โครงการ”รักลูกให้รอดปลอดภัยเมื่อใช้รถ”

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข กรมทางหลวง กองบังคับการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สสส และ คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในแต่ละปีจะมีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ประสบอุบัติเหตุจากการโดยสารรถยนต์ รถปิกอัพ หรือรถตู้ กว่า 5500 รายต่อปีหรือ 15 คนต่อวัน   เป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่ต้องการการนอนพักรักษาตัวหรือสังเกตุอาการในโรงพยาบาลประมาณ 1400 คนต่อปี และเสียชีวิต รวมประมาณ 70คนต่อปี ในจำนวนนี้เป็นรถปิกอัพกว่า 1190 ราย และรถยนต์ทั่วไปอีก 170 ราย ในช่วง 10 วันของเทศกาลสงกรานต์ จะมีเด็กบาดเจ็บจากอุบติเหตุทางถนนประมาณ 1100 ราย เป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่เกิดจากการโดยสารรถยนต์ รถตู้ รถปิกอัพ ประมาณ 132 ราย ในจำนวนนี้มีการเสียชีวิตจำนวน 6 ราย เมื่อรถยนต์ มีการเบรกอย่างกะทันหัน หักเลี้ยวอย่างฉับพลัน หรือชนอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีก็คือ…ร่างของเด็กๆจะหลุดลอยจากที่นั่ง ไปอัดกับแผงคอนโซลหน้ารถ ปะทะกับกระจกหน้ารถ แล้วทะลุลอยละลิ่วออกนอกรถ หรือประตูรถเปิดออก แล้วเด็กกระเด็นออกไปนอกรถ ด้วยรูปร่างเล็กบอบบางของเด็กๆ จึงทำให้…กระโหลกศีรษะ กระดูกซี่โครง แขนขา แตกหัก ปอด หัวใจ รวมทั้งอวัยวะภายในช่องท้องต้องชอกช้ำ หรือ ฉีกขาดโดยเฉพาะศีรษะของเด็กๆ ที่กระแทกอย่างรุนแรง ทำให้มีเลือดออกในสมอง เป็นเหตุแห่งความพิการ หรือ เสียชีวิต… […]

