้หลายๆ […]
1.เลือกจากประเภทการใช้งานให้เหมาะสมกับสรีระและน้ำหนักของเด็กค่ะโดยทั่วไปรถเข็นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ 2. วัสดุโครงสร้างของรถเข็นเด็กต้องแข็งแรงและที่สำคัญน้ำหนักต้องเบาเพราะว่าบางครั้งคุณแม่อาจจะต้องเดินทางโดยลำพังกับลูกน้อย นอกจากนี้เบาะที่สัมผัสของตัวน้องควรทำจากวัสดุที่นุ่มสบายเพื่อให้เด็กนั่งได้นาน อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีเนื่องจากอากาศที่เมืองไทยค่อนข้างร้อนและระบบปรับอุณหภูมิในเด็กเล็กนั้นยังทำงานได้ไม่ดีนักทำให้เด็กจะร้อนและเหงื่อออกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ 3. ล้อต้องเป็นล้อที่สามารถหมุนได้สะดวกและแข็งแรง เพราะจะทำให้การเคลื่อนตัวของรถเข็นคล่องตัวขึ้นแม้ว่าคุณแม่จะต้องเข็นรถในที่ที่แคบ 4. โครงสร้างของผลิตภัณฑ์ต้องออกแบบมาเพื่อรักษาให้ขาและข้อต่อสะโพกอยู่ในรูปทรงตามธรรมชาติโดยประคองขาและข้อต่อสะโพกในอยู่ในรูปทรงตัว“M” ซึ่งเป็นท่าที่จะทำให้ขาและสะโพกของลูกน้อยมั่นคงที่สุดรวมทั้งจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกทั้งสองส่วนให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ดีที่สุด 5. มีหลังคาที่สามารถปกป้องลูกน้อยจากแสงแดดและรังสียูวีเพราะผิวหนังของเด็กนั้นยังบอบบางโดยที่บังแดดควรจะปรับได้ตามทิศทางของแสงแดดที่ปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาในแต่ละวัน นอกจากนี้ที่บังแดดยังช่วยบังลมให้ลูกน้อยได้อีกด้วย 6. โครงสร้างของรถเข็นเด็ก ต้องออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบการหายใจในกรณีที่เด็กอาจจะเผลอหลับบนรถเข็น โดยมีเบาะที่จะทำให้ศีรษะเด็กไม่เคลื่อนที่และป้องกันการบิดของลำคอจึงช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากทางเดินหายใจอุดกั้น 7. ข้อสำคัญอีกประการก็คือหากคุณใช้รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรจะเลือกประเภทที่สามารถหันที่นั่งรถเอาหาตัวคุณแม่ได้ เนื่องจากเด็กเล็กต้องการความเอาใจใส่จากแม่เป็นพิเศษ เมื่อน้องออกไปข้างนอกเขาต้องการจะมองเห็นคุณแม่เพื่อความอุ่นใจค่ะ แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้ว เด็กจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวซึ่งในวัยนี้คุณแม่อาจจะปรับที่นั่งรถเข็นให้มองออกไปข้างนอกได้ค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง


