รอบรู้เรื่อง “นอน” ของเจ้าตัวน้อย

ความสำคัญของการนอนของเจ้าตัวเล็กนั้น มีผลต่อการเติบโตต่อร่างกาย เพราะการนอนหลับจะมีฮอร์โมนเรียกว่า โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ออกมากระตุ้นให้ร่างกายเติบโต ใยประสาทจะเชื่อมโยงกับเซลล์ จึงทำให้สมองเติบโตด้วย ฉะนั้นเจ้าตัวเล็กที่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ก็จะเป็นเด็กที่อารมณ์ดี เรียนรู้ได้มากแต่การนอนหลับของเจ้าตัวเล็กตามธรรมชาตินั้น ไม่ได้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง อย่างที่เราเห็นนาฬิกาในสมอง จะกำหนดให้เจ้าตัวเล็กได้พักผ่อนตลอดเวลาของการนอนจริง ๆ ก็ต่อเมื่อได้หลับรวดเดียวประมาณเดือนที่ 6 ขึ้นไปแล้ว พ.ญ. เชิดชู อริยศรีวัฒนา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่าเด็กทารกมีการนอนหลับไม่สนิทโดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ของชีวิต ซึ่งจะมีการเคลื่อนไหวของนัยตาอย่างรวดเร็วว่า Rapid eye movement สลับกับการหลับเงียบสนิทที่เรียกว่า Quiet sleep หรือ Non-rapid-eye-drop movementจึงทำให้บางครั้งนอนดิ้น ส่งเสียงครวญครางแต่ยังตื่นไม่เต็มที่ คุณไม่ควรเข้าไปอุ้มหรือให้กินนม เพราะจะเป็นการไปปลุกให้เด็กซึ่งกำลังหลับในช่วงหลับไม่สนิทให้ตื่นขึ้น แทนที่จะหลับต่อไปได้อีก ข้อมูลจากหน่วยกุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกล่าวว่า พฤติกรรมการนอนของเจ้าตัวเล็กแต่ละวัยมีความแตกต่างกัน โดยสามารถแจกแจงให้เห็นชัดเจนดังต่อไปนี้ 0 – 3 เดือน การหลับและตื่นของทารกแรกเกิดมักจะเฉลี่ยเท่า ๆ กันทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน เจ้าตัวเล็กจะนอนหลับวันละประมาณ 20 ชม. ต่อวัน แต่ในช่วงแรกมักจะนอนกลางวันมากกว่ากลางคืน มีเวลาตื่นที่ไม่แน่นอน การนอนอาจเปลี่ยนไปทุกสัปดาห์และ จะปรับตัวมานอนตอนกลางคืนมากกว่าได้เองในไม่ช้า 3 – 6 เดือน เจ้าตัวเล็กจะหลับกลางวันน้อยลง นอนกลางคืนมากขึ้น โดยจะหลับรวดเดียวไปจนถึงเช้า ไม่ตื่นมากินนมตอนกลางคืนเหมือนก่อน คุณก็ไม่จำเป็นต้องปลุก ให้เจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นมาดูดนมหรือกลัวว่าจะหิว […]