ถ้าลูกคือแก้วตาดวงใจของคุณ พิจารณาซักนิดก่อนเลือกใช้ คาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทถือว่าเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถที่สำคัญ ที่จะช่วยปกป้องชีวิตน้อยๆอันมีค่าเมื่อถืงคราวเกิดอุบัติเหตุ แต่ด้วยคาร์ซีทที่มีคุณภาพดีได้มาตรฐานความปลอดภัยและมีคุณสมบัติครบถ้วนจะผลิต และนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมักมีราคาสูง จึงทำให้เกิดช่องว่างและทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนหันไปจับจองคาร์ซีทมือสองมาเป็นตัวเลือกให้ลูก โดยอาจมองข้ามความเสี่ยงนานับประการที่ลูกน้อยต้องเผชิญ เพื่อแลกกับความคุ้มค่าเพียงเล็กน้อย เราลองมาดูกันว่าถ้าคุณเลือกใช้คาร์ซีทมือสองแล้ว เจ้าตัวน้อยของคุณจะต้องเสี่ยงกับอะไรบ้าง มาตรฐานความปลอดภัยที่ลดลง เพราะคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคาร์ซีทมือสองนั้นได้ผ่านการเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่ คาร์ซีทมือสองที่ผ่านอุบัติเหตุมาแล้วอาจมีสภาพที่ยังดูใหม่สะอาด แต่โครงสร้างจะเปลี่ยนไป การประกอบจะไม่แน่นหนาเหมือนของใหม่ ยิ่งในสมัยนี้มีการนำเข้าคาร์ซีทมือสองจากต่างประเทศทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพราะคุณไม่สามารถรู้ที่มาของคาร์ซีทนั้นได้เลย แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องเลือกใชคาร์ซีทมือสองจริงๆ แนะนำให้ซื้อจากผู้ใช้งานเดิมที่คุณรู้จัก เช่น เพื่อนหรือญาติพี่น้องที่สามารถบอกประวัติการใช้งานที่แท้จริงเท่านั้น เพื่อจะได้มั่นใจว่าคาร์ซีทมือสองที่กำลังส่งมอบให้ลูกน้อยนั้นปลอดภัยและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจริงๆ    2.คาร์ซีทก็เหมือนของใช้ทั่วไปที่เสื่อมโทรมตามอายุการใช้งาน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปพลาสติกซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญ ก็จะเริ่มเก่าและกรอบ ฟองน้ำ วัสดุรองรับกันกระแทกที่เคยนุ่มและโอบกระชับได้ดี ก็จะเริ่มฟีบ แบน แข็ง และไม่สามารถรองรับการกระแทกได้จริงเมื่อถึงคราวเกิดอุบัติเหตุ และที่อันตรายที่สุด คืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง รวมถึงคู่มืออาจตกหาย ทำให้คุณติดตั้งผิดวิธีหรือไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ควร ยิ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อถึงคราวเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อถือเวลาน้ันพ่อค้าแม่ค้าคนกลางเหล่านั้น คงตอบคุณได้แค่คำเดียวว่า “ไม่รู้” หรือ “ไม่ทราบ” ซึ่งคงไม่ช่วยให้ชีวิตน้อยๆ กลับคืนมาได้    3.แน่นอน!!!ขึ้นชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าแล้ว ทุกคนคือผู้หวังกำไรจากการขายสินค้า จึงทำให้ผู้ขายคาร์ซีทมือสอง หลายรายแอบอ้างชื่อแบรนด์ หรือชื่อรุ่นใหม่ๆ เพื่อเรียกราคาสูงๆทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนหลงเชื่อ และจ่ายราคาแพงขึ้นเพราะเชื่อว่าเป็นรุ่นใหม่ชนช๊อป เทียบห้าง หรืออาศัยเทคนิคการขายต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าตัวสินค้าให้ใกล้เคียงของใหม่แกะกล่อง คาร์ซีทมือสองบางตัวขายกันในราคาหลักหมื่นทั้งๆที่ตกรุ่นไปแล้ว ซึ่งผู้ผลิตอาจไม่มีอะไหล่สำรองเมื่อคราวต้องดูแลรักษา    4.พ่อค้าแม่ค้าบางคนอาจดูเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในตัวคาร์ซีททั้งๆ ที่จริงแล้วไม่เคยผ่านการอบรมเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องจากผู้ผลิต หรือบางรายอาจเป็นแค่ผู้ที่เคยใช้มาก่อนเท่านั้น จึงอาศัยประสบการณ์อันเล็กน้อยมาเป็นข้อมูลในการขาย […]

การติดตั้ง”คาร์ซีท” ทำอย่างไรให้ถูกวิธี

          ความสำคัญกับการมีคาร์ซีทของเจ้าตัวเล็ก ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถเพื่อความปลอดภัยนั้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือการติดตั้งอย่างไรให้ถูกวิธี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้คาร์ซีท หรือที่นั่งสำหรับเด็กบนรถยนต์นั้น มีความปลอดภัยมากกว่าการอุ้มเด็กไว้บนตัก เราจึงควรให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากด้วยค่ะ ทางเราจึงขอแนะนำสิ่งดีๆ เกี่ยวกับการติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกวิธีมาฝากกันค่ะ   1. ติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง           โดยทั่วไป เราย่อมคิดว่าเด็กควรหันหน้าไปทางหน้ารถ แต่ตามคำแนะนำของสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา แนะนำว่า “ทารก” ควรนั่งแบบ Rear Facing หรือติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง จนอายุ 2 ขวบ หรือความสูงและน้ำหนักถึงเกณฑ์ ส่วนหนึ่งเพราะคอของทารกยังไม่แข็งแรง หากคุณพ่อคุณแม่เบรกอย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายได้ค่ะ แต่วิธีนี้อาจทำให้เจ้าตัวเล็กร้องโวยวายได้เป็นเดือนๆ เลย เพราะเขาจะมองไม่เห็นหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเขานั่นเอง ดังนั้น ควรทำใจเย็นๆ และหาของเล่นมีเสียงกรุ๋งกริ๋งติดรถไว้บ้าง เผื่อไว้หลอกล่อลูกกันการแผดเสียงค่ะ   2. ไม่ควรติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะด้านหน้า           หากเกิดอุบัติเหตุ การทำงานของถุงลมนิรภัยจะทำให้ลูกน้อยเป็นอันตรายได้นั่นเอง […]

