หลักการง่ายๆในการเลือกรถเข็นเด็ก

เลือกจากประเภทการใช้งานให้เหมาะสมกับสรีระและน้ำหนักของเด็กค่ะโดยทั่วไปรถเข็นจะแบ่งออกเป็นสองประเภทคือ 1.1 รถเข็นเด็กสำหรับเด็กตั้งแต่แรกเกิด –  2 ปี 1.2 รถเข็นเด็กสำหรับเด็กประมาณ 7 เดือนนั่งหลังตรงได้แล้ว ถึงประมาณ 3 ปี หรือพวกก้านร่มที่มีน้ำหนักเบาพกพาง่าย วัสดุโครงสร้างของรถเข็นเด็ก ต้องแข็งแรงและที่สำคัญน้ำหนักต้องเบาเพราะว่าบางครั้งคุณแม่อาจจะต้องเดินทางโดยลำพังกับลูกน้อย นอกจากนี้เบาะที่สัมผัสของตัวน้องควรทำจากวัสดุที่นุ่มสบายเพื่อให้เด็กนั่งได้นาน อีกทั้งยังต้องมีคุณสมบัติในการระบายความร้อนที่ดีเนื่องจากอากาศที่เมืองไทยค่อนข้างร้อนและระบบปรับอุณหภูมิในเด็กเล็กนั้นยังทำงานได้ไม่ดีนักทำให้เด็กจะร้อนและเหงื่อออกได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ ล้อต้องเป็นล้อที่สามารถหมุนได้สะดวกและแข็งแรง เพราะจะทำให้การเคลื่อนตัวของรถเข็นคล่องตัวขึ้นแม้ว่าคุณแม่จะต้องเข็นรถในที่ที่แคบ โครงสร้างของผลิตภัณฑ์ต้องออกแบบมาเพื่อรักษาให้ขาและข้อต่อสะโพกอยู่ในรูปทรงตามธรรมชาติโดยประคองขาและข้อต่อสะโพกในอยู่ในรูปทรงตัว“M” ซึ่งเป็นท่าที่จะทำให้ขาและสะโพกของลูกน้อยมั่นคงที่สุดรวมทั้งจะส่งเสริมการเจริญเติบโตของกระดูกทั้งสองส่วนให้เป็นไปตามธรรมชาติที่ดีที่สุด มีหลังคาที่สามารถปกป้องลูกน้อยจากแสงแดดและรังสียูวีเพราะผิวหนังของเด็กนั้นยังบอบบางโดยที่บังแดดควรจะปรับได้ตามทิศทางของแสงแดดที่ปรับเปลี่ยนตามช่วงเวลาในแต่ละวัน นอกจากนี้ที่บังแดดยังช่วยบังลมให้ลูกน้อยได้อีกด้วย โครงสร้างของรถเข็นเด็ก ต้องออกแบบมาเพื่อปกป้องระบบการหายใจในกรณีที่เด็กอาจจะเผลอหลับบนรถเข็น โดยมีเบาะที่จะทำให้ศีรษะเด็กไม่เคลื่อนที่และป้องกันการบิดของลำคอจึงช่วยป้องกันภาวะหยุดหายใจขณะหลับเนื่องจากทางเดินหายใจอุดกั้น ข้อสำคัญอีกประการก็คือหากคุณใช้รถเข็นเด็กแรกเกิด ควรจะเลือกประเภทที่สามารถหันที่นั่งรถเอาหาตัวคุณแม่ได้ เนื่องจากเด็กเล็กต้องการความเอาใจใส่จากแม่เป็นพิเศษ เมื่อน้องออกไปข้างนอกเขาต้องการจะมองเห็นคุณแม่เพื่อความอุ่นใจค่ะ แต่ถ้าเป็นเด็กโตแล้ว เด็กจะให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวซึ่งในวัยนี้คุณแม่อาจจะปรับที่นั่งรถเข็นให้มองออกไปข้างนอกได้ค่ะ หากมีข้อสงสัย สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและคำแนะนำอย่างถูกต้อง

เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางด้วยคาร์ซีท

คุณพ่อคุณแม่ส่วนใหญ่ จำเป็นต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ และการที่จะพาลูกน้อยเดินทางไปด้วย โดยเฉพาะครอบครัวที่เพิ่งมีลูกเล็ก การดูแลในการเตรียมความพร้อมสำหรับเดินทางให้ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่ง คาร์ซีท Carseat จึงเป็นตัวช่วยหนึ่งสำหรับครอบครัวที่ต้องเดินทางอยุ่บ่อยๆ ค่ะ เทคนิคการเลือกซื้อคาร์ซีท Car seat แนะนำโดยคุณอรุณศรี พิริยเลิศศักดิ์ เจ้าของร้าน Baby Gift  ช่วงวัย เลือกคาร์ซีทตามวัยของลูก เพราะคาร์ซีทจะแบ่งตามเกณฑ์อายุของเด็ก ซึ่งบางตัวอาจจะใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน, แรกเกิดจนถึง 4 ปี หรือ 3 ปี ถึง 11 ปี เป็นต้น การเลือก คาร์ซีท Car seat ที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี เบาะควรมีความนุ่มหยุ่นมากพอสมควร รูปทรง รูปทรงที่ดี จะต้องสามารถรองรับสรีระของเด็กได้ อย่างเช่น carseat ของเด็กวัยแรกเกิด ควรมีการปรับองศาในการนอนที่มากพอ เพราะเด็กวัยนี้กระดูกต้นคอ และกระดูกสันหลังยังไม่แข็งแรง คุณสมบัติของผ้าที่ห่อหุ้ม ควรมีคุณสมบัติที่ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น คุณสมบัติคาร์ซีท Aprica รุ่น marshmellow(ปัจจุบันไม่มีจำหน่ายแล้ว) ใช้ได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึง 4 ปี สามารถปรับเปลี่ยนรูปทรงได้ตามสรีระของเด็ก โดยทั่วไปแล้ว คาร์ซีทจะไม่มีขาค้ำ […]

วิธีการเลือกคาร์ซีท

การเลือกคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยสำหรับลูกน้อยของคุณทำไมถึงต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยจึงจำเป็นต่อคุณและลูกน้อยล่ะ? หลายประเทศได้ออกกฏหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของคาร์ซีท carseat สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 ขวบ เนื่องจากคุณจะต้องใช้คาร์ซีท carseat ที่มีความปลอดภัยเพื่อป้องกันลูกน้อยจากอันตราย หรืออุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน ขณะที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ผู้โดยสารมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฏจราจร และหากคุณเดินทางพร้อมกับลูกน้อย โดยที่คุณจะต้องอุ้มลูกไว้ที่ตัก ก็อาจจะมีโอกาสที่คุณไม่สามารถที่จะอุ้มลูกได้อย่างมั่นคงและเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นลูกของคุณก็มีโอกาสที่จะได้รับบาดเจ็บสูงค่ะ ดังนั้นการมีคาร์ซีท ที่ปลอดภัยในรถยนต์ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยลดการบาดเจ็บของลูกน้อยได้ ทั้งนี้พึงระวังไว้ว่าการใช้คาร์ชีทที่ไม่ถูกต้อง อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงแก่เด็กมากขึ้น ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยสูงสุด คุณควรต้องเลือกใช้คาร์ซีท carseat ให้ถูกต้องพร้อมกับศึกษาการใช้งานอย่างถูกวิธีด้วยนะค่ะ หากไม่มีคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยแล้ว อัตราการเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 เท่า จากสถิติได้แสดงให้เห็นว่าเมื่อเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ขวบนั่งบนรถยนต์ที่ปราศจากคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยและประสบอุบัติเหตุ อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่าการนั่งบนรถยนต์ที่ติดตั้งคาร์ซีท carseat ที่ปลอดภัยถึง 4 เท่า ***ข้อควรระวัง เมื่อใช้งานคาร์ซีท carseat ไม่ถูกวิธี จากผลสำรวจเมื่อปี 2008 โดยองค์การทางรถยนต์ประเทศญี่ปุ่น ( Japan Automobile Federation :JAF) เกี่ยวกับการใช้งาน คาร์ซีท carseat พบว่า 32.7 % ของคาร์ซีท carseat ที่ใช้งานนั้นติดตั้งอย่างไม่แน่นหนา ขณะที่อีก 67.3 % นั้นถูกพบว่ายังใช้งานได้ไม่ถูกต้องนัก ไม่ว่าจะเป็นการรัดสะโพกที่หลวมเกินไป หรือ การใช้งานที่หัวเข็มขัดที่ใช้ยึดที่นั่งไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคุณจะเลือกใช้คาร์ซีท carseat ที่ถูกต้องแล้ว แต่หากการใช้งานไม่ถูกวิธีก็เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับเด็ก เพื่อลดปัญหาดังกล่าว เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับการใช้งานคาร์ซีทให้ถูกต้อง ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อคาร์ซีท […]

