โครงการ”รักลูกให้รอดปลอดภัยเมื่อใช้รถ”

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข กรมทางหลวง กองบังคับการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สสส และ คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในแต่ละปีจะมีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ประสบอุบัติเหตุจากการโดยสารรถยนต์ รถปิกอัพ หรือรถตู้ กว่า 5500 รายต่อปีหรือ 15 คนต่อวัน   เป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่ต้องการการนอนพักรักษาตัวหรือสังเกตุอาการในโรงพยาบาลประมาณ 1400 คนต่อปี และเสียชีวิต รวมประมาณ 70คนต่อปี ในจำนวนนี้เป็นรถปิกอัพกว่า 1190 ราย และรถยนต์ทั่วไปอีก 170 ราย ในช่วง 10 วันของเทศกาลสงกรานต์ จะมีเด็กบาดเจ็บจากอุบติเหตุทางถนนประมาณ 1100 ราย เป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่เกิดจากการโดยสารรถยนต์ รถตู้ รถปิกอัพ ประมาณ 132 ราย ในจำนวนนี้มีการเสียชีวิตจำนวน 6 ราย เมื่อรถยนต์ มีการเบรกอย่างกะทันหัน หักเลี้ยวอย่างฉับพลัน หรือชนอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีก็คือ…ร่างของเด็กๆจะหลุดลอยจากที่นั่ง ไปอัดกับแผงคอนโซลหน้ารถ ปะทะกับกระจกหน้ารถ แล้วทะลุลอยละลิ่วออกนอกรถ หรือประตูรถเปิดออก แล้วเด็กกระเด็นออกไปนอกรถ ด้วยรูปร่างเล็กบอบบางของเด็กๆ จึงทำให้…กระโหลกศีรษะ กระดูกซี่โครง แขนขา แตกหัก ปอด หัวใจ รวมทั้งอวัยวะภายในช่องท้องต้องชอกช้ำ หรือ ฉีกขาดโดยเฉพาะศีรษะของเด็กๆ ที่กระแทกอย่างรุนแรง ทำให้มีเลือดออกในสมอง เป็นเหตุแห่งความพิการ หรือ เสียชีวิต… […]