เคล็ดลับในการดูแลดวงตาลูกน้อย

ใช้ดวงตาให้ถูกวิธี เด็กๆไม่ควรใช้สายตาจับจ้องเป็นเวลานาน เช่น การอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ เล่นเกม ดูโทรทัศน์นานหลายชั่วโมง โดยเฉพาะการดูใกล้ ก็ถือว่าเป็นการใช้สายตามากเกินไป หรือเวลาอ่านหนังสือ ก็ควรอ่านในที่ที่มีแสงสว่างเพียงพอ เพราะหากใช้สายตามาก ใช้สายตาผิดวิธี ก็อาจทำให้สายตาผิดปกติได้เร็วขึ้น ตรวจสายตา หากมีอะไรผิดปกติหรือสงสัยว่าดวงตาของลูกจะมีปัญหา เช่น ตาดำดูผิดปกติ, ตาลูกเหล่ (เป็นบางครั้งหรือว่าบางเวลา), หนังตาข้างใดข้างหนึ่งตกลงโดยเฉพาะภาวะติดเชื้อ มีขี้ตาสีเหลืองหรือสีเหลืองปนเขียวหรือหนังตาบวมแดงร่วมด้วย อาจมาจากฝุ่นละอองในอากาศ ไม่ควรนิ่งนอนใจรีบไปพบคุณหมอทันที เพื่อตรวจหาสาเหตุ ป้องกัน และแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นค่ะ งดซื้อยาใช้เอง ดวงตามีเนื้อเยื่อที่บอบบาง (ทำให้ติดเชื้อได้ง่าย) ดังนั้น การใช้ยากับเด็กต้องปรึกษาคุณหมอ และระมัดระวัง อย่างมาก เช่น การใช้ยาหยอดตา คุณแม่ควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งก่อนหยอดตา และขณะที่หยอดต้องระวังไม่ให้หยด แตะกับตาหรือขนตา เมื่อเปิดใช้แล้ว ควรเก็บยาไว้ในที่เย็นในระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน สิ่งสำคัญคือไม่ควรใช้ยาหยอดตาร่วมกับผู้อื่นนะคะ ดูแลให้ถูกวิธี การหมั่นดูแลเรื่องความสะอาด ทั้งเครื่องนอน และอุปกรณ์ ต่างๆที่ดวงตาลูกน้อยอาจสัมผัสได้ เช่น เปลี่ยนผ้ารองที่นอน หมอนที่ลูกหนุน หรือสังเกตว่า ดวงตาลูกมีขี้ตาออกมา ให้ทำความสะอาดโดยใช้สำลีชุบ น้ำต้มสุกอุ่น […]