อากาศเปลี่ยนแปลงดูแลตัวเองก่อนป่วย

จังหวัดส่วนใหญ่ที่ประกาศภัยหนาวเป็นจังหวัดที่มีรายงานผู้ป่วยสูงสุด 10 ลำดับแรก ความหนาวเย็นของอากาศเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการแพร่กระจายของโรค อย่างไรก็ดี มีปัจจัยอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น สุขอนามัยส่วนบุคคล การไอจามไม่ปิดปากปิดจมูก และในบางโรคการไม่ได้รับวัคซีนป้องกัน ก็เป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อการเจ็บป่วย และในปี 2557 นี้ คาดว่าผู้ป่วยโรคติดต่อที่เฝ้าระวังในฤดูหนาวจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา การป้องกันการเจ็บป่วยในฤดูหนาว ประชาชนควรดูแลสุขภาพตนเองดังนี้ การรับประทานอาหารอย่างเพียงพอโดยเฉพาะอาหารที่ให้พลังงาน เช่น แป้ง และไขมัน อาหารที่รับประทานต้องปรุงให้สุกด้วยความร้อนทั่วถึงอาหารค้างมื้อต้องอุ่นให้ร้อนก่อนรับประทาน ไอจามปิดปากปิดจมูกถ้ามีอาการหวัดเช่น มีน้ำมูก ไอ จาม มาก ควรสวมหน้ากากป้องกันโรค เพื่อลดการแพร่เชื้อโรคไปยังผู้อื่น หมั่นล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่โดยเฉพาะก่อนรับประทาน ก่อนการประกอบอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำห้องส้วม ออกกำลังอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น หลีกเลี่ยงการสัมผัสอากาศหนาวเย็น และรักษาความอบอุ่นของร่างกายโดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก และผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี รวมทั้งผู้ที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ภาวะทางจิต และคนเร่ร่อนที่ไม่มีที่อยู่อาศัยฯ หาเครื่องนุ่งห่มกันหนาวให้เพียงพอ ให้รักษาความอบอุ่นลำตัวและคอสวมหลายๆ ชั้น โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ได้แก่เด็กเล็กผู้สูงอายุผู้ป่วยโรคเรื้อรังเป็นต้น หลีกเลี่ยงการดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์การผิงไฟในที่อับ ไม่มีอาการถ่ายเท และไม่นำเด็กเล็กเข้าใกล้ควันไฟหรือห่มผ้าคลุมศีรษะเด็กอ่อนปิดจมูกและปากเพราะจะทำให้เสียชีวิตได้ ***ขอบคุณข้อมูลจาก […]

คุณแม่หลังคลอด สวยด้วยธรรมชาติกับ 10 สูตร

แม้ว่าจะเป็นแม่ลูกอ่อนก็ต้องดูแลความสวยความงามให้กลับคืนมา โดยที่ไม่ต้องไปเข้าคอร์สพอกหน้าอะไรที่ไหนหรอกค่ะ ทำกันที่บ้านสวยจากธรรมชาติ เลือกสูตรให้เหมาะสมกับสภาพผิวของคุณแม่ได้เลยคะ สูตรสำหรับผิวมัน ไข่ขาวและนมอย่างละ 1 ช้อนชา ตีให้เข้ากัน หยดน้ำผึ้งและน้ำมะนาวอย่างละ 2-3 หยด คนให้เข้ากัน ทาให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นขอบดวงตาและริมฝีปาก ปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งล้างออกด้วยน้ำอุ่น หั่นแตงกวา หรือมันฝรั่งเป็นแว่นๆ (ไม่ต้องปอกเปลือก) วางไว้บนหน้า ทิ้งไว้สัก 15 นาที จะช่วยให้รู้สึกสดชื่น โดยเฉพาะช่วงที่อากาศร้อนๆ ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะ (หรือ 1 ก้อน) ละลายน้ำพอเหลว ใช้ทาหน้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ล้างออกด้วยน้ำอุ่น สูตรสำหรับผิวแห้ง น้ำผึ้งกับกล้วยน้ำว้า 1 ลูก ขูดเอาแต่เนื้อ ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ไข่แดง 1 ฟอง ผสมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา […]