ถ้าลูกคือแก้วตาดวงใจของคุณ พิจารณาซักนิดก่อนเลือกใช้ คาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทถือว่าเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถที่สำคัญ ที่จะช่วยปกป้องชีวิตน้อยๆอันมีค่าเมื่อถืงคราวเกิดอุบัติเหตุ แต่ด้วยคาร์ซีทที่มีคุณภาพดีได้มาตรฐานความปลอดภัยและมีคุณสมบัติครบถ้วนจะผลิต และนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมักมีราคาสูง จึงทำให้เกิดช่องว่างและทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนหันไปจับจองคาร์ซีทมือสองมาเป็นตัวเลือกให้ลูก โดยอาจมองข้ามความเสี่ยงนานับประการที่ลูกน้อยต้องเผชิญ เพื่อแลกกับความคุ้มค่าเพียงเล็กน้อย เราลองมาดูกันว่าถ้าคุณเลือกใช้คาร์ซีทมือสองแล้ว เจ้าตัวน้อยของคุณจะต้องเสี่ยงกับอะไรบ้าง มาตรฐานความปลอดภัยที่ลดลง เพราะคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคาร์ซีทมือสองนั้นได้ผ่านการเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่ คาร์ซีทมือสองที่ผ่านอุบัติเหตุมาแล้วอาจมีสภาพที่ยังดูใหม่สะอาด แต่โครงสร้างจะเปลี่ยนไป การประกอบจะไม่แน่นหนาเหมือนของใหม่ ยิ่งในสมัยนี้มีการนำเข้าคาร์ซีทมือสองจากต่างประเทศทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพราะคุณไม่สามารถรู้ที่มาของคาร์ซีทนั้นได้เลย แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องเลือกใชคาร์ซีทมือสองจริงๆ แนะนำให้ซื้อจากผู้ใช้งานเดิมที่คุณรู้จัก เช่น เพื่อนหรือญาติพี่น้องที่สามารถบอกประวัติการใช้งานที่แท้จริงเท่านั้น เพื่อจะได้มั่นใจว่าคาร์ซีทมือสองที่กำลังส่งมอบให้ลูกน้อยนั้นปลอดภัยและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจริงๆ    2.คาร์ซีทก็เหมือนของใช้ทั่วไปที่เสื่อมโทรมตามอายุการใช้งาน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปพลาสติกซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญ ก็จะเริ่มเก่าและกรอบ ฟองน้ำ วัสดุรองรับกันกระแทกที่เคยนุ่มและโอบกระชับได้ดี ก็จะเริ่มฟีบ แบน แข็ง และไม่สามารถรองรับการกระแทกได้จริงเมื่อถึงคราวเกิดอุบัติเหตุ และที่อันตรายที่สุด คืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง รวมถึงคู่มืออาจตกหาย ทำให้คุณติดตั้งผิดวิธีหรือไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ควร ยิ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อถึงคราวเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อถือเวลาน้ันพ่อค้าแม่ค้าคนกลางเหล่านั้น คงตอบคุณได้แค่คำเดียวว่า “ไม่รู้” หรือ “ไม่ทราบ” ซึ่งคงไม่ช่วยให้ชีวิตน้อยๆ กลับคืนมาได้    3.แน่นอน!!!ขึ้นชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าแล้ว ทุกคนคือผู้หวังกำไรจากการขายสินค้า จึงทำให้ผู้ขายคาร์ซีทมือสอง หลายรายแอบอ้างชื่อแบรนด์ หรือชื่อรุ่นใหม่ๆ เพื่อเรียกราคาสูงๆทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนหลงเชื่อ และจ่ายราคาแพงขึ้นเพราะเชื่อว่าเป็นรุ่นใหม่ชนช๊อป เทียบห้าง หรืออาศัยเทคนิคการขายต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าตัวสินค้าให้ใกล้เคียงของใหม่แกะกล่อง คาร์ซีทมือสองบางตัวขายกันในราคาหลักหมื่นทั้งๆที่ตกรุ่นไปแล้ว ซึ่งผู้ผลิตอาจไม่มีอะไหล่สำรองเมื่อคราวต้องดูแลรักษา    4.พ่อค้าแม่ค้าบางคนอาจดูเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในตัวคาร์ซีททั้งๆ ที่จริงแล้วไม่เคยผ่านการอบรมเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องจากผู้ผลิต หรือบางรายอาจเป็นแค่ผู้ที่เคยใช้มาก่อนเท่านั้น จึงอาศัยประสบการณ์อันเล็กน้อยมาเป็นข้อมูลในการขาย […]

การติดตั้ง”คาร์ซีท” ทำอย่างไรให้ถูกวิธี

          ความสำคัญกับการมีคาร์ซีทของเจ้าตัวเล็ก ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถเพื่อความปลอดภัยนั้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือการติดตั้งอย่างไรให้ถูกวิธี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้คาร์ซีท หรือที่นั่งสำหรับเด็กบนรถยนต์นั้น มีความปลอดภัยมากกว่าการอุ้มเด็กไว้บนตัก เราจึงควรให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากด้วยค่ะ ทางเราจึงขอแนะนำสิ่งดีๆ เกี่ยวกับการติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกวิธีมาฝากกันค่ะ   1. ติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง           โดยทั่วไป เราย่อมคิดว่าเด็กควรหันหน้าไปทางหน้ารถ แต่ตามคำแนะนำของสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา แนะนำว่า “ทารก” ควรนั่งแบบ Rear Facing หรือติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง จนอายุ 2 ขวบ หรือความสูงและน้ำหนักถึงเกณฑ์ ส่วนหนึ่งเพราะคอของทารกยังไม่แข็งแรง หากคุณพ่อคุณแม่เบรกอย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายได้ค่ะ แต่วิธีนี้อาจทำให้เจ้าตัวเล็กร้องโวยวายได้เป็นเดือนๆ เลย เพราะเขาจะมองไม่เห็นหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเขานั่นเอง ดังนั้น ควรทำใจเย็นๆ และหาของเล่นมีเสียงกรุ๋งกริ๋งติดรถไว้บ้าง เผื่อไว้หลอกล่อลูกกันการแผดเสียงค่ะ   2. ไม่ควรติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะด้านหน้า           หากเกิดอุบัติเหตุ การทำงานของถุงลมนิรภัยจะทำให้ลูกน้อยเป็นอันตรายได้นั่นเอง […]

คาร์ซีท (carseat) ดีอย่างไร ?