เสริมพัฒนาการของลูกขณะอาบน้ำ

ได้เวลา “ป๋อมแป๋ม” กันแล้ว อีกหนึ่งช่วงเวลาแห่งความสุขของลูกน้อยที่จะได้ลงอ่างอาบน้ำให้สบายตัว ในช่วงเวลาสั้นๆ แบบนี้หากคุณพ่อคุณแม่รู้จักเพิ่มเติมองค์ประกอบบางอย่างลงไป ก็จะช่วยให้ช่วงเวลาอาบน้ำของลูกน้อยเต็มไปด้วยความสุข สนุก สะอาด ช่วยเสริมพัฒนาการของลูกน้อยไปได้พร้อมๆ กัน เสริมพัฒนาการของลูกขณะอาบน้ำ ระหว่างที่ลูกน้อยกำลังวุ่นอยู่กับการอาบน้ำ คุณพ่อคุณแม่อาจเสริมด้วยเทคนิคง่ายๆ ที่จะช่วยให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ ก็ตาม ด้วยวิธี 3ส. ดังนี้ ส.ที่ 1 = สุข เด็กกับน้ำเป็นของคู่กัน อยู่แล้ว เวลาที่เด็กได้เล่นอยู่กับน้ำจะทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุขหรือ “สารเอนดอร์ฟีน” ออกมา ซึ่งสารแห่งความสุขนี้จะส่งผลทางด้านบวกต่อการรับรู้และเรียนรู้ ช่วยให้ลูกพร้อมซึมซับประสบการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดการอาบน้ำซึ่งคุณพ่อคุณแม่สามารถสร้างบรรยากาศในการอาบน้ำ ที่เอื้อต่อการเกิดความสุขได้ดังนี้ ปรับอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสม ไม่ร้อนเกินไปไม่เย็นเกินไป อุณหภูมิของน้ำที่พอเหมาะจะช่วยให้ลูกน้อยสบายตัวเกิดความสุขตลอดการอาบน้ำ ส.ที่ 2 = สนุก เมื่อเด็กมีความสุขก็พร้อมที่จะเรียนรู้ และการเรียนรู้ของเด็กก็คือการที่เด็กได้เล่นสนุกนั่นเอง ดังนั้นเพื่อเพิ่มพัฒนาการให้กับลูกน้อยในระหว่างอาบน้ำให้คุณพ่อคุณแม่ เลือกสรรของเล่นลงอ่างอาบน้ำให้เหมาะสมด้วย ซึ่งของเล่นในอ่างอาบน้ำก็มีความแตกต่างกับดังนี้ ของเล่นลอยน้ำ คือ ของเล่นทุกอย่างที่ลอยน้ำได้ ไม่ว่าจะเป็นเป็ดยางหรือเรือลอยน้ำ ของเล่นเหล่านี้จะช่วยเสริมพัฒนาการในเรื่องการหยิบจับ ส่วนของเล่นลอยน้ำบางประเภทที่เป็นยางอาจจะบีบให้เกิดเสียงยังจะช่วยใน เรื่องของกล้ามเนื้อมือมัดเล็กและการตอบสนองในการฟังได้อีกด้วย ของเล่นจมน้ำ ได้แก่พวกตุ๊กตุ่นตุ๊กตายางที่มีสีสันต่างๆ ที่ไม่สามารถลอยน้ำได้ […]