เมื่อลูกน้อยไม่สบายมีไข้ทำอย่างไร

เมื่อลูกหลานของท่านมีอาการไข้ตัวร้อนควรให้การดูแลดังต่อไปนี้ การเช็ดตัว เมื่อรู้สึกไข้สูงหรือหลังจากวัดปรอทพบว่ามีไข้ 38°c ขึ้นไป ควรเช็ดตัวให้ด้วยน้ำอุ่นถ้ารู้สึกหนาว ควรถอดเสื้อผ้าออกให้หมด วิธีเช็ดตัวนั้นให้ใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆ ถูตามส่วนต่างๆของร่างกาย เช็ดค่อนข้างแรงเพื่อให้ส้นเลือดบริเวณนั้นขยาย ตามบริเวณข้อพับ ขาหนีบ รักแร้ หน้าผากควรใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ ห้องที่เช็ดตัวไม่ควรมีลมโกรกมาก เมื่อเสร็จควรซับตามตัวให้แห้งแล้วใส่เสื้อผ้าให้ ถ้าคนไข้รู้สึกหนาว ห่มผ้าให้ได้ ภายหลังเช็ดตัวแล้ว 20 นาที ให้วัดปรอทอีกครั้ง ถ้าไข้ยังสูงอีกก็ควรเช็ดตัวอีกครั้งจนรู้สึกดีขึ้น ยาลดไข้ ก็เป็นสิ่งจำเป็นทุกครั้ง เมื่อมีไข้ตั้งแต่ 38°c ขึ้นไปควรรับประทานยาลดไข้ตามขนาด หรือตามแพทย์สั่ง เป็นยาประเภทลดไข้แก้ปวด ที่รู้จักกันดีก็คือ แอสไพริน,พาราเซตามอล, เอ.พี.ซี. ฯลฯ ถ้าเป็นของเด็กเล็กที่กลืนยาเม็ดไม่ได้จะมีชนิดน้ำเชื่อมสำหรับเด็ก ดื่มน้ำ ให้ดื่มน้ำมากๆ อาหารก็ควรจะมีน้ำอยู่มาก เช่น ข้าวต้ม หรือ โจ๊ก เพื่อให้น้ำขับความร้อนออกทางปัสสาวะ จะสังเกตได้เวลามีไข้ปัสสาวะที่ออกมาจะร้อนมาก ถ้าปัสสาวะที่ออกมาสีเหลืองเหมือนน้ำชา และปริมาณน้อยแสดงว่าร่างกายขาดน้ำ ฉะนั้นควรได้น้ำเข้าไปให้เพียงพอ เสื้อผ้า ผ้าห่ม คนไข้ที่มีไข้สูงๆ ส่วนมากจะมีอาการหนาวสั่นด้วย ไม่ควรห่มผ้าหรือใส่เสื้อผ้าหนาๆ กเพราะจะทำให้ไข้สูงยิ่งขึ้น ฉะนั้นเสื้อผ้าควรใส่ชนิดธรรมดาตามฤดูกาล ผ้าห่มควรเป็นผ้าที่เบาบาง […]

5 นิสัยทั่วไปที่ทำร้ายดวงตาของคุณ

คุณใช้ดวงตาของคุณสำหรับการทำงานแทบนับไม่ถ้วนในชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยคิดถึงความสำคัญของดวงตาในสิ่งที่มันเป็นจริงๆ ซึ่งในความเป็นจริงผู้ปกครองจำนวนมากและเด็ก ๆ ดูเหมือนจะไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมกับดวงตาของพวกเขานัก หากคุณมีพฤติกรรมผิดๆ ดัง 5 พฤติกรรมต่อไปนี้ คุณอาจจะทำลายสุขภาพตาที่ดีของคุณเองอย่างถาวรได้ ดังนี้คือ การใช้ยาหยอดตามากเกินไป ยาหยอดตาช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัวเพื่อลดรอยแดงในดวงตา แต่น่าเสียดายที่ผลลัพธ์นี้จะมีผลภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง แต่หลังจากนั้นมันจะอยุดทำงานและทำให้ดวงตาของคุณแดงมากขึ้นมากกว่าที่เคยเป็นตั้งแต่แรก เตือนโดย สถาบันวิชาการจักษุวิทยาอเมริกัน ละเลยการสวมใส่แว่นตากันลม คุณควรสวมใส่แว่นตากันลมไม่เฉพาะแค่เพียงตอนว่ายน้ำเท่านั้น แว่นสายตาที่ช่วยป้องกันฝุ่นละอองถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงานในชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การตัดหญ้าในสนามหญ้า, การใช้สารเคมีและการซ่อมแซมที่อาจมีเศษผงและอนุภาคเล็กๆ ต่างๆผ่านเข้ามากระทบกับกระจกตาของคุณได้ ละเลยการตรวจวัดสายตา ผู้คนจำนวนมากละเลยการตรวจวัดสายตาตามปกติ ถ้าพวกเขาไม่ได้มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาหรือการมองเห็น ทางสถาบัน Planet Vision ได้กล่าวไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาจะช่วยให้เราทราบถึงสภาวะเริ่มต้นของสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับสายตาของเรา ก่อนที่มันจะแสดงอาการให้เห็นอย่างชัดเจนโดยจะให้การบำบัดรักษาหรือคำแนะนำเพื่อป้องกันการเกิดความเสียหายหรืออันตรายแบบถาวร การใช้อุปกรณ์ดิจิตอลมากเกินไป ถึงแม้ว่าอุปกรณ์ดิจิตอลจะดูเหมือนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่ แต่มันก็ไม่จำเป็นที่คนเราต้องใช้เวลาอยู่ที่หน้าจอมากเกินไป ปกป้องดวงตาของคุณ โดยปฎิบัติตามกฏ 20-20-20ซึ่งให้คำแนะนำโดย สถาบันผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาและหู แปซิฟิก ดังนี้คือ ทุกๆ 20 นาที ให้มองสิ่งใดก็ได้ที่อยู่ห่างจากตัวเราออกไปประมาณ 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที ลืมที่จะสวมใส่แว่นกันแดด คนส่วนใหญ่ตระหนักถึงอันตรายของรังสี UV ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับผิวของเรา แต่ไม่สนใจสิ่งที่มันจะมีผลกระทบต่อดวงตาของเราเช่นกัน การละเลยที่จะสวมใส่แว่นกันแดด สามารถนำความเสียหายให้เกิดขึ้นกับโครงสร้างเซลล์ผิวรอบดวงตาภายนอกและต่อโครงสร้างของเซลล์ที่อยู่ลึกภายในดวงตาของคุณได้ เตือนโดย สถาบันจักษุแห่งชาติ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาสู่สภาวะของการเกิดจอประสาทตาเสื่อม,ต้อเนื้อและต้อกระจก ได้ในอนาคต ตรวจสอบให้แน่ใจว่าลูกๆ ของคุณสวมใส่แว่นตากันแดดเสมอ โดยการเลือกซื้อแว่นกันแดดตามสไตล์และเฉดสีที่พวกเขาชอบ เพื่อให้พวกเขาสวมใส่ตลอดช่วงฤดูร้อน โดยสามารถเข้าไปชมและเลือกซื้อสินค้า ได้ที่  “the full collection of […]

เคล็ดลับง่ายๆ ถนอมสายตาลูกรัก

สำหรับหนูน้อยที่ใส่แว่นตาเพราะเกิดจากสายตาสั้นนั้น คุณพ่อคุณแม่อาจต้องดับเบิ้ลเอาใจใส่ดูแลเรื่องสายตามากเป็นพิเศษหน่อยค่ะ เพื่อถนอมสายตาของลูกเลิฟให้อยู่กับเขาอย่างมีคุณภาพไปนานที่สุด ด้วยการ… เสริมวิตามิน นอกจากวิตามินเอ ที่เกี่ยวข้องกับสายตา อย่างที่เราเข้าใจอยู่แล้ว ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ค้นคว้าพบว่าวิตามินบี 1 และวิตามินอี ก็มีคุณสมบัติช่วยบำรุงเรื่องตาได้เป็นอย่างดี โดยพบมากจาก ตับ นม ถั่วลิสง ถั่วต่าง ๆ ไข่แดง ข้าวซ้อมมือ เต้าหู้ เนื้อหมู งา กระเทียม และสาหร่าย ตรวจสายตาสม่ำเสมอ อย่างน้อยควรพาหนูน้อยไปตรวจวัดสายตาปีละ 1 ครั้ง หลีกเลี่ยงที่ที่มีแสงสว่างมาก หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ควรหาแว่นตาสีชา เพื่อลดความแรงของแสงที่อาจทำอันตรายต่อตา ล้างมือให้สะอาดเป็นนิสัย เพื่อป้องกันเชื้อโรค รวมทั้งเชื้อราไม่ให้เข้ามาทำอันตรายลูกตา ไม่ควรล้างตาเป็นประจำ น้ำตาของคนเราจะไหลล้างชำระอยู่ตลอดเวลา น้ำตาเป็นน้ำสะอาด โดยภายในมีสารฆ่าเชื้อโรคอยู่แล้ว การล้างตาจะทำให้ความเข้มข้นของน้ำตาอ่อนลง ยาล้างตาบางชนิดอาจมีความสมดุลของกรด-ด่างไม่พอเหมาะ ถ้ามีมากไปจะรบกวนลูกตา การล้างตาควรทำเมื่อต้องการล้างเอาผงหรือขี้ตา หรือสิ่งสกปรกอื่นออกเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องกลอกตาไป – มา เพื่อออกกำลังกายให้ลูกตา เพราะโดยปกติแล้วกล้ามเนื้อกลอกตาทำงานหนักอยู่แล้ว ตลอดเวลาที่เราตื่น ควรพักสายตาด้วยการหลับตาหรือมองทิวทัศน์ไกล ๆ จะดีกว่าค่ะ ควรมีการจัดแสงให้สว่างเหมาะสมและเพียงพอ เวลาอ่าน – เขียนหนังสือ หรือการดูโทรทัศน์ เล่นคอมพิวเตอร์ ควรดูหรือเล่นในที่มีแสงสว่าง เพราะแสงสว่างที่เกิดขึ้นจากอิเล็กตรอนวิ่งมากระทบจอภาพนั้น ลูกตาสามารถดูได้โดยไม่ต้องปรับสายตาต่อความมืด […]

จัดกระเป๋าสัมภาระของทุกคนในครอบครัวอย่างไรขึ้นเครื่องให้ผ่านฉลุย

ไม่ง่ายเลยกับการต้องเดินทางไปทั้งครอบครัวโดยมีเจ้าตัวเล็กไปด้วย เราไม่สามารถเตรียมตัวหรือขาดเดาอะไรล่วงหน้าได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น และสิ่งไหนที่สำคัญบ้างกับเจ้าตัวน้อย เรามีคำแนะนำดีๆให้เป็นแนวทางค่ะ 1. จองตั๋วและเช็คเวลาเดินทางตรวจสอบสภาพอากาศ จัดการจองตั๋วและเช็คเวลาออกเดินทางให้เรียบร้อย ตรวจสอบสภาพอากาศของสถานที่นั้นๆ เพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสม 2. รถเข็นเด็กควรจะเป็นรถเข็นที่น้ำหนักเบา เข็นขึ้นเครื่องได้ถึงหน้าประตูทางเข้า  สะดวกในการพับ-กางเก็บ >>>เพิ่มเติม คลิ๊กเลย : http://bit.ly/รถเข็นเด็ก-Aprica-Magical-Air-Plus-Highseat 3. เป้อุ้มเด็กอย่าลืมพกเป้อุ้มเด็กไปด้วย เพราะเป้อุ้มเด็กเป็นตัวช่วยเพิ่มความสะดวกและความคล่องตัวในการพาเจ้าตัวเล็กเที่ยวได้ไม่น้อย ถ้าเป็นเด็กแรกเกิดควรเลือกที่สามารถปรับนอนได้ >>>เพิ่มเติมคลิ๊ก : http://bit.ly/Haenim9-เป้อุ้มเด็ก 4. ผลิตภัณฑ์ป้องกันยุงและแมลงปัจจุบันมีทั้งแบบสเปรย์แป้ง โลชั่น หรือสติ๊กเกอร์ สำหรับป้องกันยุงและแมลงไม่ให้มารบกวน ที่สามารถใช้ได้ทุกคนในครอบครัว ควรเลือกแบบที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ อ่อนโยนต่อผิวอันบอบบางของลูกน้อย 5. ที่นอนระบายอากาศ ที่นอนเพื่อสุขภาพ ใช้สำหรับปูทับกับที่นอนของที่พักอีกที เพื่อช่วยลดภาวะการขาดหายใจเวลานอนคว่ำหน้า และระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น ลูกน้อยนอนได้สบายกว่า 6. กระเป๋าคุณแม่ กระเป๋าคุณแม่จะมีช่องใส่ของได้อย่างเป็นสัดส่วน จุของได้มาก มีช่องแยกสำหรับใส่ผ้าอ้อม นมผง ทิชชูเปียกถุงเก็บความร้อน 7. ยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น ยารักษาโรคประจำตัว ยาทาแผล ครีมทาฟอกช้ำบวม ยาทาแมลงกัดต่อย พลาสเตอร์ปิดแผล ยาใส่แผลสด สำลี ผ้าพันแผล และยาลดไข้ ควรเตรียมไปด้วยทุกทริปยาทาแก้คัน […]

เชื้อ Ecoli คืออะไร

อีโคไล (Ecoli) มีชื่อเต็มๆว่า เอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli)  เป็นเชื้อแบคทีเรียที่พบได้ในลำไส้ของคนและสัตว์เลือดอุ่นทั่วไป จึงตรวจพบได้จากอุจจาระในปริมาณมาก โดยปกติอีมีหลายร้อยสายพันธุ์ พันธุ์ ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคร้ายแรงเท่าใด แต่บางสายพันธุ์มีความสามารถในการสร้างโปรตีนที่เป็นพิษทำให้เกิดโรคที่รุนแรง และเป็นอันตรายถึงกับเสียชีวิตได้ หากร่างกายได้รับเชื้อ อีโคไล (Ecoli) จะส่งผลอะไร เชื้ออีโคไล (Ecoli) จะก่อโรคได้เมื่อเข้าสู่ร่างกายโดยการกินอาหาร และน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้เข้าไป อีโคไลที่เป็นสาเหตุของ “โรคอุจจาระร่วง” ในคนสามารถจำแนกได้เป็นกลุ่มต่างๆ ตามลักษณะการก่อโรค ซึ่งแต่ละกลุ่มประกอบด้วยเชื้ออีโคไลหลายสายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติในการก่อโรคแตกต่างกัน และสามารถสร้างสารพิษและปัจจัยในการก่อโรคระบบทางเดินอาหารที่รุนแรง  การระบาดของเชื้อนี้แต่ละปีมีผู้ติดเชื้อนับแสนคน อัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 1 อาการสำคัญ คือ ท้องเสียชนิดอุจจาระมีเลือดปน บางราย มี อาการอุจจาระเป็นมูกเลือด และที่สำคัญคือ โรคนี้ทำให้เกิดภาวะไตวายร่วมด้วยได้บ่อยมาก โดย ทั่วไปคนติดเชื้อโรคนี้จากการรับประทานอาหารที่ไม่สุกส่วนใหญ่เป็นอาหาร ประเภทเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อ จากการดื่มนมวัวที่ดิบ การเล่นน้ำหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อโรคชนิดนี้ และพบว่าเชื้ออีโคไล(Ecoli) สามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ รวมทั้งการระบาดในครอบครัวและสถานเลี้ยงเด็กอ่อน การป้องกันการติดเชื้ออีโคไล(Ecoli) อาหารควรรับประทานอาหารที่ปรุงสุก  ส่วนผัก ผลไม้ ต่างๆ ต้องล้าง ด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง  หรือแช่ผัก ผลไม้ในน้ำด่างทับทิม น้ำส้มสายชู ล้างแช่ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด ก็จะสามารถชะล้างเชื้อจุลินทรีย์ทุกชนิดที่ปนเปื้อนได้ ป้องกันการติดเชื้อและการแพร่เชื้อโรคให้ผู้อื่นได้ สำหรับภาชนะที่ใส่อาหาร หรือสิ่งของบางอย่างที่เด็กเล็กๆชอบเอาเข้าปาก เช่น ของเล่นเด็ก พวงกุญแจ รีโมททีวี หรือแม้แต่มือถือของคุณพ่อคุณแม่ ที่อาจมีเชื้ออีโคไล(Ecoli) ปนเปื้อนอยู่ […]

Baby Gift เองก็เคยรับซื้อและจำหน่ายคาร์ซีทมือสอง

Baby Gift ถือได้ว่าเป็นร้านค้าแรกในประเทศไทยที่ได้ริเริ่มการให้บริการรับซื้อ-ขายคาร์ซีทมือสองอย่างจริงจัง โดยมีการประชาสัมพันธ์และแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่นำคาร์ซีทมือสองที่ไม่ใช้แล้วมาซื้อขายแลกเปลื่ยนได้ที่ร้าน เพราะเห็นว่าการรับซื้อขายนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับครอบครัวที่ลูกโตเกินวัยแล้วได้นำของเหลือใช้มาแบ่งปันและเป็นการช่วยเหลือให้ครอบครัวอื่นได้ใช้ของดีในราคาประหยัด ซึ่งการให้บริการนี้ได้รับความนิยมอย่างมากจนคาร์ซีทมือสองถูกยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน แต่เมื่อทาง Baby Gift ได้มีการศึกษาจากข้อมูลในต่างประเทศและพบว่าการใช้คาร์ซีทมือสองนั้นมีความเสี่ยงและเป็นอันตรายกับเด็กๆ อย่างมาก อีกทั้งหน่วยงานรัฐบาลและเอกชนในเกือบทุกประเทศที่มีกฎหมายบังคับใช้คาร์ซีทต่างออกมาเรียกร้องให้พ่อแม่หลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทมือสองกันอย่างจริงจัง จึงทำให้ Baby Gift ไม่ลังเลที่จะหยุดให้บริการรับซื้อและจำหน่ายคาร์ซีทมือสองทันที และหันมายังเร่งประชาสัมพันธ์ให้คุณพ่อคุณแม่ชาวไทยได้รับทราบถึงผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้คาร์ซีทมือสอง โดยหวังว่าการให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้คาร์ซีทจะช่วยให้ทุกครอบครัวคัดเลือกคาร์ซีทที่ดีและปลอดภัยที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อย ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์childcarseats.org.uk แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ได้เคยซื้อคาร์ซีทจากร้าน Baby Gift *ก่อนวันที่ 1 ธันวาคม 2558* ทางร้านยินดีรับซื้อคาร์ซีทมือสองที่ซื้อจากร้านคืนตามที่เคยให้ข้อมูลในระหว่างการขายเพื่อเป็นการรับผิดชอบ แต่การซื้อคาร์ซีทมือสองของร้านหลังจากนี้จะเป็นการซื้อมาเพื่อทิ้งและทำลาย มิใช่การซื้อมาเพื่อขายต่อเช่นทุกครั้ง ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์ Transport Canada ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์ babycenter.com ข้อมูลอ้างอิง : เวปไซด์ healthychildren.org

รู้ทัน…ป้องกันเชื้อไวรัส สาเหตุอาการเจ็บป่วยที่พบบ่อยในเด็ก

เชื้อไวรัส คือ สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าแบคทรีเรียหลายเท่า เชื้อไวรัสมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิด สามารถทำให้เกิดโรคในมนุษย์ได้หลายโรค  มนุษย์คือโรงงานผลิตไวรัสออกมาจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันเซลล์ในร่างกายก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จึงเกิดอาการของโรคตามมา เมื่อถึงระยะหนึ่งเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส นั้นก็จะตาย หรือถูกทำลายไป ถ้าถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดอาการของโรคขึ้นมาอย่างชัดเจน  เชื้อไวรัสสามารถติดต่อและเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางการหายใจ ส่งผลให้เป็น โรคหวัด , ไข้หวัดใหญ่ ทางตา  ส่งผลให้เป็น  โรคตาแดง ทางปาก  ส่งผลให้เป็น โรคท้องเสีย ท้องร่วง ทางผิวหนัง  ส่งผลให้เป็น โรคอีสุกอีใส ไข้ทรพิษ การถูกยุงกัด ส่งผลให้เป็น ไข้เลือดออก ไวรัสสมองอักเสบ ทางเลือด ส่งผลให้เป็น โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบ ทางการตั้งครรภ์ (สามารถแพร่เชื้อจากแม่ไปสู่ลูกได้)ส่งผลให้เป็นเชื้อไวรัสHIV , โรคหัดเยอรมัน ทางการถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด ส่งผลให้เป็น โรคกลัวน้ำ โรคพิษสุนัขบ้า 1. การฆ่าเชื้อไวรัส ด้วยความร้อน มีทั้งความร้อนแห้งและความร้อนชื้น ความร้อนแห้งได้แก่ การเผาไฟโดยตรง ใช้ตู้เผาหรือเตาเผา ความร้อนชื้น ได้แก่ การต้ม การนึ่ง โดยทั่วไปการใช้ความร้อน 50-60 องศาเซลเซียล เป็นเวลา 30 นาที […]