ทำไมถึงต้องให้เด็กนั่งคาร์ซีท?

“นั่งคาร์ซีทแบบใหม่ ลูกปลอดภัยกว่าเดิม ให้เด็กหันหน้าไปด้านหลัง ลดแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ” พ่อแม่ในอังกฤษต่างพากันตื่นตัว เมื่อทีมแพทย์แนะนำให้ลูกนั่งเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก หรือคาร์ซีท จากการศึกษาลักษณะการติดตั้งของคาร์ซีทที่ประสบอุบัติเหตุบ่อยครั้งนั้น ทีมแพทย์เผยว่า การที่ให้เด็กนั่งคาร์ซีทแบบนั่งหันหน้าไปด้านหลังรถ มีความปลอดภัยมากกว่า ให้เด็กนั่งคาร์ซีทแบบที่นั่งหันไปทางหน้ารถ ซึ่งวิธีนี้จะเหมาะสมกับเด็กแรกเกิดถึง 4 ปีเท่านั้น

พวกเรารักคาร์ซีท!!!

ไม่นานมานี้ดิฉันเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกับลูกๆทั้งสนุกสนานและปลอดภัยตั้งแต่ออกเดินทางจนถึงจุดมุ่งหมายเลยค่ะรู้สึกขอบใจตัวเองที่กัดฟันให้ลูกนั่งคาร์ซีท ตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก ทำให้ขับรถได้อย่างมีสมาธิ แต่กว่าจะถึงวันนี้ลูกก็เคยร้องไห้ประท้วงจนแหวะใส่เก้าอี้ตัวเองมาแล้ว ดิฉันใช้วิธีสงบสยบความเคลื่อนไหวร้องได้ร้องไป แค่ 15 นาทีเท่านั้น คลื่นลมก็สงบ ตั้งแต่นั้นมาลูกๆเรียนรู้เลยว่า เวลาขึ้นรถต้องไปนั่งที่ “เก้าอี้วิเศษ”  ของตัวเองและนั่งทุกครั้งแม้ระยะทางจะใกล้หรือไกลเพราะอุบัติเหตุอาจเกิดจากภัยในรถ เช่น ลูกทะเลาะกันที่เบาะหลัง (เจอมาแล้ว) หรือปีนป่ายจนได้รับอันตราย คุณแม่ท่านไหนที่ยังไม่มั่นใจในคาร์ซีท carseat ว่าจะช่วยวันยุ่งๆของคุณแม่ได้มากน้อยแค่ไหน ลองเคล็ดลับต่อไปนี้ดูสิคะ แล้วลูกคุณจะรัก “เก้าอี้วิเศษ” ของตัวเองขึ้นเยอะเลย สร้างความผูกพันกับเก้าอี้ อนุญาตให้ลูกเอาสติ๊กเกอร์มาตกแต่งเก้าอี้ เอาให้ถูกใจเลยเพราะต้องนั่งไปอีกนาน มอบรางวัล บอกลูกว่า เราจะออกเดินทางได้ก็ต่อเมื่อล็อกสายรัดนิรภัยเรียบร้อย แล้วลูกจะรีบทำตัวน่ารักเพราะอยากไปเที่ยว แต่ถ้ากำลังพาไปหาหมอ อาจให้ขนมเป็นรางวัลได้ เบี่ยงเบนความสนใจ ถ้าโยเยนัก ชวนคุยเรื่องการ์ตูนที่ลูกกำลังอินดีกว่า แค่นี้ก็เผลอจดจ่อกับการโม้เรื่องเจ้าหญิงกับฮีโร่ จนไม่ทันสังเกตว่า ตัวเองถูกจับนั่งเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว (มุกนี้ไม่เหนื่อย แถมสนุกดีด้วย) เตรียมของเล่นแก้เบื่อ ควรมีของเล่นชิ้นโปรดอยู่ในรถ แนะนำว่าควรเป็นของเบาๆ และไม่แข็ง เช่น หนังสือผ้า เพราะคุณอาจโดนลูกเอาของในมือปาใส่ขณะขับรถ หรือเลือกเปิดเพลงที่ลูกชอบแล้วร้องไปด้วยกันก็ได้ หยุดพักบ้าง หากต้องเดินทางไกลควรเลือกใช้เก้าอี้ปรับนอนเอนได้ และจอดพักสักครู่เพื่อให้ลูกได้ยืดเส้นยืดสาย เคล็ดลับก่อนตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีท อายุ ประเภทของคาร์ซีท […]

โครงการ”รักลูกให้รอดปลอดภัยเมื่อใช้รถ”

ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข กรมทางหลวง กองบังคับการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ) คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สสส และ คุณแทนคุณ จิตต์อิสระ จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา กระทรวงสาธารณสุข พบว่าในแต่ละปีจะมีเด็กอายุน้อยกว่า 15 ปี ประสบอุบัติเหตุจากการโดยสารรถยนต์ รถปิกอัพ หรือรถตู้ กว่า 5500 รายต่อปีหรือ 15 คนต่อวัน   เป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่ต้องการการนอนพักรักษาตัวหรือสังเกตุอาการในโรงพยาบาลประมาณ 1400 คนต่อปี และเสียชีวิต รวมประมาณ 70คนต่อปี ในจำนวนนี้เป็นรถปิกอัพกว่า 1190 ราย และรถยนต์ทั่วไปอีก 170 ราย ในช่วง 10 วันของเทศกาลสงกรานต์ จะมีเด็กบาดเจ็บจากอุบติเหตุทางถนนประมาณ 1100 ราย เป็นการบาดเจ็บรุนแรงที่เกิดจากการโดยสารรถยนต์ รถตู้ รถปิกอัพ ประมาณ 132 ราย ในจำนวนนี้มีการเสียชีวิตจำนวน 6 ราย เมื่อรถยนต์ มีการเบรกอย่างกะทันหัน หักเลี้ยวอย่างฉับพลัน หรือชนอย่างรุนแรง สิ่งที่เกิดขึ้นในทันทีก็คือ…ร่างของเด็กๆจะหลุดลอยจากที่นั่ง ไปอัดกับแผงคอนโซลหน้ารถ ปะทะกับกระจกหน้ารถ แล้วทะลุลอยละลิ่วออกนอกรถ หรือประตูรถเปิดออก แล้วเด็กกระเด็นออกไปนอกรถ ด้วยรูปร่างเล็กบอบบางของเด็กๆ จึงทำให้…กระโหลกศีรษะ กระดูกซี่โครง แขนขา แตกหัก ปอด หัวใจ รวมทั้งอวัยวะภายในช่องท้องต้องชอกช้ำ หรือ ฉีกขาดโดยเฉพาะศีรษะของเด็กๆ ที่กระแทกอย่างรุนแรง ทำให้มีเลือดออกในสมอง เป็นเหตุแห่งความพิการ หรือ เสียชีวิต… […]

พัฒนาการของเด็กในด้านต่างๆ

พัฒนาการของเด็ก แบ่งได้หลายแบบ โดยทั่วไปแบ่งออกเป็น 4 ด้านใหญ่ๆ คือ ด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Development) ด้านกล้ามเนื้อมัดเล็ก (Fine Motor Development) ด้านภาษา (Language Development) ด้านสังคม (Social Development) เด็กปกติทั่วไปจะมีลำดับขั้นของพัฒนาการใกล้เคียงกัน ถ้าเด็กมีพัฒนาการล่าช้าเกิน 6 เดือนขึ้นไป ถือว่ามีความผิดปกติบางอย่างที่ต้องรีบช่วยเหลือ และกระตุ้นพัฒนาการอย่างเร็วที่สุด พัฒนาการปกติในแต่ละช่วงวัยเป็นดังนี้ พัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมัดใหญ่ (Gross Motor Development) ช่วงวัย พัฒนาการ แรกเกิด  งอแขนขา, เคลื่อนไหวเท่ากัน 2 ด้าน  1 เดือน  หันหน้าซ้ายขวา  2 เดือน  ชันคอ  4 เดือน  ยกแขนดันตัวชูขึ้นในท่าคว่ำ  6 เดือน  คว่ำหงายได้เอง  9 เดือน  นั่งได้มั่นคง, คลาน, เกาะยืน  12 เดือน  เกาะเดิน  15 เดือน  เดินเองได้  18 เดือน […]

ถ้าลูกคือแก้วตาดวงใจของคุณ พิจารณาซักนิดก่อนเลือกใช้ คาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทถือว่าเป็นอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถที่สำคัญ ที่จะช่วยปกป้องชีวิตน้อยๆอันมีค่าเมื่อถืงคราวเกิดอุบัติเหตุ แต่ด้วยคาร์ซีทที่มีคุณภาพดีได้มาตรฐานความปลอดภัยและมีคุณสมบัติครบถ้วนจะผลิต และนำเข้าจากต่างประเทศซึ่งมักมีราคาสูง จึงทำให้เกิดช่องว่างและทำให้คุณพ่อคุณแม่หลายคนหันไปจับจองคาร์ซีทมือสองมาเป็นตัวเลือกให้ลูก โดยอาจมองข้ามความเสี่ยงนานับประการที่ลูกน้อยต้องเผชิญ เพื่อแลกกับความคุ้มค่าเพียงเล็กน้อย เราลองมาดูกันว่าถ้าคุณเลือกใช้คาร์ซีทมือสองแล้ว เจ้าตัวน้อยของคุณจะต้องเสี่ยงกับอะไรบ้าง มาตรฐานความปลอดภัยที่ลดลง เพราะคุณจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าคาร์ซีทมือสองนั้นได้ผ่านการเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหรือไม่ คาร์ซีทมือสองที่ผ่านอุบัติเหตุมาแล้วอาจมีสภาพที่ยังดูใหม่สะอาด แต่โครงสร้างจะเปลี่ยนไป การประกอบจะไม่แน่นหนาเหมือนของใหม่ ยิ่งในสมัยนี้มีการนำเข้าคาร์ซีทมือสองจากต่างประเทศทะลักเข้ามาเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงยิ่งเพิ่มขึ้นหลายเท่า เพราะคุณไม่สามารถรู้ที่มาของคาร์ซีทนั้นได้เลย แต่ถ้าคุณจำเป็นต้องเลือกใชคาร์ซีทมือสองจริงๆ แนะนำให้ซื้อจากผู้ใช้งานเดิมที่คุณรู้จัก เช่น เพื่อนหรือญาติพี่น้องที่สามารถบอกประวัติการใช้งานที่แท้จริงเท่านั้น เพื่อจะได้มั่นใจว่าคาร์ซีทมือสองที่กำลังส่งมอบให้ลูกน้อยนั้นปลอดภัยและไม่เคยเกิดอุบัติเหตุจริงๆ    2.คาร์ซีทก็เหมือนของใช้ทั่วไปที่เสื่อมโทรมตามอายุการใช้งาน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปพลาสติกซึ่งเป็นโครงสร้างที่สำคัญ ก็จะเริ่มเก่าและกรอบ ฟองน้ำ วัสดุรองรับกันกระแทกที่เคยนุ่มและโอบกระชับได้ดี ก็จะเริ่มฟีบ แบน แข็ง และไม่สามารถรองรับการกระแทกได้จริงเมื่อถึงคราวเกิดอุบัติเหตุ และที่อันตรายที่สุด คืออุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการติดตั้ง รวมถึงคู่มืออาจตกหาย ทำให้คุณติดตั้งผิดวิธีหรือไม่ได้มาตรฐานอย่างที่ควร ยิ่งทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวเมื่อถึงคราวเกิดอุบัติเหตุ และเมื่อถือเวลาน้ันพ่อค้าแม่ค้าคนกลางเหล่านั้น คงตอบคุณได้แค่คำเดียวว่า “ไม่รู้” หรือ “ไม่ทราบ” ซึ่งคงไม่ช่วยให้ชีวิตน้อยๆ กลับคืนมาได้    3.แน่นอน!!!ขึ้นชื่อว่าพ่อค้าแม่ค้าแล้ว ทุกคนคือผู้หวังกำไรจากการขายสินค้า จึงทำให้ผู้ขายคาร์ซีทมือสอง หลายรายแอบอ้างชื่อแบรนด์ หรือชื่อรุ่นใหม่ๆ เพื่อเรียกราคาสูงๆทำให้คุณพ่อคุณแม่มือใหม่หลายคนหลงเชื่อ และจ่ายราคาแพงขึ้นเพราะเชื่อว่าเป็นรุ่นใหม่ชนช๊อป เทียบห้าง หรืออาศัยเทคนิคการขายต่างๆ เพื่อเพิ่มมูลค่าตัวสินค้าให้ใกล้เคียงของใหม่แกะกล่อง คาร์ซีทมือสองบางตัวขายกันในราคาหลักหมื่นทั้งๆที่ตกรุ่นไปแล้ว ซึ่งผู้ผลิตอาจไม่มีอะไหล่สำรองเมื่อคราวต้องดูแลรักษา    4.พ่อค้าแม่ค้าบางคนอาจดูเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในตัวคาร์ซีททั้งๆ ที่จริงแล้วไม่เคยผ่านการอบรมเกี่ยวกับตัวผลิตภัณฑ์ที่ถูกต้องจากผู้ผลิต หรือบางรายอาจเป็นแค่ผู้ที่เคยใช้มาก่อนเท่านั้น จึงอาศัยประสบการณ์อันเล็กน้อยมาเป็นข้อมูลในการขาย […]

คาร์ซีท…นวัตกรรมป้องกันลูกน้อย

ปกป้องลูกน้อยระหว่างการเดินทางด้วยรถยนต์ด้วย “คาร์ซีท”อะปริก้า (Aprica) ผลิตภัณฑ์เด็กอันดับหนึ่งจากญี่ปุ่น บริษัท เบบี้ กิ๊ฟ (ไทยแลนด์)  ผู้นำเข้าและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ อะปริก้า (Aprica) ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่คิดค้นโดยกุมารแพทย์ เปิดตัว “คาร์ซีท” (เก้าอี้นั่งนิรภัยในรถสำหรับเด็ก) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากประเทศญี่ปุ่น ด้วยการเชิญคุณพ่อคุณแม่มือใหม่พบกับ Aprica รุ่น Bettino Feel (ราคา 39,500 – 42,900 บาท) ที่พัฒนามาจากความเข้าใจในความต้องการของทารกที่ไม่เพียงแต่ให้ความปลอดภัยเท่านั้น และสมบูรณ์แบบด้วยการออกแบบที่พร้อมให้ความสะดวกสบายด้วยฟังค์ชั่นพิเศษไม่เหมือนใคร เทคนิคการหมุนรอบทิศทาง 360 องศา และปรับเปลี่ยนเป็นเตียงนอนสำหรับเด็กทารกวัยแรกเกิด หรือเก้าอี้นั่งสำหรับเด็กวัย 9 เดือนขึ้นไป ติดตั้งและใช้งานได้ถึง 3 รูปแบบตามช่วงวัยที่เหมาะสม  ช่วยให้หนูน้อยเดินทางได้อย่างปลอดภัยและนอนหลับสบายมีสุขภาพดีถูกต้องตามหลักสรีระศาสตร์ พบกับ “คาร์ชีท” (เก้าอี้นั่งนิรภัยในรถสำหรับเด็ก) จาก อะปริก้า (Aprica) ที่พารากอน ดีพาร์ทเม้นสโตร์ และ เซ็นทรัล ดีพาร์ทเม้นสโตร์ (สาขา ชิดลม บางนา และแจ้งวัฒนะ) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้  02-862-0445,086-355-1902 และ […]

การติดตั้ง”คาร์ซีท” ทำอย่างไรให้ถูกวิธี

          ความสำคัญกับการมีคาร์ซีทของเจ้าตัวเล็ก ที่ติดตั้งอยู่ภายในรถเพื่อความปลอดภัยนั้น สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง คือการติดตั้งอย่างไรให้ถูกวิธี เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าการใช้คาร์ซีท หรือที่นั่งสำหรับเด็กบนรถยนต์นั้น มีความปลอดภัยมากกว่าการอุ้มเด็กไว้บนตัก เราจึงควรให้ความใส่ใจในเรื่องนี้ให้มากด้วยค่ะ ทางเราจึงขอแนะนำสิ่งดีๆ เกี่ยวกับการติดตั้งคาร์ซีทอย่างถูกวิธีมาฝากกันค่ะ   1. ติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง           โดยทั่วไป เราย่อมคิดว่าเด็กควรหันหน้าไปทางหน้ารถ แต่ตามคำแนะนำของสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งอเมริกา แนะนำว่า “ทารก” ควรนั่งแบบ Rear Facing หรือติดตั้งคาร์ซีทโดยหันหน้าไปทางด้านหลัง จนอายุ 2 ขวบ หรือความสูงและน้ำหนักถึงเกณฑ์ ส่วนหนึ่งเพราะคอของทารกยังไม่แข็งแรง หากคุณพ่อคุณแม่เบรกอย่างรุนแรงอาจเป็นอันตรายได้ค่ะ แต่วิธีนี้อาจทำให้เจ้าตัวเล็กร้องโวยวายได้เป็นเดือนๆ เลย เพราะเขาจะมองไม่เห็นหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเขานั่นเอง ดังนั้น ควรทำใจเย็นๆ และหาของเล่นมีเสียงกรุ๋งกริ๋งติดรถไว้บ้าง เผื่อไว้หลอกล่อลูกกันการแผดเสียงค่ะ   2. ไม่ควรติดตั้งคาร์ซีทที่เบาะด้านหน้า           หากเกิดอุบัติเหตุ การทำงานของถุงลมนิรภัยจะทำให้ลูกน้อยเป็นอันตรายได้นั่นเอง […]