วิธีกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อย ให้ฉลาดและอารมณ์ดีตั้งแต่อยู่ในครรภ์

ลูกน้อยที่ทั้งฉลาดและอารมณ์ดี คือลูกน้อยที่คุณแม่ทุกๆ บ้านใฝ่ฝัน ว่าแต่คุณแม่ทราบมั้ยคะว่า ทั้งความฉลาดและความอารมณ์ดีนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องของโชคหรือดวงหรอกนะ เพราะมันเป็นสิ่งที่คุณแม่สามารถปลูกฝังและฟูมฟักได้ตั้งแต่ลูกน้อยยังอยู่ในท้อง สำหรับบทความนี้ เรามีวิธีง่ายๆ ที่คุณแม่ท่านไหนก็ทำได้ที่บ้านมาฝากกัน ลองไปดูกันเลยค่ะ

1.อารมณ์ลูกเริ่มจากแม่

คุณแม่อาจจะเคยได้ยินมาว่าอารมณ์ของคุณแม่จะส่งผลต่อลูกน้อยในครรภ์ ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ เพราะมีงานวิจัยหลายชิ้นเลยที่บอกว่าแม่ที่เครียดตอนตั้งครรภ์ หรือเป็นซึมเศร้านั้นจะส่งผลต่อบุคลิกภาพและอารมณ์ของลูกน้อย อันนี้ก็เพราะว่ามันจะมีฮอร์โมนตัวนึงที่เรียกว่าคอร์ติซอล ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อยในท้องค่ะ ในทางกลับกัน ถ้าคุณแม่ทำอารมณ์ตัวเองให้ดีและสดใสอยู่เสมอ ร่างกายก็จะลดการหลั่งฮอร์โมนที่ส่งผลเสียตัวนี้ แล้วก็ไปเพิ่มฮอร์โมนตัวดี ที่ไปช่วยกระตุ้นการพัฒนาและการรับรู้ต่างๆ แทนนั่นเองค่ะ

2.อ่านนิทานให้ลูกน้อยฟัง

ลูกน้อยจะเริ่มรับรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณแม่ตั้งแต่ 2-3 เดือนเลยนะ แถมพอเข้าเดือนที่ 3-4 ประสาทหูก็จะทำงานดีขึ้นด้วยล่ะค่ะ เพราะฉะนั้นคุณแม่ก็เริ่มพูดคุยกับเค้าตอนนี้ได้เลย นอกจากนี้ คุณแม่ยังควรจะอ่านนิทานให้เค้าฟัง เพราะนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างพัฒนาการด้านการได้ยินของลูกน้อยแล้ว ยังเป็นสิ่งที่สร้างความเพลิดเพลินให้กับคุณแม่อีกด้วยนะ

3.เลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสม

อาหารที่เหมาะสมจะช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตและการสร้างเซลล์ต่างๆ ส่วนอาหารที่คุณแม่ควรรับประทานก็อย่างเช่น

  • อาหารที่ประกอบไปด้วยกรดโฟลิกหรือโฟเลต : โฟลิกหรือโฟเลตเป็นสารอาหารที่สำคัญลำดับต้นๆ สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์เลยนะ โดยปกติแล้ว แพทย์จะแนะนำให้สาวๆ ที่เตรียมพร้อมจะมีลูกเสริมสารอาหารตัวนี้กันก่อนซักสองสามเดือน เพราะโฟลิกจะเป็นตัวช่วยในการสร้างเซลล์ รวมถึงอวัยวะต่างๆ ของลูกน้อยค่ะ นอกจากนี้ โฟลิกยังมีความสำคัญในการเสริมสร้างสมองของลูกน้อยด้วย สำหรับโฟลิกนี้ คุณแม่อาจจะซื้อทานเป็นเม็ด หรือจะรับประทานเป็นพวกผักใบเขียวอย่างผักโขมกันก็ได้ค่ะ
  • กรดไขมันจำเป็น เช่น โอเมก้า 3 6 9 และ DHA : สำหรับกรดไขมันจำเป็นพวกนี้ ร่างกายคุณแม่ไม่สามารถสร้างเองได้นะคะ เพราะฉะนั้นเราจะได้กรดไขมันพวกนี้จากการรับประทานอาหารเท่านั้น ถ้าถามว่ามีความสำคัญมั้ย ก็ต้องบอกว่าสำคัญมากๆ เพราะว่าเป็นสิ่งที่จะมาช่วยพัฒนาเซลล์สมองแล้วก็เซลล์ประสาทให้กับลูกน้อย คุณแม่ถึงมักจะได้ยินตามโฆษณานมเด็กบ่อยๆ ว่านมตัวนั้นตัวนี้มีส่วนผสมของโอเมก้า 3 และ DHA เพราะว่าสารอาหารพวกนี้ช่วยกระตุ้นความฉลาดของลูกน้อยนั่นเอง ส่วนอาหารที่มีกรดไขมันจำเป็นก็จะเป็นอาหารจำพวกปลา และอาหารทะเลต่างๆ ส่วนใครแพ้อาหารทะเล ก็สามารถรับประทานถั่วแทนได้นะคะ

4.ส่องไฟกระตุ้นการมองเห็น

ตอนอายุครรภ์ได้ประมาณ 7 เดือน ลูกน้อยจะเริ่มพัฒนาด้านการมองเห็น และจะสามารถเห็นแสงไฟส่องทะลุผนังหน้าท้องของคุณแม่เข้ามาได้ค่ะ เพราะฉะนั้นการส่องไฟที่หน้าท้องก็ถือว่าเป็นการช่วยกระตุ้นพัฒนาการและเซลล์สมองส่วนรับภาพได้เหมือนกันนะ วิธีการเล่นกับลูกน้อยด้วยการใช้ไฟส่องก็คือ ให้คุณแม่ใช้ไฟฉายมาวนเป็นวงกลมที่หน้าท้องรอบๆ สะดือ ลูกจะขยับตอบรับกับแสงไฟนั้นให้คุณแม่รู้สึกได้ ทีนี้ลองกระพริบไฟเป็นจังหวะ หรือเคลื่อนที่ขึ้นลง ซ้ายขวา ยังไงก็แล้วแต่ อย่าใช้ไฟที่มีกำลังวัตต์มากเกินไปนะคะ เพราะว่ามันจะมีผลต่อประสาทตาของลูกน้อยมากๆ เลยล่ะค่ะ ทิปส์เล็กๆ สำหรับคุณแม่ การเล่นส่องไฟไม่ควรทำบ่อยเกินไปนะ เพราะว่าถ้าบ่อยเกิน ลูกน้อยก็อาจจะเบื่อ แล้วก็จะกลายเป็นว่าการทำแบบนี้จะไม่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการได้ค่ะ

5.ฟังเพลงสบายๆ

คุณแม่อาจจะเคยพอได้ยินกันมาบ้างว่าให้เปิดเพลงคลาสสิกให้ลูกน้อยฟังลูกจะได้ฉลาด แต่บางคนก็คงทำหน้าแหยๆ เพราะว่าเพลงคลาสสิกคงไม่ใช่แนว ความจริงแล้วก็อาจจะไม่ต้องถึงกับเพลงคลาสสิกก็ได้ค่ะ แค่เป็นเพลงเบาๆ ฟังสบายๆ ไม่เสียงดังเกินไปก็พอ เพราะการฟังเพลงช้าๆ เบาๆ นอกจากจะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการของลูกน้อยแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างอารมณ์ และความคิดบวกของคุณแม่ด้วยนะ

6.ออกกำลังกาย

เมื่อพูดถึงเรื่องออกกำลังกายสำหรับแม่ท้องแล้ว ก็เห็นจะต้องเป็นการออกกำลังกายแบบเบาๆ ไม่ใช้แรงมาก เช่น การเล่นโยคะ หรือการเดิน การออกกำลังกายในแต่ละวันอย่างน้อย 30 นาที จะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่หลั่งสาร 3 ตัว ที่เรียกได้ว่าเป็นสารแห่งความสุขค่ะ สารสามตัวนี้ก็ได้แก่ โดปามัน ซีโรโทนิน และเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อนคลาย จิตใจแจ่มใส แล้วก็จะส่งผลไปถึงตัวลูกน้อยด้วยน้า

ละก็ตามนี้เลยค่ะ ส่วนมากแล้วการที่ลูกน้อยจะมีอารมณ์ดีและฉลาดได้ ก็ต้องเริ่มจากตัวคุณแม่ก่อน ละนี่ก็เป็น 6 วิธีง่ายๆ ที่คุณแม่สามารถทำได้ที่บ้านเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการและอารมณ์ของลูกน้อยให้สดใสอยู่เสมอ


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

*

code