ครอบครัวที่มีรถยนต์ และมีลูกเล็ก ๆ ควรฝึกให้ลูกนั่งคาร์ซีทตั้งแต่เล็ก ๆ เพื่อความปลอดภัยของเด็ก หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ถึงแม้ว่าคาร์ซีทจะมีราคาค่อนข้างแพง และมั่นใจว่าคุณพ่อหรือคุณแม่นั้นขับรถอย่างปลอดภัยแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุก็สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งในขณะนั้นคุณพ่อคุณแม่อาจไม่ทันได้ปกป้องลูกน้อยเลยด้วยซ้ำ อุ้มลูกไว้กับตัวไม่ปลอดภัยจริงหรือ? ถึงแม้คุณแม้จะอุ้มลูกไว้อย่างใกล้ชิด แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ ลูกอาจบาดเจ็บมากจนถึงขึ้นเสียชีวิตได้ เนื่องจากลูกจะอยู่ตรงกลางระหว่างรถกับคุณแม่ เมื่อเกิดแรงกระแทก ลูกจะโดนก่อนเต็ม ๆ ซ้ำยังเป็นกันชนช่วยลดแรงกระแทกที่จะมาถึงคุณแม่อีกด้วย กลายเป็นว่าคุณแม่ต่างหากที่ปลอดภัย อย่างนี้แล้วเปลี่ยนใจมาใช้คาร์ซีทกันดีกว่า คาร์ซีทดีอย่างไร? คาร์ซีท carseat มีประโยชน์ช่วยลดความรุนแรงจากอุบัติเหตุ และลดการบาดเจ็บของร่างกายลูกได้ เมื่อติดตั้งอย่างถูกวิธี สายรัดอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องไม่รัดคอลูกให้อึดอัดและไม่หลวมเกินไป จนเด็กหลุดออกจากคาร์ซีท ไปกับกระแทกกับส่วนต่าง ๆ ของรถ หรือหลุดออกนอกตัวรถ จุดเหมาะที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับการติดตั้งคาร์ซีท ควรจะเป็นกึ่งกลาง ของเบาะหลัง หรือบริเวณใกล้เคียงตรงกลางรถให้มากที่สุด เพราะช่วยลดการกระแทกที่เข้ามาด้านข้างรถได้ เลือกคาร์ซีทให้เหมาะกับวัย และน้ำหนักตัวของลูกน้อย เด็กแรกเกิด –  12 เดือน หรือน้ำหนักไม่เกิน 10 kg. ควรใช้คาร์ซีท carseat แบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ และแบบปรับเอนไปกับที่นั่งประมาณ 45 องศา คาร์ซีทชนิดนี้จะปกป้องศีรษะ ช่วงต้นคอ และกระดูกสันหลังของเด็กได้ดีที่สุด เด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปี หรือน้ำหนัก […]

10 เรื่องจริงเกี่ยวกับ Aprica ที่คุณอาจไม่เคยรู้

คาร์ซีทก็มีวันหมดอายุเหมือนกันนะ

ในประเทศสหรัฐอเมริกา กฏหมายกำหนดให้ผู้ผลิตคาร์ซีทจะต้องระบุวัน/เดือน/ปีที่ผลิตและวันหมดอายุของคาร์ซีท บนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เพื่อกำหนดอายุการใช้งานของคาร์ซีทที่แท้จริง โดยกฏหมายไม่ได้ระบุอายุการใช้งานที่ชัดเจนเพราะขึ้นอยู่กับวัสดุและโครงสร้างที่ใช้ผลิตคาร์ซีท โดยส่วนใหญ่คาร์ซีทที่ขายในสหรัฐอเมริกาจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 ปี นับจากวันที่ผลิต(มิใช่วันที่ซื้อ) อย่างไรก็ตามคาร์ซีทที่มิได้จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกามักไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับวันที่ผลิตหรือวันหมดอายุระบุไว้ ดังนั้นวิธีการตรวจสอบง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทเก่า คาร์ซีทมือสอง คาร์ซีทตกรุ่น หรือคาร์ซีทที่เก็บไว้เป็นเวลานาน เมื่อคาร์ซีทหมดอายุจะเป็นเช่นไร? คาร์ซีททุกตัวมีโครงสร้างพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก และคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในรถยนต์ ซึ่งเมื่อมีการใช้งานเป็นเวลานาน ความร้อนและแสงUV จะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ กรอบ แตกหักง่าย นอกจากนี้แสง UV ยังทำให้วัสดุรองรับแรงกระแทกและเบาะรองตัว หมอนรองศีรษะทารกที่เคยนุ่มกลับแข็งและขาดความยืดหยุ่นจึงไม่สามารถใช้ปกป้องทารกได้ และโดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีอากาศร้อนและแสงแดดจัด คาร์ซีทที่ถูกติดตั้งทิ้งไว้ในรถอาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงแนะนำให้ควร ถอดและเก็บคาร์ซีทออกจากรถในกรณีที่ไม่ได้มีการใช้งานเป็นเวลานาน เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของคาร์ซีทให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้ได้นานขึ้น