ลูกเหงื่อออกมากผิดปกติ เป็นสัญญาณเตือนของ 3 โรคร้าย

เด็กบางคนจะมีเหงื่อออกมาก ทั้งบนศีรษะ หน้า หน้าอก แผ่นหลัง จนหมอน และชุดนอนเปียกชื้น โดยเฉพาะเด็กที่ปกติมีเหงื่อมาก เมื่อนอนไปได้สักระยะหนึ่งอุณหภูมิของร่างกายจะสูงขึ้น ทำให้มีเหงื่อออกจนคุณพ่อคุณแม่ตกใจเกรงลูกจะเป็นโรคร้าย เพราะมีคนกล่าวว่า เหงื่อออกมากเวลากลางคืนอาจจะเป็นอาการระยะเริ่มต้นของโรคต่างๆ ดังนี้ โรคหัวใจพิการแต่กำเนิดเมื่อหัวใจทำงานมากขึ้นเหงื่อก็จะออกมากขึ้นตามไปด้วย การที่หัวใจของลูกเต้นผิดปกติ จะทำให้เหงื่อของลูกออกมากไปด้วยเพราะระบบควบคุมการทำงานบางส่วนเป็นระบบเดียวกัน ส่วนมากจะเกิดกับเด็กที่เป็น ลิ้นหัวใจรั่ว หรือผนังกั้นหัวใจรั่ว อาการที่มีรวมกับการเหงื่อออกคือ เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง ปากคล้ำ การเจริญเติบโตช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน ภาวะติดเชื้อเด็กที่เป็นไข้ตัวร้อน และ เหงื่อออกมากผิดปกติ หัวใจเต้นเร็ว แสดงว่าเด็กอาจเกิดอาการติดเชื้อและกำลังใกล้ช็อก ควรพาลูกส่งโรงพยาบาลทันที อาการนี้จะดูยาก คุณแม่ต้องสังเกตควบคู่กับการรับประทานอาหารของลูกด้วยว่าทานได้มากเหมือนเดิมหรือไม่ มีอาการซึมไหม ถ้าลูกเริ่มไม่ตอบสนอง ควรรีบพาลูกส่งโรงพยาบาลทันทีค่ะ ภาวะไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ(hyperthyroidism) ถ้าลูกมีเหงื่อออกมากผิดปกติอาจเป็นผลมาจากความผิดปกติที่ทำให้เนื้อเยื่อไทรอยด์ทำงานมากผิดปกติ ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ขึ้นมามาก เป็นสาเหตุทำให้เกิดหัวใจล้มเหลวแบบเลือดคั่ง (congestive heart failure) ,โรคกระดูกพรุน, และเกิดภาวะเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเต็มขั้น เหงื่อออกปกติ เด็กอาจไม่ได้เป็นโรคอะไร แต่เป็นเด็กขี้ร้อน คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องความสะอาดของลูก เช่น อาบน้ำให้บ่อยขึ้น อยู่ในที่ๆ มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก หรืออยู่ในที่ๆมีอากาศเย็นกว่าอุณหภูมิของห้องเล็กน้อย เวลานอนควรใส่เสื้อผ้าที่ไม่หนาจนเกินไป เหงื่อออกแบบผิดปกติ […]

ลูกมีเหงื่อออกมาก ผิดปกติหรือไม่???

“เวลาลูกสาววัย 5 เดือนดูดนมแม่ จะมีเหงื่อออกมาก โดยเฉพาะที่ศีรษะจะเปียกตลอดเลยทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ ถือเป็นอาการผิดปกติหรือเปล่า”  เด็กต้องการพลังงานเทียบกับน้ำหนักตัวสูงกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากต้องใช้เพื่อการเจริญเติบโตและสร้างเนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆจึงต้องการใช้พลังงานสูงมาก เช่น เพื่อการสร้างเซลสมอง การสร้างเซลกล้ามเนื้อ ในขณะที่ผู้ใหญ่ต้องการพลังงานเพื่อการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ กล้ามเนื้อหัวใจในเด็กทารกเป็นเซลกล้ามเนื้อชนิดที่ล้าง่าย ต้องการพลังงานสูง ชีพจรของเด็กจึงเต้นเร็วกว่าผู้ใหญ่ เด็กแรกเกิดชีพจรเต้น 140 ครั้งต่อนาที และลดลงเรื่อยๆเมื่อเด็กเติบโตขึ้น จนเป็น 60-80 ครั้งต่อนาทีเมื่อเป็นผู้ใหญ่ ดังนั้นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการเผาผลาญพลังงานก็ย่อมมีมาก การระบายความร้อนออกจากร่างกายทำได้โดยการขับออกเป็นเหงื่อ ดังนั้นการที่เห็นว่าทารกนอนดูดนมเฉยๆ ทำไมถึงมีเหงื่อเยอะจัง เพราะภายในร่างกายของเขามีการทำงานอยู่ตลอดเวลา จึงไม่ผิดปกติค่ะ ขณะที่ผู้ใหญ่จะใช้พลังงานสูงเท่ากับที่เด็กทารกต้องการ ก็ต่อเมื่อมีการออกกำลัง จนชีพจรเต้นเร็วเท่ากับเด็กทารก ถึงเวลานั้นเราก็มีเหงื่อออกเต็มตัวเหมือนเด็กทารกเวลาดูดนมเช่นกัน อย่างไรก็ดีมีโรคบางอย่างที่ทำให้ทารกมีเหงื่อออกมากผิดปกติกว่าเด็กคนอื่น เช่น โรคหัวใจ โรคธัยรอยด์เป็นพิษ แต่ลูกควรมีอาการผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น เลี้ยงไม่โต ดูดนมแล้วดูเหนื่อยต้องหยุดเป็นพักๆ ตรวจร่างกายฟังได้ยินเสียงผิดปกติที่หัวใจ หากสงสัยว่าลูกเป็นโรคเหล่านี้ ให้ปรึกษากุมารแพทย์ได้ค่ะ หากตรวจแล้วพบว่าลูกปกติดี การมีเหงื่อออกเวลาดูดนม นอกจากช่วยระบายความร้อนแล้วยังช่วยให้ต่อมเหงื่อทำงานขับของเสียออกทางผิวหนังอีกทางหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องเปิดแอร์ให้ลูกตลอดเวลา เพียงใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ง่าย และอยู่ในที่อากาศถ่ายเทจะดีกว่าค่ะ >>>ขอบคุณข้อมูล : สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

คาร์ซีท (carseat) ดีอย่างไร ?

ครอบครัวที่มีรถยนต์ และมีลูกเล็ก ๆ ควรฝึกให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ถึงแม้ว่าคาร์ซีทจะมีราคาค่อนข้างแพง และมั่นใจว่าคุณพ่อหรือคุณแม่นั้นขับรถอย่างปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งในขณะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ทันได้ปกป้องลูกน้อยเลยด้วยซ้ำ อุ้มลูกไว้กับตัวไม่ปลอดภัยจริงหรือ? ถึงแม้คุณแม้จะอุ้มลูกไว้อย่างใกล้ชิด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลูกอาจบาดเจ็บมากจนถึงขึ้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากลูกจะอยู่ตรงกลางระหว่างรถกับคุณแม่ เมื่อเกิดแรงกระแทก ลูกจะโดนก่อนเต็ม ๆ ซ้ำยังเป็นกันชนช่วยลดแรงกระแทกที่จะมาถึงคุณแม่อีกด้วย กลายเป็นว่าคุณแม่ต่างหากที่ปลอดภัย อย่างนี้แล้วเปลี่ยนใจมาใช้คาร์ซีทกันดีกว่า คาร์ซีทดีอย่างไร? คาร์ซีท carseat มีประโยชน์ช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บของร่างกายลูกได้ เมื่อติดตั้งอย่างถูกวิธี สายรัดอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องไม่รัดคอลูกให้อึดอัดและไม่หลวมเกินไป จนเด็กหลุดออกจากคาร์ซีท ไปกับกระแทกกับส่วนต่าง ๆ ของรถ หรือหลุดออกนอกตัวรถ จุดเหมาะที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการติดตั้งคาร์ซีท ควรจะเป็นกึ่งกลาง ของเบาะหลัง หรือบริเวณใกล้เคียงตรงกลางรถให้มากที่สุด เพราะช่วยลดการกระแทกที่เข้ามาด้านข้างรถได้ เลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับวัย และน้ำหนักตัวของลูกน้อย เด็กแรกเกิด –  12 เดือน หรือน้ำหนักไม่เกิน 10 kg. ควรใช้คาร์ซีท carseat แบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ และแบบปรับเอนไปกับที่นั่งประมาณ 45 องศา คาร์ซีทชนิดนี้จะปกป้องศีรษะ ช่วงต้นคอ และกระดูกสันหลังของเด็กได้ดีที่สุด เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปี หรือน้ำหนัก […]

Baby Gift เองก็เคยรับซื้อและจำหน่ายคาร์ซีทมือสอง

Baby Gift ถือได้ว่าเป็นร้านค้าแรกในประเทศไทยที่ได้ริเริ่มการให้บริการรับซื้อ-ขายคาร์ซีทมือสองอย่างจริงจัง โดยมีการประชาสัมพันธ์และแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่นำคาร์ซีทมือสองที่ไม่ใช้แล้วมาซื้อขายแลกเปลื่ยนได้ที่ร้าน เพราะเห็นว่าการรับซื้อขายนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวที่ลูกโตเกินวัยแล้วได้นำของเหลือใช้มาแบ่งปันและเป็นการช่วยเหลือให้ครอบครัวอื่นได้ใช้ของดีในราคาประหยัด ซึ่งการให้บริการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนคาร์ซีทมือสองถูกยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่เมื่อทาง Baby Gift ได้มีการศึกษาจากข้อมูลในต่างประเทศและพบว่าการใช้คาร์ซีทมือสองนั้นมีความเสี่ยงและเป็นอันตรายกับเด็กๆ อย่างมาก อีกทั้งหน่วยงานรัฐบาลและเอกชนในเกือบทุกประเทศที่มีกฎหมายบังคับใช้คาร์ซีทต่างออกมาเรียกร้องให้พ่อแม่หลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทมือสองกันอย่างจริงจัง จึงทำให้ Baby Gift ไม่ลังเลที่จะหยุดให้บริการรับซื้อและจำหน่ายคาร์ซีทมือสองทันที และหันมายังเร่งประชาสัมพันธ์ให้คุณพ่อคุณแม่ชาวไทยได้รับทราบถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้คาร์ซีทมือสอง โดยหวังว่าการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้คาร์ซีทจะช่วยให้ทุกครอบครัวคัดเลือกคาร์ซีทที่ดีและปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์childcarseats.org.uk แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ได้เคยซื้อคาร์ซีทจากร้าน Baby Gift *ก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2558* ทางร้านยินดีรับซื้อคาร์ซีทมือสองที่ซื้อจากร้านคืนตามที่เคยให้ข้อมูลในระหว่างการขายเพื่อเป็นการรับผิดชอบ แต่การซื้อคาร์ซีทมือสองของร้านหลังจากนี้จะเป็นการซื้อมาเพื่อทิ้งและทำลาย มิใช่การซื้อมาเพื่อขายต่อเช่นทุกครั้ง ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์ Transport Canada ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์ babycenter.com ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์ healthychildren.org

คาร์ซีทก็มีวันหมดอายุเหมือนกันนะ

ในประเทศสหรัฐอเมริกา กฏหมายกำหนดให้ผู้ผลิตคาร์ซีทจะต้องระบุวัน/เดือน/ปีที่ผลิตและวันหมดอายุของคาร์ซีท บนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เพื่อกำหนดอายุการใช้งานของคาร์ซีทที่แท้จริง โดยกฏหมายไม่ได้ระบุอายุการใช้งานที่ชัดเจนเพราะขึ้นอยู่กับวัสดุและโครงสร้างที่ใช้ผลิตคาร์ซีท โดยส่วนใหญ่คาร์ซีทที่ขายในสหรัฐอเมริกาจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 ปี นับจากวันที่ผลิต(มิใช่วันที่ซื้อ) อย่างไรก็ตามคาร์ซีทที่มิได้จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกามักไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับวันที่ผลิตหรือวันหมดอายุระบุไว้ ดังนั้นวิธีการตรวจสอบง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทเก่า คาร์ซีทมือสอง คาร์ซีทตกรุ่น หรือคาร์ซีทที่เก็บไว้เป็นเวลานาน เมื่อคาร์ซีทหมดอายุจะเป็นเช่นไร? คาร์ซีททุกตัวมีโครงสร้างพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก และคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในรถยนต์ ซึ่งเมื่อมีการใช้งานเป็นเวลานาน ความร้อนและแสงUV จะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ กรอบ แตกหักง่าย นอกจากนี้แสง UV ยังทำให้วัสดุรองรับแรงกระแทกและเบาะรองตัว หมอนรองศีรษะทารกที่เคยนุ่มกลับแข็งและขาดความยืดหยุ่นจึงไม่สามารถใช้ปกป้องทารกได้ และโดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีอากาศร้อนและแสงแดดจัด คาร์ซีทที่ถูกติดตั้งทิ้งไว้ในรถอาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงแนะนำให้ควร ถอดและเก็บคาร์ซีทออกจากรถในกรณีที่ไม่ได้มีการใช้งานเป็นเวลานาน เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของคาร์ซีทให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้ได้นานขึ้น