กรนและหยุดหายใจยิ่งอันตรายตอนท้อง

การนอนกรนของแม่ท้อง เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสรีระ เช่น ท้องโตขึ้น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย การสูบฉีดเลือด ระบบไหลเวียนของเลือด รวมทั้งการเต้นของหัวใจ ซึ่งการสูบฉีดไหลเวียนเลือดที่มากขึ้น จะไปกระตุ้นเส้นเลือดในโพรงจมูก ทำให้มีภาวะบวมน้ำส่งผลให้เวลานอน จะรู้สึกหายใจไม่สะดวก และเกิดเสียงกรนนั่นเอง ประกอบกับลักษณะการนอนของคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ช่วง 3 เดือนแรก ของการตั้งครรภ์ คุณแม่จะนอนมากกว่าปกติ แต่ประสิทธิภาพ การนอนลดลง ช่วงหลับลึกและหลับฝันน้อยลง ทำให้ง่วงบ่อยและงีบในตอนกลางวัน

ต่อมาช่วงอายุครรภ์ 4-6 เดือน คุณแม่จึงจะเริ่มนอนเหมือนปกติ แต่ประสิทธิภาพการนอนจะยังไม่เหมือนเดิม ทำให้คุณแม่รู้สึกเหมือนนอนไม่เต็มอิ่ม

พอเข้า 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอด อายุครรภ์ 6-9 เดือน คุณแม่จะนอนสั้นลง ประสิทธิภาพการนอนยิ่งแย่ลงไปอีกด้วย เพราะร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงเยอะ และเป็นช่วงที่คุณแม่นอนกรนมากขึ้น ทั้งนอนกรนผิดปกติ หรือภาวะหยุดหัวใจขณะหลับก็จะเกิดขึ้นในช่วงใกล้คลอดนี้ด้วย แม้โอกาสเกิดขึ้นจะมีน้อยก็ตาม

6 ปัจจัยเสี่ยงภาวะหยุดหายใจเพิ่ม

หากคุณแม่เป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง ต้องติดตามและเฝ้าสังเกตอาการตัวเอง เพื่อป้องกันและรักษาต่อไป โดยกลุ่มเสี่ยงมีปัจจัยดังนี้

  • อ้วนก่อนท้อง น้ำหนักตัวเกินก่อนท้อง
  • น้ำหนักเพิ่มมากเกินไประหว่างท้อง คือเพิ่มเกินกว่าเกณฑ์มาตรฐานของแม่ท้อง
  • มีการสะสมไขมันที่รอบคอบมากเกินไป หรือเป็นคนคอสั้น
  • มีความดันสูง เสี่ยงต่อการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ เช่น ตัวบวม ความดันขึ้น รวมทั้งตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
  • มีประวัติคลอดลูกก่อนกำหนด มีประวัติคลอดลูกที่ผิดปกติรวมทั้งคลอดทารกที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ
  • ครอบครัวมีประวัตินอนกรนผิดปกติ

ขอบคุณข้อมูลสัมภาษณ์จาก : พ.อ.(พ).ดร.นพ.โยธิน ชินวลัญช์  ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาทวิทยา โรคลมชักและการนอนหลับผิดปกติ โรงพยาบาลกรุงเทพ

ขอบคุณแหล่งข้อมูลจาก : นิตยสารรักลูก


สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ :