รู้ทัน…ป้องกันเชื้อไวรัส สาเหตุอาการเจ็บป่วยที่พบบ่อยในเด็ก

เชื้อไวรัส คือ สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กมาก เล็กกว่าแบคทรีเรียหลายเท่า เชื้อไวรัสมีหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิด สามารถทำให้เกิดโรคในมนุษย์ได้หลายโรค  มนุษย์คือโรงงานผลิตไวรัสออกมาจำนวนมหาศาล ในขณะเดียวกันเซลล์ในร่างกายก็ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ตามปกติ จึงเกิดอาการของโรคตามมา เมื่อถึงระยะหนึ่งเซลล์ที่ติดเชื้อไวรัส นั้นก็จะตาย หรือถูกทำลายไป ถ้าถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ก็จะเกิดอาการของโรคขึ้นมาอย่างชัดเจน  เชื้อไวรัสสามารถติดต่อและเข้าสู่ร่างกายได้หลายทาง เช่น ทางการหายใจ ส่งผลให้เป็น โรคหวัด , ไข้หวัดใหญ่ ทางตา  ส่งผลให้เป็น  โรคตาแดง ทางปาก  ส่งผลให้เป็น โรคท้องเสีย ท้องร่วง ทางผิวหนัง  ส่งผลให้เป็น โรคอีสุกอีใส ไข้ทรพิษ การถูกยุงกัด ส่งผลให้เป็น ไข้เลือดออก ไวรัสสมองอักเสบ ทางเลือด ส่งผลให้เป็น โรคเอดส์ ไวรัสตับอักเสบ ทางการตั้งครรภ์ (สามารถแพร่เชื้อจากแม่ไปสู่ลูกได้)ส่งผลให้เป็นเชื้อไวรัสHIV , โรคหัดเยอรมัน ทางการถูกสัตว์ที่เป็นโรคกัด ส่งผลให้เป็น โรคกลัวน้ำ โรคพิษสุนัขบ้า 1. การฆ่าเชื้อไวรัส ด้วยความร้อน มีทั้งความร้อนแห้งและความร้อนชื้น ความร้อนแห้งได้แก่ การเผาไฟโดยตรง ใช้ตู้เผาหรือเตาเผา ความร้อนชื้น ได้แก่ การต้ม การนึ่ง โดยทั่วไปการใช้ความร้อน 50-60 องศาเซลเซียล เป็นเวลา 30 นาที […]

10 วิธีเลือกซื้อรถเข็นเด็กให้ถูกใจ

รถเข็นเด็กเป็นตัวช่วยที่ดีสำหรับพ่อแม่ในการพาลูกเดินเที่ยว ช่วยให้ไม่เมื่อยหรือเสี่ยงต่ออาการปวดหลังของคนอุ้มด้วย ขณะที่ตัวเด็กเองนอกจากจะได้นั่งมองวิว และนอนสบายแล้ว สามารถเล่นของเล่นไปในเวลาเดียวกันได้ด้วย ก่อนเลือกซื้อรถเข็นเด็ก ต้องรู้คุณสมบัติของรถข็นเด็กที่ดีก่อน 1. เบาะรองนอนระบายอากาศ เพราะร่างกายของเด็กทารกมีรูขุมขนขนาดเล็กกว่าของผู้ใหญ่มาก จึงทำให้ร่างกายของเด็กขับเหงื่อออกมามากกว่าผู็หญิงเพื่อระบายความร้อนของร่างกาย จึงควรเลือกรถเข็นเด็กที่สามารถระบายอากาศได้ดี จึงช่วยลดการเกิดผดผื่น และวคามอับชื้น ซึ่งจะนำไปสู่การเกิดผื่นคัน เพราะต่อมเหงื่ออุดตันได้ 2. ช่องระบายอากาศด้านหลัง และฉนวนกันความร้อน พื้นถนนมีความร้อนสะสมสูงมาก ความร้อนจะสะท้อนขึ้นมาได้ที่นั่งของรถเข็นเด็ก  รถเข็นเด็กที่มีฉนวนกับความร้อนที่ด้านหลังจะช่วยสะท้อนความร้อนจากพื้นเพื่อลดอุณหภูมิที่บริเวณหลังของเด็ก นอกจากนี้การเพิ่มช่องระบายอากาศด้านหลังยังช่วยระบายเหงื่อลดความอับชื้นช่วยให้เด็กนอนหลับได้สบายตัวมากขึ้น 3. หลังคาบังแดดป้องกัน UV ได้ ควรเลือกรถเข็นเด็กที่มีหลังคาบังแดดได้อย่างชัดเจน และมีคุณสมบัติป้องกันรังสี UV ที่เป็นอันตรายต่อผิวและดวงตาของลูกน้อย 4. พับกางสะดวก รถเข็นเด็กที่สามารถพับกางและเก็บได้ด้วยมือเดียวจะช่วยให้คุณแม่สะดวกสบายมากขึ้น เพราะสามารถพับหรือกางรถเข็นเด็กได้อย่างง่ายดายแม้ในขณะอุ้มลูกน้อย 5. พับแล้วตั้งกับพื้นได้ รถเข็นเด็กที่พับแล้วยังสามารถได้โดยไม่ล้มกองบนพื้นจะช่วยให้คุณสามารถลากไปมาสะดวกและยังปลอดจากสิ่งสกปรกบนพื้นที่อาจเป็นอันตรายต่อลูกน้อยได้ 6. ไม่มีรอยต่อหรือพับเล็กมากเกินไปควรเชื่อมเป็นชิ้นเดียวกันเพื่อความแข็งแรง เพราะรถเข็นเด็กทั่วไปมักมีชิ้นส่วนต่อเข้าด้วยกันหลายชิ้น เมื่อผ่านการใช้งาน มักมีการขยับตัวเป็นสาเหตุให้โครงสร้างไม่แข็งแรงและเกิดการสั่นสะเทือนเมื่อเข็นในที่ขรุขระ รถเข็นเด็กที่ดีควรมีการเชื่อมต่อส่วนที่สำคัญเป็นชิ้นเดียวและไม่ควรมีข้อต่อที่พับได้จนเล็กเกินไป จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงแม้ผ่านการใช้งานที่ยาวนาน 7. เบาะรถเข็นเด็กถอดซักทำความสะอาดได้ง่าย สามารถซักทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง และซักในเครื่องซักผ้าได้ และยังตากแห้งได้ง่าย จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขอนามัยที่ดี 8. น้ำหนักเบา รถเข็นเด็กน้ำหนักเบาช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการเดินทาง 9. […]

ซื้อกับตัวแทน ถูกต้อง ถูกใจ ไม่เสียใจภายหลัง

…เมื่อมั่นใจในผลิตภัณฑ์ Aprica Ailebebe สิ่งที่คำนึงถึงคือ ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพราะเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ซื้อแล้วเกิดปัญหาจะแก้ให้เราได้หรือไม่? มีการรับประกันสินค้าหรือไม่? อะไหล่ชำรุดแล้วเปลี่ยนได้หรือไม่? เมื่อเสียแล้วสามารถซ่อมได้หรือไม่? เลือกช๊อปกับ BabyGift มั่นใจ ปลอดภัย100% ไม่เสียใจภายหลัง เพราะเราเป็นตัวแทนจำหน่าย Aprica Ailebebe ที่ถูกต้อง มีการรับประกันสินค้า และพร้อมให้บริการตลอดการใช้งาน

6เหตุผลดีๆที่ควรเลือกBabyGift

เมื่อมั่นใจในผลิตภัณฑ์ Aprica Ailebebe สิ่งที่คำนึงถึงคือ ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ เพราะเราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ซื้อแล้วเกิดปัญหาจะแก้ให้เราได้หรือไม่? มีการรับประกันสินค้าหรือไม่? อะไหล่ชำรุดแล้วเปลี่ยนได้หรือไม่? เมื่อเสียแล้วสามารถซ่อมได้หรือไม่? เลือกช๊อปกับ BabyGift มั่นใจ ปลอดภัย100% ไม่เสียใจภายหลัง เพราะเราเป็นตัวแทนจำหน่าย Aprica Ailebebe ที่ถูกต้อง มีการรับประกันสินค้า และพร้อมให้บริการตลอดการใช้งาน ดังนี้ 1.สินค้ามีระยะรับประกัน 1 ปีนับจากวันที่ซื้อสินค้า โดยลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขยายระยะเวลาประกันสูงสุด 4 ปี สามารถตรวจสอบ อายุการรับประกันคงเหลือสินค้า ได้ที่ www.babygiftservice.com 2.อะไหล่แท้ส่งตรงจากญี่ปุ่นที่มีเฉพาะตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการเท่านั้น 3.เปลี่ยนฟรีเมื่อคาร์ซีทเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน รับประกัน 4 ปีเต็มเพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ และคาร์ซีทที่ผ่านการเกิดอุบัติเหตุรุนแรงมาแล้ว จะไม่มีความปลอดภัยเพียงพอที่จะนำมาใช้อีก ดังนั้นเพื่อให้คุณมั่นใจว่าลูกน้อยจะได้รับการปกป้อง 100% ตลอดการเดินทาง Baby Gift ยินดีเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่ให้ทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันตลอดระยะเวลา 4 ปี 4.ผู้เชี่ยวชาญให้คำปรึกษาที่ผ่านการอบรมจากบริษัทผู้ผลิตโดยตรง ให่คำแนะนำการใช้งาน การติดตั้งอย่างถูกวิธี 5.ช่างซ่อมที่มีความชำนาญ ที่ได้รับการอบรมจากศูนย์บริการในต่างประเทศ 6.มีศูนย์บริการใกล้บ้าน ด้วยประสบการณ์ด้านรถเข็นเด็ก คาร์ซีทกว่า 10 […]

คาร์ซีทก็มีวันหมดอายุเหมือนกันนะ

ในประเทศสหรัฐอเมริกา กฏหมายกำหนดให้ผู้ผลิตคาร์ซีทจะต้องระบุวัน/เดือน/ปีที่ผลิตและวันหมดอายุของคาร์ซีท บนผลิตภัณฑ์ทุกชิ้น เพื่อกำหนดอายุการใช้งานของคาร์ซีทที่แท้จริง โดยกฏหมายไม่ได้ระบุอายุการใช้งานที่ชัดเจนเพราะขึ้นอยู่กับวัสดุและโครงสร้างที่ใช้ผลิตคาร์ซีท โดยส่วนใหญ่คาร์ซีทที่ขายในสหรัฐอเมริกาจะมีอายุการใช้งานประมาณ 6 ปี นับจากวันที่ผลิต(มิใช่วันที่ซื้อ) อย่างไรก็ตามคาร์ซีทที่มิได้จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกามักไม่ได้มีข้อมูลเกี่ยวกับวันที่ผลิตหรือวันหมดอายุระบุไว้ ดังนั้นวิธีการตรวจสอบง่ายๆ คือหลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทเก่า คาร์ซีทมือสอง คาร์ซีทตกรุ่น หรือคาร์ซีทที่เก็บไว้เป็นเวลานาน เมื่อคาร์ซีทหมดอายุจะเป็นเช่นไร? คาร์ซีททุกตัวมีโครงสร้างพลาสติกเป็นส่วนประกอบหลัก และคาร์ซีทเป็นอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในรถยนต์ ซึ่งเมื่อมีการใช้งานเป็นเวลานาน ความร้อนและแสงUV จะทำให้พลาสติกเสื่อมสภาพ กรอบ แตกหักง่าย นอกจากนี้แสง UV ยังทำให้วัสดุรองรับแรงกระแทกและเบาะรองตัว หมอนรองศีรษะทารกที่เคยนุ่มกลับแข็งและขาดความยืดหยุ่นจึงไม่สามารถใช้ปกป้องทารกได้ และโดยเฉพาะในเมืองไทยที่มีอากาศร้อนและแสงแดดจัด คาร์ซีทที่ถูกติดตั้งทิ้งไว้ในรถอาจมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้นจึงแนะนำให้ควร ถอดและเก็บคาร์ซีทออกจากรถในกรณีที่ไม่ได้มีการใช้งานเป็นเวลานาน เพื่อเป็นการยืดอายุการใช้งานของคาร์ซีทให้มีสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้ได้นานขึ้น

เคล็ดลับในการเลือกซื้อคาร์ซีท

การเลือกซื้อคาร์ซีท เคล็ดลับในการเลือกซื้อคาร์ซีท ไม่มีคาร์ซีทตัวไหนที่ที่ดีที่สุดหรือที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับทุกคน เพราะฉะนั้นการเลือกคาร์ซีทที่ดีควรเลือกให้เหมาะกับขนาดของเด็ก ติดตั้งได้อย่างถูกต้องและเหมาะกับรถของคุณ และใช้งานอย่างถูกวิธีได้ทุกครั้งที่คุณเดินทาง อย่าตัดสินใจเลือกซื้อจากราคาเพียงอย่างเดียว เพราะราคาที่แพงกว่าไม่ได้แปลว่าคุณจะได้คาร์ซีทที่ปลอดภัยกว่าหรือใช้ง่ายกว่า หลีกเลี่ยงการใช้คาร์ซีทมือสองที่คุณไม่รู้ประวัติการใช้งานโดยเด็ดขาด และที่สำคัญ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ที่มีสภาพเก่าเกินไป ควรตรวจดูได้วันที่ผลิตที่ตัวคาร์ซีทหรือสอบถามจากผู้ผลิตว่าคาร์ซีทตัวนี้เป็นรุ่นปีอะไร ยังควรใช้งานอีกหรือไม่ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีสภาพชำรุด ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ไม่มีชื่อรุ่น วันที่ผลิต หมายเลขรุ่น เพราะถ้าไม่มีข้อมูลเหล่านี้กำกับไว้คุณจะไม่สามารถรู้ได้ว่ามีการเรียกคืนคาร์ซีทตัวนั้นเนื่องจากการบกพร่องของผู้ผลิตหรือไม่ ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่ไม่มีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย คุณจำเป็นต้องศึกษาการใช้งานอย่างละเอียด ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีส่วนปะกอบและอะไหล่ไม่ครบ คาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่มักมีอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนที่สำคัญหายไป ตรวจสอบกับผู้ผลิตให้มั่นใจว่าคาร์ซีทมือสองที่คุณได้รับมานั้นมีอุปกรณ์ต่างๆ ติดมาด้วยอย่างครบถ้วน ไม่ควรใช้คาร์ซีทที่มีการถูกเรียกคืนโดยผู้ผลิต คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ผลิตหรือติดต่อไปที่ กรมทางหลวง NHTSA โทร 888/327-4236 หรือเว็ปไซต์ NHTSA (เฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกา) ห้ามใช้คาร์ซีทที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุไม่ว่าจะปานกลางหรือรุนแรง คาร์ซีทที่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยมาแล้วอาจจะยังใช้งานต่อไปได้ แต่ผู้ผลิตบางรายแนะนำให้ควรเปลี่ยนคาร์ซีทตัวใหม่เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุแม้จะเป็นแค่อุบัติเหตุเล็กๆ กรมทางหลวงหรือ NHTSA ได้พิจารณาลักษณะการเกิดอุบัติและประเมิณว่าเป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อยไว้ดังนี้ หากรถที่ประสปอุบัติเหตุยังสามารถใช้งานขับต่อไปได้หลังเกิดอุบัติเหตุ ประตูฝั่งที่ติดกับคาร์ซีทไม่ได้รับความเสียหาย ไม่มีใครในรถได้รับบาดเจ็บ ถุงลมนิรภัยไม่ได้ทำงาน ไม่มีร่องรอยการชำรุดเสียหายของคาร์ซีท แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าควรใช้คาร์ซีทมือสองนั้นหรือไม่ ลองสอบถามไปยังผู้ผลิตโดยตรงจะดีที่สุดค่ะ ***ขอบคุณแหล่งที่มา : เวปไซด์ www.healthychildren.org

คาร์ซีทมือสองแบรนด์ดัง นำเข้าจากญี่ปุ่นราคาถูกต้องดูทางนี้

   เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมคาร์ซีทแบรนด์ดังนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งหลายที่ขายกันในห้างราคาสองสามหมื่นบาท แต่พอมาเป็นมือสองสภาพเยี่ยมเหมือนใหม่แถมยังดูน่าใช้ถึงได้ขายกันในราคาแค่ไม่กี่พันถึงหมื่นกว่าบาท เรียกได้ว่าทั้งสภาพและราคาดูน่าตื่นเต้นและดูสุดคุ้มจนหลายคนอยากซื้อมาใช้ให้ลูกนั่งกันเลยทีเดียว       คำตอบง่ายๆ ก็คือ เพราะคาร์ซีทมือสองเป็นของที่คนในประเทศญี่ปุ่นเค้าไม่ใช้กันแล้ว เมื่อความต้องการน้อย ขายยาก ราคาก็ถูกเป็นธรรมดา เพราะพ่อแม่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ทราบดีว่า คาร์ซีทมือสองนั้นอันตรายและไม่ควรนำกลับมาใช้อีก ถึงแม้ว่าคาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่จะผ่านการโมดิฟายด้วยเทคนิคการทำความสะอาดขั้นเทพของคนญี่ปุ่นที่ไม่ว่าของจะเก่า เลอะ เปรอะเปลื้อนแค่ไหน ไม่ว่าจะคราบเลือด คราบอาเจียน เชื้อรา กลิ่นเหม็นจากปัสสาวะเด็ก สีซีดจางขนาดไหนก็สามารถทำให้ใหม่ได้โดยง่าย ทำให้คาร์ซีทที่ถูกใช้มานานหลายปียังดูสะอาดและสวยสภาพดีไม่ต่างจากของใหม่ โดยในขั้นตอนการทำความสะอาดคาร์ซีทที่สกปรกมากๆ นั้นอาจจะต้องมีการถอดชิ้นส่วนสำคัญๆ เช่น เข็มขัดนิรภัย ตัวล๊อกต่างๆ เพื่อขัดถูกันถึงข้างใน  การประกอบชิ้นส่วนเหล่านี้กลับเข้าที่โดยผู้ที่ไม่มีความชำนาญ และไม่มีอุปกรณ์เฉพาะของโรงงานผู้ผลิต จะทำให้คาร์ซีทนั้นหลวมไม่แน่นหนาและไม่มีความปลอดภัยเพียงพอที่จะใช้ปกป้องเด็กได้ รวมถึงจะไม่ได้รับการรับประกันและอาจไม่สามารถส่งเข้าศูนย์ซ่อมได้อีก ดังนั้นร้านจำหน่ายสินค้ามือสองที่มีของให้เลือกหลากหลายประเภทรวมถึงของใช้เด็กมือสองในประเทศญี่ปุ่นจึงตั้งราคาขายคาร์ซีทมือสองในราคาที่ถูกมากแค่ 500 – 10,000 เยน (หรือประมาณ 150 – 3,000 บาท) ขึ้นอยู่กับสภาพและปีที่ออกจำหน่าย จริงๆ แล้วการใช้ คาร์ซีทมือสองก็ไม่ต่างอะไรกับการส่งมอบระเบิดเวลาให้กับเด็กๆ ที่ไร้เดียงสา เพราะเมื่อถึง คราวเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงจะมีซักกี่คนที่จะรู้ว่าคาร์ซีทมือสองเหล่านี้จะสมบูรณ์และปลอดภัยพอที่จะช่วยปกป้องชีวิตน้อยๆ ได้มากแค่ไหน ในต่างประเทศที่มีการใช้คาร์ซีทอย่างแพร่หลายและมีกฎหมายบังคับควบคุมการใช้คาร์ซีท หน่วยงานรัฐบาลและเอกชนต่างร่วมกันออกมารณรงค์ให้พ่อแม่ทุกคนเข้าใจและตระหนักถึงภัยอันตรายจากการใช้คาร์ซีทมือสองกันอย่างจริงจัง   ตัวอย่างเช่น เวปไซด์ childcarseats.org.uk ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลอังกฤษที่ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้คาร์ซีทอย่างถูกต้อง ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับคาร์ซีทมือสองด้วยคำแนะนำง่ายๆ […]

คำแนะนำเกี่ยวกับคาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทมือสอง คำแนะนำที่ดีที่สุดคืออย่าซื้อคาร์ซีทมือสองมาใช้เลย คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่าคาร์ซีทมือตัวสองนั้นมีประวัติมาอย่างไร อาจจะผ่านการเกิดอุบัติเหตุและได้รับความเสียหายในส่วนที่เรามองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคาร์ซีทมือสองส่วนมากมักจะไม่มีคู่มือการใช้งานให้เราได้ศึกษาวิธีใช้งานอย่างถูกวิธี จึงยากที่จะรู้ว่าเราใช้งานได้อย่างถูกต้องปลอดภัยหรือไม่ คาร์ซีทมือสองส่วนใหญ่ที่ถูกนำมาขายนั้นมักจะเป็นรุ่นเก่าๆ ที่มีการชำรุดเสียหาย เสื่อมสภาพ  หรือการออกแบบไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน การซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จริงๆ แล้วคาร์ซีทมีหลากหลายราคาให้เลือกซื้อซึ่งเราก็ไม่จำเป็นต้องซื้อรุ่นที่ราคาที่แพงที่สุด ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานพิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนในพื้นที่ที่คุณพักอาศัยดูเผื่อเค้าอาจจะทราบว่ามีกิจกรรมลดราคาคาร์ซีทบ้างหรือไม่ (หน่วยงานพิทักษ์ความปลอดภัยบนท้องถนนเป็นหน่วยงานในประเทศอังกฤษ) แต่ถ้าคุณมีความจำเป็นต้องใช้คาร์ซีทมือสองจริงๆ ควรใช้คาร์ซีทที่ได้รับต่อมาจากบุคคลในครอบครัวหรือเพื่อนที่คุณสามารถมั่นใจมากว่าคุณทราบประวัติเกี่ยวกับคาร์ซีทตัวนั้นอย่างละเอียด (ประวัติการเรียกคืนจากผู้ขาย การใช้งาน การเกิดอุบัติเหตุ ผู้ใช้งานและลักษณะการถูกใช้งานก่อนหน้านี้)  รวมถึงคาร์ซีทนั้นต้องมีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย  และควรเลือกใช้คาร์ซีทที่ไม่เก่าจนเกินไป แต่ที่สำคัญห้ามซื้อจากร้านขายของมือสองหรือคนที่ประกาศขายของมือสองทั้งในหน้าหนังสือพิมพ์หรือตลาดออนไลน์โดยเด็ดขาด ก่อนที่จะใช้คาร์ซีทมือสอง คุณควรจะ : ตรวจดูสภาพของคาร์ซีทอย่างละเอียดถี่ถ้วน (อย่างไรก็ตามความเสียหายที่เกิดกับคาร์ซีทนั้นไม่สามารถตรวจสอบได้ด้วยตาเปล่าได้ทั้งหมด มั่นใจว่ามีคู่มือการใช้งานที่มาจากผู้ผลิตติดมาด้วยทุกครั้ง ขอคำแนะนำจากผู้ผลิตเกี่ยวกับรุ่น ปีที่ผลิต และระยะเวลาที่สามารถใช้งานต่อได้ เลือกคาร์ซีทที่เหมาะกับน้ำหนักและความสูงของเด็ก ลองติดตั้งคาร์ซีทในรถก่อนซื้อ ถ้าผู้ขายไม่อนุญาติให้คุณลองติดตั้งคาร์ซีทในรถ จงอย่าซื้อ ตรวจสอบว่าคาร์ซีทนั้นรองรับมาตรฐานการผลิต United Nations Standard Regulation 44.04 หรือไม่  โดยสังเกตหาสัญลักษณ์ตัว E หรือ I-Size ทีติดอยู่ที่คาร์ซีท ***ขอบคุณแหล่งที่มา : เว็บไซด์ childcarseats.org.uk

คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กมีอายุการใช้งานนานเท่าไร

คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กมีอายุการใช้งานนานเท่าไร??? ถึงแม้จะไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้ แต่คาร์ซีทและบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กที่วางขายในประเทศแคนนาดาจะมีการระบุวันที่หมดอายุหรืออายุการใช้งานกำกับไว้ที่คาร์ซีททุกตัว ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถทราบถึงอายุการใช้งานของคาร์ซีทและสามารถพิจารณาถึงความเสี่ยงในการใช้คาร์ซีทในกรณีที่คาร์ซีทนั้นอาจมีอายุการใช้งานที่เหลือน้อยกว่าที่ต้องการ    ผู้ปกครองไม่ควรใช้คาร์ซีทที่เลยวันหมดอายุ สำหรับคาร์ซีทที่หมดอายุแล้วควรจะนำไปกำจัดทิ้งอย่างถาวร ไม่ควรนำไปบริจาค ขาย หรือมอบให้เพื่อนและครอบครัวใช้ต่อ ยิ่งไปกว่านั้นตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค ยังได้ประกาศไว้ว่า ห้ามทำการโฆษณา จำหน่าย หรือมอบคาร์ซีทที่ผลิตก่อนวันที่ 1 มกราคม 2012 ให้แก่ผู้อื่นโดยเด็ดขาดเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค เนื่องจากคาร์ซีทนั้นไม่ได้มาตรฐานการผลิตที่กำหนดไว้ในปัจจุบัน สาเหตุที่ทำให้ผู้ผลิตระบุวันหมดอายุหรืออายุการใช้งานไว้ที่คาร์ซีท!!! คาร์ซีทที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะมีการตากแสงแดดจ้า ทำให้พลาสติกค่อยๆเสื่อมสภาพลง ป้ายเตือนความปลอดภัยจะค่อยๆจางจนอ่านไม่ออก คู่มือการใช้งานสูญหาย อาจมีอาหาร เครื่องดื่ม หรือของเหลว หกใส่อุปกรณ์และชิ้นส่วนต่างๆ เช่น สายรัด หัวเข็มขัด ที่ปรับต่างๆ ทำให้อุปกรณ์เหล่านี้เสื่อมสภาพลง ไม่สามารถตรวจสอบประวัติการใช้งานได้ (เช่น คาร์ซีทนั้นอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน หรืออาจถูกเก็บไว้ในสถานที่ที่ทำให้คาร์ซีทเกิดความเสียหายก็เป็นได้) กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยมีการปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคมากขึ้น เจ้าของคาร์ซีทมือสองหรือผู้ที่รับคาร์ซีทมือสองมาใช้ต่ออาจไม่ได้รับการแจ้งจากผู้ผลิตในกรณีที่คาร์ซีทรุ่นนั้นถูกเรียกคืนเพราะเนื่องจากการผลิตบกพร่อง ในประเทศแคนาดา ทุกรัฐและทุกจังหวัดได้มีข้อกำหนดให้ต้องมีการติดตั้งคาร์ซีทสำหรับเด็กเล็กและการติดตั้งบูซเตอร์ซีทสำหรับเด็กโตที่ไว้ในรถยนต์เพื่อความปลอดภัยของเด็กทารกและเด็กเล็ก  หลายๆ จังหวัดได้ออกกฎระเบียบให้เด็กที่มีขนาดตัวเล็กว่าที่จะสามารถใช้เข็มขัดนิรภัยของรถได้อย่างปลอดภัยต้องใช้คาร์ซีทแม้ว่า เด็กคนนั้นจะมีอายุเกินกว่าเกณฑ์แล้วก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้นในบางรัฐยังกำหนดให้มีคาร์ซีทหรือบูซเตอร์ซีทจะใช้งานต้องผ่านการรับรองจาก Canada Motor Vehicle Safety Standards และจะต้องใช้งานให้ต้องตามคู่มือการใช้งานด้วย ถ้าไม่ปฏิบัติตามคู่มือหรือมีการใช้คาร์ซีทที่หมดอายุแล้ว คุณอาจจะทำให้ลูกน้อยของคุณต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตและตัวคุณเองก็จะต้องตกเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้วยเช่นกัน ขอบคุณแหล่งข้อมูล : […]

การใช้คาร์ซีทเก่าหรือคาร์ซีทมือสอง

คาร์ซีทมือสองนั้นหากมองโดยผิวเผินแล้วอาจจะดูน่าสนใจเพราะราคาค่อนข้างถูกมากเมื่อเทียบกับราคาของใหม่ แต่จะคุ้มค่าจริงหรือเมื่อเทียบกับชีวิตน้อยๆ ของลูกคุณ ข้อคิดนี้รวมถึงคาร์ซีทตัวเก่าที่พี่สาวของคุณให้มาหลังจากที่ลูกของเธอโตเลยวัยแล้ว คาร์ซีทมือสองนั้นไม่เพียงแต่ไม่มีคู่มือการใช้งานติดมาด้วยแล้ว (ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการติดตั้งอย่างถูกวิธี) คุณยังไม่อาจรู้ได้เลยว่าอาจจะมีชิ้นส่วนสำคัญหลุดหายไป หรือคาร์ซีทมือสองนั้นอาจจะเคยเกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายในส่วนที่เรามองไม่เห็น อีกทั้งอาจจะเป็นเป็นสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยในปัจจุบัน และอาจเคยถูกเรียกคืนจากความบกพร่องจากการผลิตมาแล้ว ยิ่งกว่านั้นเมื่อคาร์ซีทมีอายุการใช้งานมากขึ้นพลาสติกที่เคยแข็งแรงทนทานก็จะเริ่มเปราะบางและไม่สามารถปกป้องลูกน้อยยามคับขันได้ แต่ถ้าคุณมีจำเป็นที่จะต้องใช้คาร์ซีทมือสองจริงๆ สิ่งที่ควรทำคือ ตรวจสอบให้แน่ใจ่ามีคู่มือการใช้งานติดมาด้วย มีอุปกรณ์และส่วนประกอบครบถ้วนตามคู่มือ ไม่เคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง และ ไม่เคยถูกเรียกลับเพราะเหตุสินค้าบกพร่องจากการผลิต เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจาการเสื่อมสภาพของพลาสติก หน่วยงาน SafetyBeltSafe U.S.A. แนะนำว่า ควรใช้คาร์ซีทที่ผ่านการใช้งานมาแล้วไม่เกิน 5 ปี หรืออย่างมากสุดไม่เกิน 10 ปี คุณควรสามารถตรวจสอบได้จากวันหมดอายุที่ระบุไว้บนคาร์ซีท ขอบคุณแหล่งข้อมูล : www.babycenter.com สามารถสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับคาร์ซีทเพิ่มเติมได้จากผู้เชี่ยวชาญที่ให้คำปรึกษาและแนะนำได้อย่างถูกต้อง