เคล็ดลับในการเลือกซื้อคาร์ซีท

การเลือกซื้อคาร์ซีท เคล็ดลับในการเลือกซื้อคาร์ซีท ไม่มีคาร์ซีทตัวไหนที่ที่ดีที่สุดหรือที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้นการเลือกคาร์ซีทที่ดีควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของเด็ก ติดตั้งได้อย่างถูกต้องและเหมาะกับรถของคุณ และใช้งานอย่างถูกวิธีได้ทุกครั้งที่คุณเดินทาง อย่าตัดสินใจเลือกซื้อจากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะราคาที่แพงกว่าไม่ได้แปลว่าคุณจะได้คาร์ซีทที่ปลอดภัยกว่าหรือใช้ง่ายกว่า หลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทมือสองที่คุณไม่รู้ประวัติการใช้งานโดยเด็ดขาด และที่สำคัญ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ที่มีสภาพเก่าเกินไป ควรตรวจดูได้วันที่ผลิตที่ตัวคาร์ซีทหรือสอบถามจากผู้ผลิตว่าคาร์ซีทตัวนี้เป็นรุ่นปีอะไร ยังควรใช้งานอีกหรือไม่ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีสภาพชำรุด ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ไม่มีชื่อรุ่น วันที่ผลิต หมายเลขรุ่น เพราะถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้กำกับไว้คุณจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีการเรียกคืนคาร์ซีทตัวนั้นเนื่องจากการบกพร่องของผู้ผลิตหรือไม่ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ไม่มีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย คุณจำเป็นต้องศึกษาการใช้งานอย่างละเอียด ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีส่วนปะกอบและอะไหล่ไม่ครบ คาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่มักมีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่สำคัญหายไป ตรวจสอบกับผู้ผลิตให้มั่นใจว่าคาร์ซีทมือสองที่คุณได้รับมานั้นมีอุปกรณ์ต่างๆ ติดมาด้วยอย่างครบถ้วน ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีการถูกเรียกคืนโดยผู้ผลิต คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ผลิตหรือติดต่อไปที่ กรมทางหลวง NHTSA โทร 888/327-4236 หรือเว็ปไซต์ NHTSA (เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) ห้ามใช้คาร์ซีทที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะปานกลางหรือรุนแรง คาร์ซีทที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยมาแล้วอาจจะยังใช้งานต่อไปได้ แต่ผู้ผลิตบางรายแนะนำให้ควรเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุแม้จะเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ กรมทางหลวงหรือ NHTSA ได้พิจารณาลักษณะการเกิดอุบัติและประเมิณว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อยไว้ดังนี้ หากรถที่ประสปอุบัติเหตุยังสามารถใช้งานขับต่อไปได้หลังเกิดอุบัติเหตุ ประตูฝั่งที่ติดกับคาร์ซีทไม่ได้รับความเสียหาย ไม่มีใครในรถได้รับบาดเจ็บ ถุงลมนิรภัยไม่ได้ทำงาน ไม่มีร่องรอยการชำรุดเสียหายของคาร์ซีท แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าควรใช้คาร์ซีทมือสองนั้นหรือไม่ ลองสอบถามไปยังผู้ผลิตโดยตรงจะดีที่สุดค่ะ ***ขอบคุณแหล่งที่มา : เวปไซด์ www.healthychildren.org

คำแนะนำเกี่ยวกับคาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทมือสอง คำแนะนำที่ดีที่สุดคืออย่าซื้อคาร์ซีทมือสองมาใช้เลย คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าคาร์ซีทมือตัวสองนั้นมีประวัติมาอย่างไร อาจจะผ่านการเกิดอุบัติเหตุและได้รับความเสียหายในส่วนที่เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์ซีทมือสองส่วนมากมักจะไม่มีคู่มือการใช้งานให้เราได้ศึกษาวิธีใช้งานอย่างถูกวิธี จึงยากที่จะรู้ว่าเราใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัยหรือไม่ คาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาขายนั้นมักจะเป็นรุ่นเก่าๆ ที่มีการชำรุดเสียหาย เสื่อมสภาพ  หรือการออกแบบไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน การซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จริงๆ แล้วคาร์ซีทมีหลากหลายราคาให้เลือกซื้อซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นที่ราคาที่แพงที่สุด ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานพิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนในพื้นที่ที่คุณพักอาศัยดูเผื่อเค้าอาจจะทราบว่ามีกิจกรรมลดราคาคาร์ซีทบ้างหรือไม่ (หน่วยงานพิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหน่วยงานในประเทศอังกฤษ) แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้คาร์ซีทมือสองจริงๆ ควรใช้คาร์ซีทที่ได้รับต่อมาจากบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณสามารถมั่นใจมากว่าคุณทราบประวัติเกี่ยวกับคาร์ซีทตัวนั้นอย่างละเอียด (ประวัติการเรียกคืนจากผู้ขาย การใช้งาน การเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้งานและลักษณะการถูกใช้งานก่อนหน้านี้)  รวมถึงคาร์ซีทนั้นต้องมีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย  และควรเลือกใช้คาร์ซีทที่ไม่เก่าจนเกินไป แต่ที่สำคัญห้ามซื้อจากร้านขายของมือสองหรือคนที่ประกาศขายของมือสองทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์หรือตลาดออนไลน์โดยเด็ดขาด ก่อนที่จะใช้คาร์ซีทมือสอง คุณควรจะ : ตรวจดูสภาพของคาร์ซีทอย่างละเอียดถี่ถ้วน (อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดกับคาร์ซีทนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าได้ทั้งหมด มั่นใจว่ามีคู่มือการใช้งานที่มาจากผู้ผลิตติดมาด้วยทุกครั้ง ขอคำแนะนำจากผู้ผลิตเกี่ยวกับรุ่น ปีที่ผลิต และระยะเวลาที่สามารถใช้งานต่อได้ เลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับน้ำหนักและความสูงของเด็ก ลองติดตั้งคาร์ซีทในรถก่อนซื้อ ถ้าผู้ขายไม่อนุญาติให้คุณลองติดตั้งคาร์ซีทในรถ จงอย่าซื้อ ตรวจสอบว่าคาร์ซีทนั้นรองรับมาตรฐานการผลิต United Nations Standard Regulation 44.04 หรือไม่  โดยสังเกตหาสัญลักษณ์ตัว E หรือ I-Size ทีติดอยู่ที่คาร์ซีท ***ขอบคุณแหล่งที่มา : เว็บไซด์ childcarseats.org.uk

คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กมีอายุการใช้งานนานเท่าไร

คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กมีอายุการใช้งานนานเท่าไร??? ถึงแม้จะไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้ แต่คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กที่วางขายในประเทศแคนนาดาจะมีการระบุวันที่หมดอายุหรืออายุการใช้งานกำกับไว้ที่คาร์ซีททุกตัว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทราบถึงอายุการใช้งานของคาร์ซีทและสามารถพิจารณาถึงความเสี่ยงในการใช้คาร์ซีทในกรณีที่คาร์ซีทนั้นอาจมีอายุการใช้งานที่เหลือน้อยกว่าที่ต้องการ    ผู้ปกครองไม่ควรใช้คาร์ซีทที่เลยวันหมดอายุ สำหรับคาร์ซีทที่หมดอายุแล้วควรจะนำไปกำจัดทิ้งอย่างถาวร ไม่ควรนำไปบริจาค ขาย หรือมอบให้เพื่อนและครอบครัวใช้ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ยังได้ประกาศไว้ว่า ห้ามทำการโฆษณา จำหน่าย หรือมอบคาร์ซีทที่ผลิตก่อนวันที่ 1 มกราคม 2012 ให้แก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เนื่องจากคาร์ซีทนั้นไม่ได้มาตรฐานการผลิตที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน สาเหตุที่ทำให้ผู้ผลิตระบุวันหมดอายุหรืออายุการใช้งานไว้ที่คาร์ซีท!!! คาร์ซีทที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะมีการตากแสงแดดจ้า ทำให้พลาสติกค่อยๆเสื่อมสภาพลง ป้ายเตือนความปลอดภัยจะค่อยๆจางจนอ่านไม่ออก คู่มือการใช้งานสูญหาย อาจมีอาหาร เครื่องดื่ม หรือของเหลว หกใส่อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สายรัด หัวเข็มขัด ที่ปรับต่างๆ ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพลง ไม่สามารถตรวจสอบประวัติการใช้งานได้ (เช่น คาร์ซีทนั้นอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน หรืออาจถูกเก็บไว้ในสถานที่ที่ทำให้คาร์ซีทเกิดความเสียหายก็เป็นได้) กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เจ้าของคาร์ซีทมือสองหรือผู้ที่รับคาร์ซีทมือสองมาใช้ต่ออาจไม่ได้รับการแจ้งจากผู้ผลิตในกรณีที่คาร์ซีทรุ่นนั้นถูกเรียกคืนเพราะเนื่องจากการผลิตบกพร่อง ในประเทศแคนาดา ทุกรัฐและทุกจังหวัดได้มีข้อกำหนดให้ต้องมีการติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กและการติดตั้งบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กโตที่ไว้ในรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของเด็กทารกและเด็กเล็ก  หลายๆ จังหวัดได้ออกกฎระเบียบให้เด็กที่มีขนาดตัวเล็กว่าที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของรถได้อย่างปลอดภัยต้องใช้คาร์ซีทแม้ว่า เด็กคนนั้นจะมีอายุเกินกว่าเกณฑ์แล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นในบางรัฐยังกำหนดให้มีคาร์ซีทหรือบูซเตอร์ซีทจะใช้งานต้องผ่านการรับรองจาก Canada Motor Vehicle Safety Standards และจะต้องใช้งานให้ต้องตามคู่มือการใช้งานด้วย ถ้าไม่ปฏิบัติตามคู่มือหรือมีการใช้คาร์ซีทที่หมดอายุแล้ว คุณอาจจะทำให้ลูกน้อยของคุณต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตและตัวคุณเองก็จะต้องตกเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน ขอบคุณแหล่งข้อมูล : […]

การใช้คาร์ซีทเก่าหรือคาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทมือสองนั้นหากมองโดยผิวเผินแล้วอาจจะดูน่าสนใจเพราะราคาค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับราคาของใหม่ แต่จะคุ้มค่าจริงหรือเมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆ ของลูกคุณ ข้อคิดนี้รวมถึงคาร์ซีทตัวเก่าที่พี่สาวของคุณให้มาหลังจากที่ลูกของเธอโตเลยวัยแล้ว คาร์ซีทมือสองนั้นไม่เพียงแต่ไม่มีคู่มือการใช้งานติดมาด้วยแล้ว (ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการติดตั้งอย่างถูกวิธี) คุณยังไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาจจะมีชิ้นส่วนสำคัญหลุดหายไป หรือคาร์ซีทมือสองนั้นอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายในส่วนที่เรามองไม่เห็น อีกทั้งอาจจะเป็นเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน และอาจเคยถูกเรียกคืนจากความบกพร่องจากการผลิตมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อคาร์ซีทมีอายุการใช้งานมากขึ้นพลาสติกที่เคยแข็งแรงทนทานก็จะเริ่มเปราะบางและไม่สามารถปกป้องลูกน้อยยามคับขันได้ แต่ถ้าคุณมีจำเป็นที่จะต้องใช้คาร์ซีทมือสองจริงๆ สิ่งที่ควรทำคือ ตรวจสอบให้แน่ใจ่ามีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย มีอุปกรณ์และส่วนประกอบครบถ้วนตามคู่มือ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง และ ไม่เคยถูกเรียกลับเพราะเหตุสินค้าบกพร่องจากการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจาการเสื่อมสภาพของพลาสติก หน่วยงาน SafetyBeltSafe U.S.A. แนะนำว่า ควรใช้คาร์ซีทที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่เกิน 5 ปี หรืออย่างมากสุดไม่เกิน 10 ปี คุณควรสามารถตรวจสอบได้จากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนคาร์ซีท ขอบคุณแหล่งข้อมูล : www.babycenter.com สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง